คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ★ Vagrant ★ 06 Chapter 6 - บ๊ายบายมายบรา
Part 1 ★ Vagrant ★
Part 1 ★ Vagrant ★
-06- Chapter 6
บ๊ายบายมายบรา
ทันทีที่ลุงแกพูดจบ ผมก็ตกใจอยู่สองวิ อันที่จริงสามน่ะ -0- (นายต้องการจะสื่ออะไร?) จะเชื่อหรือไม่เชื่อลุงแกดี ลำบากใจชะมัด
“พูดจริงพูดเล่นเนี่ยลุง”
“จะโกหกทำด๋อยอะไรล่ะครับคุณ --*”
กรรม งั้นผมขอโทษนะครับแหม่
“เอ่า ยังไม่รีบไปอีก -0-”
“ใจเย็นน่าลุง ยัยนั่นน่ะมันชอบกรี๊ดเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว ปล่อยไปเถอะ” ผมบอกด้วยใบหน้าเรียบเฉย พลางเดินไปข้างหน้าอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ
“เจ้าเด็กโรคจิต คนทั้งคน เมินเฉยไปได้ ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ เดี๋ยวจะมารู้สึกผิดทีหลังนะ”
“แต่ลุง-”
“รีบไปสิครับ”
เออไปก็ได้! -*-
ทันทีที่ตัดสินใจได้ผมก็รีบวิ่งแจ้นด้วยความเร็วแสง จะว่าไปมันก็หกสิบ-สี่สิบนะ เดาไม่ยาก ไอ้หกสิบคือไม่อยากไปนั่นเอง โดยปกติแล้วเรื่องพรรคนี้ไม่ค่อยจะยุ่งยากกับชีวิตผมสักเท่าไหร่ เพราะลูกน้องช่วยตลอด แหงล่ะ รูปหล่อพ่อรวยอย่างผมแล้ว ลูกน้องก็มีเป็นคอก อ้อลืมบอกอีกอย่างไป ใครจะรู้ว่าผมน่ะลูกเจ้าพ่อมาเฟีย แต่เดี๋ยวนะ นี่ใช่เวลามาอวดไหม
ครู่เดียวก็วิ่งมาถึงปากซอยบ้านร้าง เสียงกรีดร้องของแอชลีย์ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งซอยอย่างว่าจริงๆ ไม่แปลกที่จะมีคนได้ยิน แต่ทำไมยัยนั่นกรี๊ดแบบจะเป็นจะตายแบบนี้วะ พอดีกับที่ความรู้สึกผมกลายเป็นแปดสิบยี่สิบ รอบนี้แปดสิบคืออยากไปนะครับ
ผ่างงง!
ผมผลักประตูเข้าไปอย่างคล่องแคล่วว่องไว วินาทีติดๆ กันประตูก็เปิดออก ภาพที่ผมเห็นเล่นเอาแทบลมจับ แอชลีย์กับผ้าขนหนูเพียงผืนเดียวที่คลุมร่าง ทว่ามันไม่ใช่อะไรอย่างที่คิดหรอก --* เธอหยุดการเคลื่อนไหวและเสียงกรี๊ดก่อนจะมองมาทางผมที่เปิดประตูเข้ามาอย่างไม่ให้สุ่มไม่ให้เสียง
“ไทเลอร์ กรี๊ดดดดดดดดด” จากนั้นร่างบางก็กรีดร้องเสียงแสบแก้วหูอีกครา พลันวิ่ง ไม่สิ กระโจนเข้ามากอดผมราวกับไม่ได้เจอกันมาแปดภพชาติ
“ลงไปเดี๋ยวนี้เลยนะ” ผมสั่งเสียงเข้มอย่างเด็ดขาด แอชลีย์ค่อยๆ กระโดดลงจากตัวผมอย่างว่าง่าย ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง “นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย”
“มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากๆ เลยนะไทเลอร์ ฮือๆ”
“...” ผมขมวดคิ้วนิ่วหน้าสร้างบรรยากาศกดดันเล็กน้อย ก่อนจะเดินเอาของไปวางไว้ที่ห้องครัว แล้วเดินกลับมาหาแอชลีย์ใหม่ “รู้ตัวมั้ยว่าเสียงแปดหลอดของเธอดังข้ามทวีปไปถึงไหนน่ะ”
“ไม่รู้ YOY”
“แล้วตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไม่เห็นจะมีอะไรน่ากลัวเลย”
“มีสิ แมลงสาบ! แมลงสาบอะ มันน่ากลัวมากๆ ฉันเห็นมันอยู่ในห้องน้ำ ตัวเบ้อเร่อ แล้วอีกอย่างมันบินตามฉันด้วยนะ ฮืออออออ”
“…”
“…”
“นี่กำลังล้อเล่นอยู่หรือเปล่าเนี่ยยัยติงต๊อง -__-”
“ตกลงมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?” ระหว่างนั้นลุงคนเดิมก็เดินเข้ามาถามขัดจังหวะ อาจจะเป็นเพราะประตูบ้านเปิดอยู่เลยเดินเข้ามาง่ายๆ แล้วจะตอบว่าอะไรล่ะทีนี้!
