ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lideara ฟ้าส่งฉันมาให้รักเธอ

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 26 มี.ค. 55



    บทนำ

     

     

                ในความมืดอันแสนน่ากลัว ไม่ว่าจะกวาดสายตามองออกไปทางไหนก็มองไม่เห็นแม้แต่แสงสว่าง ฉันยืนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบที่หนาวเหน็บตัวคนเดียว ฉันพยายามก้าวเท้าเดินสำรวจบริเวณโดยรอบแต่กลับเจอเพียงแค่เศษฝุ่นละออง และก้อนหินเล็กๆ เท่านั้น

                แต่ทว่าจู่ๆ ลำแสงที่สาดส่องจากทางด้านบนก็เปิดทางลงมา แสงสว่างนั้นเผยให้เห็นก้อนหินที่เรียงรายกันต่อจนเป็นแท่นวางอะไรสักอย่าง และด้วยความสงสัยฉันเดินเข้าไปที่แท่นศิลานั้นซึ่งก็ต้องพบกับหนังสือเล่มใหญ่ที่หน้าปกของมันถูกแกะสลักงดงามและมีอักษรโบราณเขียนไว้ ปลายนิ้วมือของฉันเอื้อมไปยังหนังสือเล่มนั้นเพื่อจะเปิดมัน หากแต่ว่าเกิดเหตุการณ์อันน่าพิศวงอีกครั้งเมื่อแสงสีม่วงดำปรากฏขึ้นที่ปกคัมภีร์ แสงนั้นสว่างมากจนฉันเองถึงกับต้องหลับตาลงด้วยความที่สู้แสงนั้นไม่ไหว ฉันค่อยๆ ปรือตาขึ้นช้าๆ เมื่อแสงนั้นริบหรี่ลง...มันทำให้ฉันได้พบกับบุรุษรูปงามผู้หนึ่งที่นัยน์ตาสีนภาเต็มไปด้วยความอบอุ่น ริมฝีปากบางๆ สีดั่งกุหลาบที่กำลังส่งยิ้มมาทางฉัน พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนซ่อนเงื่อนความหวาดกลัวว่า

                ช่วยข้าด้วยยย!!!’

                ที่มือของชายนิรนามผู้นั้นเอื้อมมาทางฉันราวกับต้องการให้ฉันจับมือของเขาไว้ เห็นดังนั้นฉันเองก็รีบเอื้อมมือของฉันเข้าไปสัมผัสกับฝ่ามือใหญ่ของเขา แต่ทว่าบางสิ่งบางอย่างเหมือนกำลังดึงชายหนุ่มผู้นี้ไปอีกทางหนึ่งด้วยแรงมหาศาล ฉันเองพยายามออกแรงดึงข้อมือของชายคนนี้เพื่อให้เขารอดแต่ทว่า

                รับนี่ไป มันจะนำมาสู่ข้า จงเชื่อในพรหมลิขิต...!!’

                น้ำเสียงทุ้มของชายหนุ่มจบลง ข้อมืออีกข้างที่ถือสร้อยคอก็ถูกยื่นมาทางฉัน สถานการณ์บีบบังคับให้ฉันต้องรับของจากชายผู้นี้ไว้ ด้วยความกะทันหันฉันจึงรีบรับสร้อยคอจากชายหนุ่มคนนั้นมา สร้อยคอนั้นเป็นจี้อัญมณีเล็กๆ รูปหยดน้ำกะรัตหนึ่งถูกประดับประดาด้วยสายสร้อยทองคำขาวอย่างประณีต แล้วที่ด้านหลังของจี้มีตัวอักษรโบราณสลักไว้ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ความหมายของมันได้แต่รับมาแบบงงๆ ไม่นานนักชายผู้นั่นก็หายไป...

     

                    …!!!!

                    กรี๊ดดดดด!!!!” ฉันสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ ตอนนี้ฉันเองยังคงหอบแหกๆ อยู่บนเตียงนุ่มๆ ที่หอพักของตัวเอง นี่ฉันฝันไปเหรอเนี่ย?

