NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    2. The Dragon World ศึกอภินิหารมังกรพิชิตโลก

    ลำดับตอนที่ #2 : นักรบมังกร II จุดเริ่มต้น/เปลี่ยนแปลง/จุดจบ> อดีต I

    • อัปเดตล่าสุด 24 ม.ค. 62


    Dragonica DragonDragonica Dragon



    นักรบมังกร II จุดเริ่มต้น/เปลี่ยนแปลง/จุดจบ> อดีต I








    "อีกนิดเดียว.....ใกล้จะได้แล้ว" ณ หน้าผาสูงชันของปล่องภูเขาไฟที่รอคอยจะปะทุออกมาอยู่เรื่อยๆ ที่ตรงนั้นมีเด็กหนุ่มอยู่คนหนึ่งกำลังเอื้อมมือไปหยิบอะไรบางอย่าง ดูลักษระแล้วคล้ายกับแร่ธาตุชนิดหนึ่ง "เจ้านี้นะจะเป็นประโยชน์ในการสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่.....อึบ!อ่ะ! ได้แล้วได้แล้ว"








    คลืน! ตูม! ตูม!








    "อ้าวเฮ้ย!....แร่ธา่ตุ!" สิ่งที่หวังเอาไว้มักจะไม่สมปราถนา เพราะทันทีที่เกิดแผ่นดินไหวกับภูเขาไฟออกมาแต่ไม่แรงมากเกินไปทำให้เจ้าแร่ธาตุที่อยู่ในมือเด็กหนุ่มต้องหลุดไปต่อหน้าต่อตาลงไปถึงพื้นล่างอย่างรวดเร็ว "โธ่....แล้วที่ปีนขึ้นมาถึงที่นี้จะมีความหมายอะไร"











    คลืน!!!!!  ตูม!!!! ตูม!!!







    "ซวยแล้ว!! ภูเขาไฟกำลังประทุออกมา ดูท่าครั้งนี้จะรุนแรงกว่าครั้งก่อนเสียอีก" เด็กหนุ่มกำลังหาทางที่จะปีนลงจะภูเขาอย่างรวดเร็ว จังหวะนั้นก็เหลือบเห็นอะไรบางอย่างอยู่จุดห่างออกไปพอสมควร "หืม?! นั้นอะไรนะ รูปร่างเหมือน.....ไข่ แต่ทำไม!!!!"





    ตูม!!!! ตูม!!! ตูม!! ตูม!






    "อันตราย!!!" ไม่รู้ว่าทำไม ทันทีที่เห็นเศษหินจากปล่องภูเขาไฟกระเด็นออกมาใส่เจ้าไข่ฟองนั้น ร่างกายของเด็กหนุ่มก็กระโดดเข้าไปขว้างแล้วคว้าไข่ใบนั้นเข้ามาใกล้กับตัวเพื่อป้องกันอันตราย โดยลืมไปว่าตอนนี้อยู่บริเวณหน้าผาสูงชัน "หว่า!.....ล่วงแล้ว!! ตายแน่ๆเลย!!"







    ตุบ! กุก! กัด! กุก!! กัด!!







    "โอ๊ย!! เจ็บชะมัด! โชคดีที่ข้างล่างมีต้นไม้รองรับไม่งั้นคงได้ตายไปแล้ว" บนร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลจากการขีดข่วนของกิ่งไม้ ใบไม้ หรือเศษก้อนหินต่างๆแต่ไม่เท่ากับตรงบริเวณข้างๆด้านซ้ายที่เป็นแผลพุพองจากการโดนเศษหินลาวาตอนช่วยชีวิตเจ้าไข่ฟองที่อยู่ในอก "เสื้อขาดเลยแหะ นึกว่าหลบพ้นแล้วนะ......ต้องรีบทำแผลเสียไม่อย่างนั้นต้องเสียเลือดไปเยอะแน่เลย แต่ก่อนหน้านั้นรีบหนีจากที่นี้ก่อนดีกว่า ไม่งั้นโดนลาวาฆ่าตายแน่!!"







    ตึก! ตึก! ตึก!





    ตูม!!!!!  ตูม!!!!  ตูม!!!  ตูม!!  ตูม!






    "ไม่จบไม่สิ้นเลยโว้ย!" ดูเหมือนภูเขาไฟจะยังปะทุไม่หมดลาวาก็ยังคงไหลตามสายลงมาเรื่อยๆ ต้นไม้บริเวณนั้นทั้งถูกเผาไหม้ สลายกลายเป็นผง หรือถูกลบทับตามๆไปกันหมด สัตว์เล็กน้อยใหญ่ต่างหนีกระเซอะกระซิงไปทั้วทุกทิศที่มีทางออก บางตัวหนีไม่ทันก็ถูลาวาเผาจนเหลือแต่กระดูก บางตัวหนีมาไกลแล้วแต่ดันโดนหินลาวาลอยมาทับตายคาที่ บางตัวก็เหยียบอีกตัวที่วิ่งช้าและก็วิ่งต่อไปอย่างไม่สนใจตัวที่ถูกเหยียบว่าเป็นยังไง แต่เบื้องหน้าสัตว์ที่วิ่งอยู่นั้น คือเด็กหนุ่มที่วิ่งไปข้างหน้าแบบไม่คิดชีวิตเหมือนกัน "สัตว์แตกตื่น! ซวยแล้วไง ไอลันด์เอ่ย......เอาไงดีว่ะ อุ๊ย!! บาดแผลอย่าพึ่งมาฉีกตอนนี้"








    "สงสัยต้องพึ่งสัญชาตญาณตนเองแล้วมั่ง" เด็กหนุ่มถอนหายใจหนึ่งครั้งก่อนจะเอากระเป๋าสะพายข้างมาไว้ด้านหน้าพร้อมกับเอาไข่ที่อยู่ในเสื้อคอยนำมาเก็บไว้ในกระเป๋าจากนั้นก็ผูกไว้กับตัวให้แน่นแล้วรอจังหวะให้ฝูงสัตว์ป่าเข้ามาในระยะใกล้ๆ.... "เฮ้อ! ชีวิตจะสั้นลงเพราะไอสัญชาตญาณที่แหละ.....เอาละ! ฮึบ!"








