ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บารามอส(บาราเฮ เอดินตี้ เฟรี่ เฟริน)

    ลำดับตอนที่ #11 : สัปดาห์

    • อัปเดตล่าสุด 12 ธ.ค. 60


         เมื่อผลรวมคะแนนสอบของสี่หอออกมา..... ป้อมอัศวินก็ไม่เลวร้ายเท่าไหร่นัก เมื่อคะแนนรวมการขี่ม้าและฟันดาบนั้นป้อมอัศวินนำจนชนะ แต่กับเวทมนต์นี่......ปราสาทขุนนางเขาเลย  

     

          เฮอ..... ก็ว่าแล้วว่าผลต้องเป็นอย่างนี้.....  ก็แค่ได้ธงมาเพิ่มน้อย  ก็แค่ยังเหลือแข่งเจ้าหมากกระดานกิ๊กก๊อกนั้นคอยช่วยเพิ่มคะแนน!  ก็แค่ต้องซ้อมกันแทบตายเพราะสองสาวอย่างแองจี้กับมาทิลด้ากระหายชัยชนะจนเลือดขึ้นหน้าต้องเพิ่มบทฝึกซ้อมโหดหนึ่งสัปดาห์ก่อนการฝึกจริงจังอีกครั้งในช่วงหนึ่งเดือนก่อนลงสนาม!!

     

         ก็แค่ต้องทนซ้อมทุกเลิกเรียนหลังจากนี้!!!

         มันก็แค่  ก็แค่เท่านั้น!ไม่ได้มากอะไร ไม่ได้มาก ไม่ได้มาก ไม่ได้มากเกินแรง เล๊ยยยยย

     

    จากด่านตีหินในวันแรก...

     

    “เฟริน! นายช่วยออกแรงให้มันมากกว่านี้หน่อยได้ไหม เป็นผู้ชายจริงหรือป่าว มีแรงแค่นี้เหรอ” บ่นเสร็จเธอก็เดินออกไปดูคนอื่นต่อ ขณะที่เจ้าคนโดนว่าเพิ่มแรงหวดอีกเพื่อให้แม่เจ้าคุณพอใจและกระโดดหลบก้อนหินที่กระเด็ดเข้าหา  ก่อนจะปลายตาดูนักบวชที่รอดมาได้จากการถูกบ่นด่าว่ากล่าวใดๆทั้งสิ้น ซีเบิล สวอน นักบวชร่างบางผิวขาว สุภาพ อ่อนโยนที่ดันหลงเข้ามาอยู่ป้อมบ้าเลือด   (^- -)มันรอดมาได้ยังไงกับการตีที่ไม่ได้ครึ่งของเขาวะเนี่ย ยัยแองจี้นี่สองมาตรฐานจริงๆ เลือกบ่นจากคนนี่หว่า โด่!

     

    “บ่นๆๆๆ  ตัวเองแค่เดินดูคนอื่นไปเรื่อยขี้โกงจริงๆ สวยใช้ได้แท้ๆไม่น่าโหดเล๊ย.... หรือว่าที่จริงจะเป็นเพราะประจำเดือนมาเลยวีนแตก เฮ้อ..ความเรียบร้อยไม่ได้ครึ่งของเรนอลเลยจริงๆ อิจฉาคาโลชะมัด พับผ่าสิ”

     

    “เลิกบ่นงึมงำคนเดียวแล้วซ้อมไปซะเฟริน!

     

    “คร๊าบบบ......คร๊าบบบ...... ขี้บ่นไปได้ เดี๋ยวหน้าก็เหี่ยวเกินวัยหรอก”

     

    “.....”

