ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Tokyo Ghoul] VICTIM [รับสมัครตัวละคร'

    ลำดับตอนที่ #5 : INTRO [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 58


                                                                                         INTRO


    ..........กูล สิ่งมีชีวิตที่ได้ชื่อว่าเป็น
    ปีศาจ มาตั้งแต่อดีต

                                                                           
                                                       ..........ผู้คนล้วนแต่หวาดกลัว รังเกียจ และชิงชังสิ่งมีชีวิตที่ถูกเรียกว่ากูล


    ..........ทั้งสองสิ่งมีชีวิตที่แตกต่าง ก็รบราและฆ่าฟันกันอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น

                                    
               ..........ทางเดินของมนุษย์และกูลที่แบ่งแยกออกมาเป็นสองทาง ขนานกันจนไม่มีวันมาบรรจบกันได้


    ..........ศัตรู คือคำจำกัดความของมนุษย์ที่มีให้กับกูล

                                                                                                           
                                                                                     ..........อาหาร คือคำจำกัดความที่กูลมีให้กับมนุษย์


    ..........ถึงอย่างนั้นแล้ว ก็ไม่ได้มีใครที่สามารถรับรู้ได้เลยว่า

                                                                                                   
                                                                              ..........เส้นทางขนานนั้น ค่อยๆ ใกล้จะมาบรรจบกันแล้ว

     

     

    หน่วยงานCCG

                
                 “แฮก แฮก แฮก” สาวร่างบอบบาง ตัวเล็กกะทัดรัด หากแต่ก็มีส่วนเว้าโค้งอย่างพอดี ในชุดเครื่องแบบของ
    โดฟสีขาว กำลังวิ่งอย่างรวดเร็วเกิดเป็นเสียงตึงตังจนน่าหนวกหู เรียกสายตาเจ้าหน้าที่CCG คนอื่นๆ ที่เดินสวนให้เหลียวหลังมองด้วยความแลปกใจ หากแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจสายตารอบข้าง ซ้ำยังเร่งความเร็วยิ่งขึ้นไปอีก ทำให้เรือนผมสีชมพูสดแปลกตาปลิวสยายไปตามแรงวิ่ง นัยน์ตากลมโตสีชมพูเช่นเดียวกันกับสีผมมองไปข้างหน้าอย่างตั้งใจ ในอ้อมแขนเต็มไปด้วยกองเอกสารเป็นกระตัก

                
                 “เจ้าหน้าที่โฮชิโนะ
    ! เคยบอกไปแล้วใช่มั้ยว่าอย่าวิ่งบนทางเดิน!!” เสียงตะโกนดังก้องทางเดิน บ่งบอกให้รู้ว่าตัวคนพูไม่ได้อารมณ์ดีเท่าไหร่นัก

                
                 “อ๊ะ คีจัง ขอโทษๆ ก็ฉันรีบนี่นา” โฮชิโนะ ฮิคาริ หยุดฝี่เท้าของตัวเองลง แต่ก็ยังมิวาpวิ่งเหยาะๆ อยู่กับที่แบบพร้อมจะวิ่งไปได้ทุกเมื่อ ใบหน้าหวานล้อมกรอบด้วยผมสีชมพูทำยิ้มแห้งๆ ให้เพื่อนร่วมงาน

                
                 “แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่สมควรต้องวิ่ง
    ! มันอันตรายและเป็นการรบกวนไม่รู้รึไง แล้วอีกอย่างเวลาอยู่ในเวลางานเธอควรเรียกฉันว่า เจ้าหน้าที่โฮโนมิ ไม่ใช่คีจัง!” โฮโนมิ คิริน เดินเข้าไปเท้าเอวดุเพื่อนร่วมงานจอมวุ่นวายของตนทันที เรือนผมสีน้ำตาลแดงถูกมัดรวบตึง กับนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกายดูเข้มงวด และชุดสูทเข้ารูปเรียบร้อย ใบหน้าสวยหวานแต่กลับมีแต่ความเคร่งขรึมและปราศจากรอยยิ้ม จึงดูภายนอกก็รู้เลยว่าเธอเป็นคนเข้มงวดและจริงจังขนาดไหน

                
                 “ขอโทษค่า” ฮิคาริก้มหน้าลงอย่างจ๋อยๆ

                
                 “เฮ้อ เอาเถอะ ฉันจะไม่บ่นมากแล้วกัน...แล้วอีกอย่างฉันก็รู้ว่าเธอจะไปรายงานตัวกับหน่วยใหม่ใช่มั้ยล่ะ” คิรินทอดถอนใจกับเพื่อนของตน แล้วเลิกตั้งท่าดุ ทำให้ฮิคาริกลับมาหายใจหายคอได้คล่องกว่าเดิม