    สัตว์ที่เข้ามาในระยะประชิดคือกวางตัวผู้แบบเต็มวัยเขาที่ยาวใหญ่และสง่ากว่า 2 เมตรพร้อมที่จะจู่โจมสิ่งที่ขว้างทางมันอย่างเต็มที่ ในช่วงจังหวะที่ีเขาอันใหญ่กำลังขวิดสิ่งมีชีวิตตรงหน้าที่รูปร่างต่างจากสัตว์ทั่วไป วิ่งด้วยสองเท้าหลัง สองเท้าหน้าเหมือนจับสิ่งของ ไร้ขน หัวเล็กกว่าลำตัว ที่สำคัญมีอะไรบ้างอย่างบางๆหุ้มร่างกาย  







    เด็กหนุ่มรีบใช้มือจับเขากวางและกระโดดขึ้นขี่มันทันที ทำให้เจ้ากวางตัวผู้ถึงกับเซไปแบบไม่ตั้งตัวเลยที่เดียว แต่มันก็ยังคงวิ่งต่อไปแบบไม่คิดชีวิต จากนั้นค่อยกระโดดไปหาเสือที่ตัวขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเท่าไร เวลานี้คงไม่คิดที่จะหาอาหารนอกจะการเอาชีวิตรอดและเจ้าเสือตัวนี้ก็วิ่งได้ไวมากขึ้นด้วย จนวิ่งนำหน้าตัวอื่นๆไปเพื่อที่จะข้ามแม่น้ำไปอีกฝั่งหนึ่งของพื้นดิน





    "ที่นี้ก็ได้พักชั่วคราว" ในระหว่างที่อยู่บนหลังเสือ เด็กหนุ่มฉีกเสื้อออกจากร่างกายก่อนที่ฉีกเป็นทางยาวแล้วเอามาพันแผลใหญ่ตรงเอว เพื่อต้องการไม่ให้บางสิ่งบางอย่างมา กระทบบาดแผลนี้ได้ "ให้ตายสิดูท่าจะได้แผลเป็นกลับบ้านแน่ๆเลย ถ้าแม่รู้คงจะเป็นบ้าแน่ๆเลย.....งั้นปิดปากเงียบดีกว่า"






    ซู! ซ่า!






    เมื่อลาวาไหลลงสู่แม่น้ำความร้อนค่อยๆหายไป ลาวาเริ่มแข็งตัวลงทางเดินที่ลาวาผ่านเป็นสีดำยาวป่าไม้ไหม้เป็นตะโก เศษซากจากสัตว์ป่าทั้งหลายที่ต้องจบชีวิตลงตายเกลื่อนอย่างสยดสยอง เด็กหนุ่มเห็นภาพตรงหน้าก็ถอนหายใจออกมาเบาเบาก่อนจะลงหลังเสือตัวนั้นพร้อมกับเอาเศษผ้าที่เหลือผูกบริเวณขาหน้าของมันที่เป็นแผลจากการโดนสะเก็ดหินที่ประทุออกจากภูเขาไฟ จากนั้นก็ลูบหัวมันเบาเบา "ขอบใจที่ให้ขี้หลังรวมทั้งยังไม่คิดจะกินกันจากนี้ก็ดูแลตัวเองดีดีนะ ไปแหละ" แล้วร่างเด็กหนุ่มก็จากไปที่พื้นด้านล่างก็มีอาหารมากมายตามจุดต่างวางเป็นกองๆไว้เพื่อให้เหล่าสัตว์ที่เอาชีวิตรอดจากภูเขาไฟได้กินอย่างเอร็ดอร่อยและหายจากการตื่นกลัว


















    ช่วงเวลาก่อนหน้านั้น......






    "พี่ลันด์....พี่ลันด์ ตื่นได้แล้ว" ผู้เป็นน้องเรียกคนเป็นพี่ที่ยังคนนอนคลุมโปงแน่นิ่งไม่ขยับไปไหน เด็กสาวถอนหายใจหนึ่งครั้งก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างจับปลายผ้าห่มแล้วกระชากอย่างแรง "ไอพี่บ้าดาลันด์ ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ"








    ตุบ! โครม!







    "โอ๊ย!! เจ็บ" ทันทีที่กระชากผ้าห่มทิ้งร่างใหญ่ก็ลงจากเตียงเสียงดัง พอเงยหน้าขึ้นมาส่วนศรีษะก็ไปชนกับขอบโต๊ะข้างเตียงทันที ภาพแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาอยู่บ่อยๆ คล้ายเดจาวูที่วนไปวนมาสุดท้ายก็กลับมาที่เดิมไม่รู้จักจบจักสิ้น เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งกุมหัวตัวเองในสภาพทรงผมยุ่งเหยิงไปหมด แว่นตาที่เผลอใส่นอนไปด้วยหลุดลงมาครึ่งหนึ่ง เสื้อกล้ามขาวกับกางเกงขาสั้นไม่เข้าที่เข้าทางอย่างที่ควรเป็น เด็กหนุ่มมองหน้าน้องสาวตัวเองที่ยืนกอดอกมองมาอยู่ก่อนแล้ว "ยัยลิง พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าให้เรียกพี่ว่า 'พี่ลันด์'เฉยๆห้ามเรียกดาลันด์ชื่อมันดูเป็นผู้หญิงไป"










    "ลินดาค่ะ ไม่ใช่ลิง.....แล้วหนูเรียกพี่ลันด์แล้วแต่พี่ไม่ยอมตื่นเอง" เด็กสาวสายหน้าให้กับพี่ชายตัวเอง ถึงคนตรงหน้าจะอายุห่างกันแค่2ปี แต่เจ้าตัวกับชอบเก็บตัวอยู่แต่ในห้องนอนกับห้องประดิษฐ์ห้องข้างๆที่อยู่ใต้ดินของบ้านหรือไม่ก็ออกไปข้างนอกเพื่อไปหาของแปลกๆกลับมาบ้านแล้วไปค้างคืนตามป่าตามภูเขาหายไปเป็นอาทิตย์เพื่อสิ่งประดิษฐ์ของเจ้าตัวทั้งนั้น บางทีก็มีนิสัยคล้ายเด็กห่วงของ จนตัวเธอต้องคอยดูแลอยู่เสมอน้อยครั้งที่จะทำตัวสมเป็นพี่ชายก็ตาม แต่ทุกคนในระแวกนี้ต่างคิดว่าเด็กสาวเป็นพี่สาวส่วนเด็กหนุ่มกลายเป็นน้องชายไปเสียแล้ว "คุณแม่เรียกพี่ไปกินข้าวนะ อาบน้ำด้วยละ.....พี่ไม่ได้อาบมากี่วันแล้วเนี้ย!! เหม็นสาบ!!"







    "เขาเรียกกลิ่นแบบธรรมชาติต่างหาก เอ่อรู้แล้วเดี๋ยวขึ้นไป" ดาลันด์หรือลันด์เกาหัวให้ตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะส่งสัญญาณให้น้องออกไปด้วยมือ "เราเองก็ไปได้แล้ว พี่จะได้อาบน้ำสักที ฮ้าว!"