     

            เงียบ...? ทำไมถึงเงียบล่ะ สังหรณ์ไม่ดีทำให้ต้องหันไปมองแองจี้ที่ยืนอยู่ข้างหน้าประมาณห้าเมตรพร้อมคทาในมือและมองเพื่อนรอบข้างถอยห่างไปมากจนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนที่จะถูกโทษประหารกลางลานกว้างที่เติมไปด้วยเศษหินเกลือนกลาด จุดเงาบ่นพื้นที่ไม่ควรจะมีกลับมีทั่วไปในพื้นที่รอบตัวเขาบ่งบอกว่าบนฟ้าตอนนี้มีวัตถุประหลาดที่ไม่ควรจะอยู่ข้างบนลอยอยู่ เขากลืนน้ำลายลงคอ แล้วแจกยืมเหยเกให้แองจี้  

     

    “ฉันนี้มันปากเสียจังเนอะแองจี้  ไหนๆเรื่องมันก็ผ่านมาแล้วและเราก็เพื่อนกันด้วย ยกโทษให้กันดีกว่าเนอะ คนสวย พี่จะเป็นคนดีตั้งใจฝึก สัญญาด้วยเกียร์ติของลูกผู้ชายเลยครับ” ยิ้มหวานของแองจี้ทำให้เฟรินใจชื้นขึ้นมาหน่อย แต่....

     

    “ไม่ทันแล้วล่ะเฟริน” ยัยโหดดดดดด!! ในวินาทีนั้นเองที่เฟรินเห็นความสะใจในประกายตาของแองจี้

     

    “อ๊ากกกกกก...” ก้อนหินมากกว่าสองโหลตกกระหนำลงมาอย่าไม่ปราณี ฝุ่นหนาลอยคะคุ้ง และปิดท้ายวันนั้นของเฟรินที่โดนครี๊ดและคิลหามเข้าห้องพยาบาลและออกมาในสภาพขาซ้ายเข้าเฝือก แขนสองข้างและรอบศรีษะพันแผล เดือดร้อนให้คิลและโรช่วนหิ้วมันกลับห้อง

     

    “แองจี้ทำกับนายเกินไปหน่อยนะ”

     

    “แกใช้ตาหรือตาตุ่มมองวะโร สภาพอย่างศพอย่างนี้ใช้คำว่าหน่อยได้ที่ไหนกัน มากมายต่างหาก! ฉันโครตทึ้งเลยที่ตัวเองยังมีชีวิตอยู่ T^T

     

    “ไม่น่ารอด”

     

    “ไอ้คาโล! แล้วคนเจ็บก็เลยทำได้แค่ส่งสายตาดุและแยกเขี้ยวใส่

     

     

                ..................อาการบาดเจ็บของเขาเมื่อวานทำให้วันนี้เขาไม่ต้องเข้าเรียนได้สบายๆ ที่ทำก็แค่รอขอลอกแลคเชอร์กับรายงานการบ้านของไอ้โรหรือคาโล นั่งแก่วนอนแก่วอยู่ในห้องรอเวลาฟื้นตัว รอไอ้คิลเอาอาหารมาให้และรอพวกมันกลับห้อง

     

                 .....................มันควรเป็นอย่างนั้น...  และมันจะเป็นอย่างนั้นถ้ายัยนี่ไม่ใช่คนบ้า!!!!!  

     

    แกร็ก.. ประตูห้องถูกเปิดออก ตาสีฟ้าคู่โตสวยกวาดดูทั่วห้องที่ว่างปล่าวก่อนที่จะสนใจเสียงประตูห้องน้ำและคนที่กระโดดขาเดียวออกมาด้วยความยากลำบาก และพอเจ้าหมอนั่นเห็นเธอก็สะดุ้งไปเลย .. เธอยิ้มออกมาน้อยๆกับความคิดที่ว่าเฟรินทำตัวน่ารักดีพอเจอกับท่าทางตกใจเหมือนเด็กกลัวผู้ใหญ่อย่างนี้แล้ว....ก็ชอบนะ    ตาคู่โตมองสำรวจคนตรงหน้าอีกสักพัก

     

    “นึกว่าจะอาการหนักกว่านี้ซะอีกนะเนี่ย ยังเดินได้หยิบของได้สินะ”

     

    “คนมันเก่ง!” แองจี้นึกหมั่นใส่คนตรงหน้าที่โม้ไม่ได้ดูสภาพตัวเองแล้วยังแถมยังคิ้วข้างหนึ่งให้เธออีก