[แอชลีย์]
จู่ๆ ก็มีลุงคนหนึ่งถามขึ้นขัดบทสนทนาของฉันกับไทเลอร์ ฉันมองตามอย่างฉงนใจ แต่งงได้ไม่นานปมในใจก็ถูกเฉลย ที่แท้ลุงคนนี้ก็เป็นคนคาบเรื่องที่ฉันกรี๊ดวิ่งไปบอกไทเลอร์ถึงตลาดนั่นเอง
“กล่าวสรุปคือ แม่หนูคนนี้กรี๊ดเพราะแมลงสาบ?”
“(-_-) (_ _)” ไทเลอร์พยักหน้าแทนคำตอบ
สักพักใบหน้าของทั้งคู่ก็แสดงออกถึงความเอือมระอาอย่างเห็นได้ชัด อะไรกันน่ะ แมลงสาบตัวเบ้อเร่อเชียวนะ น่าเกลียดน่ากลัวที่สุด ทำไมมองเป็นเรื่องปกติกันได้ลง บรึ๋ยยย คิดแล้วก็ขนลุกซู่
“ถ้างั้นลุงก็ไม่มีอะไรต้องพูดแล้วล่ะ คราวหน้าคราวหลังก็ระวังบ้าง สวัสดี =_=” พูดจบลุงแกก็เดินออกไป
ฉันหันไปประจันหน้ากับไทเลอร์อีกครา เขามองมาทางฉันพลางส่ายหน้าและถอนหายใจ
“เฮ้! อะไรเล่า อย่าทำท่าทางรำคาญฉันแบบนั้นนะเว้ย ฉันไม่ผิดสักหน่อย แมลงสาบนั่นต่างหาก”
“จะโยนความผิดให้แมลงสาบว่างั้นน?”
“เออก็ใช่น่ะสิ แต่ฉันไม่ได้โยนความผิดนะ มันน่ะผิดเต็มประตูเลย”
“ราตรีสวัสดิ์ -__-”
ราวๆ สิบโมงเช้าของวันต่อมา ฉันตื่นนอนด้วยสภาพโทรมใช่เล่น ราวกับอีแล้งหลังหักก็ไม่ปาน เพราะอะไรน่ะหรอ ไม่ต้องถาม เพราะไอ้บ้าไทเลอร์นั่นอีกแล้วค่ะ เหตุเกิดมาจากเมื่อตอนกลางคืนของเมื่อวาน พวกเราเปิดศึกแย่งที่นอนกัน ทำไงได้เตียงก็มีเตียงเดียว แถมเป็นเตียงคู่ และแน่นอนว่าต้องมีสักคนที่ได้นอน เพราะเราจะไม่นอนด้วยกันแน่ๆ แต่เนื่องจากเถียงกันไปแล้วก็ไม่ได้อะไร พวกเราจึงต้องจำใจนอนด้วยกัน แต่เพราะอะไรไม่รู้ที่ทำให้ไทเลอร์นอนดิ้นถึงเพียงนั้น เตียงคู่ไม่เพียงพอสำหรับเขา =O= เจ้าตัวถีบฉันลงมาที่พื้นโดยที่ตัวฉันเองก็ไม่รู้สึกตัว ตอนเช้าถึงตื่นขึ้นมาในสภาพนี้ ปวดหลังชะมัด!
“เจ้าบ้าไทเลอร์!!!” ฉันแผดเสียงดังต้อนรับเช้าวันใหม่ ร่างสูงที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียงเอาผ้าห่มเก่าๆ คลุมโปงอย่างไม่สะทกสะท้าน เพิ่มระดับแรงสูบฉีดในตัวฉันมากขึ้นไปอีก “ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ! จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน วันนี้นายต้องไปทำงานนะ!”
