คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : RAINY PATHWAY : 1
CHAPTER 1
สายฝนเพิ่งเริ่มตกลงมา
สายฝนที่จู่ๆก็ตกลงมาอย่างกระทันส่งผลให้บรรยากาศรอบตัวเขาชื้นขึ้นอีกเท่าตัว ชานยอลกำลังปรับสายกีตาร์ ข้างๆตัวมีจงอินที่กำลังนั่งอ่านการ์ตูน กับเซฮุนที่กำลังนั่งกดโทรศัพท์
"มึง หิวแล้ว ไปหาอะไรกินกัน" จงอินโยนการ์ตูนที่อ่านจบแล้วลงบนโซฟา
"มึงตาบอดหรอ ฝนตกหนักขนาดนี้ จะออกไปยังไงวะ"
เสียงฝนสาดกระทบหน้าต่างยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"มึงโง่ป่ะเซฮุน ร่มก็มี กางร่มไปดิวะ"
"มึงอ่ะแหละโง่ ไปว่าไอ้ฮุนมัน ร่มก็มีคันเดียว แต่ละคนก็ตัวเล็กตาย จะยัดกันไปยังไงหมดวะ" ชานยอลเถียง ทำไมจงอินมันบื้อจังวะ
"งั้นโอน้อยออก ใครแพ้ก็ไปซื้อกลับมา กินมันที่ห้องนี่แหละ" เซฮุนบอก ก่อนจะยื่นมือออกมา
เขาคว่ำ เซฮุนหงาย จงอินก็...
"มึงคว่ำหรือหงายวะ สีแทบไม่ต่างกัน"
"กูหงายครับ ไอ้สาสส"
ซวยชะมัด = =
"รีบไปรีบกลับเลยมึง กูหิวมาก"
ชานยอลกำลังรอสัญญาณไฟอยู่ตอนที่สายตาเหลือบไปเห็นบางคนที่อีกฝั่งหนึ่งของถนน
ผู้ชายตัวเล็กในเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนๆ กับกางเกงขายาวเข้ารูป เส้นผมสีม่วงออกแดง ตาเรียวที่มองแล้วน่าเอ็นดู ริมฝีปากกำลังฉีกยิ้มให้กับสายฝนที่ตกปรอยๆ มือเรียวคู่นั้นยกขึ้นปัดน้ำฝนที่ตกลงมาบนศีรษะ
แปลก ที่หัวใจเขาเต้นถี่ขึ้นเพราะรอยยิ้มนั้น
เขาอยากให้คนคนนั้นหยุดอยู่ตรงนั้นอีกสักสองสามนาที ให้เขาได้มีอะไรมองระหว่างที่ยืนติดฝนรอสัญญาณไฟอยู่แบบนี้
แต่ความหวังก็เป็นได้แค่ความหวัง
ผู้ชายตัวสูงอีกคนเดินถือร่มเข้ามา ขยับมือโอบรอบเอวของคนที่ชานยอลมองอยู่
ไอ้ตัวเล็กที่ชานยอลแอบเรียกในใจหันไปยิ้มขอบคุณตอนที่มือหนาปัดละอองน้ำฝนออกจากหัว
ทั้งสองคนเดินจากไปแล้ว ชานยอลทำได้เพียงแค่ก้มหน้ามองร่มในมือ
ถ้ามีคนมายืนข้างกันใต้ร่มแบบนี้ ก็คงดี
"ไปโคตรนานเลยมึง ไส้จะขาดละ"เซฮุนบ่นทันทีที่ชานยอลกลับถึงหอ
"ฝนตกนะ มึงจะให้กูวิ่งกลับมารึไง"
เดินเข้าไปในครัว สะบัดหัวไล่ละอองน้ำฝนและความคิดฟุ้งซ่าน
ไม่รู้ทำไม แต่รอยยิ้มเล็กๆนั้นยังคงติดตา
หลังจากเลิกเรียนวันนี้ จงอินกับเซฮุนก็ตามมานอนเล่นที่ห้องชานยอลเหมือนเคย พวกเขาสามคนเร่งฝีเท้าทันทีที่สัมผัสถึงหยดน้ำที่หล่นกระทบเสื้อผ้า
จากตอนแรกที่เดินเร็วๆก็กลายมาเป็นวิ่งเมื่อฝนตกหนักขึ้น
ชานยอลลดระดับความเร็วลงนิดนึงตรงทางม้าลายที่เดิมกับที่เขาเจอไอ้ตัวเล็กเมื่อไม่กี่วันก่อน
สถานที่เดิม ฝนตกแบบเดิม แต่คราวนี้มันต่างออกไป
อีกฝั่งของถนนนั้นว่างเปล่า มีเพียงสายฝนที่ยังคงสาดลงมา
...ไม่มีคนตัวเล็กๆคนนั้น ที่กำลังยืนยิ้มให้สายฝนเหมือนเคย
"หยุดทำไมวะ วิ่งดิ" จงอินหันกลับมาทักเมื่อเห็นเพื่อนชะงักอยู่กับที่ ไม่ยอมตามมา
ชานยอลส่ายหัว ละสายตาออกมาก่อนจะวิ่งตามเพื่อนอีกสองคน
มองข้ามความรู้สึกกระวนกระวายแปลกๆที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ
ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็วิ่งฝ่าฝนมาถึงคอนโดของชานยอล