     

    “งั้นก็ดีจะได้ซ้อมต่อ”

     

    “ฮะ!!! o0o ฉันสภาพขนาดนี้แล้วยังจะต่ออีกเหรอ โหดร้ายเกินไปแล้ววว!! ม่ายยย” แองจี้กรอกตาอย่างนำคาญ

     

    “ไม่อยากตายก็หุบปาก...” แองจี้เดินเขามาด้วยท่าทีนิ่งๆแล้วนั่งลงที่โต๊ะกลางห้อง มองเฟรินที่ดูท่าทางฮึดฮัดหัวเสียกระโดดเหย่งๆอย่างหมดสภาพมานั่งที่เก้าอี้

     

    “จะให้ทำอะไรครับคุณผู้หญิง(- -) ที่จริงฉันควรจะได้พักผ่อนนะ”

     

    “ฉันจะสอนเวทมนต์บทที่เรียนไปในวันนี้และบทอื่นที่เรียนมาแล้วและนายทำไม่ได้  อืม...ที่จริงเอาบทที่นายไม่คล่องเท่าไหร่ด้วยก็ดีนะ...”

     

    “ฉันว่าฉันถนัดดาบมากกว่า ถ้าจะสอนเวทย์มนต์ให้ฉันพักดีกว่า”

     

    “แน่นอนสิถ้าดูจากความห่วยด้านความจำของนาย ดาบก็ดี”

     

    “อย่ามาว่าฉันนะ ให้ฉันหายแล้วค่อยซ้อมดาบยังเข้าท่ากว่า”

     

    “ก็มันจริง บทง่ายๆนายยังจำไม่ได้ ดีที่ยังพอใช้สอบกับอาจารย์วิ้งกี้ได้”

     

    “งั้นก็ไม่ต้องให้ยุ่งกับเวท”

     

    “นายอยากพัก” รอยยิ้มอันตรายแต้มขึ้นที่หน้าแองจี้

     

    “.......”

     

    “งั้นให้พักยาวเลยเป็นไง”

     

    “.....เราเริ่มเรียนกันดีกว่า อยู่เฉยๆน่าเบื่อจะตายไปเนอะคนสวยเนอะ (^^ )^

     

    “อืม....ว่าง่ายอย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย (^^)”

     

              ปีหนึ่งป้อมอัศวินต่างเดินย้ายสังขารของตัวเองไปนั่งหมดสภาพกันที่ห้องนั่งเล่นชั้นปี ยกเว้นก็แต่สามคนที่ครองตำแหน่งหัวหน้าชั้นปี คาโล โร และคิล ที่เดินกลับห้องไปดูเพื่อน

                 เสียงเดินดังขึ้นท่ามกลางระเบียงทางเดินที่เงียบสงบ ประตูห้องหัวหน้าชั้นปีถูกเปิด และสมาชิกอีกสามคนก็เข้าห้องตัวเอง ตรงไปที่เตียงของคนป่วยที่ท่าทางจะหลับเป็นตาย บนหัวของเจ้านี้ถูกเปลี่ยนผ้าพันใหม่ มีรอยฝ่ามือเพิ่มขึ้นที่ข้างแก้ม ที่เหลือก็....ไม่มีอะไรแล้วมั้ง

     

    “หลับสนิทเลยแฮะ ถ้าทางจะโดนมาหนัก” นัยน์ตาสีเขียวมีแววไม่พอใจนิดหน่อย ก่อนจะหันไปหาอีกสองคนในห้องที่มองเฟรินนิ่ง

     

    “.......”

     

    “.......”

     

     

             ...............วันที่สามของการฝึก ...