“อืม…” ไทเลอร์ครางตอบ
“กรี๊ดดด ฉันบอกให้ตื่นไงวะ!” ไม่พูดเพียงอย่างเดียวฉันกระชากผ้าห่มที่อยู่บนตัวเขาออกอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตามมาด้วยหมอนที่ฟาดลงเต็มแรงสามที “ไม่ตื่นใช่มั้ยย! นี่! นี่! นี่!”
“โอ๊ย ยัยโรคจิตซาดิสต์ผิดมนุษมนา” บ่นเสร็จร่างสูงก็ยอมลุกแต่โดยดี ให้มันว่าง่ายแบบนี้หน่อย! แต่จะดีมากถ้าเขาไม่บ่นต่อ “ไหนว่าจะอยู่คืนเดียววะ”
“นี่ฉันต้องไปทำงานจริงๆ ใช่ไหม” ไทเลอร์ถามขณะกำลังจะก้าวขาออกจากบ้าน ฉันที่มายืนบงการชีวิตเขาได้แต่พยักหน้าเป็นคำตอบอย่างช่วยไม่ได้ “เออจริงสิ ฉันคิดอะไรบางอย่างออก”
“อะไร? เรื่องเงินใช่มั้ย?”
“ตกลงเธอเป็นคนยังไงกันแน่เนี่ย -__-”
“เร็วสิ รีบๆ พูดมา ฉันลุ้นอยู่”
“เธอจำชุดชั้นในประมูลนั่นได้มั้ย”
“จำได้สิ แต่ไม่อยากจำเท่าไหร่ คิดแล้วแค้นนายว่ะ”
“เออน่ะ แต่ตอนนี้เธอจะต้องขอบคุณฉัน ^O^”
“อ้อหรอ ขนาดนั้นเชียว”
“มากกว่านั้น เพราะสิ่งที่ฉันคิดตอนนี้คือให้เธอเอาชุดชั้นในประมูลนั้นไปขายคืนให้ที่ประมูล”
“จะบ้าหรอ ชุดชั้นในไม่ได้อยู่กับฉัน”
“จะไปอยู่กับเธอได้ไงเล่าในเมื่อเธอไม่ได้สนใจอะไรเลย สักแต่วางทิ้ง แล้วตอนนี้มันก็อยู่กับฉัน ฉันเอาไปเก็บไว้ที่หลังโรงขยะ หวังว่าจะยังอยู่นะ”
“โอ้พระเจ้า นี่นายพูดจริงหรอเนี่ย”
“สาบานครับ”
“กรี๊ดดด ฉันนึกว่ามันจะถูกปล้นไปแล้วซะอีก ชุดนั่นต้องขายได้เงินเยอะแน่ๆ”
“เพราะงั้นระหว่างที่ฉันไปทำงาน เธอก็เอาชุดชั้นในไปหาที่ขายให้ได้เงินสูงๆ ละกันนะ”
“ตกลงตามนั้น เหมือนสวรรค์ประทานพรจริงๆ เล้ยยย”
“ถ้างั้นฉันก็เป็นสวรรค์สินะ > <”
“ชุดชั้นในต่างหาก -__-”
“เฮ้ยย ทำไมฉันต้องเป็นชุดชั้นในด้วยเล่า”
“จะบ้าหรอ ฉันหมายความว่าชุดชั้นในคือสวรรค์”
“ยังไงก็ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าเธอไปหาอยู่หลังโรงขยะนะ ตรงที่ฉันบอกเธอว่าเป็นบ้านฉันไง แถวๆ นั้นแหละ”
“แหวะ นี่ฉันต้องไปขุดคุ้ยอย่างนั้นหรอ”
“เอาน่า เพื่อเงินนน ท่องไว้” เจ้าตัวพูดอย่างมุ่งมั่น “อ้อเกือบลืมบอกอีกอย่าง หลังจากที่ได้เงินแล้ว เธอรีบเอาไปซื้อโทรศัพท์ถูกๆ สักเครื่องมาไว้กดโชคใต้ฝาอิชิตันด้วย”
“เออๆ ค่ะ นายน่ะรีบไปทำงานเถอะ เอาตำแหน่งสูงๆ เงินเยอะๆ นะเว้ย”