    "พี่ลันด์"







    "หืม"






    "สุขสันต์วันเกิดนะ" คนเป็นน้องสาวยื้นกล่องของขวัญเล็กให้คนตรงหน้าพร้อมส่งรอยยิ้มน่ารักไปให้ "หนูดีใจนะที่พี่กลับมาทันวันเกิดตัวเองนะ อ่ะเอาไปสิคนให้เมื่อยแล้วนะ"









    ".....ขอบใจจ๊ะ น้องสาวผู้น่ารัก ที่จริงให้วันนั้นเลยก็ได้อีกแค่สองวันเอง" ปากบ่นว่าแต่ก็รับของจากอีกฝ่ายแล้วลูบหัวเบาเบาก่อนจะเดินเอาของไปไว้ที่โต๊ะพร้อมกับเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวและเข้าห้องน้ำไปเพื่อชำระร่างกายตัวเอง "ออกไปได้แล้ว เป็นผู้หญิงไม่ควรอยู่ห้องผู้ชายนานมันไม่ดี"








    "....ได้ค่ะ คุณพ่อ!" ร่างบางก็สะบัดไปพร้อมกับเสียงประตูห้องที่ปิดดังปัง







    "ลันด์ อีกสองวันก็อายุ 20 แล้วนะ" ชายหนุ่มผู้มีริ้วรอยตามอายุบ่งบอกถึงชีวิตที่ผ่านมานานพอสมควร ตักกับข้าวให้คนข้างๆก่อนจะสบตากับเด็กหนุ่ม "คิดไว้หรือยังว่าอยากได้อะไร"





    "อืม.........โบรอน ซิลิคอน เจอร์เมเนียม คาร์บอน อะลูมิเนียม ไทเทเนียม"เด็กหนุ่มนึกถึงสิ่งที่ตัวเองอยากได้ "วัตถุดิบพวกนี้ละที่ผมอยากได้ครับ พ่อ"






    "......"คนเป็นพ่อถึงกับเงียบทันที พร้อมถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ เจ้าลูกชายคนโตของเขา เพราะสิ่งที่ขอใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ จริงอยู่ที่ลูกชายคนนี้มีความสามารถในการสร้างสิ่งของให้แก่คนในหมู่บ้านนี้เป็นส่วนมาก และที่บ้านมีฐานะดีขึ้นส่วนหนึ่งก็มาเจ้าตัวเอาสิ่งประดิษฐ์ที่ว่านี้ไปขายในที่ต่างๆโดยผ่านคนกลางในหมู่บ้านไป ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสะพายที่ใส่ของได้มากกว่าห้าสิบชิ้น เข็มกลัดป้องกันสัตว์ร้ายได้เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ หม้อต้มที่สามารถปรับอุณหภูมิได้โดยไม่ต้องใช้ไฟ ได้สูงสุดเก้าร้อยเก้าสิบเก้าองศาเซลเซียสอาวุธที่สำหรับพกพาแล้วอย่างอื่นอีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวถึงแต่ก็ทำให้ทั่วโลกต้องการเป็นอย่างมาก เพียงแต่ไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงเพราะเจ้าตัวถ้าไม่อยู่กับบ้าน ก็ท่องเที่ยวในป่าโน่นป่านี้เพื่อส่องหาวัตถุดิบ ผู้คนเลยเรียกลูกชายเขาว่า เงาพเนจร"เฮ้อ!! ช่วยใส่ใจกับวันเกิดตัวเองหน่อยสิ ลันด์"






    "งั้นหรอ......ผมก็แค่คิดว่ามันเป็นวันธรรมดาวันหนึ่งเท่านั้นเอง" ดาลันด์เกาหัวตัวเองเล็กน้อย ทำให้คนที่เหลือต่างสายหน้ากับพฤติกรรมแปลกๆและต้องตกใจกับการตัดสินใจกะทันหันของคนเป็นทั้งลูกชายและพี่ชาย "และผมก็คิดว่าจะไปหาแร่ธาตุในป่าด้านหลังของหมู่บ้านด้วย พร้อมส่องหาวัตถุดิบอื่นๆ อีกสองวันจะกลับ"






    "พี่คิดจะไปอีกแล้วเหรอ" เด็กสาวถามขึ้นด้วยความสงสัยปนห่วงใย "พี่ก็รู้ว่าที่นั้นมันอันตรายแค่ไหน ทำไมถึงยังไปอีก แถมตั้งสองวันอีก"





    "ไม่รู้สินะ เพียงแต่แค่รู้สึกว่าอยากไปเท่านั้น" แววตามุ่งมั่นราวกับว่าที่ป่าแห่งนั้นคือสถานที่เดินเล่นสำหรับเขา "และที่นั้นก็มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่เหมือนกัน"






    "เอาเป็นว่าจะไปก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่วันที่กลับก็มาเร็วหน่อยละกัน" ผู้เป็นแม่ที่เงียบมาตลอดเอ่ยขึ้น "เพราะยังไง วันนั้นก็ถือเป็นวันสำคัญของแม่เช่นกัน"





    ".....ครับ" เด็กหนุ่มรับฟังอย่างง่ายได้ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ "วันก่อนผมไปหาของที่ห้องเก็บของ แล้วไปเจอม้วนกระดาษเก่า และเนื้อหาข้อมูลก็น่าสนใจเสียด้วย แต่ที่ผมสงสัยคือทำไมสิ่งนี้ถึงพึ่งมาปรากฏตอนนี้ ทั้งที่ผ่านมาไม่เห็นจะเจอ"





    "ไหนดูสิ......ม้วนกระดาษนี้พ่อไม่เคยเห็นมาก่อน" ชายหนุ่มมีอายุสำรวจม้วนกระดาษจากลูกชายอย่างสงสัย แล้วเปิดข้างในเพื่ออ่านเนื้อหาของมัน และแววตาคนเป็นพ่อก็เริ่มเปลี่ยนไป ดูกังวลและตื่นกลัวเล็กน้อย พร้อมเงยหน้ามองคนเป็นลูกชาย "ลูกบอกว่าไปเจอที่ห้องเก็บของ แล้วมันอยู่ตรงไหนของห้องนั้น"





    "อืม......เพดานห้องมั่ง" ดาลันด์ทำท่าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบคำถามอีกฝ่าย "เพราะตอนที่กำลังหาของอยู่ จู่ๆมันก็ตกใส่หัวผม ก็เลยหยิบขึ้นมาอ่านดู"





    "......"





