คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : สัปดาห์
เมื่อผลรวมคะแนนสอบของสี่หอออกมา..... ป้อมอัศวินก็ไม่เลวร้ายเท่าไหร่นัก เมื่อคะแนนรวมการขี่ม้าและฟันดาบนั้นป้อมอัศวินนำจนชนะ แต่กับเวทมนต์นี่......ปราสาทขุนนางเขาเลย
เฮอ..... ก็ว่าแล้วว่าผลต้องเป็นอย่างนี้..... ก็แค่ได้ธงมาเพิ่มน้อย ก็แค่ยังเหลือแข่งเจ้าหมากกระดานกิ๊กก๊อกนั้นคอยช่วยเพิ่มคะแนน! ก็แค่ต้องซ้อมกันแทบตายเพราะสองสาวอย่างแองจี้กับมาทิลด้ากระหายชัยชนะจนเลือดขึ้นหน้าต้องเพิ่มบทฝึกซ้อมโหดหนึ่งสัปดาห์ก่อนการฝึกจริงจังอีกครั้งในช่วงหนึ่งเดือนก่อนลงสนาม!!
ก็แค่ต้องทนซ้อมทุกเลิกเรียนหลังจากนี้!!!
มันก็แค่ ก็แค่เท่านั้น!ไม่ได้มากอะไร ไม่ได้มาก ไม่ได้มาก ไม่ได้มากเกินแรง เล๊ยยยยย
จากด่านตีหินในวันแรก...
“เฟริน! นายช่วยออกแรงให้มันมากกว่านี้หน่อยได้ไหม เป็นผู้ชายจริงหรือป่าว มีแรงแค่นี้เหรอ” บ่นเสร็จเธอก็เดินออกไปดูคนอื่นต่อ ขณะที่เจ้าคนโดนว่าเพิ่มแรงหวดอีกเพื่อให้แม่เจ้าคุณพอใจและกระโดดหลบก้อนหินที่กระเด็ดเข้าหา ก่อนจะปลายตาดูนักบวชที่รอดมาได้จากการถูกบ่นด่าว่ากล่าวใดๆทั้งสิ้น ซีเบิล สวอน นักบวชร่างบางผิวขาว สุภาพ อ่อนโยนที่ดันหลงเข้ามาอยู่ป้อมบ้าเลือด (^- -)มันรอดมาได้ยังไงกับการตีที่ไม่ได้ครึ่งของเขาวะเนี่ย ยัยแองจี้นี่สองมาตรฐานจริงๆ เลือกบ่นจากคนนี่หว่า โด่!
“บ่นๆๆๆ ตัวเองแค่เดินดูคนอื่นไปเรื่อยขี้โกงจริงๆ สวยใช้ได้แท้ๆไม่น่าโหดเล๊ย.... หรือว่าที่จริงจะเป็นเพราะประจำเดือนมาเลยวีนแตก เฮ้อ..ความเรียบร้อยไม่ได้ครึ่งของเรนอลเลยจริงๆ อิจฉาคาโลชะมัด พับผ่าสิ”
“เลิกบ่นงึมงำคนเดียวแล้วซ้อมไปซะเฟริน!”
“คร๊าบบบ......คร๊าบบบ...... ขี้บ่นไปได้ เดี๋ยวหน้าก็เหี่ยวเกินวัยหรอก”
“.....”
เงียบ...? ทำไมถึงเงียบล่ะ สังหรณ์ไม่ดีทำให้ต้องหันไปมองแองจี้ที่ยืนอยู่ข้างหน้าประมาณห้าเมตรพร้อมคทาในมือและมองเพื่อนรอบข้างถอยห่างไปมากจนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนที่จะถูกโทษประหารกลางลานกว้างที่เติมไปด้วยเศษหินเกลือนกลาด จุดเงาบ่นพื้นที่ไม่ควรจะมีกลับมีทั่วไปในพื้นที่รอบตัวเขาบ่งบอกว่าบนฟ้าตอนนี้มีวัตถุประหลาดที่ไม่ควรจะอยู่ข้างบนลอยอยู่ เขากลืนน้ำลายลงคอ แล้วแจกยืมเหยเกให้แองจี้
“ฉันนี้มันปากเสียจังเนอะแองจี้ ไหนๆเรื่องมันก็ผ่านมาแล้วและเราก็เพื่อนกันด้วย ยกโทษให้กันดีกว่าเนอะ คนสวย พี่จะเป็นคนดีตั้งใจฝึก สัญญาด้วยเกียร์ติของลูกผู้ชายเลยครับ” ยิ้มหวานของแองจี้ทำให้เฟรินใจชื้นขึ้นมาหน่อย แต่....