“ค๊าบผม” จากนั้นร่างสูงก็เดินออกไป คราวนี้ก็เป็นหน้าที่ฉันแล้วสินะที่ต้องไปคุ้ยดงขยะเพื่อหาชุดชั้นในไปขายเนี่ย ฮือออ บราน้อยลูกรักของแม่ มันจำเป็นจริงๆ นะ อภัยให้ด้วย
“อะไรนะ! สองแสน? จะบ้าหรออ!!” ฉันวีนแตกทันทีที่ได้ยินราคา “ชุดชั้นในนี่มันมีมูลค่าสูงมากนะ ฉันไปประมูลมาตั้งเกือบสามแสนห้า จะมาให้ฉันแค่สองแสนได้ยังไง”
“โธ่คุณ ก็ดูซิเนี่ย เหม็นก็เหม็น ยับยู่ยี่ปู้ปี้ป่นปี้ด้วย จะขายได้สักเท่าไหร่”
“ปรับแต่งนิดเดียวก็เริ่ดแล้วค่ะ ฉลาดหน่อยสิคะ”
“ถ้าขืนคุณยังต่อรองอีกล่ะก็ แสนห้าพอ”
“โอเคตามตอนแรกจบ ไหนสัญญาให้เซ็น เอามาสิ -^-”
และแล้วฉันก็ได้โบกมือลาชุดชั้นในสุดหรูในราคาแค่สองแสนถ้วน มันน่าเศร้าจริงๆ ที่ขายได้เท่านี้ เออเอาวะ อย่างน้อยก็ยังดีที่เกินครึ่งของราคาเต็ม ปลอบใจตนเสร็จฉันก็เดินเข้าร้านขายโทรศัพท์ยี่ห้อปาหัวหมาแตกที่อยู่ใกล้ๆ กัน พนักงานร้านและคนในนั้นมองฉันด้วยใบหน้าไม่รับแขกเลยสักนิด แต่ก็ต้องทำเหมือนเป็นปกติ อะไรกัน ฉันแค่ใส่ชุดลายสก็อต (ผ้าขาวม้า) เก่าๆ กลิ่นอับเล็กน้อย แล้วก็มาเดินในย่านไฮโซชื่อดังแค่นี้เอง มันแปลกตรงไหนกันคะ ใครรู้ช่วยตอบแอชลีย์ที
“ต้องการอะไรถามได้นะคะ =_=” ไม่นานนักพนักงานคนหนึ่งก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงและท่าทางบอกบุญไม่รับ ฉันเชิดหน้าขึ้นด้วยความเคยชินก่อนจะเดินตรงไปที่เคาท์เตอร์เพื่อดูโทรศัพท์
พนักงานหยิบยี่ห้อที่ค่อนข้างถูก ไม่สิ ถูกที่สุดเลยก็ว่าได้ขึ้นมาเรียงรายให้ฉันเลือก แหม่…รู้ทัน -.,- ไม่สิ กรี๊ดดด พนักงานไร้มารยาท! ดูถูกกันทางอ้อมนี่หว่า คิดว่าฉันไม่มีปัญญาซื้อรึไง แต่ความจริงก็ไม่มีนั่นแหละ ก้มหน้ารับไปก่อนละกัน T__T
“ยี่ห้อไหนถูกและใช้ดีที่สุด” สาบานได้เลยว่าเกิดมาฉันไม่เคยพูดประโยคนี้
“ก็เหมือนกันหมดนั่นแหละค่ะ เลือกสักอันเถอะ”
“บริการดีจริงๆ!” ประชดผ่านน้ำเสียงเสร็จฉันก็จ้องหน้าพนักงานไม่วางตาก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่ใกล้มือมากที่สุดขึ้นให้พนักงานไปคิดเงิน หล่อนมองกลับอย่างไม่วางตาเช่นกันก่อนจะไปปฏิบัติหน้าที่ต่อ ฮึ่ยยย ว่าจะไม่หาเรื่องแล้วนะ ยัยบ้านี่
