ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องสมุด 2

    ลำดับตอนที่ #2 : Soul Hunter มัจจุราชแห่งรัตติกาล 1

    • อัปเดตล่าสุด 4 ธ.ค. 52


    Soul  Hunter  มัจจุราชแห่งรัตติกาล 1

    บทนำ

     

                    ยามดึกบนถนนสายหนึ่ง  ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินทางกลับที่พักหลังจากไปซื้อข้าวของในซุปเปอร์มาเก็ตมา  แสงไฟข้างทางส่องให้เห็นทางเดินข้างหน้าราง ๆ  ถัดไปอีกหน่อยเป็นส่วนสาธารณะ  และถัดจากนั้นไปอีกก็คือที่พักของเขาซึ่งเป็นหอพักที่ตั้งอยู่ภายในโรงเรียน  นาฬิกาข้อมือบอกเวลาสี่ทุ่มครึ่ง ยังมีคนเดินประปราย

                    ~ คนนะคนโทอิอินะ  เทะคิตาระอิอินะ  อันนะยูเมะคนนะยูเมะ  อิปไปอารุเคะโด ~

                    เสียงริงโทนโทรศัพท์เพลงโดราเอมอนดังขึ้น  พอเห็นว่าใครโทรมาเขาก็กรอกเสียงลงไปตามสาย

                    ฮัลโล  ว่าไงไอ้แมน

                    อยู่ไหนวะไอ้จิ  ให้ไปซื้อสีน้ำมันแค่นี้ทำไมไปนานจังวะ

                    ก็คนมันต่อคิวที่เคาน์เตอร์เยอะนี่หว่า  ฉันมาถึงสวนสาธารณะแล้วเดี๋ยวก็ถึงหอแล้วเนี่ย

                    รีบ ๆ  กลับมาเลยนะ  บอลกับชัยมันก็รอแกอยู่นี่  ให้ตาย  งานต้องส่งพรุ่งนี้แล้ว  ทำไมสีต้องมาหมดเอาตอนนี้ด้วยวะ

                    เออน่า  เพิ่งจะกี่ทุ่มเอง   ลงสีผ้าใบเฟรมเดียวแค่นี้แป๊บเดียวก็เสร็จ

                    เสร็จนะเสร็จหรอก  แต่จะแห้งทันหรือเปล่านะซิ

                    จิหัวเราะ  เขาเดินคุยสายกับเพื่อนไปเรื่อยๆ  ตามทางเดิน  ผ่านสระน้ำข้างหน้านี่ไปก็จะเข้าเขตโรงเรียนแล้ว  หารู้ไม่ว่าที่มุมหนึ่งในสวนสาธารณะมีชายคนหนึ่งจอดรถจักรยานซุ่มอยู่  ชายคนนั้นแต่งชุดด้วยชุดหนังสือดำตั้งแต่หัวจรดเท้า  สวมถุงมือสีดำเข้าชุดกัน  พอเห็นจิเดินเข้ามาใกล้  ชายคนนั้นก็รีบสวมกันน็อคและรีบดัดป้ายทะเบียนรถขึ้นอย่างรวดเร็ว  แล้วสตาร์ตรถเร่งความเร็วเครื่องเต็มที่พุ่งชนเขาอย่างจัง  ร่างของชายหนุ่มลอยละลิ่วตามแรงปะทะ  กระเด็นตกน้ำไปท่ามกลางเสียงหวีดร้องของคนแถวนั้นที่เห็นเหตุการณ์  ชายชุดดำขี่จักรยานยนต์หนีไปอย่างรวดเร็ว  โทรศัพท์มือถือของจิกระเด็นตกไปข้างสระ  เสียงปลายสายยังดังตามมา

                    เมื่อกี้เสียงอะไรวะจิ  มีอะไรหรือเปล่า

                    ................