                
                 “ใช่แล้วววว เอ๊ะ ว่าแต่คีจังรู้ได้ยังไงน่ะ
    ?” เอียงคออย่างสงสัย

                
                 “ก็เพราะหน่วยที่เธอไปน่ะเป็นหน่วยเดียวกับฉันน่ะสิ เฮ้อ นี่ไม่คิดจะดูรายชื่อสมาชิกคนอื่นบ้างเลยรึไง” คิรินเริ่มตั้งท่าจะบ่นกับความไม่ใส่ใจกับเพื่อนสาวอีกครั้ง

                
                 “อ๊ะ อรุณสวัสดิ์ โฮโนมิซัง โฮชิโนะซัง” เสียงหวานๆ ดังมาพร้อมกับเจ้าของร่างเพรียวบางในชุดของโดฟที่ไม่ค่อยเรียบร้อยนัก เนกไทผูกแบบลวกๆ จนเหมือนมันเอามาพาดทับกันไว้เฉยๆ กับเสื้อเชิ้ตัวในสีดำที่ยับย่น และเสื้อคลุมสีขาวตัวนอกที่ไม่ได้ติดกระดุม ตรงปลายแขนเสื้อเปื้อนคราบกาแฟเล็กๆ เรือนผมสีน้ำตาลเลือบดำยุ่งไม่เป็นทรง กับนัยน์ตาสีอัลมอนด์ที่ปรือๆ เหมือนคนยังไม่ตื่นดี

                
                 “อรุณสวัสดิ์อะไรของเธอกันเจ้าหน้าที่อายาโนะ
    ! นี่มันบ่ายหนึ่งกว่าแล้วนะ แล้วนั่นการแต่งตัวอะไรกัน ผมยุ่งๆ นั่นอีก แล้วทำไมไม่รีดเสื้อมากันหา!? เนกไทก็ต้องผูกให้เรียบร้อย แล้วคราบกาแฟตรงแขนเสื้อนั่นมันอะไร!?” คิรินเปลี่ยนจากบ่นฮิคาริเป็นหันมาตำหนิ อายาโนะ ยูเมะ แทน

                
                 “เอาน่าๆ อย่าเครียดสิคีจัง เดี๋ยวก็แก่หรอก” ฮิคาริโบกมือไปมาเป็นเชิงว่า
    อย่าคิดมากน่าๆ

                
                 “นั่นสิคะ โฮโนมิซัง เดี๋ยวแก่ก่อนวัยนะคะ” คราวนี้ยูเมะผสมโรง

                
                 “นี่พวกเธออออออ
    !!! คนโดนหาว่าแก่ก่อนวัยเตรียมตั้งท่าจะเทศนาสองสาวตรงหน้า

                
                 “โอ๊ะ.....” แต่ฮิคาริก็อุทานขึ้นมา พร้อมมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกใส เรียกสายตาของคิรินและยูเมะให้มองด้วยความสงสัย “อ๊ะ เปล่าๆ ก็แค่คิดว่า...วันนี้ท้องฟ้าอึมครึมจังนะ” ฮิคาริยิ้มให้เพื่อนทั้งสอง ก่อนจะหันไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้ง ด้วยสายตาที่แปลความหมายไม่ออก

                
                 ท้องฟ้าภายนอกจากที่เคยมีเมฆสีขาวสดใส และแสงอาทิตย์สาดส่องให้บรรยากาศอบอุ่น แต่ตอนนี้กลับมืดครึ้มและปกคลุมไปด้วยเมฆสีเทาหม่นจนน่าหวาดกลัว

                
                 ราวกับพายุกำลังใกล้เข้ามา....
                  
                 ..........

     

                 ในตัวเมืองโตเกียว

                
                 ผู้คนสัญจรเดินไปมา เสียงพูดคุยและเสียงเครื่องยนต์จากรถที่ขับผ่าน ณ ร้านหนังสือที่ตั้งอยู่ภายในเมืองโตเกียว เป็นร้านหนังสือเล็กๆ ที่ไม่ได้เด่นสะดุดตาอะไรนัก ตัวร้านเป็นตึกสองชั้นสีน้ำตาลเข้มโทนอบอุ่น ประตูหน้าร้านทำจากไม้โอ๊คติดกระดิ่งไว้เพื่อให้มีเสียงตอนลูกค้าเปิดประตูเข้าร้าน กระดานดำขนาดเล็กตั้งอยู่หน้าร้านและเขียนชื่อร้านเอาไว้ว่า
    ‘Re : book’ ด้วยชอคก์สีชมพู ต้นไม้พุ่มขนาดเล็กถูกปลูกวางเรียงไว้หน้าร้านหนังสือ กับพุ่มดอกไฮเดรนเยียที่ผลิดอกสีม่วงอมชมพู แต่ถึงจะเป็นร้านหนังสือที่ไม่สะดุดตา แต่ก็ให้ความรู้สึกมีเสน่ห์แบบร้านหนังสือเก่าๆ ที่หาได้ยากในยุคสมัยนี้