    "ไหนขอแม่ดูหน่อยสิอะไรที่ทำให้พ่อเค้าถึงได้ทำหน้าบูดบึ้งแบบนี้" ฝ่ายคนเป็นแม่หัวเราะเล็กน้อยแต่เมื่อมองในกระดาษเก่าที่อยู่ในมือ ผู้เป็นสามีใบหน้าก็เริ่มเปลี่ยนสีเป็นซีดสนิท และสบตากัน การกระทำแบบนี้อยู่ในสายตาของลูกคนโตตลอดเวลา "เอ่อ....แม่ว่ากระดาษเก่าแบบนี้คงจะดึงมาจากหนังสือเรื่องไหนสักเล่ม หรือไม่ก็มีคงอาจเขียนเล่นขึ้นมาก็ได้ใช่ต้องเป็นอย่างหลังแน่"






    "งั้นหรอครับแต่ผมว่าไม่น่าใช่นะครับ" คนเป็นลูกชายยิ้มรับให้พ่อแม่ก่อนจะชี้ไปที่กระดาษแผ่นนั้น "เพราะด้านหลัง มีชื่อ กำกับไว้อยู่และคิดว่าทั้งสองคนหน้ารู้จักกันดี"





    'วิคตอเรียอแมนด้า นักทำนายอนาคต'






    "....!!"






    "รู้สึกว่าคนคนนี้จะมีชื่อเสียงพอควรและถ้าจำไม่ผิด เมื่อไม่กี่วันก่อนหนังสือพิมพ์ พึ่งลงข่าวเกี่ยวกับคนคนนี้เห็นว่าเกี่ยวกับ เหล่าผู้ที่ถือเลือกจากสัตว์ในตำนานเนี้ยแหละ" เด็กกล่าวขึ้นขณะดู ปฏิกิริยาของคนทั้งสองไปด้วย พร้อมกับดึงกระดาษข้อความให้มาอยู่ในมือตนเองอีกครั้ง "ว่าจะให้เป็นคนที่กุมชะตาโลกใบนี้ไว้ ว่าจะอยู่หรือจะไปอะไรประมาณนี้"





    "แล้วลูกคิดว่าไงกับเรื่องแบบนี้" ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามขึ้น "ทั้งคำทำนายนี้และผู้ถูกเลือก"






    "ไม่รู้สินะผมยังไม่ได้คิดอะไรมาก" เด็กหยักไหล่พร้อมหมุนกระดาษไปอย่างสนุก "รู้แค่ว่า ในข้อความนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจ โดยเฉพาะประโยชน์ที่บอกว่า 'มังกรจะตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล' ส่วนที่เหลือจะเป็นยังไง ผมยังไม่สน"





    "แม้ว่าสิ่งที่จะทำให้โลกเราเปลี่ยนไปนับจากนี้ลูกก็ยังคงไม่สนใจงั้นหรอ" ฝ่ายพ่อถามลูกชายอีกครั้ง เพื่อเป็นการย้ำเตือน "ถ้าหากว่า คำในทำนายเป็นจริง และลูกคือผู้ถูกเลือก จะทำไง"






    "ผมก็แค่ดูความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้าและก้าวต่อไปอย่างไม่ถอยกลับเด็กขาด" แววตาของดาลันด์แสดงความจริงใจเด็ดเดียว และไม่ละสายตาจากคนถาม ทำให้ทั้งสองคนเกิดอาการเงียบขึ้นมาทันที "ไม่ว่าอนาคตจะเปลี่ยนยังไง ผมก็ยังเป็นผม ลูกชายของพวกคุณ เป็นพี่ชายของลินดาไม่มีการเปลี่ยนแปลง"






    "....."






    "พี่ลันด์พูดดีเป็นกับเขาด้วยหรอ" ถ้ำกลางความเงียบเสียของเด็กสาวเอ่ยขึ้นมายังอดไม่ได้ "จริงสิ พูดถึงกระดาษเมื่อเช้าหนูก็เจอ มันวางอยู่ในตู้เสื้อผ้าด้วยแหละแต่ข้างในเป็นอย่างไรหนูก็ไม่ได้ดูมันเท่าไร แต่มันเก่าพอพอของพี่เลย"





    "หืม....เธอก็มีเหมือนกันหรอ" ดาลันด์แปลกใจเล็กน้อยที่น้องสาวมีผิดกับคนเป็นพ่อแม่ที่มีอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด "ทำไมไม่เห็นบอกกันบ้างเลย"






    "ก็พี่ไม่ได้ถามหนูเสียหน่อยและหนูกำลังกินข้าวอยู่เลยไม่อยากคุย" ฝ่ายคนเป็นน้องสาวรีบเถียงกลับทันที "ที่สำคัญหนูก็บอกไปแล้ว ว่ายังได้เปิดดูเนื้อในของมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้นี้ใครจะรู้"





    "อย่างน้อยก็หยิบขึ้นมาดูสำรวจมันบ้างสิ"





    "หนูพึ่งอาบน้ำเสร็จนะ และมันก็มีฝุ่นเกาะด้วยเลยไม่อยากจับนี้" เด็กสาวเถียงไม่ยอมแพ้คนเป็นพี่ชายเด็ดขาด "พี่นะ ทั้งบ้า ทั้งงี่เง่า เป็นที่สุด วันๆไม่เห็นสนใจหนูเลย ที่นี้ทำเป็นสนใจ ชิ"





    "…..โอ๊ย! เจ็บที่หัวใจสุดๆเลยลินพี่มันบ้าและงี่เง่าขนาดนั้นเลยหรอ" และคนเป็นพี่ชายก็แพ้ให้กับน้องสาวอีกตามเคย  "แต่เมื่อกี่ที่บอกว่าไม่สนใจลินไม่จริงนะพี่สนใจและใส่ใจเราตลอดนะ"




    "งั้นระหว่างหนูกับสิ่งประดิษฐ์ของพี่พี่สนใจอันไหนมากกว่ากัน"






    "….อ่ะพี่ต้องเลือกด้วยเหรอ" ดาลันด์ทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย“ในเมื่อทั้งสองสิ่งก็สำคัญพอพอกันกับสิ่งของเป็นสิ่งที่พี่ภูมิใจเพราะมันคือความสุขของพี่ส่วนลินก็เป็นน้องที่พี่ให้ความสำคัญมาตลอด พี่ทั้งหวง ห่วง และมีความสุข ดีใจที่มีลินเป็นน้องสาวพี่ไม่ใช่คนรัก"






    "หมายความว่าเป็นน้องสาวไม่ใช่คนรัก" ตอนแรกประโยคก็ดี ฟังแล้วซึ่งแต่คำสุดท้ายมันทะแม่งนะ "แล้วพี่หาผู้หญิงมาเป็นคนรักได้แล้วหรือไง ถึงได้เอาหนูไปเปรียบเทียบ"