                    จิ.....ไอ้จิ  เฮ้ย!  ตอบสิ  แกเป็นอะไรหรือเปล่า  ไอ้จิ!   ไร้เสียงตอบกลับมา  เพราะเจ้าของโทรศัพท์ตอนนี้จมหายไปในสายน้ำเสียแล้ว

     

    บทที่ 1 

    ชีวิตหลังความตาย

     

                    เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง  ชายหนุ่มก็พบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่รู้จัก  ทิวทัศน์รอบด้านเป็นสีขาวกว้างสุดลูกหูลูกตา  บนพื้นที่เต็มไปด้วยหมอกควันบดบังจนแทบมองไม่เห็นขาตัวเอง  และท่ามกลางหมอกเหล่านั้นมีทางเดินสีขาวสลับดำทอดยาวไปสู่ทางเบื้องหน้า

                    ที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย  จิคิดสงสัย  รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแว่วมาจากทางสายนั้น

                    มีใครอยู่ทางนั้นบ้างนะ 

                    เขาก้าวขึ้นไปบนทางเดินถึงได้ทราบว่ามันทำมาจากหินอ่อนอย่างดีท่าทางมีราคา  ตั้งใจว่าจะลองเดินไปยังปลายที่น่าจะไกลพอดู  แต่แค่คิดพื้นก็ขยับเองราวกับมีชีวิตจนเขาตกใจ  ภาพรอบด้านผ่านตาไปอย่างรวดเร็ว  ซึ่งก็มีแต่สีขาว  สีขาวและสีขาวเท่านั้น  เพียงไม่กี่นาทีสิ่งก่อสร้างอย่างแรกก็ปรากฏให้เห็น  มันเป็นประตูขนาดใหญ่สามบานต่างสีกัน  ตั้งเรียงเป็นแถวหน้ากระดาน 

                    ประตูบานแรกมีสีดำสลักลวดลายโครงกระดูกดูน่ากลัว

                    ประตูบานที่สองเป็นสีขาวบริสุทธิ์  ประดับด้วยอัญมณีแวววาว

                    ประตูบานที่สามเป็นสีทองที่ไม่ได้สลักลวดลายอะไรเลย  ดูราบเรียบแต่แฝงความสง่างามไว้ในที

                    และเมื่อเคลื่อนที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ  ถึงเห็นชัดว่าประตูแต่ละบานนั้น  มีขนาดใหญ่เท่าตึกสองสามชั้น 

                    ที่ด้านหน้าของประตูทั้งสามบานมีโต๊ะไม้ขนาดใหญ่สีน้ำตาลตั้งอยู่  บนโต๊ะเต็มไปด้วยกองกระดาษมากมายจนล้น  และมีคนนับร้อยยืนต่อแถวกันหน้าโต๊ะตัวนั้น  รอบ ๆ  ยังมีคนใส่ชุดเสื้อคลุมสีดำอีกห้าหกคนยืนกระจัดกระจาย

                    พื้นหินอ่อนหยุดเคลื่อนที่ลงเมื่อจิยืนต่อท้ายแถวพอดี.....เสียงหนึ่งดังมาจากหลังโต๊ะไม้สีน้ำตาล  เสียแต่มันไกลเกินไป  แถมยังมีภูเขากองกระดาษบัง  จิจึงมองไม่เห็นตัว  คนที่อยู่ด้านหน้าสุดของแถวออกไปตามเสียงเรียก  เป็นชายอายุประมาณห้าสิบปี

                    ประตูดำ!   เสียงนั้นเอ่ยอีกครั้ง  แล้วคนในชุดผ้าคลุมสีดำคนหนึ่งก็มาลากชายสูงวัยออกไปทางประตูบานแรก  เขาเงื้อเคียวเล่มใหญ่ในมือกระแทกบานประตูสองสามครั้งมันก็เปิดออก  แล้วผลักชายสูงอายุเข้าไปภายในทันที

                    เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นในพริบตาที่ประตูปิดลงจนจิอดขนลุกไม่ได้

