ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บารามอส(บาราเฮ เอดินตี้ เฟรี่ เฟริน)

    ลำดับตอนที่ #8 : ความฝันกับสายหมอก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 74
      1
      28 มี.ค. 57

            ลมเบาๆพัดมาพร้อมกับส่งกลิ่นหอมหวานที่ชวนให้คิดถึง สวนดอกไม้กว้างกำลังส่งกลิ่นหอมอยู่เบื้องหน้า กลิ่นไอความรักความอบอุ่นดูจะล่องลอยวนเวียนอยู่ในที่แห่งนี้   หมอกบางลอยตัว เขายืนอยู่กลางทุ่งดอกไม้ผิวกายสัมผัสได้ถึงไอน้ำเย็นๆจากหมอกรอบตัว ลมเบาๆที่พัดผ่านพาให้รู้สึกสดชื่น กลิ่นหอมหวานให้ความรู้สึกถึงความคิดถึง..คิดถึงที่แห่งนี้ทั้งที่แน่ใจว่าไม่เคยเห็นมาก่อน คิดถึงใครสักคนที่ไม่รู้ว่าใครและไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นยังไง มัน..มีแค่ความรู้สึก

     

              เขาทิ้งตัวนอนลงบนพื้นหญ้าที่ปูไว้เป็นทางเดิน ถ้าจะฝันเห็นที่ดีๆอย่างนี้ก็ขอหลับในที่ๆอากาศดีอย่างนี้แล้วกัน

     

    “ท่าน...ท่านคือนายแห่งข้า ท่านจักมีพลังถ้าท่านปราถนา ท่านจะได้ลาภยศหากท่านต้องการ ท่านจะมีชื่อเสียงแค่ท่านบอกข้า ความปราถนาของท่าน ไม่ว่าอะไรก็ตาม ทุกอย่างจักเป็นจริงแค่เพียงท่านเป็นนายแห่งข้า รับข้าเป็นข้ารับใช้แห่งท่าน”

     

    “....”

     

    “นายท่าน..” เสียงแหบพร่าดังขึ้นอีกครั้งเมื่อไม่มีเสียงตอบกลับใดๆจากคนที่นอนอยู่

     

    “....”

     

    “....ท่าน... อย่าทำเมินข้าด้วยการนอนอย่างนั้นเลย”

     

         หัวคิ้วสีน้ำตาลอ่อนนั้นเริ่มขมวด เมื่อรู้ว่าเสียงที่ได้ยินตั้งใจจะคุยกับกับเขา

     

    “คุยกับฉันเหรอ”

     

    “ข้าคุยกับท่านอยู่นายท่าน”

     

    “นายเป็นใคร”

     

    “ผู้คนเรียกข้าว่ามงกุฎแห่งใจ”

     

    “หือ...” ทีนี้คิ้วนั้นขมวดมุ่งกว่าเดิม ตาคู่คมโตค่อยๆลืมขึ้น หมอกรอบตัวเขาจากที่บางเบากลับหนาแน่นเป็นสีเทาเข้ม เสียงลมที่พัดอยู่รอบนั้นส่งเสียงโหยหวนน่ากลัว แต่..บรรยากาศเหล่านั้นกลับไม่ได้เข้ามาใกล้เฉียดเขา เหมือนมีกำแพงบางอย่างขวางกั้นถึงแม้สวนดอกไม้แสนสวยที่เห็นยามแรกจะถูกหมอกบดบังไป แต่มันยังไม่หมด มันรายล้อมอยู่รอบเขา กลิ่นไอความรักความอบอุ่นยังคงอยู่  เหมือนมันจะปลอมประโลมและปกป้องเขาจากความน่ากลัวที่อยู่รอบตัวไม่ให้มายุ่งกับเขา

     

    “ข้าสามารถทำให้ความปราถนาของท่านเป็นจริงได้นายท่าน แค่เพียงท่านปลดปล่อยข้า”

     

    “ฮ่าๆๆๆๆ นี้ฉันฝันเป็นตุเป็นตะได้ขนาดนี้เชียว”

     

    “ไม่ท่าน ข้ามีอยู่จริงและข้ากำลังคุยกับท่านอยู่”

     

    “แล้วก่อนหน้านี้นายคุยกับใครบ้างแล้วล่ะ”

     

    “..ไม่ท่าน”

     

    “จะกับทุกคนหรือป่าวนะ ว่าแต่..นายอยู่ห้องบนสุดของเอดินเบิร์กสินะ”

     

    “ข้าอยู่ที่นั้น ท่านจะช่วยหรือ”

     

    “ทำไมนายถึงถูกเก็บไว้อย่างดีที่นั้น”

     

    “เพราะเจ้าพวกอ่อนแอ โง่เขลาและขี้ขลาดนั้นเกรงกลัวข้า”

     

    “แล้วฉันควรจะกลัวนายด้วยดีไหมเนี่ย”

     

    “ไม่นายท่าน แค่บอกความต้องการมาแล้วข้าจะทำให้มันเป็นจริง”

     

    “....”

