ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บารามอส(บาราเฮ เอดินตี้ เฟรี่ เฟริน)

    ลำดับตอนที่ #12 : อะไร(แก้คำผิด)

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ค. 58


    ตึก ตึก ตึก...

    “ฮ่าๆๆๆๆ  ครี๊ดมันเจ๋งอะ” นัยน์ตาสีม่วงคมทอประกายระยับ ริมฝีปากยกยิ้ม

     

    “นั่นสิ ถ้าหมอนั่นจีบแองจี้ติดจริงคงจะดีไม่น้อย” โรพูดและอมยิ้มเจ้าเล่ห์นิดๆ

     

    “นายสองคนว่างั้น?” ร่างสูงที่เดินนำถาม ดวงตาคู่คมสีฟ้ามองตรงข้างหน้าโดยไม่คิดจะหันกลับมามองสักนิด ความรู้สึกปวดหัวเริ่มแล่นจื๊ดขึ้นหัวเหมือนกับจะเป็นรางร้ายสักอย่าง

     

    “ยัยนั้นจะได้เลิกอาละวาดในห้องสักที เสียงของยัยนั้นกวนเวลานอนของฉัน” 

     

    “ยากนะคิล แต่เฟรินเขาอาจจะโดนทุบหัวแตกยากกว่าเดิมหน่อย นายคิดว่างั้นไหมคาโล”

     

    “ถ้าปากมันดีขึ้นได้สักนิด ก็อาจจะ”

     

    “ไม่มีทาง/ยาก”คิลและโรมองหน้ากันและก็ยิ้มกับคำตอบ คำตอบมันชัดเจนมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว

     

    “รายงานของมันที่นายบอกว่าจะเอาไปส่งให้ละ เอามาด้วยหรือป่าว”โรถามขึ้น

     

    “เออใช่ ลืมไปเลย เดียวฉันค่อยกลับไปหยิบแล้วกัน มันไม่เอามาส่งเองหรอก”

     

           ประตูไม้เนื้อเบาไร้ลวดรายถูกเปิดออกปรากฏการมาถึงของหัวหน้าชั้นปีหนึ่งป้อมอัศวินทั้งสามคนก่อนที่พวกเขาจะชะงักกันไปชั่วเสี้ยววินาทีและทำเหมือนไม่มีอะไร

     

    “มาส่งงรายงานเรื่องอะไรล่ะ” คำถามและรอยยิ้มที่มาพร้อมกับประกายตาเอาเรื่องถูกส่งไปให้เจ้าพวกเพื่อนตัวแสบที่มาหลอกให้เขาปั่นรายงานเป็นกองๆตั้งหลายวันหลายเล่มและหลายวิชาแต่พอมาส่งกลับมีแค่สองเล่มของวิชาคุณสมบัติราชันย์และประวัติศาสตร์ แล้วที่เขานั่งทำเป็นกองๆนั้นทำเพื่อ? ถ้าไม่มาส่งเองจะไม่รู้เลยนะ!!!

     

    “ไม่เจียมสังขาร”

     

         คาโล!!!! ไอ้นี่หนิ เฟรินฉีกยิ้มกว้างข่มอารมณ์ไว้ในใจอย่างยากเย็น นี่ถ้าไม่ติดว่าเอาเรื่องกลับแล้วอาจถูกยัยแองจี้ทารุณกรรมและจบลงด้วยเข้าไปนอนอุดอู้ในห้องอีกล่ะก็นะ ฮึ่ม...

     

    “ยังจะมาพูดอีกนะ”คนพูดแยกเขี้ยวใส่คาโลและผองเพื่อนอย่างเคืองๆ อยากประเคนหมัดให้ไอ้นี้จริงๆ  หมายหัวมันไว้ก่อน กลับห้องโดนยกก๊วน

     

    “มันเป็นประโยชน์กับนายดีออก”โรพูดพร้อมส่งรอยยิ้มเล็กๆกับประกายตาท้าทายมาให้

     

    “จะส่งงานก็รีบๆส่งแล้วออกไปไกลๆซะเจ้าพวกน่ารำคาญ” คทาหัวลูกแก้วสีฟ้าขุ่นปรากฏขึ้นในมือของชามัลก่อนที่ด้ามคทาจะถูกกระแทกลงพื้นและใต้เท้าของเด็กทั้งสี่คนในห้องจะเป็นหลุมลึกให้พวกเขาดิ่งลงไป รายงานที่นำมาส่งหลุดมือ ลอยละริ่วก่อนจะตกลงมาซ้อนวางอย่างเป็นระเบียบบนโต๊ะทำงานของชามัลและพื้นที่เป็นหลุมก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม

     

    “อ๊ากกกก!!!

