คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : คำสาปฝันร้าย
“โรเวน
ดูเหมือนความสามารถของนายจะยังไม่พอที่จะทำหน้าที่นี้นะ”
อาเธอร์ จ้องมองเสนาธิการฝ่ายซ้ายของป้อมอัศวินด้วยนัยน์ตาสีดำคมกริบที่ฉายแววดูถูก
ก่อนจะมองสำหรวจห้องและคนอื่นในห้องเหมือนประเมิณราคาสินค้าคุณภาพต่ำ ริมฝีปากบางแสยะยิ้มอย่างหน้าขนลุก
พอหันกลับไปหาโรเวนอีกทีก็พบว่าคนๆนั้นยืนอยู่ตรงหน้านี้
จ้องมองอาเธอร์ด้วยดวงตาสีน้ำเงินสวยเป็นประกายเจ้าเล่ห์
เหมือนดวงตาคู่นั้นกำลังยิ้มให้ ใบหน้าเนียนนั้นโน้มเข้าหาและกระซิบด้วยเสียงพร่าที่ชวนให้ลมหายใจติดขัด ใบหน้าของคนฟังขึ้นสีแดงระเรื่อไปถึงหู กัดฟันแน่น
มองคนที่เข้ามากระซิบด้วยความโกรธ
อาเธอร์หันกลับมามองผู้หญิงคนเดียวในห้องอย่างเธอ ก่อนจะตรงเข้ามากระชากแขน ลากให้เธอเข้าไปยืนข้างเตียงของเฟรินด้วยกันกับเขา เมื่อเธอเข้าใกล้สัญลักษณ์มงกุฏสีทองเล็กๆก็ปรากฏขึ้นที่หน้าผากเฟรินและเรืองแสงสีแดงออกมา
“เจ้านี้เป็นอะไร
ทำพันธะสัญญากับมงกุฏนั้นใช่ไหม”
“เปล่าคะ เจ้าวายร้ายนั้นคงจะถูกชะตากับเขา
หลังจากที่มงกุฏแห่งใจอาละวาท ฉันก็เจอแค่คนๆนี้ล่ะค่ะที่โดนคำสาปฝันร้าย”
“คำสาปนั้นมันทำให้ร่างกายได้รับผลกระทบด้วยไม่ใช่เหรอ ถ้าได้บาดแผลจากในฝันแผลนั้นก็จะปรากฏที่ร่างกายของเขาด้วย"
"หรือถ้าตายในนั้น เขาก็ตายจริง" เธอเติมคำพูดของโรต่อ
"ถ้าจะพูดอย่างนี้ก็เงียบๆไปดีกว่า!" คิลตะคอกใส่
"ฉันก็แค่อธิบายต่อให้คุณรู้ตามความจริง คุณเฟรินน่ะเก่งนะคะ อย่าเป็นห่วงเลย"
พอพูดจบ ร่างคนที่นอนหลับอยู่ก็กระตุก มือหยาบคว้าเข้าที่ข้อมือของเธอ
สติที่มีดับวูบแล้วร่างทั้งร่างก็ทรุดลงไปนอนข้างๆเฟริน คลื่นพลังงานขนาดใหญ่แผ่ออกมาจากสองคนที่นอนอยู่แล้วผลักทั้งคนทั้งสิ่งของในห้องให้ออกห่าง
คิลที่ลุกขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งไปทางเฟรินชนเข้ากับเขตอาคมจนล้มไปอีกรอบ
“มันบ้าอะไรกันวะเนี่ย!” อาเธอร์สบถอย่างหัวเสีย มองร่างสองร่างที่นอนกุมมือกันนิ่ง
ที่ข้างนอกหน้าต่าง พายุที่ก่อตัวขึ้นทำให้ความกังวลของคนในห้องยิ่งมากขึ้น
ไม่นานฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก เสียงฟ้าร้องและสายฟ้าแลบเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
บรรยากาศมืดหม่นขมุกขมัว เสียงฟ้าร้องและแสงของสายฟ้าที่เข้ามาในห้องอย่างถี่ๆทำให้ความรู้สึกของการอยู่ในห้องและมองสองคนที่นอนนิ่งนั้น
เหมือนการอยู่ในนวนิยายที่พวกเข้าได้เข้ามาในอาณาเขตหวงห้าม กำลังเฝ้ามองปีศาจร้ายที่กำลังจะลืมตาตื่นขึ้นมาทำลายล้างทุกสิ่ง
“เหมียว~~”