     

    “มันคืออะไร สิ่งที่ท่านต้องการ”

     

    “........ ไม่มี”

     

    “ไม่จริง ท่านลองคิดดูดีๆ ข้าให้ท่านได้”

     

    “นายกำลังเหงาเหรอ” เขาหลับตาลงตามเดิม

     

    “....” เสียงที่คอยพูดกวนใจเมื่อกี้ขาดหายไป เสียงลมรอบข้างก็เงียบลง

     

    “ว่าไง.. ยังอยู่ไหม”

     

    “ข้าเปล่า ข้าแค่ต้องการนายแห่งข้าและการปลดปล่อย”

     

    “ข้าไม่มีสิ่งที่ต้องการในตอนนี้ ...”

     

    “...”

     

    “แต่ถ้าเหงา..จะมาคุยกันดีๆในฝันฉันก็ไม่ว่าอะไรนายหรอก”

     

    “ท่านช่างโง่เขลา แล้วท่านจะเสียใจที่ปฏิเสธข้า”

     

    “แล้วนายจะปฏิเสธไหม”

     

    “...”

     

    “....อยากมาคุยด้วยกันอีกไหม”

     

    “ข้า..ขอปฏิเสธ”

     

    “ไว้เปลี่ยนใจก็ไม่ว่าหรอก”

     

    “งั้นท่านก็ช่วยข้า”

     

    “ไม่ ... นายมีแผนการอะไรอยู่ หือ....”

     

    “ไม่นายทะ...”

     

    “อย่าโกหกน่า ก่อนเข้ามาฉันก็รู้มาบ้างว่านายคือที่กักเก็บใจมารครึ่งหนึ่งของปีศาจ วู้....ปีศาจเชียวนะ และยังเก็บความโลภ เกียจชัง ความทะเยอทะยานตลอดระยะเวลา500ปีตั้งแต่นายอยู่นี้”

     

    “หึ..จริงของท่าน”

     

    “นายสับสน นายไม่ได้มีแค่ด้านนั้น นายเคยสัมผัสถึงอารมณ์ความรู้สึกด้านดีๆอยู่”

     

    “ไม่.”

     

    “นายแค่เลือกทิ้งมันเพราะความเงียบเหงาและการถูกเก็บขังที่เจอมาตลอด”

     

    “ท่านไม่รู้อะไรเกี่ยวกับข้าเลย... ท่านไม่ใช่คนที่มีคุณสมบัติอย่างที่ข้าต้องการ”

     

    “หมายถึงคนที่มีความโลภพอที่จะยอมปลดปล่อยนายเพื่อได้สิ่งที่ต้องการ ที่จริงการพึ่งนายต่างหากที่เป็นความโง่เขลา ฉันจะอยากได้นู่นได้นี่ให้มาเป็นภาระเพิ่มทำไมในเมื่อฉันมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างถ้าไม่ทำเองมันจะภูมิใจในความสำเร็จของตัวเองได้ไง”

     

    “ท่านเลือกที่จะปฏิเสธ...” เสียงแหบพล่านั้นกล่าวเนิบๆยานคาง หมอกหนาสีเข้มหายไปเปิดให้เห็นสวนดอกไม้อีกครั้ง เขายิ้มอย่างพอใจและหลับตาลงนอนท่ามกลางบรรยากาศดีๆอีกครั้ง โดยไม่รู้ว่าตัวตนที่คุยกับเขายังไม่จากไปหมด มันสับสนกับความรู้สึกมากมายที่เก็บกักมาหลายปี มันสับสนกับกลิ่นอายของสถานที่ในฝันของคนๆนั้นที่คล้ายคลึงกับที่ๆเคยจากมา จากมาจากจอมปีศาจนายแห่งมัน แต่มันแค่ดวงใจและพลังชีวิต ส่วนตัวตนของมันอีกอย่าง ต้นกำเนิดความคิดคือจิตใจคน จิตใจที่แสนโสโคกเต็มไปด้วยกิเลส สับสนใช่ไหมล่ะ เคยสัมผัสถึงด้านดีๆด้วยไม่ใช่เหรอและมันก็เลือกที่จะจากไป

     

    ..............................

              แดดเช้าส่องเข้ามาทะแยงตาจนเจ้าตัวต้องพลิกตัวหนีและดึงผ้าขึ้นมาคลุมโปง

     

    “นี่ๆๆๆๆตื่นได้แล้ว นอนยิ้มอะไรเป็นบ้าเหรอ” ตาสีน้ำตาลอ่อนกะพริบสองสามครั้งก่อนจะมองหน้าเพื่อนอย่างงัวเงีย

     

    “โอ้ย..ก็มันมีเจ้ามงกุฎมากวนในฝันน่ะสิ เป็นเจ้าตัวขี้เหงาที่หาคนคุยด้วยไม่เจอ”

     

    “เจ้านั้นเนี่ยนะ นายคุยยังไงถึงคิดว่าเจ้านั้นขี้เหงา”

     

    “นายก็ฝันถึงเจ้านั้น?”