     

         ตุบๆๆๆ

     

    “โอ๊ย... ฉันจะหายหรือจะตายในเร็วๆนี้กันแน่เนี่ย.. อ่อย”

     

    “สำออย”คาโลว่าพร้อมส่งสายตาที่บ่งบอกว่ารำคาญ

     

    “หุบปากเลยแก ฉันยังไม่เคลียไอ้รายงานจอมปลอมของแกเลยนะ โอ๊ย...ชามัลคิดไงเนี่ยถึงได้ทำกับคนป่วยอย่างงี้ จะใช้เวทก็เอาแบบนุ่มนวลแบบโผล่มายื่นกลางห้องก็ไม่ได้ ตกบนเตียงก็ยังดี  เล่นหล่นจากเพดานเจอพื้นแข็งๆกลางห้องอย่างนี้มันเจตนาฆ่าชัดๆ”

     

    “เว่อร์ล่ะ ถ้าเขาจะฆ่านายจริงเขาส่งนายไปอยู่กรงมังกรแล้วมั้งป่านนี้” คิลพูดขึ้นด้วยดวงตาเป็นประกาย

     

    “ชิ!

     

    “นายออกไปเดินเพ่นพล่านข้างนอกเนี่ยหายดีแล้วเหรอ”

     

    “ระดับพี่แล้วน้อง หายห่วงว่ะโร โฮ้ๆๆๆ”

     

    “ประสาท”

     

    “....(- - ) แกนี้เอาอีกละ ชอบขัดชาวบ้านชาวช่องเขาจริงๆ”

     

    “ตรงไหนของนายที่เป็นชาวบ้านไม่ใช่คนบ้า”

     

    “ต่อยกันเลยมา(-- )”

     

    “ถ้านายทำได้...น่ะนะ” คาโลกระตุกยิ้มมุมปากและนั้นเป็นภาพสุดท้ายก่อนที่คนท้าต่อยจะเริ่มตาเบลอ เซและจะลงไปนอนกับพื้นถ้าโรเข้ามาประคองไว้ไม่ทัน

     

    “ยายังไม่หมดฤทธิ์อีกเหรอ มันจะต้องหลับทุกช่วงเวลานี้ของทุกวันไปเรื่อยๆอีกนานแค่ไหน”

     

    “อีกประมาณสัปดาห์ได้น่ะ” โรตอบคิลขณะที่ประคองเฟรินไปที่เตียง

     

    “ฉันไปล่ะ”

           เป็นอันจบและไม่ต้องถามต่อว่าคาโลจะไปไหนถ้าไม่ใช่ไปหาเจ้าหญิงคู่หมั้นของมันอย่างเรนอล  มือเรียวนั้นยังไม่ทันเอื้อมไปถึงประตูสายลมหนาวเย็นก็พัดเข้ามาในห้อง และพัดละอองเกร็ดหิมะเข้ามา คาโลจึงเดินกลับมายืนข้างเพื่อนๆ

     

    “ทำไม...”

           เสียงของโรทำให้คิลต้องหันไปมองและความแปลกไปของคนที่รอบรู้และมั่นใจในตัวเองอย่างโรก็ทำให้เขาต้องสงสัยหนักกว่าเก่า สภาพโรตอนนี้ดูน่าเป็นห่วงเมื่อมันดูเหมือนคนหมดแรง ใบหน้าเริ่มแดงเหมือนคนเป็นไข้และมีเหงื่อชื้นซึมออกมาตามไรผม ก้าวเดินแต่และก้าวที่ตรงไปที่หน้าต่างนั้นดูไม่มั่นคงอย่างที่ควรจะเป็นอย่างทุกๆครั้งและเมื่อประตูหน้าต่างถูกปิดลง    มันไม่ได้ช่วยให้อากาศหนาวเย็นเมื่อครู่อุ่นขึ้นเลยสักนิดในห้องเหมือนจะโรยตัวด้วยบรรยากาศวังเวงและมืดมัวกว่าที่ควรจะเป็นของในช่วงบ่ายสี่โมงกว่าๆทั้งที่มองผ่านกระจกข้างนอกยังดูอบอุ่นและสว่างกว่า  เสียงคลิ๊กดังขึ้นเบาๆจากประตูทางเข้าทั้งที่ไม่มีคนยืนอยู่ตรงนั้น ทั้งทุกคนก็ไม่คิดจะหันไปมองที่ประตูด้วยซ้ำ พวกเขามองหน้ากันอย่างรู้ๆกันดีว่าไม่มีคนเข้ามา   อากาศที่เย็นขึ้นอีกทำให้ขนคอของทั้งสามลุกชันและได้แต่มองหน้ากันเงียบๆ อย่างนั้น