    "พี่ต้องหาด้วยเหรอ" ดาลันด์ลุกขึ้นยืนจากโต๊ะก่อนจะไปหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายข้างพร้อมกับเดินหอมแก้มคนเป็นแม่ก่อนไปกอดคนเป็นพ่อ และเดินมาที่น้องสาวตนเองปิดท้ายโดยขยี้หัวอีกฝ่ายอย่างเอ็ดดู ละทิ้งคำพูดเอาไว้ก่อนจะจากไป "ถึงไม่มีพี่ก็รู้อย่างหนึ่งว่าจะไม่เอาคนนิสัยแบบลินมาเป็นคนรัก พอดีพี่ไม่อยากมีแม่เพิ่มมาอีกหนึ่งคนนะทุกวันนี้ก็เหมือนอยู่สองคนแล้ว แต่คนที่สองดุกว่าคนแรกไปแหละ"






    "ไอพี่บ้าดาลันด์กลับมาเดียวนี้เลยนะ" เด็กสาวตะโกนเรียกพี่ชายอย่างโมโหพร้อมกับเอาจัดทรงผมให้เข้าที่ "คุณพ่อ คุณแม่ ดูสิค่ะพี่เขาว่าดูเป็นเมียพ่ออีกคน"






    "ตายแล้วลินห้ามพูดแบบนี้นะแม่ฟังแล้วไม่ชอบใจเลย" คนเป็นแม่ดุลูกสาวทันที "พี่เขาแค่บอกว่าเรานิสัยคล้ายแม่ไม่ใช่เป็นเมียพ่อ อย่าไปพูดให้ใครได้ยินละ เขาจะเอาไปว่านินทาเสียๆหายๆได้"






    "คุณพ่อยังไม่เห็นว่าอะไรเลย" ลินดาโบยความผิดไปให้ผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้สะดุ้งกันให้เห็น "เมื่อกี่หนูเห็นว่าพ่อเขายิ้มออกมาด้วย"






    "นี้คุณหรือว่า….."







    "เปล่าผมไม่ได้คิดที่ยิ้มออกมาเพระเจ้าลันด์มันเปรียบเทียบคุณกับลูก เท่านั้น" คนเป็นพ่อรีบเอ่ยปากแก้ตัวทันที "และมันก็จริงอย่างที่เจ้าลันด์ว่าพวกเธอสองคนนิสัยเหมือนกันมาก จนทำให้ผมยิ้มออกมาเท่านั้นส่วนเรื่องเมื่อกี่คุณก็เตือนลูกไปแล้ว ผมก็ไม่มีอะไรจะพูดนี้"





    "…..งั้นก็แล้วไป" คนเป็นแม่ปล่อยสามีให้เป็นอิสระอีกครั้ง "ถ้าหากว่ามีเรื่องผู้หญิงมาเกี่ยวข้องละก็คุณเจอฉันในร่างนางยักษ์แน่"






    "…จ๊ะไม่มีอยู่แล้วนะ"





    "จะว่าไปใต้เตียงคุณพ่อกับคุณแม่มีกล่องใส่หีบล็อกกุญแจอยู่" ลินดารวบรวมจานช้อนของทุกคนเอาไปล้างที่อ่างล้างจานจากนั้นก็เปิดตู้เย็นแล้วหยิบผลไม้ที่ปอกแล้วออกมา เพื่อเอาไปกินบนห้องตนเอง "รู้สึกว่าข้างในจะเป็นหนังสือต้องห้ามทั้งนั้นเลย แล้วก็มีรายชื่อใครต่อใครไม่รู้เต็มไปหมดเลย"






    "เฮ้ย! พ่อจำได้ว่าล็อคอย่างดีพร้อมใส่ตัวผนึกไว้หลายชั้นเลย….แล้วทำไม"





    "อย่าลืมสิค่ะว่าพ่อมีลูกชายที่เก่งแต่ไม่แสดงออกอยู่ด้วย" เด็กสาวกล่าวถึงคนที่พึ่งออกจากบ้านไปและเห็นคนเป็นพ่อถอนหายใจ พร้อมสายหน้าเบาเบา "พี่เขาแค่อยากรู้ว่าข้างไหนเป็นอะไรที่ทำให้พ่อห่วงสุดๆ เลยชวนหนูมาเปิดดู พอรู้ว่าเป็นอะไรถึงกับถอนหายใจออกมาเลยและพูดประมาณว่าไม่หน้าเปิดออกมาเลยเสียลูกตา…..ว่าแต่คุณพ่อลองหันไปดูด้านหลังสิค่ะมีของดีรออยู่ งั้นหนูขอตัวนะค่ะ"






    "คุณค่ะ….." รังสีการฆ่าฟันเผยออกมาเต็มที่ฝ่ายสามีเมื่อลองให้ไปดูพบกับใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ไม่ถึงแววตา ในมือถือมีดเอาไว้อย่างนั้น "จริงอย่างที่ลูกสาวเราพูดหรือเปล่าค่ะ"






    "เอ่อ….คือว่า"






    "ไหนคุณบอกฉันว่าเป็นเอกสารสำคัญที่ให้ใครดูไม่ได้แม้แต่ครอบครัวไง" น้ำเสียงภรรยาเริ่มเข้มข้นมากกว่าเก่า "จะว่าอะไรไหมค่ะถ้าฉันจะฟันน้องชายของคนออกสะตรงนี้"






    "……มะ…..ไม่!!!" ว่าแล้วก็วิ่งหนีสุกชีวิตพร้อมเอามือกุมเป้ากางเกงไปด้วย "ลินทำไมต้องทำกับพ่อแบบนี้ด้วยพ่อทำอะไรผิดหนูถึงไม่พอใจแบบนี้….จ๊าก! แม่ใจเย็นๆนี้พ่อสามีแม่นะ"






    "เพราะเป็นสามีไงถึงได้ทำไอนิสัยแบบนี้มันต้องฟันให้เข็ด" เมื่อเห็นสามีตนเองวิ่งหนีฝ่ายภรรยาก็วิ่งตามอย่างไม่ลดละ "ดังนั้นอย่าหนีสิมาให้เชือดเดียวนี้เลยนะ"






    "แม่ใจเย็นแล้วฟังพ่อก่อน…..เฮ้ย! มีดอีโต้....เกือบไปเกือบไป"






    ใครจะคาดคิดว่าอีกไม่นานมีบางสิ่งบางอย่างทำให้ พวกเขาสองพี่น้อง จะสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตไปและบางสิ่งบางอย่างจะทำสองพี่น้อง แตกต่างไปจากเดิมทั้งหมดเป็นความบังเอิญที่เกิดขึ้น หรือ ชะตาได้ลิขิตไว้แล้ว















    2 วันต่อมา

     







    ตึก!ตึก! ตึก!