                
                 “โอ๊ะ หวาๆๆ”

                
                 โครมมมมม

                
                 เสียงเล็กอุทานขึ้นต่อมาก็มีเสียงของล้มระเนระนาดภายในร้านหนังสืออันเงียบสงบ ร่างๆ หนึ่งกำลังทรุดนั่งกับพื้นรอบตัวคือกองหนังสือนับสามสิบเล่มที่หล่นระเกะระกะ

                
                 “เจ็บจังงงง” เด็กสาวที่นั่งอยู่บนพื้นลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยเรือนผมสีดำสนิทป้อยๆ นัยน์ตาสีม่วงอเมทิสต์มีหยาดน้ำตาคลอหน่วง ริมฝีปากบางเฉียบสีแดงสดเม้มแน่นเหมือนสะกดกลั่นเสียงร้อง ตามผิวขาวเนียนที่โผล่พ้นเสื้อผ้ามีพลาสเตอร์และผ้ากอชต์แปะป่ายอยู่เต็มไปหมด ร่างบางอยู่ในชุดเสื้อแขนสั้นสีเทาอ่อนกับกระโปรงยาวเลยเข่าสีชมพูอ่อนทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีเหลืองซีด และรองเท้าผ้าใบสีเทาทึมๆ ที่ดูเก่าเล็กน้อย

                
                 “อ้าวๆ คิโยชิจัง สะดุดล้มอีกแล้วเหรอจ๊ะ” คราวนี้เป็นเสียงหวานๆ จากทางด้านหลังเคาท์เตอร์ที่มีหนังสือวางเป็นตั้งๆ ภายในร้าน พร้อมกันกับร่างระหงส์ในชุดกระโปรงยาวเท่าเข่าสีครีมและทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีเหลืองซีด เรือนผมสีน้ำตาลเข้มมีดรวบหลวมๆ ด้วยริบบิ้นสีครีมเข้ากันกับชุด นัยน์ตาสีน้ำตาลเฮเซลนัทฉายแววอ่อนโยนใจดี และใบหน้าหวานที่มีรอยยิ้มอบอุ่นประดับไว้เสมอ

                
                 “ขะ ขอโทษค่ะ...ชิสึเนะซัง” เจ้าของชื่อ คาชิยะ คิโยชิ เงยหน้ามองผู้เป็นเจ้าของร้านหนังสือและเป็นนายจ้างอย่าง มิเนะงาวะ ชิสึเนะ ที่ส่งยิ้มที่สื่อความหมายว่า
    ไม่เป็นไรจ้ะ มาให้ตน

                
                 “จ้าๆ แหมวันหนึ่งคิโญชิจังน่ะสะดุดล้มเกินหกครั้งอยู่แล้วนี่เนอะ คิก” ชิสึเนะหัวเราะเบาๆ อย่างเอ็นดูลูกจ้างตน ก่อนจะมาช่วยคิโยชิเก็บหนังสือที่หล่นระเนระนาดเต็มพื้น

                
                 “ชิสึเนะซังอย่าล้อสิค้า
    !!” คิโยชิเบะปากน้ำตาลคอลหนักกว่าเก่า แล้วค่อยๆ เก็บหนังสือมารวบรวมไว้ในอ้อมแขน และยันตัวลุกขึ้นจากพื้น

                
                 “จ้ะๆๆ ไม่ล้อแล้วจ้า คิกๆ” ชิสึเนะเอ่ยปากบอก แต่ยังไม่เลิกขำลูกจ้างที่เปรียบเหมือนน้องสาวของตนอยู่ดี  

                
                 “โธ่...อ๊ะ...ว่าแต่ว่าวันนี้ไม่ค่อยมีลูกค้าเลยนะคะ” คิโยชิที่เก็บหนังสือเสร็จเรียบร้อยแล้วเสมองไปรอบๆ ร้าน วันนี้ในร้านหนังสือแห่งนี้มีผู้คนเข้ามาบางตากว่าที่เห็นในทุกๆ วัน

                
                 “อืม....คงเพราะฝนกำลังจะตกละมั้งจ้ะ...” ชิสึเนะกล่าวอย่างเหม่อลอยและมองออกไปนอกร้าน

                
                 “เอ๊ะ...
    ?” คิโยชิเอียงคออย่างสงสัย แล้วหันไปมองนอกร้านตาม

                
                 ท้องฟ้าข้างนอกดูหม่นหมองอย่างน่ากลัว...จริงๆ

                 ..........