     

    “ใช่ มาบอกว่าจะทำให้ในสิ่งที่ฉันต้องการ พูดบ้าๆถ้าไม่ทำเองมันจะสนุกอะไร งี่เง่าชะมัด”

     

    “วู้...พูดได้เท่ห์มากคิล ” เจ้าคนพึ่งตื่นลุกขึ้นนั่งหันซ้ายหันขวา

     

    “แล้วเจ้าโรกับคาโลมันหายไปไหนน่ะ”

     

    “ห้องน้ำ”

     

    “เห..ใครอยู่ในนั้นนะ”

     

    “ก็สองคนนั้นล่ะ”คิลพูดด้วยสีหน้าเซ็งๆ

     

    “หรือว่าพวกมันสองคนเป็น....เอ่อ กัน” เฟรินมองหน้าคิลด้วยหน้าซีดๆพอๆกับคิลมองเฟริน

     

    “แกจะบ้าเหรอ ฉันขนลุกนะโว้ย..แล้วมันก็พึ่งเข้าไปไม่นานก่อนที่นายจะลุกเพราะขี้เกียจดูนายต่อ”

     

    “ลองไปฟังมันดูไหม”

     

    “ก็เอาดิ”

     

        เฟรินลุกขึ้นและเดินนำคิลไปที่ประตูห้องน้ำและเอาหูแนบประตู

     

    “นี่จะพอทำให้มันตื่นได้หรือยัง” เสียงคาโลเอ่ยขึ้นเขาหันไปมองโรที่ยืนยิ้ม

     

    “แน่นอนดิ” โรตอบกลับและตามด้วยเสียงกลั้วหัวเราะเบาๆ

     

             นอกห้องนั้นคิลกับเฟรินถึงกับงง

     

    “มันพูดถึงอะไรกันวะคิล”เฟรินกระซิบเบาๆ

     

    “ไม่รู้ฟังดิ”

     

    “ฉันจะส่งมันออกไปละนะ” โรพูดออกมาและดีดนิ้วเปาะ

     

    “เห้ยคิล..อะไรตื่น อะไรส่งวะ เจ้าพวกนี้มันทำอะไร”

     

    “....มันอาจไม่เป็นอย่างที่นายคิดก็ได้”

     

    “แกก็ฟังที่พวกมันพูดดิ โธ่เพื่อน ตราบใดที่พวกนายไม่เล็งฉัน ฉันก็เป็นเพื่อนกับนายได้”

     

    “บ้า พวกมันไม่มีแววจะเป็นเลยนะ”

     

        ข้างในนั้นคาโลเผลอลื่นจนหลังกระแทกประตู ปัง! เฟรินและคิลสะดุ้งมองหน้ากันด้วยใบหน้าซีดๆ

     

    “อ้ะ”

     

    “เจ็บไหม”

     

    “ไม่ ไม่เป็นไร ส่งไปแล้วก็ปล่อยเลย” เฟรินและคิลหน้าซีดไปใหญ่กับคำพูดของคาโล  และไม่รู้ถึงมวลน้ำที่ลอยตัวในอากาศสูงเหนื่อหัวของทั้งสอง

     

    “อืม.. ได้”

     

         ซ่า.......! สิ้นคำพูดน้ำเย็นที่จัดไว้สำหรับเพื่อนที่มันตื่นช้าและจะทำให้พวกเขาไปสอบสายก็ตกลงมาใส่เจ้าสองคนที่อยู่หน้าประตูให้ตื่นซะเต็มตาและลืมความคิดสงสัยเมื่อกี้ซะเกลี้ยง

     

    “เฮ้ย..../อ๊ากกก”  

     

        ประตูห้องน้ำเปิดออกมา  เจ้าตัวน่าสงสัยสองคนข้างในก็ก้าวออกมา

     

    “อ้าวตื่นแล้วทำไมไม่เรียกล่ะ จะได้ไม่ต้องหาน้ำเย็นมาปลุก” โรเลิกคิ้ว

     

    “เล่นกันแรงเกินไปแล้วนะ” เฟรินแยกเขี้ยวใส่เพื่อนสองคน

     

    “จะสอบไหม”คาโลพูดขึ้นเรียบๆ แต่แค่นั้นก็มากพอที่จะเตือนให้คนในห้องตั้งสติ เฟรินวิ่งพล่านไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำขณะที่คาโลก็ช่วยใช้เวทย์ให้เสื้อผ้าของคิลแห้ง

     

    “ไปกันได้แล้วอย่ามัวแต่ชักช้า” ไอ้ตัวคนตื่นสายออกมาพร้อมกับคำพูดที่วอนบาทาเพื่อนสามคนในห้องยิ่งนัก แล้วทั้งหมดก็ออกไปจากห้อง ไปสอบบบบ!


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×