     

             แกร็ก... ประตูห้องถูกเปิดและเรนอลก้าวเข้ามาในห้องหัวหน้าชั้นปีพร้อมกับถาดยา และผงะไปนิดเมื่อพบว่าคนของห้องนี้ต่างอยู่กันครบ ก่อนจะยิ้มให้

       

              คาโล กึ่งนอนกึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เตียงตัวเอง

              คิล  พิงขอบหน้าต่างกว้างข้างเตียงเฟริน

              โร นั่งจิบชาอยู่ที่โต๊ะกลางห้อง

    และ    เฟริน เด็กหนุ่มเจ้าของยาที่เธอยกมาให้นั่นนอนอยู่ที่เตียงตัวเอง

     

    “อยู่กันครบเลยนะคะ วันนี้คุณแองจี้กับคุณมาทิลด้าให้ซ้อมไม่ใช่เหรอคะ” เธอวางถาดยาไว้ที่โต๊ะและกวาดตามองทุกคนอีกครั้ง

     

    “เป็นห่วงคุณเฟรินกันสินะคะ แล้ว..คุณเฟรินหลับไปตั้งแต่ตอนไหนคะเนี่ย”

     

    “กินเสร็จ”

     

    “เดี๋ยวคุณแองจี้ก็จะเข้ามาแล้ว ฉันไปก่อนนะคะ”

     

    “เดี๋ยว”

     

    “มีอะไรเหรอคะ คาโล”

     

    “แองจี้ทำยานี้เองเหรอ”

     

    “ใช่ค่ะ เธอดูกังวลที่ทำกับคุณเฟรินไว้ วันนี้ก็เลยจะให้หยุดพักค่ะ นี่ก็เป็นยาที่คุณแองจี้ทำไว้ตั้งแต่ที่ทำคุณเฟรินเจ็บในวันแรกที่ซ้อม เดี๋ยวเธอก็คงจะมา ฉันว่าพวกคุณไปซ้อมดีกว่าค่ะ”

     

    “มือ?”

     

    “มีดบาดนิดหน่อยตอนเตรียมสมุนรไพรให้คุณแองจี้น่ะค่ะคาโล” เรนอลยิ้มหวานให้คาโล

     

    “ระวังหน่อยสิ” คาโลเดินเข้ามาจับมือเรนอลและดึงไปที่ประตูก่อนจะหันมาหาเพื่อนอีกสองคนในห้อง “รอดูก่อน” คำพูดสั่นๆที่ทำคิลถอนหายใจแต่คิลและโรก็ลุกออกจากห้องไปโดยไม่แย้งอะไรและทั้งหมดก็จากไป

     

     

             .....................แกร๊ก.. ตาคู่โตมองคนบนเตียงอย่างรู้สึกผิดปนความเป็นห่วงเมื่อเห็นสภาพของคนตรงหน้าที่โดนเธอทำร้าย ก็...เจ้านี่ชอบพูดจาวอนความรุนแรงหนิ

     

             กระระมังใบเล็กและผ้าที่เตรียมมาถูกวางไว้บนหัวเตียง แองจี้ใช้ผ้าชุบน้ำแล้วค่อยๆเช็ดหน้าให้อย่างเบามือ  ความรู้สึกประหม่าแทรกเข้ามา มือน้อยๆเริ่มแกะผ้าพันแผลที่แขนสองข้างทายาและพันแผลใหม่  ร่ายมนต์รักษาที่ขาที่ถูกเข้าเฝือกและกลับมาดูแผลที่หัว แค่ยื่นมือออกไปแตะผ้านั้นมือก็เกิดอาการสั่นน้อยๆอย่างไม่มีเหตุผล มองหน้าคนที่นอนอยู่หัวใจก็กระตุกไปวูบหนึ่งก่อนจะมีความรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาดแทรกเข้ามา เธอทำแผลต่อไปพร้อมกับอาการประหม่าและอึดอัด

     

    “เฮ้อ.......เสร็จสักที” เธอหันไปมองที่หน้าต่าง ลมพัดเข้ามาให้ผ้าม่านบางๆสีลาเวนเดอร์พลิวไหวบรรยากาศข้างนอกที่เย็นและแสงอาทิตย์ที่อ่อนลง ลมที่พัดเข้ามาทำให้เธอต้องปัดผมไปทัดไว้ที่หู

     

    “เย็นแล้วเหรอเนี่ย...”

