ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    my friend เพื่อนแท้ ไม่มีจริง

    ลำดับตอนที่ #1 : ได้แค่นี้

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ย. 56


    My friend

    เพื่อนแท้ ไม่มีจริง

    คนหนึ่ง รักมากไปจนเกินความเป็นเพื่อน

         อีกคน ไม่เคยคิดว่าเพื่อนคนนี้จะเปลี่ยนไป

    กำแพงแห่งมิตรภาพต้องพังทลายลงเพราะคำว่า รัก

     

     

     

    ตอนที่ 1   ได้แค่นี้

     

     

    ดงเฮ ไปกินข้าวด้วยกันมั้ยเสียงของคิบอมดังมาจากลิฟต์ ทำให้คนตัวเล็กที่ยืนอยู่ต้องหันกลับมาทันที

     

     

    แล้วแฟนนายจะไม่ว่าหรอ คำพูดที่พูดถึงคนๆนั้นถึงมันจะทำให้ตัวเองรู้สึกเจ็บปวดก็ตาม แต่ก็พยายามฝืนพูดออกไปเพราะปกติคิบอมจะไปกินข้าวกับคนรักทุกวัน

     

     

    วันนี้เค้าไม่ว่างน่ะน้ำเสียงที่เคยร่าเริงเริ่มเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงเซื่องซึมทันที

     

     

    ตกลงนายจะไปมั้ยเนี่ย ฉันไปกินคนเดียวก็ได้ คิบอมแกล้งเดินไปที่รถเพื่อประชดคนที่อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะหันกลับมามองดงเฮที่กำลังยืนสำนึกผิดอยู่

     

     

    นายก็รู้ว่าฉันประชดแล้วทำไมไม่เดินตามมา ไปเร็ว หิวแล้วนะคิบอมเดินกลับมาจูงมือดงเฮเดินไปที่รถ ไม่สิออกแนวลากซะมากกว่า

     

     





     

    ถึงแล้ว..... เป็นไรไป ดงเฮคิบอมเอ่ยถามเพราะสังเกตเห็นดงเฮนั่งเงียบไม่พูดไม่จามาตั้งแต่ขึ้นรถมา

     

     

    เอ๋.... เออ...เมื่อกี้เนี๊ย ขอโทษนะ ดงเฮหันมามองหน้าคิบอมอย่างสงสัย ก่อนจะเอ่ยปากขอโทษออกไปเพราะความรู้สึกผิด

     

     

    ฉันไม่ได้โกรธอะไรนายสักหน่อย

     

     

    นายโกรธฉัน ฉันมองออกนะ ฉันรู้ว่านายโกรธ

     

     

    เออๆ ก็ได้ๆ ใช่ฉันโกรธ พอใจยังคิบอมพูดทิ้งท้ายก่อนจะลงจากรถแล้วรีบเดินไปอีกฝั่งของประตูทันที

     

     

    ต้องรอฉันมาเปิดประตูให้ด้วยรึไงคิบอมยืนรอที่หน้าประตูสักพักแต่ก็ไม่เห็นว่าดงเฮจะเปิดประตูออกมา จึงเปิดประตูออกแล้วเห็นดงเฮนั้งก้มหน้าอยู่ ก่อนที่จะเอ่ยปากพูดออกไปโดยไม่ได้คิดอะไรมาก

     

    “นายโกรธจริงๆด้วย”ดงเฮเอ่ยขึ้นพร้อมมองหน้าผู้เปิดประตูด้วยดวงตาละห้อย

     

     

    “เอาไงกันแน่เนี่ย ตอนแรกบอกไม่โกรธ ก็อยากให้ฉันโกรธ พอบอกว่าโกรธตามใจนาย แล้วมานั่งทำตาละห้อยหมายความว่าไง ไม่เอาน่า...เรื่องเล็กนิดเดียวนายไม่ต้องใส่ใจมันทุกเรื่องก็ได้ แต่ถ้านายยังไม่ยอมลงจากรถละก็ ฉันโกรธจริงๆแน่”

     

     

    ขอบใจมากนะสีหน้าของดงเฮเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนเดิมก่อนที่จะเดินลงมาจากรถ คำพูดคำนั้นถึงแม้มันจะไม่ได้เป็นคำพูดที่ดีเลิศอะไรเลย แต่มันกลับทำให้คิบอมชะงักแล้วอึ้งไปสักพักนึง

     

     

    คิบอม เป็นไรป่าวดงเฮทักขึ้นเมื่อเห็นคิบอมท่าทีเปลี่ยนไป

     

     

    อ๋อ... ไม่ได้เป็นไร ไปเหอะคิบอมปิดประตูรถแล้วรีบจูงมือดงเฮเดินเขาไปในร้านอย่างรวดเร็ว

     

     

    เชิญครับ

     

     

    เมนูครับ วันนี้มีอาหารชุดพิเศษสำหรับคู่รักด้วยนะครับ ไม่ทราบว่าจะรับมั้ยครับ

     

     

    "เอ่อ.....คือ......"