เสียงเล็กๆเรียกสายตาทั้งหมดหันไปหาที่เจ้าแมวตัวกลมสีขาวที่เดินออกมาจากใต้โต๊ะ ไม่มีใครรู้ว่ามันเข้ามาเมื่อไหร่และเข้ามาในเขตเเดนที่ลูคัสกางเอาไว้โดยที่ลูคัสไม่รู้ตัวได้ยังไง นัยน์ตาสีฟ้าครามมองสบกับคาโลแล้วเดินเข้าไปคลอเคลียที่ขา ร่างสูงก้มลงมาลูบหัว
ฟันซี่น้อยๆนั้นกัดเข้าที่นิ้วของเขาแล้วมันก็วิ่งหนี ผ่านเขตอาคม เจ้าตัวเล็กกระโดดขึ้นเตียง
ตรงเข้าไปหาเฟรินมองหน้าเด็กหนุ่มนิ่งๆก่อนจะก้มลงไปเลียที่หน้าผากของเขา
เลือดสีแดงเข้มปิดทับรอยมงกุฏ ตาสีฟ้าแปลเปลี่ยนเป็นสีแดงดั่งทับทิมน้ำงาม
เขี้ยวน้อยๆของมันยาวขึ้น เขี้ยวคมนั้นฝังเข้าไปที่ลำคอแล้วดูดเลือดสักพักมันก็ถอยออกมา
กลุ่มหมอกควันสีดำก่อตัวขึ้นเหนือเฟรินรวมกลุ่มกันและสลายออกให้เห็นกริซทองคำขาวที่ทั้งใบมืดและด้ามทำจากทองคำขาว
ด้ามจับถูกพันด้วยผ้าสีน้ำเงินที่ส่วนปลายของด้ามประดับด้วยเม็ดทับทิม
เรื่องน่ากลัวสำหรับกลุ่มผู้เห็นเหตุการณ์ในห้องเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเจ้ากริซนั้นพุ่งลงมาเสียบเข้าที่หัวใจของร่างข้างใต้เลือดสีแดงไหลออกจากปากของเฟริน
กริซที่เห็นนั้นเริ่มเบลอเหมือนภาพมายาไร้ตัวต้นที่ค่อยๆจางหายไปและหายไปไม่มีทั้งกริซนั้นหรือบาดแผลที่กริซนั้นทำให้ได้เห็น
เฟรินสะดุ้งลุกขึ้นนั่งเบิกตาโต เหงื่ออาบทั่วตัว
หายใจหอบถี่ เลือดที่คอไหลลงมาไม่หยุด อาการเวียนหัวก็จู่โจมเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขายกมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปาก
สะบัดหัวสองทีก่อนจะล้มตัวลงไปนอนหันหน้าไปสบตากับหญิงสาวข้างๆที่นอนมองเขา
“ไม่เป็นไรแล้วนะ”
รอยยิ้มอ่อนโยนของเธอทำให้เขาสงบลงบ้าง
ความอ่อนเพลียเข้าเล่นงานทันที
เขายิ้มบางๆให้เธอก่อนที่หนังตาจะค่อยๆปิดลงและจมเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็วพร้อมกับหวังให้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดที่เขาจะต้องเจอในชีวิต
ถ้ามันมีอะไรที่เลวร้ายได้กว่านี้อีกเขาคงอายุสั้นลงหลายปีแน่
“รู้ไหมเฟลิโอน่า
ฉันเริ่มคิดแล้วล่ะว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นฝีมือของเธอ
ไม่ใช่เจ้ามงกุฏแห่งใจนั้น”
ตาโตๆของเธอหันไปสบกับเจ้าชายอาเธอร์
แล้วยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน
“ระยะทางพิสูจน์ม้า
กาลเวลาพิสูจน์คน ไม่ว่ารุ่นพี่จะเชื่ออย่างไหน อีกไม่นานความจริงก็จะปรากฏค่ะ”
สิ่งที่ทุกคนในห้องได้เห็นจากเธอคนนี้ในตอนนี้ มีเพียงความมั่นใจที่ฉายชัดในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นและรอยยิ้มอ่อนหวาน
และไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไงก็ยังไม่มีใครที่จะสามารถสรุปได้ในตอนนี้
ความคิดเห็น