“ไม่ทันแล้วล่ะเฟริน” ยัยโหดดดดดด!! ในวินาทีนั้นเองที่เฟรินเห็นความสะใจในประกายตาของแองจี้
“อ๊ากกกกกก...” ก้อนหินมากกว่าสองโหลตกกระหนำลงมาอย่าไม่ปราณี ฝุ่นหนาลอยคะคุ้ง และปิดท้ายวันนั้นของเฟรินที่โดนครี๊ดและคิลหามเข้าห้องพยาบาลและออกมาในสภาพขาซ้ายเข้าเฝือก แขนสองข้างและรอบศรีษะพันแผล เดือดร้อนให้คิลและโรช่วนหิ้วมันกลับห้อง
“แองจี้ทำกับนายเกินไปหน่อยนะ”
“แกใช้ตาหรือตาตุ่มมองวะโร สภาพอย่างศพอย่างนี้ใช้คำว่าหน่อยได้ที่ไหนกัน มากมายต่างหาก! ฉันโครตทึ้งเลยที่ตัวเองยังมีชีวิตอยู่ T^T”
“ไม่น่ารอด”
“ไอ้คาโล!” แล้วคนเจ็บก็เลยทำได้แค่ส่งสายตาดุและแยกเขี้ยวใส่
..................อาการบาดเจ็บของเขาเมื่อวานทำให้วันนี้เขาไม่ต้องเข้าเรียนได้สบายๆ ที่ทำก็แค่รอขอลอกแลคเชอร์กับรายงานการบ้านของไอ้โรหรือคาโล นั่งแก่วนอนแก่วอยู่ในห้องรอเวลาฟื้นตัว รอไอ้คิลเอาอาหารมาให้และรอพวกมันกลับห้อง
.....................มันควรเป็นอย่างนั้น... และมันจะเป็นอย่างนั้นถ้ายัยนี่ไม่ใช่คนบ้า!!!!!
แกร็ก.. ประตูห้องถูกเปิดออก ตาสีฟ้าคู่โตสวยกวาดดูทั่วห้องที่ว่างปล่าวก่อนที่จะสนใจเสียงประตูห้องน้ำและคนที่กระโดดขาเดียวออกมาด้วยความยากลำบาก และพอเจ้าหมอนั่นเห็นเธอก็สะดุ้งไปเลย .. เธอยิ้มออกมาน้อยๆกับความคิดที่ว่าเฟรินทำตัวน่ารักดีพอเจอกับท่าทางตกใจเหมือนเด็กกลัวผู้ใหญ่อย่างนี้แล้ว....ก็ชอบนะ ตาคู่โตมองสำรวจคนตรงหน้าอีกสักพัก
“นึกว่าจะอาการหนักกว่านี้ซะอีกนะเนี่ย ยังเดินได้หยิบของได้สินะ”
“คนมันเก่ง!” แองจี้นึกหมั่นใส่คนตรงหน้าที่โม้ไม่ได้ดูสภาพตัวเองแล้วยังแถมยังคิ้วข้างหนึ่งให้เธออีก
“งั้นก็ดีจะได้ซ้อมต่อ”
“ฮะ!!! o0o ฉันสภาพขนาดนี้แล้วยังจะต่ออีกเหรอ โหดร้ายเกินไปแล้ววว!! ม่ายยย” แองจี้กรอกตาอย่างนำคาญ
“ไม่อยากตายก็หุบปาก...” แองจี้เดินเขามาด้วยท่าทีนิ่งๆแล้วนั่งลงที่โต๊ะกลางห้อง มองเฟรินที่ดูท่าทางฮึดฮัดหัวเสียกระโดดเหย่งๆอย่างหมดสภาพมานั่งที่เก้าอี้
“จะให้ทำอะไรครับคุณผู้หญิง(- -) ที่จริงฉันควรจะได้พักผ่อนนะ”
“ฉันจะสอนเวทมนต์บทที่เรียนไปในวันนี้และบทอื่นที่เรียนมาแล้วและนายทำไม่ได้ อืม...ที่จริงเอาบทที่นายไม่คล่องเท่าไหร่ด้วยก็ดีนะ...”
“ฉันว่าฉันถนัดดาบมากกว่า ถ้าจะสอนเวทย์มนต์ให้ฉันพักดีกว่า”
“แน่นอนสิถ้าดูจากความห่วยด้านความจำของนาย ดาบก็ดี”
“อย่ามาว่าฉันนะ ให้ฉันหายแล้วค่อยซ้อมดาบยังเข้าท่ากว่า”
“ก็มันจริง บทง่ายๆนายยังจำไม่ได้ ดีที่ยังพอใช้สอบกับอาจารย์วิ้งกี้ได้”
“งั้นก็ไม่ต้องให้ยุ่งกับเวท”
“นายอยากพัก” รอยยิ้มอันตรายแต้มขึ้นที่หน้าแองจี้
“.......”