                    บางทีที่นี่อาจจะเป็นปากประตู่สู่นรก  ทุกคนมาเพื่อรอรับการพิพาทษาว่าจะได้ไปสวรรค์หรือนรก  ใช่แล้ว  เขาถูกรถจักรยนต์พุ่งชนจนตกลงไปในน้ำ  พอรู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี่  ถ้าอย่างนั้นเขาก็ตายไปแล้วนะสิ

                    จิคิดในใจพลางนึกลำดับเรื่องทั้งหมด  เขาเป็นคนที่ยอมรับสภาพรอบตัวได้ง่ายเสมอ  แม้จะเป็นเหตุการณ์แบบนี้ก็ตาม  อายุแค่สิบเจ็ดก็ต้องมาที่นี่ซะแล้ว  ขอโทษนะครับคุณปู่ที่ผมล่วงหน้ามาหาพ่อกับแม่ก่อน  อย่าลืมทำบุญมาให้ผมนะครับ  แล้วก็ช่วยจับไอ้คนที่มันขี่รถชนผมให้ด้วย

                    พลางคิดไปถึงบรรดาเพื่อน ๆ  ที่รออยู่หอพัก  ทุกคนล้วนเป็นเพื่อที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน 

                    โทษทีวะไอ้แมน  ฉันคงเอาสีน้ำมันไปให้แกไม่ได้แล้ว  ไปซื้อเอาเองแล้วกันนะ  อย่าลืมมางานศพฉันล่ะเพื่อน  พาบอลกับชัยมาด้วย ชัยมันขี้แยแกช่วยปลอบมันหน่อยแล้วกัน  อย่าให้มันเป่าปี่มากนัก  เป็นลูกผู้ชายร้องไห้มาก ๆ  อายเขา  ส่วนได้บอลมันเงียบมาตั้งแต่ไหนแต่ไร  แกช่วยต่อยหน้ามันทีเผื่อมันจะร้องไห้น้ำตาเล็ดให้ฉันบ้าง  ขอโทษที่ฉันต้องล่วงหน้ามาก่อนพวกแกนะ

                    แถวหดสั้นลงเรื่อย ๆ  จนถึงคิวของชายหนุ่ม

                    จิรัฐติกาล  อรัญวรานนท์   เสียงเรียกชื่อของเขาดังขึ้น  พร้อมกับจิที่มายืนหน้าโต๊ะไม้พอดี  จากตรงนี้จึงพอมองเห็นเจ้าของเสียงได้

                    ตรงหน้าคือเด็กชายวัยไม่เกินสิบสองถึงสิบสามปี  ผมดำยาวมัดไปข้างหลังเป็นหางม้า  สวมชุดเครื่องแบบสีดำทับด้วยผ้าคลุมสีม่วงเข้ม  นัยน์ตาสีเดียวกับผ้าคลุมหนากวาดอ่านเอกสารในมือที่คงบันทึกประวัติของเขาเอาไว้เพราะเด็กชายกำลังร่ายประวัติของเขายาวเหยียด  ไม่รู้ว่าไปสืบมาตอนไหน

                    อายุตอนปลายคือสิบแปดปี  สาเหตุเพราะไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนแล้วเป็นตระคริวจมน้ำตายใช่ไหม

                    เป็นสาเหตุการตายที่ทุเรศที่สุดในชีวิตสำหรับคนที่ว่ายน้ำเก่งระดับแชมป์จังหวัดอย่างผม  แต่ผมถูกรถชนกระเด็นตกน้ำตายต่างหากเล่า  แถมตอนนี้ผมเพิ่งอายุสิบเจ็ดปีเองด้วย

                    เด็กชายตาโตเมื่ออ่านไปถึงบรรทัดหนึ่ง 

                    ตายวันที่  13  เมษายน  2553  เวลา  13.13  นาฬิกา  อะไรกันนี่!  นิรันดร์นายพาวิญญาณที่ยังไม่ถึงฆาตลงมาอีกแล้วหรือ  ทำไมทำงานสะเพร่าแบบนี้!