                    "เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะ
    ทั้งสองคนอ้ำอึ้งนั้งมองหน้ากันสักพักก่อนจะพูดออกไปพร้อมกัน

     

     

    ไม่ต้องอายกันหรอกครับใจตรงกันแบบเนี๊ยะ แฟนกันแหงๆ

     

     

    เอามาก็ได้ แล้วรีบไปไกลๆเลยคิบอมกับดงเฮใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที ก่อนที่คิบอมจะรีบไล่พนักงานไป

     

     

    จะดีหรอ เราไม่ได้เป็น...ถึงแม้แก้มจะเป็นสีแดงอยู่ก็ตาม แต่สีหน้าก็ไม่ได้ดูท่าจะมีความสุขเหมือนสีที่แก้มเลย

     

     

    ไม่ต้องคิดไรมากหรอก ฉันไม่ได้คิดไรกับนายสักหน่อย แค่ไม่อยากเสียเงินในกระเป๋ามากเท่านั้นเอง ก็เราเป็นเพื่อนกันจะให้คิดอะไรล่ะ จริงป่ะ

     

     

    อือ  ...ใช่ ก็เป็นเพื่อนกันจะให้คิดเกินได้ไงน้ำเสียงอ่อยๆที่คิบอมได้ยินทำให้เขารู้สึกแปลกๆ และคำพูดของคิบอมมันทำร้ายจิตใจของดงเฮที่ไม่ได้คิดกับเขาแค่เพื่อน แต่กลับรักเขามากจนมันแทบจะไม่เหลือหัวใจที่จะเอาไว้รักตัวเองอีกเลย

     

     

    อาหารมาแล้ว รีบกินดีกว่าจะได้กลับกับซะที

     

     

     

     

     

    18.05 น. หลังกินอาหารเสร็จ

     

     

    กลับกันเถอะเมื่อจ่ายเงินเสร็จคิบอมก็รีบจูงมือดงเฮออกมาจากร้านแล้วก็รีบจับยัดใส่รถอย่างเร็ว ส่วนตัวเองก็เดินไปอีกด้านหนึ่งแล้วเข้าไปนั้งในรถนิ่งๆสักพัก เหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่างอยู่

     

     

    คงกลับมาแล้วมั้งคิบอมพูดลอยๆกับตัวเองเบาๆ แต่คนตัวเล็กที่ถูกจับยัดใส่รถเมื่อกี้กลับได้ยินชัดเจน คงจะเป็นเพราะ

    ดงเฮสนใจในทุกๆเรื่องที่คิบอมทำ เลยได้ยินเสียงที่เบาขนาดนั้นได้ ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ได้ยินเลยด้วยซ้ำ

     

     

    อะไรหรอ

     

     

    เอ๋...ก็...ก็ฮยอกไง เค้าบอกว่าจะกลับตอนหกโมง

     

     

    ฮยอกหรอ

     

     

    อืม มีไรรึเปล่า

     

     

    เปล่าหรอกสีหน้าของดงเฮดูซึมเศร้ายิ่งกว่าเดิมเมื่อคิบอมเอ่ยถึงชื่อคนๆนั้น ชื่อของคนที่ไม่อยากได้ยิน คนที่ไม่อยากเอ่ยถึง เพราะมัน...ทำให้รอยยิ้มสดใสที่เค้ามีต้องเลือนหายไปทุกครั้ง

     

     

     

     18.20 น.

     

     

     

    บรรยากาศมืดครึ้ม สายลมเย็นเยื่อกพัดผ่านเข้ามาในรถ ทางช้องหน้าต่างที่ปิดไม่สนิท เม็ดฝนเม็ดเล็กๆเริ่มโปรยปรายลงมา อย่างไม่ขาดสาย ก่อนที่จะตกแรงขึ้นเรื่อยๆแล้วดูท่าจะไม่หยุดตกง่ายๆด้วย

     

     

    ฝนตกแล้วหรอเนี่ยคิบอมบ่นกับตัวเองเบาๆอีกเช่นเคย

     

     

    ไม่มีร่มซะด้วยสิ เอานี้คุมกันฝนละกันนะคิบอมพูดพร้อมกับหยิบเสื่อโค้ดที่วางพาดไว้กับพนักพิงเบาะของตัวเองส่งมาให้ดงเฮที่นั้งทำหน้าซึมอยู่