“งั้นให้พักยาวเลยเป็นไง”
“.....เราเริ่มเรียนกันดีกว่า อยู่เฉยๆน่าเบื่อจะตายไปเนอะคนสวยเนอะ (^^ )^”
“อืม....ว่าง่ายอย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย (^^)”
ปีหนึ่งป้อมอัศวินต่างเดินย้ายสังขารของตัวเองไปนั่งหมดสภาพกันที่ห้องนั่งเล่นชั้นปี ยกเว้นก็แต่สามคนที่ครองตำแหน่งหัวหน้าชั้นปี คาโล โร และคิล ที่เดินกลับห้องไปดูเพื่อน
เสียงเดินดังขึ้นท่ามกลางระเบียงทางเดินที่เงียบสงบ ประตูห้องหัวหน้าชั้นปีถูกเปิด และสมาชิกอีกสามคนก็เข้าห้องตัวเอง ตรงไปที่เตียงของคนป่วยที่ท่าทางจะหลับเป็นตาย บนหัวของเจ้านี้ถูกเปลี่ยนผ้าพันใหม่ มีรอยฝ่ามือเพิ่มขึ้นที่ข้างแก้ม ที่เหลือก็....ไม่มีอะไรแล้วมั้ง
“หลับสนิทเลยแฮะ ถ้าทางจะโดนมาหนัก” นัยน์ตาสีเขียวมีแววไม่พอใจนิดหน่อย ก่อนจะหันไปหาอีกสองคนในห้องที่มองเฟรินนิ่ง
“.......”
“.......”
...............วันที่สามของการฝึก ...
แกร็ก... ประตูห้องถูกเปิดและเรนอลก้าวเข้ามาในห้องหัวหน้าชั้นปีพร้อมกับถาดยา และผงะไปนิดเมื่อพบว่าคนของห้องนี้ต่างอยู่กันครบ ก่อนจะยิ้มให้
คาโล กึ่งนอนกึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เตียงตัวเอง
คิล พิงขอบหน้าต่างกว้างข้างเตียงเฟริน
โร นั่งจิบชาอยู่ที่โต๊ะกลางห้อง
และ เฟริน เด็กหนุ่มเจ้าของยาที่เธอยกมาให้นั่นนอนอยู่ที่เตียงตัวเอง
“อยู่กันครบเลยนะคะ วันนี้คุณแองจี้กับคุณมาทิลด้าให้ซ้อมไม่ใช่เหรอคะ” เธอวางถาดยาไว้ที่โต๊ะและกวาดตามองทุกคนอีกครั้ง
“เป็นห่วงคุณเฟรินกันสินะคะ แล้ว..คุณเฟรินหลับไปตั้งแต่ตอนไหนคะเนี่ย”
“กินเสร็จ”
“เดี๋ยวคุณแองจี้ก็จะเข้ามาแล้ว ฉันไปก่อนนะคะ”
“เดี๋ยว”
“มีอะไรเหรอคะ คาโล”
“แองจี้ทำยานี้เองเหรอ”
“ใช่ค่ะ เธอดูกังวลที่ทำกับคุณเฟรินไว้ วันนี้ก็เลยจะให้หยุดพักค่ะ นี่ก็เป็นยาที่คุณแองจี้ทำไว้ตั้งแต่ที่ทำคุณเฟรินเจ็บในวันแรกที่ซ้อม เดี๋ยวเธอก็คงจะมา ฉันว่าพวกคุณไปซ้อมดีกว่าค่ะ”
“มือ?”