     

                 เสียงจากนาฬิกาลูกตุ้นที่ตั้งอยู่นอกห้องดังรอดเข้ามาในห้องเป็นจังหวะช้าๆ

    ... ติ๊ก... ตอก.... ติ๊ก.... ตอก...

                  พรืบๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!! นกพิราบฝูงใหญ่บินผ่านหน้าต่างที่ถูกปิดไปแล้วบนหัวนอนเฟรินทำให้ที่ตรงนั้นดูมืดและวังเวงกว่าตรงอื่น  ขนของนกฝูงใหญ่ที่บินขึ้นฟ้าไปร่วงร่องลอยผ่านหน้าต่างบานนั้นลงไปเกิดเป็นเหงาย่อมๆ ทั้งสามมองเฟรินที่นอนสงบนิ่งภายใต้บรรยากาศหนาวเย็นและวังเวงผิดปกติในห้อง

     

                  คิลกับโรตัดสินใจก้าวเท้าไปใกล้ขึ้น อากาศก็ดูจะเย็นขึ้น ยิ่งก้าวไปใกล้หัวใจของทั้งคู่ก็เริ่มเต้นแรงขึ้น สัญชาติญาณในตัวคิลนั้นเตือนว่าอันตรายแต่สัญชาติญาณนั้นก็บอกเขาว่าไว้ใจเฟรินได้ด้วยเช่นกันในขณะที่เลือดของโรก็แล่นพล่านร้อนผ่าวยิ่งใกล้เลือดในกายก็ยิ่งตอบรับว่าเจ้านายของเขาอยู่ใกล้ๆนี้  เมื่อทั้งสองมาหยุดยืนชิดขอบเตียงความอึดอัดก็จู่โจมความรู้สึก ทั้งร่างกายราวกับเป็นอัมพาตเมื่อเจอกับความเยือกเย็นที่ชวนขนลุกและบรรยากาศความหม่นหมองที่ดูเหมือนที่ตรงนี้จะมีมากกว่าบริเวณอื่น

     

    “ฉันเกลียดบรรยากาศแบบนี้ชะมัดเลยว่ะ” คิลหันมองรอบๆอย่างหงุดหงิด

     

    “ฉันเคยเจอเขา”

     

    “นายว่าอะไรนะโร”คิลเลิกคิ้วหันไปมองโรก้มหน้าเริ่มพึมพำอะไรบางอย่าง

     

    “ในฝัน ตอนนั้น”

     

    “นายพูดอะไรของนายน่ะ”

     

    “ใช่แน่ๆ”

     

    “ใช่อะไรของนายกันโร ในฝันอะไรตอนไหน”

     

    “นายจำไม่ได้เหรอคิล” คราวนี้นัยน์ตาสีเขียวคู่นั้นเบือนมาสบตาคิล  “หมอกที่มันลอยตัวอยู่ในห้องน่ะนายอาจไม่รู้ แต่ดูที่พื้นนี่สิ”

     

             คิลและคาโลมองตามที่โรบอก ในกลุ่มหมอกหนาที่ลอยวนเวียนเหนือพื้นมีแสงสีชมพู่เรืองขึ้นมา

     

    “หมอก? ในฝัน? ฉันฝันเหรอ”

     

    “ฉันด้วย นายด้วย คาโลและเฟรินก็ด้วยพวกเราฝันเหมือนกัน และดูเหมือนว่าแทบจะทั้งป้อมฝันเหมือนกัน”

     

    “นายกำลังหมายถึงเจ้ามงกุฏนั้น นายมั่นใจได้ไง”

     