     








    เสียงฝีเท้าที่วิ่งมาด้วยความเร็วของเด็กหนุ่ม นามว่า 'ดาลันด์' มือทั้งสองข้างกอดกระเป๋าหนังสีน้ำตาลไว้อย่างห่วงแหน ราวกับว่าสิ่งที่อยู่ข้างในนั้นเป็นลูกของตนเลยก็ว่าได้เมื่อข้างหน้าเห็นตัวบ้านที่เขาอยู่ที่นี้ตั้งแต่เด็กก็รีบเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้นกว่าเดิม จนฝุ่นตลบอบอวนไปทั่วพื้นดิน พอมาถึงที่หมายเจ้าตัวหอบหายใจด้วยความเหนื่อยพร้อมกับเช็ดเหงื่อไหลตามใบหน้าและซอกคอ ก่อนจะค่อยๆบิดลูกบิดประตูอย่างช้าๆ

     

     







    แอด! ปึง!

     

     







    เด็กหนุ่มเมื่อเข้ามาในบ้านแล้วก็หันซ้ายหันขวา เพื่อดูว่ามีใครอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า และเมื่อเห็นว่าไม่มีใครดาลันด์รีบตรงไปที่ห้องใต้ดิน ที่ซึ่งเป็นห้องที่เขาใช้สำหรับทดลองหรือสร้างสิ่งของต่างๆทันที แต่ทว่า.......

     








    "พี่กลับมาแล้วเหรอ พี่ลันด์" เสียงเรียกของคนเป็นน้องจากทางบันได ทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนรีบหันกลับไปพร้อมย้ายกระเป๋าไปไว้ด้านหลังตนเองแทน "แล้วพี่ซ่อนอะไรไว้ข้างหลังนะ.......อย่าบอกนะว่าที่หายไปสองวันพี่ไปจับตัวแปลกๆมาอีกแล้วใช่ไหม"

     








    "คราวนั้นที่พี่จับมาเพราะมันบาดเจ็บต่างหาก และเธอเองก็ชอบมันมากเสียด้วย จนไม่อยากปล่อยมันไปนะ" ฝ่ายพี่ชายรีบแก้ตัวทันที เมื่อเห็นคนเป็นน้องสาวเริ่มจับผิด "อ่ะ.......จริงสิแล้วคุณพ่อคุณแม่ละ"

     







    "คุณพ่ออยู่ที่ศูนย์วิจัยภัยธรรมชาตินะคิดว่าเย็นๆคงกลับ ส่วนคุณแม่" ลินดาลงจากบันไดเพื่อมาเผชิญหน้ากับคนตรงหน้าที่สูงกว่า ตนเองหลายเซนติเมตร "เห็นบอกว่าจะไปซื้อกับข้าวมาทำอาหาร เลี้ยงวันเกิดพี่นะ"

     







    "งั้นหรอแปลว่าที่อื่นก็เกิดแผ่นดินไหวด้วยสินะ" ดาลันด์กล่าวขึ้นอย่างสงสัย "เพราะจุดที่พี่ไปก็แผ่นดินไหวเหมือนกันถึงได้.....ช่างเถอะงั้นพี่ขอตัวก่อนละกัน ถ้าพ่อกับแม่กลับมาก็เรียกพี่ด้วยละกัน"

     







    "เดี๋ยวสิพี่!!โธ่ไปสะแล้ว"

     

     








    ภายในห้องใต้ดินเด็กหนุ่มค่อยวางกระเป๋าลงอย่างเบาเบาๆก่อนเปิดฝากระเป๋าออกมาและบรรจงหยิบสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าอย่างช้าๆ สิ่งที่อยู่ในมือเด็กหนุ่มคือไข่ใบใหญ่พอพอกับกระเป๋าสีน้ำตาลที่บรรจุใส่มันมา ลวดลายของมันคลายเปลวไฟสีแดงเล็กใหญ่ตามขนาดของไข่ ดาลันด์หยิบผ้าที่อยู่ข้างๆขึ้นมาเช็ดรอยเปื้อนที่อยู่บนไข่ด้วยความบรรจง จากนั้นก็ห่อไข่ทั้งใบเอาไว้และนำไปใส่ในหม้อต้มที่เขาเป็นคนสร้างขึ้นมาเองที่สามารถปรับอุณหภูมิให้ร้อนขึ้นได้โดยที่ไม่ต้องใช้ไฟ แล้วหยิบปรอทวัดอุณหภูมิน้ำจากกระเป๋าเสื้อ ซึ่งตอนนี้มันบอกค่าของมันอยู่ที่เก้าร้อยองศาเซลเซียส จากนั้นก็ปรับอุณหภูมิของหม้อให้ตรงกับปรอท แล้วยกหม้อไปตั้งที่มุมหนึ่งของห้อง

     

     








    “หวังว่าคงช่วยได้ทันนะ” ดาลันด์ถอนหายใจออกช้าๆ ก่อนจะหยิบถุงมือกันความร้อนขึ้นมาใส่ พร้อมกับลูบที่เปลือกไข่อย่างเอ็นดู “ขอโทษที่นำแกออกจากที่ที่แกเคยอาศัยนะ แต่ถ้าฉันไม่พามาแกอาจตกไปในพื้นดินที่แยกออกจากกันเพราะแผ่นดินไหวก็เป็นได้ โชคดีที่เศษก้อนหินในปล่องภูเขาไฟกระเด็นมาพร้อมกัน จึงวัดอุณหภูมิได้ทัน ถึงแม้ว่าตอนที่ฉันจะเข้าใกล้หินตอนที่เริ่มเย็นลงเรื่อยๆก็ตาม เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้น แกอาจจะไม่รอดก็ได้”

     







    วูบ!

     

     







    “เอ๋! เมื่อกี่นี้มันอะไรนะ เรือนแสงได้ด้วย” เด็กหนุ่มมองไข่อย่างแปลกใจ เมื่อเห็นมาเรืองแสงเล็กน้อยหลังจากที่เขาพูดจบ และก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ “แสดงว่าแกได้ยินในสิ่งที่ฉันพูดสินะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า รู้สึกดีใจอย่างไงไม่รู้ ชักอยากเห็นหน้าแกตอนฟักออกจากไข่แล้วสิว่าจะน่าเอ็นดูแค่ไหน แล้วเจอกันนะ.......บีลีฟที่แปลว่าความศรัทธาหรือความเชื่อ”

     

     







    วูบ!!!