“มีดบาดนิดหน่อยตอนเตรียมสมุนรไพรให้คุณแองจี้น่ะค่ะคาโล” เรนอลยิ้มหวานให้คาโล
“ระวังหน่อยสิ” คาโลเดินเข้ามาจับมือเรนอลและดึงไปที่ประตูก่อนจะหันมาหาเพื่อนอีกสองคนในห้อง “รอดูก่อน” คำพูดสั่นๆที่ทำคิลถอนหายใจแต่คิลและโรก็ลุกออกจากห้องไปโดยไม่แย้งอะไรและทั้งหมดก็จากไป
.....................แกร๊ก.. ตาคู่โตมองคนบนเตียงอย่างรู้สึกผิดปนความเป็นห่วงเมื่อเห็นสภาพของคนตรงหน้าที่โดนเธอทำร้าย ก็...เจ้านี่ชอบพูดจาวอนความรุนแรงหนิ
กระระมังใบเล็กและผ้าที่เตรียมมาถูกวางไว้บนหัวเตียง แองจี้ใช้ผ้าชุบน้ำแล้วค่อยๆเช็ดหน้าให้อย่างเบามือ ความรู้สึกประหม่าแทรกเข้ามา มือน้อยๆเริ่มแกะผ้าพันแผลที่แขนสองข้างทายาและพันแผลใหม่ ร่ายมนต์รักษาที่ขาที่ถูกเข้าเฝือกและกลับมาดูแผลที่หัว แค่ยื่นมือออกไปแตะผ้านั้นมือก็เกิดอาการสั่นน้อยๆอย่างไม่มีเหตุผล มองหน้าคนที่นอนอยู่หัวใจก็กระตุกไปวูบหนึ่งก่อนจะมีความรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาดแทรกเข้ามา เธอทำแผลต่อไปพร้อมกับอาการประหม่าและอึดอัด
“เฮ้อ.......เสร็จสักที” เธอหันไปมองที่หน้าต่าง ลมพัดเข้ามาให้ผ้าม่านบางๆสีลาเวนเดอร์พลิวไหวบรรยากาศข้างนอกที่เย็นและแสงอาทิตย์ที่อ่อนลง ลมที่พัดเข้ามาทำให้เธอต้องปัดผมไปทัดไว้ที่หู
“เย็นแล้วเหรอเนี่ย...”
เธอหันกลับมามองหน้าคนหลับอีกครั้ง ยื่นมือไปจับมือเฟรินและยิ้มให้
”ถึงในห้องจะยังดูวุ่นวายอยู่ แต่มันเหงาไปหน่อยนะพอนายไม่อยู่ หายไวๆล่ะ...”
แกร๊ก.. แองจี้ผงะไปนิดเมื่อปิดประตูเสร็จและหันไปเจอคิลพิงกำแพงอยู่
“แค่พวกฉันยอมให้ และพวกเธอคอยช่วยไอ้โรกับคาโลในหน้าที่หัวหน้าชั้นปีไม่ได้หมายความว่าเธอจะมีสิทธิ์คุมหรือทำร้ายพวกฉันได้”
“......”
พอเห็นแองจี้นิ่งไปคิลก็ดันเธอออกเบาๆและเปิดประตูเข้าห้องไป...
และ...............วันต่อมา..งานก็ดูเยอะกว่าทุกที! ให้มันได้อย่างนี้สิ! ทำไมแค่เขาลืมตามงานไปสองวันรายงานมันถึงเยอะนักนะ
“โว้ยยย ไม่ไหวแล้ววววว”
“เลิกทึ้งหัวตัวเองได้แล้วเฟริน มันดูบ้า”
“ประสาท”
“นี่คือคำพูดที่แกสองคนใช้ทักเพื่อนที่กำลังประสาทเสียเหรอ” เฟรินแยกเขี้ยวให้โรกับคาโล ไอ้สองตัวนี่มารวมตัวกันแล้วมันน่าหงุดหงิดชะมัด
“ก็มันจริงอย่างที่โรกับคาโลมันว่าหนิ” คิลพูดยิ้มๆพรางยักไหล่ก่อนจะวางถาดอาหารของตัวเองและเจ้าคนป่วยลงบนโต๊ะ
“แกไม่มานั่งหงอยอยู่คนเดียวแถมพ่วงมาด้วยงานถ่วมหัวที่แทบจะทับกันตายได้ แกไม่เข้าใจหรอก”
“เวอร์แล้วๆ” คิลมองเฟรินเริ่มกินอาหารอย่างมูมมาม
“แออี งำๆๆๆๆ แกมีความผิดโทษฐานเอาข้าวมาให้ฉันน้อยไปนะคิล”
“วันๆทำแค่นั่งง่อยเขียนรายงานแกจะเอาอะไรนักหนา เดี๋ยวก็ไม่เอาอาหารมาให้เลย”
”อะไรๆ ท่านเฟรินคนนี้ไม่ได้ง่อยเว้ย ฉันกินข้าวได้เข้าห้องน้ำได้ โด่.. อย่าได้ดูถูก”
“นายเก่ง?”