     

                 ฉึก!

                
                 “อ้ากกกกกกกกก” เสียงกรีดร้องอย่างทรมาณดังขึ้นในซอกตึกแคบๆ ที่ไม่มีผู้คนสัญจรผ่าน ภายในเขต
    14 ในเมืองโตเกียว เศษชิ้นเนื้อและเลือดที่กระเซ็นติดผนังตึกเก่าคร่ำคร่า กับศพชายฉกรรจ์ราวๆ หกเจ็ดคนที่นอนเกลื่อนเต็มพื้นสกปรกที่เต็มไปด้วยเลือดราวกับจะย้อมพื้นคอนกรีตให้กลายเป็นสีแดงฉาน ตามตัวของศพเหล่านั้นเต็มไปด้วยรอยถูกของมีคมฟังจนร่างเละเทะแทบดูไม่ออกว่ารูปร่างเดิมของพวกเขาเป็นยังไงตอนมีชีวิตอยู่  และท่ามกลางเศษซากน่าสยดสยองเหล่านั้นเอง ก็มีร่างบอบบางในชุดกระโปรงฟูฟ่องสีเทามีลูกไม้ติดตามแขนเสื้อและชายกระโปรงดูน่ารัก แต่ติดตรงมีรอยเลือดสีแดงเปื้อนเป็นหย่อมๆ ตามจุดต่างๆ ของชุด ช่างดูตัดกันอย่างน่าหวาดผวา ใบหน้าน่ารักราวตุ๊กตากระเบื้อง แต่กลับไร้ความรู้สึกใดๆ ยามมองไปยังกองซากศพเหล่านั้น

                
                 “....” ริมฝีปากบางเม้มตรง เธอยกมือที่ซีดขาวราวคนป่วยขึ้นมา มองเลือดที่เปื้อนมือจนย้อมมือซีดขาวเป็นสีแดงเกือบหมด ก่อนจะสลัดมือเบาๆ เพื่อเช็ดคราบเลือดออก

               
                 “แหมๆ เอมิโกะจ๊ะ เล่นซะเละเทะเลยนะ” เสียงเล็กๆ ดังมาจากทางมุมมืดของตึก นัยน์ตากลมสีฟ้าน้ำทะเลตวัดมองไปยังทิศทางที่ได้ยินเสียง ก่อนจะปรากฏร่างเล็กที่สวมชุดคลุมสีแดงเลือดหมู พันผ้าพันคอลายดอกไม้สีสันสดใส และพันผ้าพันแผลปกปิดไว้ทั่วทั้งร่างกาย ไม่เว้นแม้แต่ใบหน้า

                
                 “พวกนั้นน่ารำคาญ เลยฆ่าทิ้ง” อากาเนะ เอมิโกะ ตอบอย่างไม่ใส่ใจ แล้วหันหน้าไปทางอื่น

                
                 “ก็ไม่ได้ว่าหรอกนะ แต่เพลาๆ หน่อยก็ดีเหมือนกัน ในตอนนี้น่ะ...มีเรื่องสำคัญกว่านะจ๊ะ” เอโต้ คือชื่อของหญิงสาวที่พันผ้าพันแผลทั่วร่างกาย ถึงจะมองไม่เห็นใบหน้า แต่เอมิโกะก็รู้สึกได้เลยว่า คนที่กำลังยืนชิวเล่นท่ามกลางกองซากศพนี้ คงกำลังยิ้มแย้มอยู่แน่ๆ

                  
                 ซ่าๆๆๆๆๆ

                
                 จู่ๆ สายฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว เอมิโกะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เป็นสีเทาหม่นและสายฝนที่ตกลงมาราวกับฝนเข็ม พอเลื่อนสายตาไปมองร่างบางในชุดสีแดงเลือดหมูที่ควรยืนอยู่นั้น ก็ไม่พบใครอีกแล้ว....

                
                 “เรื่องสำคัญงั้นเหรอ...รู้อยู่แล้วล่ะ” ร่างบางในชุดกระโปรงฟูฟ่องเดินกลับหลังไปอีกด้าน เหยียบซากศพใต้ฝ่าเท้าอย่างไม่สนใจ

                
            ‘เพราะการฆ่า มันคืองานของกูลอย่างฉันอยู่แล้วนี่...

                 
                 และในพริบตาร่างบางนั้นก็หายตัวไป ทิ้งเพียงสายฝนที่เทกระหน่ำราวกับบอกลางร้ายบางอย่าง และเลือดที่ถูกชะล้างไปกับสายฝนเท่านั้น
    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    [100%]

    ครบร้อยเปอร์แล้วววว ปาดเหงื่อ

    SQWEEZ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×