     

               เธอหันกลับมามองหน้าคนหลับอีกครั้ง ยื่นมือไปจับมือเฟรินและยิ้มให้

     

    ”ถึงในห้องจะยังดูวุ่นวายอยู่ แต่มันเหงาไปหน่อยนะพอนายไม่อยู่ หายไวๆล่ะ...”

     

    แกร๊ก.. แองจี้ผงะไปนิดเมื่อปิดประตูเสร็จและหันไปเจอคิลพิงกำแพงอยู่

     

    “แค่พวกฉันยอมให้ และพวกเธอคอยช่วยไอ้โรกับคาโลในหน้าที่หัวหน้าชั้นปีไม่ได้หมายความว่าเธอจะมีสิทธิ์คุมหรือทำร้ายพวกฉันได้”

     

    “......”

     

              พอเห็นแองจี้นิ่งไปคิลก็ดันเธอออกเบาๆและเปิดประตูเข้าห้องไป...

     

    และ...............วันต่อมา..งานก็ดูเยอะกว่าทุกที! ให้มันได้อย่างนี้สิ! ทำไมแค่เขาลืมตามงานไปสองวันรายงานมันถึงเยอะนักนะ

     

    “โว้ยยย ไม่ไหวแล้ววววว”

     

    “เลิกทึ้งหัวตัวเองได้แล้วเฟริน มันดูบ้า”

     

    “ประสาท”

     

    “นี่คือคำพูดที่แกสองคนใช้ทักเพื่อนที่กำลังประสาทเสียเหรอ” เฟรินแยกเขี้ยวให้โรกับคาโล ไอ้สองตัวนี่มารวมตัวกันแล้วมันน่าหงุดหงิดชะมัด

     

    “ก็มันจริงอย่างที่โรกับคาโลมันว่าหนิ” คิลพูดยิ้มๆพรางยักไหล่ก่อนจะวางถาดอาหารของตัวเองและเจ้าคนป่วยลงบนโต๊ะ

     

    “แกไม่มานั่งหงอยอยู่คนเดียวแถมพ่วงมาด้วยงานถ่วมหัวที่แทบจะทับกันตายได้ แกไม่เข้าใจหรอก”

     

    “เวอร์แล้วๆ” คิลมองเฟรินเริ่มกินอาหารอย่างมูมมาม

     

    “แออี งำๆๆๆๆ แกมีความผิดโทษฐานเอาข้าวมาให้ฉันน้อยไปนะคิล”

     

    “วันๆทำแค่นั่งง่อยเขียนรายงานแกจะเอาอะไรนักหนา เดี๋ยวก็ไม่เอาอาหารมาให้เลย”

     

    ”อะไรๆ ท่านเฟรินคนนี้ไม่ได้ง่อยเว้ย ฉันกินข้าวได้เข้าห้องน้ำได้ โด่..  อย่าได้ดูถูก”

     

    “นายเก่ง?”

     

    “อุบ๊ะ แน่สิคาโล ฮ่าๆๆๆๆ”

     

    “งั้นนี่”

             ปึง! ช้อนของเฟรินที่เตรียมจะยัดข้าวเข้าปากถือค้างกลางอาการ แถมยังนั่งตาโตค้าง เสียงที่ใช้เป็นทุกวันกลับดูจะติดขัด

     

    “อะ อะ.... อะไร” เฟรินละสายตาจากหนังสือ กระดาษและสมุดบนโต๊ะไปที่เจ้าคนที่วางมันลงอย่างแรง

     

    “หึ แลคเชอร์วิชาหน้ากากฟาโรว์ คุณสมบัติราชัน ประวัติศาสตร์และทฤษฎีการใช้เงิน และรายงานประวัติไฮคิงพระองค์แรกจนถึงปัจจุบัน”

     

    “ฆ่ากันชัดๆ!  อะไรกัน ทำไมการบ้านของแต่ละวันมันเยอะขึ้นแถบจะสองเท่าของงานปกติล่ะ ไม่จริง”