                    เลขเวลาตายเป็นมงคลมาก  แต่เมื่อกี้ว่าไงนะ  ยังไม่ถึงฆาตอย่างนั้นหรือ

                    คนชุดดำหนึ่งในหลายคนที่ยืนกระจัดกระจายอยู่แถวนั้นเดินเข้ามา  เขาเลิกผ้าคลุมออกเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาระดับพระเอกยังชิดซ้าย  ผิวขาวซีดตัดกับเส้นผมสีแดงสดพลิ้วไหว  นัยน์ตาเป็นสีแดงสดรับกับสีผม  เขาอยู่ในชุดเครื่องแบบสีดำเช่นเดียวกับเด็กชาย  อายุประมาณสิบแปดปี  เขายักไหล่เล็กน้อยแล้วพูด

                    ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ  แต่พอไปถึงวิญญาณเจ้านี่ก็ออกจากร่างจนเลยกำหนดเวลากลับเข้าร่าง  ฉันไม่รู้จะทำยังไงก็เลยต้องเอากลับมาด้วย  

                    นายปล่อยทิ้งไว้ให้พวกโซลเมตมาเก็บไปก็ได้นี่นา  ไม่รู้หรือไงว่าฉันทำการพิพากษาไม่ได้หากดวงวิญญาณยังไม่หมดอายุขัยอย่างแท้จริง

                    เด็กชายต่อว่าอย่างฉุนเฉียว  แต่คนที่ชื่อนิรันทร์ยังไม่ยอมแพ้

                    เก็บไปก็กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่บนโลกมนุษย์อยู่ดีแหละ  ดีไม่ดีกลายเป็นวิญญาณอาฆาตด้วยซ้ำ  ที่นี่ก็ออกกว้างขวาง  ให้มันอยู่ด้วยคนแล้วกัน

                    นั่นแหละปัญหา  นิรันดร์  นี่มันดวงที่เท่าไหร่แล้วที่นายทำแบบนี้  วิญญาณกี่ดวง ๆ  ที่นายพามามีสักครึ่งมั้ยที่หมดอายุขัยจริง ๆ  ระวังเถอะ  ฉันจะรายงานความประพฤตินายส่งเบื้องบน

                    เหอะ  กี่ครั้งแล้วที่นายรายงานเรื่องฉัน  ไม่เห็นพวกนั้นจะทำอะไรเลยนี่หว่า   นิรันดร์พูดด้วยท่าทีเป็นต่อ 

                    ยมทูตเบี้ยน้อยหอยน้อยก็เท่านั้น  แถมยังมีกันอยู่แค่นิดเดียวดันต้องทำงานหนักแทบไม่มีเวลาพักเบื้องบนหรือยังจะกล้าลงโทษอีก

                    มียมทูตนั่งเทียนทำงานอย่างนาย  สู้ไม่มีมันจะดีกว่า   เด็กชายขบฟันกรอด

                    ยมทูตนั่งโต๊ะนะหุบปากไปเลย   นิรันดร์สวน

                    จะทะเลาะกันไปถึงไหน  ไม่ตลกเลยนะ  คุณจะให้ผมอยู่ที่นี่ทั้งที่ผมมีสิทธิ์อยู่บนโลกต่ออีกหนึ่งปีงั้นเหรอ

                    ก็ใช่นะซิ/ไม่ใช่   ยมทูตสองตนว่า  ก่อนชะงักค้างพร้อมกัน  เจ้าวิญญาณพูดแทรกตอนนี้ยืนเท้าสะเอวฟังประโยคโต้กันไปมาถึงเขาจะเป็นคนที่ยอมรับเรื่องราวต่าง ๆ  ได้ง่ายก็เถอะ  แต่การตายก่อนเวลาตั้งปีนี่มันเหลือรับจริง ๆ   จิคิดอย่างหงุดหงิด