                    พอรู้ตัวว่าตัวเองฝันไปฉันก็เอื้อมมือไปที่นาฬิกาปลุกบนโต๊ะข้างเตียงเพื่อดูเวลา กรี๊ดดดดด!!! > < อะไรกันเนี่ยยย เก้าโมงเช้าแล้วเหรอ ฉันนัดอาจารย์ลึกษณ์ฟันทิ้งหมอดูที่ดูดวงแม่นที่สุดในประเทศไทยไว้ซะด้วย! แต่เอ๊ะ! นั่นอะไรน่ะ ฉันสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะ...สร้อย!! ในความฝันนั่นหนิ สวยดีนะ^^ เอ้อ แต่ช่างเถอะฉันสายแล้ววว!! ฉันรีบใส่สร้อยแล้วก็วิ่งไปอาบน้ำอย่างว่องไว

                    ฉันเองก็สายแบบนี้ประจำแหละค่ะ เป็นเพราะว่าติดนิสัยคุณหนูที่เมื่อก่อน (เคย) เป็น เมื่อก่อนนี้ใครต่างก็เรียกฉันว่า คุณหนูชาลิสกันทั้งนั้น พ่อของฉันเป็นนักธุรกิจที่เรียกได้ว่ารวยแทบติดอันดันโลกเลยทีเดียวนักธุรกิจหลายๆ คนมักจะรู้จักธุรกิจส่งออกไม้กวาดดอกหญ้าตรางูจงอืดของพ่อฉันกันทั้งนั้น จนเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดดันเกิดขึ้น...ฉันใช้บัตรเครดิตไปสามแสนบาทในขณะที่พ่อของฉันเองก็ใกล้ล้มละลาย พ่อฉันก็เลยส่งฉันมาอยู่ที่หอพักแล้วสั่งให้ทำงานพิเศษแทน เพื่อเป็นการช่วยผ่อนเรื่องเงินลงไปบ้าง แต่ฉันเองคุณหนูซะขนาดนี้จะทำอะไรเป็น T^T ฉันหางานตามที่ต่างๆ แทบตายแต่ไม่มีที่ไหนรับสมัครพนักงานเลยสักที่ ฉันเองก็ยิ่งมีความสามารถจำกัดซะด้วย...และฉันเองก็เลยตัดสินใจได้ล่าสุดเมื่อวานนี้...งานที่ฉันจะทำนั้นก็คือ...

                    ...รับเก็บความลับ!!!!!

                    เอ้อ จริงด้วยมัวแต่มาคุยพูดเองประวัติอยู่ได้ เดี๋ยวก็ไปสำนักดูดวงหมอลึกษณ์สายหรอก คิดได้ดังนั้นฉันก็รับเร่งทำภารกิจส่วนตัวอาบน้ำแต่งหน้า ฯลฯ ให้เสร็จลุล่วงแล้วก็ไปที่สำนักอาจารย์ลึกษณ์ฟันทิ้ง

                    ณ สำนักหมอลึกษณ์ ฟันทิ้ง

                    “สวัสดีค่ะ ฉันนัดหมอลึกษณ์เอาไว้ค่ะ”

                    “เชิญด้านในเลยค่ะ^^” พนักงานร่างเล็กใส่เดรสสีแดงสดดังเช่นดอกบานเย็น กล่าวตอบรับแล้วนำฉันเข้าไปยังสำนักดูดวงของอาจารย์ลึกษณ์

                    “เจ้ามาทำไม!?” เสียงทุ้มดุตวาดใส่ฉันอย่างแรง

                    “คะ...คือฉันมาหาฤกษ์เปิดร้านน่ะคะ แล้วก็ทำนายความฝันอีกเล็กน้อย ^_^

                    “เจ้าฝันว่าอะไร!!?”

                    “ฉันฝันเห็นสร้อยเส้นหนึ่งที่มีพลอยใสสีม่วงสวยมากๆเลยค่ะ กับ..ผู้ชายคนหนึ่งที่ยื่นสร้อยเส้นนั้นมาหาฉัน แล้วจู่ๆวันต่อมาฉันก็เจอกับสร้อยคือพลอยสีม่วงนี้บนโต๊ะข้างเตียงน่ะค่ะ”

                    “หึๆๆ หึๆๆ” หมอลึกษณ์แค่นหัวเราะออกจากลำคออย่างชอบใจเหมือนจะรู้ทุกอย่างที่ฉันพูดออกมา”เหอะ! ข้ารู้แล้วล่ะจริงๆ เจ้าไม่จำเป็นต้องอธิบาย”

                    “แล้ว...มันหมายความว่าอะไรคะ?”

                    “เจ้าจะเจอจุดเปลี่ยนของชีวิต ถ้าเจ้าผ่านมันไปได้ชีวิตเจ้าจะได้ทุกอย่างความรักเจ้าจะสมบูรณ์แบบ ความเป็นอยู่ก็จะมีความสุข แต่ถ้าเจ้า!!ไม่สามารถผ่านมันไปได้ละก็...หึๆหึๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ”เขาหัวเราะอีกครั้งใหญ่ๆ ก่อนจะพูดต่อว่า..”เจ้าจะพบกับความวินาศ!!! เจอแต่ความอาภัพอับโชคจนถึงที่สุด!!