     

     

    แล้วนายล่ะดงเฮรับเสื้อโค้ดตัวนั้นมาแล้วเอ่ยปากถาม เพราะเห็นว่ามีเสื่อโค้ดคลุมกันฝนแค่ตัวเดียว แถมยังคลุมได้คนเดียวอีกต่างหาก คงไม่พอสำหรับคิบอมอีกคนแน่ๆ

     

     

    ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เป็นไรง่ายๆหรอก ห่วงตัวเองดีกว่า นายยิ่งไม่สบายง่ายๆอยู่ด้วยคิบอมสวนกลับเพราะท่าทางที่ดงเฮแสดงออก เหมื่อนกับว่าห่วงเขามากกว่าห่วงตัวเองซะอีก

     

     

    อือ...ขอบใจหลังจากที่คิบอมจอดรถแล้ว คิบอมก็รีบวิ่งมาเปิดประตูให้ดงเฮลงมา

     

     

    รีบวิ่งเร็วเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบายทั้งสองคนวิ่งไปพรางหัวเราะแล้วเล่นน้ำฝนไปด้วย นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ได้เล่นอะไรอย่างนี้ด้วยกัน ครั้งสุดท้ายที่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้มันเมื่อไหร่ มันนานซะจนภาพเหล่านั้นได้ลบเลือนไปตามกาลเวลา ความสุขที่เกิดขึ้นจากการที่ได้อยู่ด้วยกันสองคนมันทำให้ลดความเจ็บปวดของดงเฮไปได้แค่ผิวเผิน แต่มันก็ยังหลงเหลืออยู่ภายในใจลึกๆ ที่ไม่มีวันลบมันออกไปได้

     

     

    ฮ่าๆๆ ไม่ได้เล่นอะไรสนุกแบบนี้มานานแล้วเนอะ

     

     

    จริงด้วย ฮ่าๆๆ

     

     

    ทั้งสองคนวิ่งเข้ามาในคอนโดแล้วหยุดยืนอยู่ตรงหน้าลิฟต์ ก่อนที่ลิฟต์จะเปิดแล้วทั้งคู่ค่อยเดินเขาไป

     

     

    สนุกจังเลยนะ วันเนี้ย วันหลังเราไปกินข้าวด้วยกันอีกนะคิบอมมองหน้าดงเฮแล้วยิ้มเล็กๆ

     

     

    เออ...ก็ดีเหมือนกันทันทีที่ดงเฮได้ยินก็หันมามองยิ้มละลายใจอยู่บนใบหน้าของคนที่เขารัก แต่ทำไมยิ้มคราวนี้มันดูไม่เหมือนกันกับยิ้มที่เคยมี มันกลับดูสวยกว่าปกติ ทั้งๆที่มันดูออกง่ายขนาดนี้ แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้เลยว่า ยิ้มอย่างนี้แหล่ะที่จริงใจต่อทุกคนที่มองเห็นมัน โดยเฉพาะคนที่อยู่ข้างๆเขาตอนนี้

     

     

    ลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นที่ 6 สองมือของดงเฮค่อยๆเลื่อนเสื่อโค้ดลงมาคลุมที่ไหล่แทน เสียงประตูดังออกมาจากทางห้องของคิบอม ร่างบางของอึนฮยอกค่อยๆเดินออกมาจากห้องของคิบอม

     

     

    อ้าว กลับมาแล้วหรอฮยอกแจเดินเข้ามาหาคิบอมแล้วสำรวจตัวเขาอย่าละเอียด

     

     

    ทำไมตัวเปียกอย่างนี้ล่ะ

     

     

    เมื่อกี้ฝนตกน่ะ

     

     

    รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื่อผ้าเดี๋ยวนี้เลย ก่อนที่จะไม่สบายเอานะ

     

     

    “ค้าบบบๆๆรู้แล้วๆๆ

     

     

    แล้วนี่กินอะไรมารึยัง

     

     

    กินแล้วคร้าบบบบ

     

     

    ฉันไปก่อนนะดงเฮพูดน้ำเสียงดูซึมเศร้ากว่าปกติ แล้วเดินผ่านคิบอมกับฮยอกไปที่ห้องของตัวเอง มือที่จับเสื้อโค้ดของคิบอมกำแน่นขึ้นทุกทีๆ น้ำใสๆใหลอาบแก้มลงมาเป็นสาย น้ำตาที่ใหลหยดลงมาที่พี้นพร้อมๆกับน้ำฝนที่ชุ่มไปทั้งตัว

     

     

     

     