                    เมื่อกี้...เจ้าเป็นคนพูดอย่างงั้นเหรอ   เด็กชายถาม

                    ก็ผมน่ะสิ  พวกคุณจะเป็นยมทูตหรืออะไรไม่รู้ล่ะ  แต่ถ้าผมยังไม่ถึงที่ตาย  คุณจะพาผมมาแบบนี้ไม่ได้   จิพูดออกไป  แต่ยมทูตทั้งสองอยู่ในอาการตกตะลึง  เขาจึงได้หันไปมองรอบตัว

                    นอกจากคนชุดดำแถวนั้นที่คาดว่าน่าจะเป็นยมทูตเหมือนกันแล้ว  พวกที่เข้าแถวแต่ละคนล้วนมีสีหน้าว่างเปล่าไร้ความรู้สึกกันทั้งสิ้น  มิน่าละ  ทั้งสองถึงตกใจเมื่อเขาโพลงออกมา

                    พาผมกับไปเดี๋ยวนี้นะ   ยมทูตผมแดงเลิกคิ้วเล็กน้อย

                    ถึงจะครองสติได้ทั้งที่อยู่ที่นี่ก็อย่าห้าวไอ้หนู  แล้วอีกอย่าง  ถึงจะกลับไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์  อย่างที่บอก  วิญญาณของนายออกจากร่างกายจนเลยกำหนดเวลากลับเข้าร่วงแล้ว  กายหยาบบนโลกของนายตอนนี้เป็นแค่ซากศพเท่านั้น

                    เรียกว่าได้ไอ้หนู  อายุก็ดูพอกันแท้ ๆ

                    ถึงอย่างนั้นคุณก็ต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด  อย่างน้อยถ้าวิญญาณของผมยังอยู่บนโลกมนุษย์ต่อ  คงมีสักวิธีที่จะกลับเข้าร่างได้  แต่คุณกลับพาผมมาแบบนี้

                    เด็กชายหันไปมองยมทูตผมแดงเป็นเชิงว่า  มันก็น่ารับผิดชอบจริง ๆ   แต่เขากลับพูดไปอีกอย่าง

                    เมื่อกลายเป็นวิญญาณแล้วก็ถือว่าตัดขาดกับกายหยาบ  ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม

                    ผมจะไม่ตายถ้าพวกคุณไม่พาผมมา  ส่งผมกลับเดี๋ยวนี้นะ   จิย้ำ  แต่ยมทูตทั้งสองยังคงนิ่งเฉย 

                    ก็ได้  งั้นผมจะหาทางกลับไปเอง   ชายหนุ่มว่าแล้วหันหลังกลับทันที  ในเมื่อเขามาจากเส้นทางหินอ่อนสีขาวสลับดำ  หากเดินกลับไปคงเจอทางออกได้ไม่ยาก  เขาพยายามคิดให้เส้นทางหินอ่อนนั้นเคลื่อนที่กลับไป  แต่มันไม่ยอมขยับแม้แต่นิดเดียว  หนำซ้ำยังมีวิญญาณจำนวนมากต่อแถวเข้ามาเรื่อยๆ  อีก

                    บ้าชะมัด  วันเวย์เหรอนี่  งั้นเดินเอาเองก็ได้วะ

                    ต่อให้เดินจนหมดช่วงอายุขัยของนาย  เจ้าก็หาทางออกไม่เจอหรอก   เด็กชายพูดดักคอเมื่อเห็นจิตั้งท่าจะเดินกลับไป

                    หมายความยังไง   เด็กชายอธิบาย

                    เส้นทางที่เจ้ามาเรียกว่าทางสายปรโลก  มีไว้สำหรับนำทางวิญญาณสู่ปรโลกเท่านั้น  ดังนั้นมันจึงมีแต่ทางเข้า  ไม่มีทางออก  วิญญาณทุกดวงที่เข้ามาที่นี่ต้องรอรับคำพิพากษาจากฉันก่อนจึงจะออกไปได้  ซึ่งก็แล้วแต่ว่าจะได้ไปไหน สวรรค์หรือนรก  