ผ่านไปสักพัก ราวๆ ห้าหน้าทีก็ได้โทรศัพท์ ฉันเซ็นรับก่อนจะจ่ายเงินไปหนึ่งพัน และไม่ลืมที่จะจิกตาใส่หล่อนก่อนออกจากร้าน มันน่าหมั่นไส้จริงๆ เลย
ทว่าออกจากร้านมาได้ไม่นานฉันก็พบกับไฮโซหน้าหล่อ เจ้าตัวเดินควงมาพร้อมกับหญิงสาวสวยร่างสูงหุ่นเอ็กซ์คนหนึ่ง ฉันรู้จักทั้งคู่ดีเลยล่ะ
“ไมเคิล! เจนนิเฟอร์!” ทันทีที่ทั้งคู่ได้ยินเสียงตะโกนก็หันมา ก่อนจะหน้าซีดเป็นไก่ต้ม ไม่แปลกหรอก คนหนึ่งก็คู่หมั้นที่ยังไม่ได้ทำเรื่องหย่าตามกฎหมายดีเรียบร้อย เพียงแต่บอกเลิกกันปากเปล่า ส่วนอีกคนก็น่าแค้นใจ เจนนิเฟอร์ เพื่อนสนิทในกลุ่มที่รู้จักกันดีมาเกือบสองปี
ฉันรีบก้าวขาเดินฉับๆ ตรงไปทางสองคนนั้น ทว่าทั้งคู่กลับมองซ้ายมองขวาราวกับหาใครสักคน ทำไมทำท่าทางแบบนั้นนะ
“นี่เธอไปทำอะไรมาถึงได้โทรมขนาดนี้เนี่ย” เจนนิเฟอร์ว่า อ้อ ฉันว่าฉันรู้เหตุผลแล้วล่ะ “อย่างกับยาจกเลยนะยะหล่อน”
“อย่าบอกใครเชียวว่าเธอเป็นคู่หมั้นฉันน่ะ ผิดหวังจริงๆ”
“ฉันมาหาพวกคุณทั้งสองไม่ใช่ให้มาต่อว่าและวิจารณ์ฉันนะ!”
“…”
“ไปไกลกันถึงไหนแล้วล่ะ” ฉันถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน สงสัยฉันจะว่างงานจริงๆ หาวีนคนอื่นไปทั่ว เจนนิเฟอร์ยิ้มมุมปากหน่อยๆ ก่อนจะเชยคางฉันขึ้นและจ้องด้วยสายตาดูถูก
“ไปไกลกว่าเธออ่ะจ้ะ”
“เธอทำฉันเจ็บมาเลยนะเจน เพื่อนรักหักเหลี่ยม เลวที่สุด!” ว่าแล้วก็สะบัดมือที่เจนนิเฟอร์ใช้เชยคางฉันอยู่ออกอย่างไม่ไยดี “ฉันคิดว่าเธอจะเป็นเพื่อนที่ดี”
“ฉันเป็นมาตลอดนั่นแหละ แต่ตลอดที่ว่านั่นก็คือตอนที่เธอมีเงิน มีหน้ามีตา ไม่ใช่แบบตอนนี้ เห็นแล้วน่าสมเพช”
“รู้ทั้งรู้ว่าไมเคิลเป็นคู่หมั้นฉัน แกยังทำได้ขนาดนี้!”
“อดีตคู่หมั้นจ้ะ อดีต” หล่อนเน้นคำหลังก่อนจะหันไปทางไมเคิล “เพราะตอนนี้เขาไม่สนใจเธออีกต่อไปแล้วล่ะ พิจารณาตัวเองให้ดีๆ นะ เอาอนาคตไปฝากไว้กับคนเร่ร่อน กิ๊กเธอน่ะ ดีแล้วเหรอ”
“ไม่รู้อะไรแล้วอย่ามาพูด!”
“อย่างน้อยก็รู้แล้วกันว่าตอนนี้เธอถูกไมเคิลเขี่ยทิ้งแล้ว!”
“อย่างน้อยก็ทำให้ฉันได้รับบทเรียนอะไรหลายๆ อย่าง รู้ไว้เลยว่าฉันไม่เสียใจ” สิ้นเสียงแกมกราดเกรี้ยวฉันก็เดินแทรกกลางระหว่างคู่ด้วยท่าทางกระแทกแดกดัน พลันกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ ฝากไว้ก่อนเถอะ!