    “เขากำลังคุยกับเฟรินอยู่แต่ฉันได้ยินไม่ชัด นายลองเงียบแล้วฟังสิ”

     

          เป็นจริงอย่างที่โรพูดเมื่อเสียงทุ้มต่ำแหบแห้งที่แผ่วเบา เบามากจนจับใจความไม่ได้ดังวนเวียนอยู่ในห้องโดยหาที่มาไม่ได้เหมือนกับว่าดังผ่านมาจากกลุ่มหมอกและส่งเข้าความฝันของคนที่หลับสนิท

     

    “มันก็ยังไม่แน่โร”

     

    “แน่สิ ถ้านายเป็นชาวทริสทรอร์อย่างฉันนายจะพูดอย่างนั้นไม่ได้แน่”

     

    “นายตั้งใจจะบอกอะไร”

     

    “....”

     

    “นายจะหาว่าเฟรินตกลงรับข้อเสนอนั้นงั้นเหรอ”

     

    “ก็อาจจะ”

     

         ผัวะ! หมัดที่กระแทบมาแรงจนเรียกเลือดจากโรได้ แต่คนโดนต่อยก็ทำแค่เช็ดเลือดออกจากมุมปากและยืนนิ่ง

     

    “เฟรินมันไม่ทำอย่างนั้นหลอก มันติ๊งต๊อง”

     

    “ใช่ หมอนั่นติ๊งต๊อง” พูดจบก็หันไปหาเจ้าคนที่เงียบมานานในห้อง

     

    “แล้วนายน่ะ มีวิธีช่วยอะไรได้บ้างไหมคาโล”

     

          คทาปรากฏขึ้นในมือของคาโลและฉายแสงจ้า ลมเย็นพัดเอื่อยในห้อง

     

    “ด้วยอำนาจ..”

     

          เปรี้ยงงงงง!!!! เพ๊ง!!!! พึ่งเริ่มต้นได้เพียงเท่านั้นสายฟ้าสายหนึ่งก็พุ่งลงมากระแทกหน้าต่างเหนือเตียงของโรเข้าอย่างจังจนกระจกที่แตกกระเด็นไปบาดต้นแขนคาโล

     

    “อึก! อะไร...” ร่างสูงของเขาทรุดลงไปกองกับพื้นผิวแก้วเริ่มแดงระเรือ เหงื่อกายไหลซึมพร้อมหายใจหอบ

     

    “คาโลๆ” คิลและโรรรีบวิ่งเข้าไปประครองและดูอาการด้วยความตกใจ

     

    “มันเกิดอะไรขึ้น ไอ้โรทำไรสักอย่างดิ” ในขณะที่หันไปคุยกับโรนัยต์ตาสีม่วงคู่นั้นก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจทำให้โรหันไปมองข้างหลังตาม  แสงสีชมพูจางๆที่พื้นเมื่อกี้ในตอนนี้มันเป็นสีแดง สัญลักษณ์รูปมงกุฏสีแดงเข้มขนาดใหญ่ลอยขึ้นเหนือเตียงของเฟริน อักขระอักษรเวทมนต์โบราณสีดำลอยต่อแถวเรียงตัวกันออกมาจากใต้เตียงของเฟรินและเรียงกันเป็นวงกลมล้อมรอบมงกุฏขนาดใหญ่  ประกายสายฟ้าสีน้ำเงินวิ่งไปมาบนตัวอักษร หมอกควันสีดำเข้มลอยขึ้นเหนือวงเวท ร่วมตัวกันเป็นมังกรตัวโตจนต้องขดตัวกลม  ปีกแข็งแรงของมันกางออกได้ไม่เต็มที่เพียงกระทบผนังห้องนิดเดียวกำแพงก็ร้าว  มันลืมตาขึ้นนัยน์ตาคู่ดุทอแสงสีทองมองเฟรินก่อนจะเบือนหน้าไปมองเพื่อนของเด็กหนุ่มอีกสามคนที่กองกันอยู่บนพื้น  และส่งเสียงคำรามดังก้องให้ได้ยินกันทั่วทั้งเอดินเบิร์ก  .........

     

     

     

    JJJJJJJJJJJJJJJJJJJ

     

    ต้องขอโทษด้วยค่ะกับการห่างหายไปนาน.......มาก!

    ถ้าคุณอ่านมาถึงตอนนี้ได้ล่ะก็ ขอบคุณจริงๆค่ะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×