                    แต่เมื่อกี้บอกว่าวิญญาณที่ไม่ถึงฆาตจะพิพากษาไม่ได้ยังไงล่ะ  

                    ถึงบอกให้อยู่ที่นี่สักปีไง   นิรันดร์เสริมขึ้นมา

                    สวรรค์  นรก  หรือจะหมายถึงประตูสามบานด้านหลังนั่น  ถ้างั้นบานที่สามล่ะไปไหน  ประตูดำคงเป็นนรก  งั้นก็เหลือแต่ประตูขาวกับประตูทอง 

                    เด็กชายมองสายตาของจิออก

                    ใช่แล้ว  ถ้าคิดจะออกไปจากที่นี่  ทางออกก็มีแค่ประตูสามบานด้านหลังของฉันนี้  ประตูดำคือประตูนรก  ประตูขาวคือประตูสวรรค์  ประตูทองคือประตูพิสุทธิ์ซึ่งเป็นทางเดียวที่เชื่อมต่อกับโลกมนุษย์  แต่ผู้ที่จะเปิดมันได้ก็มีแต่ยมทูตเท่านั้น 

                    งั้นก็เปิดสิ   จิบอก 

                    นิรันดร์ถอนหายใจเฮือก

                    พูดไปพูดมาก็วนมาเรื่องเดิม  วิญญาณทุกดวงต้องรอรับการพิพากษาก่อนจึงจะได้รับอนุญาตให้ผ่านประตูหนึ่งในสามบานได้  นายยังไม่มีสิทธิ์แม่แต้จะรอรับการพิพากษา  จะให้เปิดได้อย่างไร   เด็กชายหันไปมองยมทูตผมแดงเป็นเชิง  อย่างนี้ทำมาเป็นเคร่งกฎ   แต่ก็เห็นด้วย

                    จิเดินไปยังประตูสีทองบานใหญ่  ประตูเป็นแบบสองบานพับติดกันต้องใช้วิธีผลักมันออก  เขาลองผลักมันโดยแรง  พวกยมทูตที่อยู่แถวนั้นพากันหัวเราะร่วน

                    ไม่มีประโยชน์หรอกน่า  บอกแล้วว่ามีแต่ยมทูตถึงจะเปิดมันได้   เด็กชายร้องบอก  แต่ชั่วครู่ก็ต้องตกตะลึงเป็นคำรบสองเมื่อบานประตูใหญ่แง้มเปิดเล็กน้อยจนเห็นแสงสีทองเล็ดลอดออกมา  เสียงหัวเราะเงียบหายไปทันที  แต่จิไม่สนใจ  เขาพยายามผลักบานประตูอยู่อย่างนั้น  ยิ่งเห็นมันเปิดออกมาเล็กน้อยก็ยิ่งมีแรงใจเพิ่มขึ้น

                    ไหนว่ามีแต่ยมทูตที่เปิดได้ไงล่ะ  โกหกชัด ๆ

                    แต่แล้วเขาก็ต้องเซล้มก้นกระแทกเมื่อถูกใครคนหนึ่งกระชากแขนออกมา  มันเป็นกลุ่มควันสีม่วงเข้มอมดำรูปร่างคล้ายมนุษย์หลายตนยืนค้ำหัวเขาอยู่  และกำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยฝีมือของยมทูตเด็กน้อย

                    เด็กชายจัดการสั่งให้ควันสีม่วงอมดำปิดประตูลงเหมือนเดิม  แล้วลากตัวจิกลับมา

                    ปล่อยนะ !   จิดิ้นรนต่อสู้แรงเจ้าควันประหลาดไม่ไหว  ด้วยความหงุดหงิดมาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงตะโกนลั่น

                    บอกให้ปล่อยไงเล่า  หายไปให้หมดเดี๋ยวนี้เลยนะ!!   สิ้นเสียงตะโกน  กลุ่มควันสีม่วงอมดำทั้งหมดก็มลายหายไปทันที  เด็กชายกรอกตาเล็กน้อย