“ฮือออออออออออออออออออๆๆๆ ฮือออๆๆๆๆ” ตั้งแต่บ่ายยันเย็นฉันได้แต่ร้องไห้เมื่อนึกถึงเรื่องไมเคิลและเจนนิเฟอร์ ปากก็บอกไปว่าไม่เสียใจ แต่พอนึกถึงทีไรโคตรเจ็บเลย T^T
ส่วนไทเลอร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ได้ส่งกระดาษทิชชู่ให้เป็นครั้งคราวพลันใช้โทรศัพท์กดรหัสใต้ฝาอิชิตันไปพร้อมๆ กันด้วย
“ทำไมทำแบบนี้! ฮึก ฮืออออ” ฉันโวยวายเสียงดังพร้อมๆ กับโยนทิชชู่ทิ้งไปรอบๆ ห้องนั่งเล่น
“เกือบชั่วโมงมาแล้วนะ ที่เธอนั่งร้องไห้และบ่นเรื่องเดิมๆ อยู่เนี่ย มันช่วยอะไรได้มั้ย มาช่วยฉันกดรหัสใต้ฝาดีกว่ามา ได้เงินด้วย”
“หยุดพูดเลยนะ! นายมันก็คง ฮึก เหมือนผู้ชายพวกนั้น แบบไมเคิล เลวที่สุด! ฮืออออๆๆ”
“อย่าเหมารวมเส้”
“จะเหมารวมอ่ะ ทำไม! เลวๆๆๆๆๆ เลวจริงๆ! TT^TT ฮือๆ”
“คิดว่าดีก็ทำต่อไป -_-”
หลังจากนั้นเขาก็ไม่สนใจฉันอีกเลย...
กริ๊งๆ กริ๊งๆ
หลังจากนั่งเงียบเหงาเซาซานึกถึงความหลังมาราวๆ ชั่วโมงเต็ม เสียงเรียกเข้าโบราณแสนเชยก็ดังขึ้นขัดจังหวะ ไทเลอร์ที่นั่งหาวไป 10 ฟอดใหญ่ๆ รีบตรงไปยังโทรศัพท์และหยิบมันขึ้นอย่างคล่องแคล่วว่องไว
“เบอร์แปลก!” ร่างสูงตะโกนขึ้นอย่างดีอกดีใจ เพราะมีสิทธิ์ลุ้นว่าเป็นคุณตัน -0- ฉันรีบตรงดิ่งเอาหูไปแนบโทรศัพท์อีกข้าง แต่ทว่าทันทีที่รับ...
(ใช่ไทยล้านหรือเปล่า)
“ไทเลอร์ครับ -___-” ไทยล้านกับไทเลอร์มันคล้ายกันตรงไหนคะ
(เออนั่นแหละ นี่ลุงเองนะ)
“ลุง... อ้อลุงตะพาบ”
(ใช่ๆ ลุงนี่แหละ ว่างคุยไหม)
“เรื่องสำคัญมั้ยครับ?”
(ไม่หรอกพ่อใหญ่ไทย ลุงแค่จะโทรมาเล่น-)
“งั้นสวัสดีครับ ^^”
ตู๊ดดด...จากนั้นไทเลอร์ก็วางสายไปอย่างไม่ไยดี ฉันเอาหน้าออกมาห่างจากโทรศัพท์ ก่อนจะหันไปมองหน้าเขาอย่างงงๆ
“ลุงแกเป็นใคร ไปเอาเบอร์มาจากไหน”
“ก็ลุงที่ไปเรียกฉันอยู่ตลาด วันที่เธอเอ่อ...กรี๊ดแมลงสาบไง ฉันให้ลุงแกไว้ตอนบ่ายๆ เย็นๆ”
“ให้ตอนไหนกัน ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“แน่นอนล่ะ เล่นร้องไห้เอาร้องไห้เอาจะเป็นจะตายแบบนั้น จะไปรู้เรื่องได้ยังไง”
“เอ๊ะ-”
กริ๊ง... กริ๊ง... ติ๊ด!
“ผมไม่ว่างคุยครับลุงตะพาบ! ไว้โทรมาใหม่นะ” ไทเลอร์พูดรวบรัด และทำท่าจะวาง แต่ทว่าเหตุใดไม่รู้ทำให้เขาชะงักมือค้างไว้ก่อนจะหันมามองหน้าฉันด้วยท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกปนอึ้งทึ่ง
“อะไรไทเลอร์ ฉันรออยู่”
“คุณจะบอกว่าผมเป็นผู้โชคดีอย่างนั้นหรอ?! O_O”
ความคิดเห็น