                    “แล้วฤกษ์เปิดร้านละคะ?”

                    “อย่าเปิดร้านมันเป็นรางร้าย!!

                    “อะไรกันคะแต่ฉันจำเป็นนะคะ”

                    “ถ้าเจ้าเปิดร้านเจ้าจะได้เจอกับชายหนุ่มผู้หนึ่งที่นำเจ้าไปสู่ห้วงอดีตอันลี้ลับเจ้าจะสามารถปลุกชีพเจ้าชายได้สำเร็จทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างจะเป็นอย่างที่เจ้าต้องการเจ้าจะได้รับพรหนึ่งข้อ จงขอในสิ่งที่เจ้าปรารถนาจริงๆ เพราะนั่นเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เจ้าได้สิ่งที่เจ้าอยากได้ ข้ารู้ข้าเห็น!

                    “ท่านอาจารย์คะ ฉันไม่ได้ลบหลู่นะคะ แค่ฉันจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นเท่านั้นและถ้าเป็นไปอย่างที่ท่านอาจารย์พูดได้จริงๆล่ะก็..ฉันคงจะหาทางออกของมันด้วยการใช้วิทยาศาสตร์และสมองเข้าช่วยมากกว่าทางด้านพรหมลิขิตหรืออะไรก็แล้วแต่ทางไสยศาสตร์”

                    “เจ้าต้องเชื่อข้านะ ดวงของเจ้าในช่วงเปิดร้านไปสักพักไม่ดีเลยจริงๆ และถ้าเจ้าไม่อยากให้มันเกิดขึ้นแบบนั้นล่ะก็เจ้าต้องเข้าพิธีแก้กรรมมันอาจช่วยให้ เจ้าเจ็บตัวน้อยลงก็เป็นได้”

                    “ขอโทษทีนะคะหมอลึกษณ์ถ้าหมอรู้ว่าฉันไม่มีเงินขนาดก่อพิธีกรรมขนาดนั้นละก็หมอก็คงไม่พูดอย่างนี้ใช่ไหมคะ? ฉันคิดผิดจริงๆที่เสียเวลามาดูดวงบ้าบออะไรเนี่ย”

                    “อย่าลืม! เจ้ามีชะตาต้องพบเรื่องอันน่าพิศวงอย่างไรเจ้าก็ต้องพบกับอยู่ดีไม่ว่าเจ้าจะหาวิธีหลบเลี่ยงด้วยวิธีใดก็ตามในเมื่อชะตาของเจ้าถูกกำหนดมาแล้วมันจะเช่นนั้นและคงเช่นเป็นเช่นนั้นตลอดไป เจ้าต้องช่วยวิญญาณบริสุทธิ์ให้ได้นั่นคือสิ่งที่เจ้าชายหนุ่มเจ้าภาวนามากว่าร้อยๆ ปี”

                    “เจ้าชายเกี่ยวอะไรกับฉัน! ฉันอยู่ของฉันดีดีไม่เห็นจะเจอเรื่องโน่นนี่ที่หมอว่าเลย”

                    “หึ! ต้องได้เจอแน่นอน”

                    ฉันลุกขึ้นมาจากที่นั่งดูดวงอย่างหัวเสีย แล้วก็เดินกระแทกส้นสูงไปด้วยความหงุดหงิด อยู่ดีๆ ก็มาให้โดนแช่ง! มาแช่งให้ฉันเจอกับความวินาศขนาดนี้ฉันไม่เล่นด้วยหรอกนะรู้เอาไว้ ตอนนี้เองฉันแค่จะต้องตั้งใจทำงานเพื่อจะช่วยธุรกิจที่กำลังจะล้มละลายของพ่อฉัน อย่างไรเรื่องนี้ก็จะไม่มาทำให้ฉันหงุดหงิดหรือหวั่นไหวอะไรได้อีก เหอะ! เสียเวลาจริงๆ

                     ฉันนั่งรถเมล์กลับมาที่หอของฉันแล้วกลับมาห้อยเข้าความว่า open ตรงแผ่นป้ายรับเก็บความลับสุดยอดxxx ประชดหมอลึกษณ์ซะเลย ฮิๆ

                    ก๊อก! ก๊อก!

                    แอ๊ดดด~

                    “ขอโทษครับ ที่นี่รับเก็บความลับใช่หรือเปล่าครับ?”

                    “ใช่ค่ะJ

                    “คือ...ผมมีอะไรจะบอกครับ^^

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×