     

     








    แสงจากไข่ส่องแสงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้รู้สึกเหมือนจะส่องแสงนานกว่าเก่า ดูท่าเจ้านี้จะรับรู้และได้ยินสิ่งที่เขาส่งไปให้หมด  ตอนนี้ใจของดาลันด์ตื่นเต้นอย่างสุดๆ พร้อมกับคิดว่าอยากให้ออกมาไวไว จากนั้นเขาก็ลูบเปลือกไข่อยู่สักพักใหญ่ๆ แล้วค่อยไปสนใจกับสิ่งประดิษฐ์ต่อ ในระหว่างนั้นเด็กหนุ่มกับพึมพำออกมาเป็นทำนองเพลง โดยไม่รู้เลยว่าไข่ที่อยู่ด้านหลังก็ส่องแสงไปตามจังหวะเพลงที่ดาลันด์พึมพำออกมาเหมือนกัน

     

     







    ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

     

     








    “พี่ลันด์ คุณพ่อกับคุณแม่กลับมาแล้วนะคะ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับเสียงคนเป็นน้องสาวที่เรียกจากนอกประตู ทำให้เด็กหนุ่มหยุดกับสิ่งประดิษฐ์ตรงหน้าแล้วเดินไปที่ประตูและเปิดออกมาเล็กน้อยโดยเอาตัวบังของที่อยู่ด้านหลังแบบเนียนๆ “พี่คงไม่ลืมหรอกนะว่าวันนี้มันวันอะไร และที่สำคัญตัวพี่เป็นคนบอกเองว่าพวกเขากลับมาเมื่อไรให้มาเรียกนะ”

     








    “อ๋อ!......นั้นสินะ งั้นเราไปกันเถอะ” ดาลันด์เอาตัวเบี่ยงเล็กน้อยจากนั้นค่อยปิดประตูพร้อมรีบใส่รหัสทันทีแบบไม่ให้ผู้เป็นน้องสังเกตเห็นความผิดปกติ “นี้ลิน ลองเปิดกระดาษม้วนแผ่นนั้นหรือยัง ที่บอกว่ามีคล้ายแบบพี่เนื้อหาเป็นไง”

     









    “อืม......ส่วนบนรู้สึกเหมือนเรื่องเล่าตำนานทั่วไปที่อยู่ในหนังสือเล่มเก่าเล่มใดเล่มหนึ่งในห้องสมุดหมู่บ้านนี้แหละ” เด็กสาวทำท่าคุดคิดเล็กน้อย “ส่วนด้านล่างไม่รู้ว่าหนูคิดไปเองหรือเปล่า แต่เหมือนกับคำทำนายที่ส่งถึงหนูยังไงไม่รู้ ของพี่ก็เป็นเหมือนกันหรือเปล่า”

     








    “ไม่นะ......พี่มีแค่เรื่องเล่าตำนานเท่านั้น ส่วนข้อความด้านล่านพี่ไม่เห็นจะมีเลย......เอ๊ะ!!!!” เด็กหนุ่มหยิบข้อความจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาอ่านอีกครั้ง แล้วก็ต้องตกใจไปพักหนึ่ง “ลิน ก่อนที่จะหยิบมันขึ้นมาอ่าน เธอได้ทำอะไรมาก่อนหรือเปล่า”

     








    “อืม......อ๋อ......หนูล้างมือในห้องน้ำนะ” ผู้เป็นน้องสาวกล่าวขึ้น “อาจเพราะหนูเช็ดมือไม่สะอาดมั่ง เลยมีหยดน้ำหลงเหลืออยู่ที่มือ ว่าแต่พี่ถามทำไม”

     







    “แล้วข้อความที่สองมันเขียนว่าไง” ดาลันด์ไม่ได้ตอบอีกฝ่ายแต่กับถามต่อ ขณะที่สายตาอ่านข้อความอย่างตั้งใจ

     








    “เอ.....รู้สึกจะเขียนว่า เมื่อยามใดผู้เป็นเจ้าของกระดาษฉบับนี้อายุครบยี่สิบปี เมื่อนั้นชะตาจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง............. ว๊าย!!!”  ในระหว่างที่ลินดากำลังเอ่ยถึงข้อความของตนเอง จู่ๆ พื้นดินก็เกิดอาการสั่นไหวอย่างรุนแรงจนข้าวของตกแตกกระจายไปทั่ว เด็กสาวเกือบจะล้มหน้าคะมำไปจูบที่พื้นของบ้านโชคดีได้คนเป็นพี่ชายช่วยประคองตัวเอาไว้อย่างทันที “ขอ......ขอบคุณค่ะพี่ลันด์”

     

     






    “ไม่เป็นไรนะลิน” เด็กหนุ่มถามคนเป็นน้องสาวด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะมองเลยออกไปทางฝั่งประตูทางเข้า “พี่ว่าลินรีบออกไปข้างนอกเถอะ อย่างน้อยของในบ้านจะได้ไม่ตกใส่เราจนบาดเจ็บได้ ส่วนพ่อกับแม่พี่จะไปตามเอง”

     







    “มะ.....ไม่ต้อง พ่อกับแม่อยู่ตรงนี้แล้ว” สองสามีภรรยาออกมาจากห้องรับแขกต่างพยุงช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผู้เป็นพ่อชี้ไปด้านหลังลูกชาย “พวกลูกทั้งสองไปหลบในห้องทดลองของลันด์ก่อนสิ เพราะมันมีทั้งห้องน้ำ ห้องนอนอยู่แล้ว และแม่เขาก็เอาวัตถุดิบต่างๆสำหรับเข้าครัวอยู่ในตู้เย็นเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นมันน่าจะพอได้ห้าหกวัน”

     







    “งั้น.....เหรอครับ” ทำไมถึงได้เตรียมตัวพร้อมอย่างกับรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นนะ จริงอยู่ว่าช่วงนี้จะเกิดแผ่นดินไหวอยู่ตลอดแต่ก็ไม่รุนแรงเหมือนเมื่อกี่และที่สำคัญมันจะบังเอิญไปหน่อยไหมที่เขาเจอไข่วันนี้ พร้อมกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด รวมทั้งข้อความทั้งของเขาและน้องสาวถึงน้องจะพูดไม่จบแต่ช่วงบนจะคล้ายเขาอยู่บ้าง สงสัยต้องไปขอกระดาษข้อความของน้องมาอ่านเสียแล้ว “ถ้าอย่างนั้นพ่อกับแม่เข้าไปก่อนสิครับ ผมจะระวังหลังให้ ลินไปช่วยพยุงแม่เขาสิ เดียวพี่จะช่วยพ่อเอง”

     







    “ได้ค่ะ”

     







    “ไม่ต้องหรอก พ่อต้องไปช่วยคนที่หมู่บ้านด้วยเหมือนกัน”ผู้เป็นพ่อกล่าวขึ้นพร้อมสบตาลูกชายตรงๆ “ยังมีคนมากมายที่ต้องการความช่วยเหลือ ดังนั้นลูกกับลินไปหลบข้างในก่อนเถอะ”

     