    ซ่าาาา!!! เสียงฝักบัวแบบหยดน้ำฝนดังออกมาจากห้องน้ำในห้องของคิบอม ฮยอกเดินไปนั่งคอยคิบอมอาบน้ำเสร็จที่เตียงท่าทางเหมือนมีอะไรจะบอกคิบอมแต่ไม่กล้า

     

     

    ฉันจะบอกนายยังไงดีคิบอม

     

     

    นายจะบอกอะไรฉันหรอฮยอกคิบอมเดินออกมาจะห้องน้ำมือขวาถือผ้าขนหนูสีฟ้าสีโปรดของตัวเองที่ฮยอกซื้อให้ ซับน้ำที่ใบหน้าของตัวเอง

     

     

    เปล่าหรอก เอ๊ะ! นี่นายใช่มันด้วยหรอ

     

     

    อืม ดีกว่าเก็บไว้เฉยๆน่ะ

     

     

     

     

    ร่างบางกำกลอนประตูไว้แน่นพร้อมปิดประตูทั้งน้ำตา ความเข้มแข็งที่เคยมีกลับอ่อนแอลงตามน้ำตาที่ไหลออกมาอาบแก้มขาวเนียน ตอนนี้หัวใจของดงเฮมันถูกทำร้ายจนยับเยินจากคนที่เขาเพิ่งเดินผ่านมา ภาพที่เห็นเขาสองคนมันบาดตาบาดใจมากจนเขาเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้เห็นและได้ยินมัน มันเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว มันเจ็บปวดราวกับว่ามีมีดนับร้อยเล่มพุ่งตรงเข้ามา กรีดแทงตรงกึ่งกลางหัวใจที่เกือบจะไม่มีแรงเต้นดวงนี้ของดงเฮ เหมือนกับว่ามันกรีดลงที่แผลเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าและดูเหมือนทุกครั้งที่มันกรีดลงไป มันลึกลงไปทุกทีๆ เพราะคำพูดที่ได้ยินแต่ละที ภาพที่ได้เห็นแต่ครั้ง มันเป็นตัวคำสั่งที่ให้มีดนี้กรีดลงไปลึกกว่าเดิม ยิ่งคำพูดที่

    บอกว่าเพื่อน มันก็ยิ่งกรีดลึกจนทะลุหัวใจ และคำพูดที่คนสองคนนั้นพูดกัน ที่เค้าทำมันเหมือนยิ่งตอกย้ำบาดแผลนี้ลงไปเรื่อยโดยที่ไม่มีวันสิ้นสุด แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ความเจ็บปวดจากภาพที่และเสียงที่เห็น ที่ได้ยิน มันเป็นความเจ็บปวดที่ไม่มีทางลบเลือนมันให้หายไปจากใจ ไม่มีทางรักษา ไม่มีทางเยียวยา ต้องยอมรับว่ามันคือความจริง ไม่มีทางที่คนที่เขารัก จะหันกลับมามองเพื่อนที่อยู่ข้างๆมาตลอด ระยะห่างระหว่างทั้งคู่ มันดูช่างไกลกันออกไปทุกทีๆ และเขาก็รู้ดีว่ามันไม่มีทางที่จะเข้าใกล้ได้มากกว่านี้ มันเหมือนมี กำแพงที่สร้างด้วยมิตรภาพตลอดสี่ปีมาขั้นกลางอยู่ ซึ่งแน่นอน ดงเฮไม่มีทางจะพังกำแพงนั้นลงเองตามลำพังคนเดียวแบบนี้ มันต้องมีคนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของกำแพงมาช่วยพังมัน นั่นก็คือคิบอม แต่เค้าคงไม่มีทางมาช่วยพังมันลง คงไม่มีสักทางที่จะถอนตัวออกจากจากความเจ็บปวดนี้ได้อีกแล้ว

     

     

    ทำไมฉันต้องเจอกับนาย ทำไมฉันต้องเป็นเพื่อนกับนาย ทำไม ทำไมต้องเป็นนาย คิบอมเรี่ยวแรงทั้งหมดค่อยๆหมดลงจนไม่เหลือแม้แต่จะยืน แทบจะไม่เหลือแม้แต่จะหายใจด้วยซ้ำ ร่างของดงเฮค่อยๆทรุดลงไปกองกับพื้น ปากก็พร่ำตะโกนกับตัวเอง สองมือนั้นถึงแม้จะไม่มีแรงแต่ก็ยังคงกำเสื้อโค้ดตัวนั้นไว้แน่น

     

     

     

     

    ถ้าวันนั้นฉันไม่เจอกับนาย ชั้นคงไม่ต้องทนเจ็บอยู่อย่างนี้หรอก...คิม คิบอม

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×