     

    “นายคงไม่อยากมีเรื่องให้โดนหักธงจนสามสาวมาโวยใช่ไหม” โรที่นั่งกินข้าวเงยหน้าขึ้นมาพูดบ้าง

     

    “โอ๊ย....ฉันปวดหัว.... ปวดตับ ปวดม๊าม ปวดไต โอ๊ยยยยย เครียด!”พูดจบมือที่นิ่งค้างอยู่นานก็ทำหน้าที่ของมันเป็นอย่างดี โดยการจับนู่นนี่ยัดเข้าปากไม่ยั้งเป็นการดับเครียด และเพื่อนอย่างโรที่เหมือนจะอ่านใจทุกคนออกก็หยิบขนมปังอีกสองก้อนที่เตรียมมาให้เฟรินเพิ่มอย่างรู้งาน

     

    “สักวันฉันอาจจะเห็นมันข้าวติดคอตายว่าไหม” คิลหันไปมองโรกับคาโล

     

    “อืม” คาโลว่าและหันไปมองโรเชิงถาม

     

    “ฉันไม่คิดว่างั้นนะ” โรยิ้มให้หันไปมองเฟรินที่พึงกินคำสุดท้ายเสร็จแล้วจึงหยิบจานตัวเองและเฟริน ก่อนจะลุกขึ้น “ไปเรียนกันได้แล้วมั้ง..”

     

    “ได้”คิลพยักหน้าและจะลุกขึ้นตาม

     

    “พวกแกจะทิ้งฉันอีกแล้วเหรอ โห...”

     

    “เดี๋ยวก่อนซ้อมฉันก็ต้องขึ้นมาให้อาหารแกอยู่ดี”คิลว่าและเปิดประตูออกไปกับเพื่อนๆโดยที่คนในห้องก็บ่นตามหลังมาไม่หยุดปากอย่างที่มักจะทำเป็นประจำนั่นล่ะ

     

             ปึง.

     

    “พวกนายก็หลอกให้เจ้านั่นทำรายงานเยอะไปนะ”

     

    “อย่างน้อยเจ้านั่นก็ได้มีอะไรเข้าหัวมากกว่านั่งหลับในห้องนะคิล”

     

    “ฉันเห็นด้วยกับโร”

     

    “ก็จริงอย่างที่พวกนายว่า อยู่เฉยๆมันน่าเบื่อออกจะตาย...แต่อยู่กับงานน่าเบื่อๆมันดูแย่กว่า แล้วตอนขึ้นไปหาเฟรินพวกนายคิดว่าไง” คิลหันไปมองเพื่อนสองคนข้างๆ

     

    “หมอนั่นจะไม่เห็นแองจี้จนกว่าการฝึกซ้อมจะจบหรือจนกว่าจะดีขึ้นจนพอที่จะเจ็บตัวจากฝีมือแองจี้ได้ อย่างน้อยสภาพของเจ้านั่นจะได้ไม่ต้องแย่ไปกว่านนี้” โรมองคิลอย่างจริงจัง

     

        แองจี้เข้ามาหาเฟรินในตอนเย็นเหมือนที่ทำในทุกวันตลอดจนวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของการฝึกหนึ่งสัปดาห์ เธอมาทำความสะอาดแผลและทำแผลให้เฟรินเหมือนทุกครั้งและมักจะยิ้มให้คนที่หลับไม่รู้เรื่องคนนี้ทุกครั้ง

     

    “จนสุดท้าย..เพื่อนนายก็ไม่ยอมให้นายต้องเจอฉันสินะ” แองจี้พึมพำเบาๆ ก่อนจะออกไปจากห้องของเฟรินและทิ้งให้เขาหลับ.....   หลับเพราะเวทมนต์   เพื่อนนายเป็นห่วงนายจังนะเฟริน....

     

     

     

     

                                ...... แต่ฉันก็ห่วงนายนะ ขอโทษด้วยกับสิ่งที่ทำ ฉันชอบดูแลนายนะ......

     

     

    ..........................................

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×