“อุบ๊ะ แน่สิคาโล ฮ่าๆๆๆๆ”
“งั้นนี่”
ปึง! ช้อนของเฟรินที่เตรียมจะยัดข้าวเข้าปากถือค้างกลางอาการ แถมยังนั่งตาโตค้าง เสียงที่ใช้เป็นทุกวันกลับดูจะติดขัด
“อะ อะ.... อะไร” เฟรินละสายตาจากหนังสือ กระดาษและสมุดบนโต๊ะไปที่เจ้าคนที่วางมันลงอย่างแรง
“หึ แลคเชอร์วิชาหน้ากากฟาโรว์ คุณสมบัติราชัน ประวัติศาสตร์และทฤษฎีการใช้เงิน และรายงานประวัติไฮคิงพระองค์แรกจนถึงปัจจุบัน”
“ฆ่ากันชัดๆ! อะไรกัน ทำไมการบ้านของแต่ละวันมันเยอะขึ้นแถบจะสองเท่าของงานปกติล่ะ ไม่จริง”
“นายคงไม่อยากมีเรื่องให้โดนหักธงจนสามสาวมาโวยใช่ไหม” โรที่นั่งกินข้าวเงยหน้าขึ้นมาพูดบ้าง
“โอ๊ย....ฉันปวดหัว.... ปวดตับ ปวดม๊าม ปวดไต โอ๊ยยยยย เครียด!”พูดจบมือที่นิ่งค้างอยู่นานก็ทำหน้าที่ของมันเป็นอย่างดี โดยการจับนู่นนี่ยัดเข้าปากไม่ยั้งเป็นการดับเครียด และเพื่อนอย่างโรที่เหมือนจะอ่านใจทุกคนออกก็หยิบขนมปังอีกสองก้อนที่เตรียมมาให้เฟรินเพิ่มอย่างรู้งาน
“สักวันฉันอาจจะเห็นมันข้าวติดคอตายว่าไหม” คิลหันไปมองโรกับคาโล
“อืม” คาโลว่าและหันไปมองโรเชิงถาม
“ฉันไม่คิดว่างั้นนะ” โรยิ้มให้หันไปมองเฟรินที่พึงกินคำสุดท้ายเสร็จแล้วจึงหยิบจานตัวเองและเฟริน ก่อนจะลุกขึ้น “ไปเรียนกันได้แล้วมั้ง..”
“ได้”คิลพยักหน้าและจะลุกขึ้นตาม
“พวกแกจะทิ้งฉันอีกแล้วเหรอ โห...”
“เดี๋ยวก่อนซ้อมฉันก็ต้องขึ้นมาให้อาหารแกอยู่ดี”คิลว่าและเปิดประตูออกไปกับเพื่อนๆโดยที่คนในห้องก็บ่นตามหลังมาไม่หยุดปากอย่างที่มักจะทำเป็นประจำนั่นล่ะ
ปึง.
“พวกนายก็หลอกให้เจ้านั่นทำรายงานเยอะไปนะ”
“อย่างน้อยเจ้านั่นก็ได้มีอะไรเข้าหัวมากกว่านั่งหลับในห้องนะคิล”
“ฉันเห็นด้วยกับโร”
“ก็จริงอย่างที่พวกนายว่า อยู่เฉยๆมันน่าเบื่อออกจะตาย...แต่อยู่กับงานน่าเบื่อๆมันดูแย่กว่า แล้วตอนขึ้นไปหาเฟรินพวกนายคิดว่าไง” คิลหันไปมองเพื่อนสองคนข้างๆ
“หมอนั่นจะไม่เห็นแองจี้จนกว่าการฝึกซ้อมจะจบหรือจนกว่าจะดีขึ้นจนพอที่จะเจ็บตัวจากฝีมือแองจี้ได้ อย่างน้อยสภาพของเจ้านั่นจะได้ไม่ต้องแย่ไปกว่านนี้” โรมองคิลอย่างจริงจัง
แองจี้เข้ามาหาเฟรินในตอนเย็นเหมือนที่ทำในทุกวันตลอดจนวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของการฝึกหนึ่งสัปดาห์ เธอมาทำความสะอาดแผลและทำแผลให้เฟรินเหมือนทุกครั้งและมักจะยิ้มให้คนที่หลับไม่รู้เรื่องคนนี้ทุกครั้ง
“จนสุดท้าย..เพื่อนนายก็ไม่ยอมให้นายต้องเจอฉันสินะ” แองจี้พึมพำเบาๆ ก่อนจะออกไปจากห้องของเฟรินและทิ้งให้เขาหลับ..... หลับเพราะเวทมนต์ เพื่อนนายเป็นห่วงนายจังนะเฟริน....
...... แต่ฉันก็ห่วงนายนะ ขอโทษด้วยกับสิ่งที่ทำ ฉันชอบดูแลนายนะ......
..........................................
ความคิดเห็น