                    นายเก็บตัวปัญหามาแล้วสิ  นิรันดร์   ยมทูตผมแดงไม่ตอบแต่พึมพำอะไรบางอย่าง  เกิดแสงสว่างวาบขึ้นตรงหน้ากลายเป็นเคียวสีแดงเข้มเล่มใหญ่  เขากระชับเคียวในมือมั่น  พุ่งตัวด้วยความเร็ว  พริบตาก็ไปอยู่ตรงหน้าตัวปัญหา  คมเคียวเหวี่ยงวูบเฉี่ยวเส้นผมของชายหนุ่มไปหวุดหวิด  เคราะห์ดีที่จิหลบทัน

                    ทำบ้าอะไรน่ะ  แค่นี้จะฆ่าจะแกงกันเลยเรอะ!

                    นายก็ตายอยู่แล้วนี่   นิรันดร์ว่า

                    ใครกันล่ะที่ทำให้เป็นแบบนี้!   จิวิ่งหนีเจ้าของเคียวสีแดงที่ยังคงพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว  เจ้าเคียวเล่มยักษ์ที่น่าจะหนักแต่คนถือกลับใช้มันได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนกับมันไร้น้ำหนักอย่างนั้น

                    อย่ามาทำลายที่ทำงานของฉันนะ  นิรันดร์  นายพามันไปที่อื่นโน่นไป๊   เด็กชายร้องตะโกนเมื่อเห็นผลงานของยมทูตผมแดง  โต๊ะไม้สีน้ำตาลตัวใหญ่ถูกฟันขาดเป็นสองท่อนหลังจากจิมุดเข้าไปหลบแล้วนิรันดร์ฟาดเคียวตามมา  เอกสารรายชื่อดวงวิญญาณปลิวกระจุยกระจาย  บรรดาวิญญาณที่เข้าแถวแตกฮือโดยสัญชาตญาณเมื่อเห็นเคียวเล่มยักษ์นั่น  ยามเจ้าของเคียวพุ่งเข้าไปที่ใด  เหล่าวิญญาณก็พากันกระเจิงไปเป็นทาง  ร้อนถึงบรรดายมทูตที่เหลือต้องช่วยกันควบคุมสถานการณ์

                    อยู่เฉย ๆ  สิแค่ตัดขาข้างสองข้างไม่เจ็บปวดอะไรหรอกน่า   นิรันดร์ว่า  แล้วก็รออยู่ที่นี่จนกว่าจะถึงเวลา

                    เวลาอะไร  เวลาหมดอายุขัยน่ะหรือ  ไม่มีทาง

                    จิรีบหาทางหนีอย่างรวดเร็ว  ทางออกมีทางเดียวเท่านั้นคือประตูสีทอง  เขาพยามเปิดมันออกอีกครั้ง

                    ฉันไม่ยอมให้นายทำได้ดีหรอดน่า   นิรันดร์เหวี่ยงคมเคียวเข้าใส่อย่างรุนแรง  มันแง้มออกเล็กน้อย เขากระแทกออกไปมันก็เริ่มเปิดออกมากขึ้น  แต่ยังไม่เพียงพอจะพาตัวผ่านเข้าไปได้อยู่ดี

                    เล่นสนุกมากพอแล้วไอ้หนู   เสียงยมทูตผมแดงเริ่มเข้มขึ้นเมื่อสถานการณ์ดูชักไม่เข้าที

                    นิรันดร์เงื้ออาวุธคู่กายขึ้นอีกครั้งแล้วตวัดลงมาอย่างรวดเร็วหมายกำจัดดวงวิญญาณที่ก่อความวุ่นวายแก่ปรโลก 

    จิตกใจ  ยกมือขึ้นรับอย่างจัง

                    ชายหนุ่มไม่คิดมาก่อนว่าวิญญาณจะมีเลือดมีเนื้อกับเขา  แต่ตอนนี้เลือด

     

    อ่านต่อในเล่มค่ะ

    คัดลอกมาจาก  www.jamsai.com

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×