    “ไม่ครับ ผมจะไปด้วย”ดาลันด์ปฏิเสธทันทีแบบไม่ต้องคิดไตร่ตรองอะไรเลย เด็กหนุ่มหันไปทางประตูพร้อมใส่รหัสและผลักประตูให้กว้าง ไฟในห้องสว่างขึ้นทันทีที่เปิดประตู “ข้างในอาจจะรกหน่อยนะครับเพราะผมพึ่งเอาวัตถุดิบกลับมาหลายชิ้น เป็นไปได้ไปรอที่ห้องนอนผมก่อนละกัน ลินพาคุณแม่เข้าไปข้างไหน”

     









    “ได้ค่ะพี่ลันด์” เด็กสาวพยักหน้ารับก่อนเดินอย่างระวังเพราะเนื่องจากพื้นยังมีสั่นๆอยู่ตลอด ฝ่ายสามีภรรยาต่างมองหน้ากันเล็กน้อย ฝ่ายสามีพยักหน้าให้ภรรยาตามคนเป็นลูกสาวเข้าไปข้างในไป “คุณพ่อ พี่ลันด์ระวังตัวด้วยนะค่ะ”

     

     








    “อืม....พี่จะระวัง”

     

     







    “ลันด์ มาให้แม่กอดลูกหน่อย” แววตาของแม่จริงจังแล้วมีน้ำตาคลอออกมา คนเป็นลูกมองหน้าผู้เป็นมารดาก่อนจะเดินเข้าไปใกล้และสวมกอดทันที เพียงเท่านั้นน้ำตาแม่ไหลออกมาเป็นสายน้ำยากที่จะหยุดได้พร้อมกับอ้อมกอดที่แน่ขึ้นมากว่าเก่า ทำให้ดาลันด์รู้สึกอบอุ่น คิดถึง โหยหา และเจ็บปวด แล้วทำไมเขาต้องรู้สึกแบบนั้นด้วยละ ในเมื่อตัวเขาเองก็ไม่ได้ขาดไออุ่นจากอ้อมกอดนานเท่าไร แค่ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเท่านั้น “จำคำของแม่ไว้นะ ลันด์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม่และพ่อก็อยู่ข้างลันด์กับลินเสมอ.....ฮึก!..... แม้ทางเดินข้างหน้าจะลำบากแค่ไหนแต่ห้ามยอมแพ้กับเส้นทางที่ลูกเลือกเด็ดขาด.....ฮึก!.....ดูแลและปกป้องน้องให้ดีด้วย......ฮึก!

     








    “หมายความว่าไง ผมแค่ไปช่วยคนข้างนอกแค่นั้นไม่ได้ไปไหนเสียหน่อย”เด็กขมวนคิ้วขึ้นมาอย่างสงสัย คิดจะคลายอ้อมกอดแล้วเผชิญหน้ากับคนตรงหน้า แต่ติดที่อีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยกับกอดแน่นมากกว่าเดิม “แล้วที่สำคัญทำไมต้องพูดเหมือนจะจากลากันไหนสักแห่ง.....”

     









    “รับปากแม่สิ ลันด์ ว่าลูกจะดำรงชีวิตโดยที่ไม่จมอยู่กับอดีต อยู่กับปัจจุบันและก้าวต่อไปในอนาคต......ฮึก! รับปากสิ! รับปากกับแม่สิ.....” น้ำเสียงเริ่มสั่นเคืองออกมา ดาลันด์นิ่งเงียบจากนั้นค่อยพยักหน้าลงช้าๆพร้อมเอ่ยคำสัญญา ผู้เป็นแม่ลูบหัวลูกชายคนโตอย่างรักใคร่ “ดีมาก ลูกเป็นความภาคภูมิใจของแม่มาก......ฮึก!.....ดาลันด์ บริททาเนีย ลูกกับ ลินดา บริททาเนียคือผู้ถูกเลือกดังนั้นจงเลือกเส้นทางที่ใช่ของลูก”

     







    “....ครับ”

     

     








    “ดาลันด์ สุขสันต์วันเกิดนะ.....ของขวัญพ่อกับแม่อยู่ที่ห้องนอนของลูกและ.......” ผู้เป็นแม่คลายอ้อมกอดออกมา น้ำตาที่ไหลออกจากดวงตากับรอยยิ้มที่แสดงความอาลัยอาวรณ์ ตรงทางเข้าประตูเห็นผู้เป็นพ่อกำลังอุ้มน้องสาวที่กำลังหลับอยู่ เด็กหนุ่มริบไปหาน้องสาวด้วยความเป็นห่วงจึงเห็นว่าเพียงแค่หลับไป แต่นั้นก็ทำให้ดาลันด์สงสัยว่าทำไมลินดาถึงหลับไปได้ทั้งที่เมื่อกี่ยังยืนบอกให้เขาระวังอยู่เลย เมื่อเงยหน้าขึ้นจะถาม แต่ต้องชะงักเมื่อผู้เป็นแม่หยิบสเปรย์ขวดเล็กขึ้นมาตรงหน้า และฉีกออกมาทันทีที่เขาเงยหน้า “แม่ขอโทษที่ต้องทำกับลูกและน้องแบบนี้.....ฮึก!....ที่นำสเปรย์ยาสลบของลูกมาใช้กับลูกเอง อีกไม่นานหมู่บ้านนี้จะไม่มีอยู่ในแผนที่ และทุกอย่างจะถูกทำลายจนไม่เหลือซาก มีเพียงห้องนี้เท่านั้นที่ยังคงทนต่อแรงกระแทกได้เพราะพ่อลูกสร้างขึ้นมาอย่างพิเศษ.....ฮึก!.....โลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่.....ฮึก!.....อย่าลืมที่ให้คำสัญญากับแม่ละรัน........ลาก่อน! ดาลันด์ ลินดา แม่รักลูกทั้งสองคนมากนะ”

     

     






    ตุบ!!!

     

     

     








    ร่างกายของเด็กหนุ่มถึงกับทรุดลงไปกับพื้นด้วยฤทธิ์ของสเปรย์ขวดเล็กที่เขาสร้างขึ้นมาคงอยู่ได้นานแค่ยี่สิบนาที เพราะมันยังเป็นรุ่นทดลองแต่มันก็สามารถทำให้สัตว์ตัวใหญ่ล้มมาแล้ว นับประสาอะไรกับคนเล่า ตอนนี้ดวงตาของเด็กหนุ่มเริ่มพร่างมัว เงยหน้ามองพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดอย่างสงสัย ภาพที่ก่อนหมดสติไปคือน้ำตาของคนเป็นแม่กับรอยยิ้มอันเศร้าสร้อยของคนเป็นพ่อพร้อมกับคำพูดอะไรบางอย่างที่จำความได้บ้างไม่บ้าง แล้วก็วูบลงไปกับพื้นบ้าน






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×