จงอินเปิดกระเป๋านักเรียนที่เปียกจนชุ่ม ออก ค่อยๆหยิบหนังสือออกมากางพึ่ง
"กูพกร่มมานี่หว่า แล้ววิ่งตากฝนทำไมวะเนี่ย" ยกมือแปะหน้าผากตัวเองทีนึง ก่อนจะส่ายหน้าอย่างระอาใจ
"มึงโง่หรือโง่เนี่ย" เซฮุนตอบนิ่งๆ
ในระหว่างที่เพื่อนสองคนกำลังจะเปิดศึกขนาดย่อมๆ ชานยอลลุกขึ้นมองฝนที่ตกกระทบกับกระจกหน้าต่างห้อง
จู่ๆภาพรอยยิ้มและใบหน้าของคนตัวเล็กในวันนั้นก็ปรากฏขึ้นมากลางท้องฟ้าที่แสนจะอึมครึม
เลือนลาง หากแต่ชานยอลมั่นใจว่าเขาจำไม่ผิด
“จะไปไหนวะชานยอล” จงอินเอ่ยทักเมื่อเห็นเพื่อนเดินไปใส่รองเท้า ทำท่าเหมือนจะออกไปข้างนอก
“กูว่ากูเห็นคนยืนอยู่ตรงนู้นว่ะ”
“ตาฝาดป่ะมึง ฝนตกหนักขนาดนี้ใครจะบ้ามายืนตากฝน”
“เออน่า ยืมร่มแปปดิจงอิน เดี๋ยวกูมา”
คว้าร่มในมือจงอินก่อนจะวิ่งออกมาโดยไม่สนใจเสียงทัดทานของเพื่อนอีกสองคน
อะไรบางอย่างบอกเขาว่าอาจจะได้เจอกับคนที่อยากเจอ
ชานยอลเพิ่งคิดได้ว่าตัวเองเพ้อเจ้อก็ตอนที่วิ่งมาหยุดอยู่ตรงริมถนนแล้ว เขาที่รีบร้อนวิ่งออกมาไม่แม้แต่จะกางร่มด้วยซ้ำ ร่มสีใสถูกกางออกเมื่อคนถือยืนหยุดอยู่กับที่ ฝนไม่ได้ซาลงเลยสักนิด
สัญญาณไฟรูปคนเดินสีเขียวสั่งให้ชานยอลก้าวข้ามไปอีกฝั่งของถนน
เขาในตอนนี้ ยืนอยู่ตรงที่ๆครั้งนึงเคยมีไอ้ตัวเล็กยืนยิ้มกับฝนอยู่
ชานยอลกวาดสายตาไปมา
เหอะ...เรื่องปาฏิหาริย์แบบนั้น จะไปมีอยู่จริงได้ยังไง
ชานยอลถอนหายใจ ขายาวๆขยับพาร่างกายเดินกลับห้องพัก
"เฮ้ยย" จู่ๆลมก็แรงขึ้นจนเขาจับร่มเอาไว้ไม่อยู่ ร่มสีใสของจงอินถูกทำให้ลอยออกไปไกลเกินกว่าที่จะเอื้อมถึง
ชานยอลวิ่งตากฝนตามเก็บร่มที่ยืมมา วิ่งลัดเลาะเข้าซอยเล็กๆข้างตึกไป เห็นแวบๆว่าร่มลอยปลิวเข้าไปในสวนก่อนจะไปติดกับกิ่งไม้
เขายกมือขึ้นปาดเหงื่อก่อนจะเช็คสภาพร่ม เมื่อเห็นว่ามันยังอยู่ดี เจ้าของร่มตัวปลอมก็กางมันแล้วเริ่มออกเดิน
ถึงแม้ว่าจะเปียกไปทั้งตัวแล้ว แต่ชานยอลก็ไม่คิดอยากจะเปียกเพิ่มอีก
สวนสาธารณะที่ชานยอลเคยเห็นผ่านๆแต่ไม่เคยเข้ามาในเวลานี้ร้างผู้คน มีเพียงสายฝนที่ยังคงเทกระหน่ำลงมา
หัวใจของชานยอลกระตุกถี่
ร่างเล็กๆขนาดคุ้นตากำลังยืนคอตกนิ่งๆอยู่ไกลๆ เขายกมือขึ้นขยี้ตาเบาๆ
อาจจะอยากเจอมากจนตาฝาด
เมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าภาพที่เห็นไม่ได้หายไป ชานยอลก็สาวเท้าเข้าไปใกล้ๆ เส้นผมสีที่ชานยอลแอบชมในใจอยู่บ่อยๆว่าสวยกำลังลู่ไปกับใบหน้าด้านข้างที่ขาวซีด
ไอ้ตัวเล็กของเขากำลังยืนก้มหน้า ตัวเปียกโชกไปด้วยฝนไม่ได้ต่างอะไรกับเขาเลย
ร่มสีใสถูกยื่นออกไปกันฝนให้อีกคน ชานยอลค่อยๆขยับตัวเข้ามาใต้ร่ม ยื่นมือไปแตะเบาๆที่แขนขาวข้างลำตัว
"หลบเข้าร่มเถอะ ตากฝนมันไม่ดีนะ"
อุณหภูมิสูงเกินปกติที่สัมผัสได้ทำเอาชานยอลผงะ
ไอ้ตัวเล็กข้างๆเงยหน้ามามองหน้าเขา ตาเรียวที่เคยหยีอย่างมีความสุข ตอนนี้บวมแดงจนหมดสภาพ ริมฝีปากเล็กๆที่เคยยิ้มแบบที่ชานยอลชอบขยับเบาๆเป็นครั้งสุดท้าย
"ฉัน..."
ก่อนที่เจ้าของร่างนั้นจะร่วงลงในอ้อมแขนของคนตัวสูง
"เฮ้ย"
"นาย นายๆ"
ในเวลาแบบนี้ ไม่มีรอยยิ้มแบบที่ชานยอลชอบปรากฏอยู่บนใบหน้าของไอ้ตัวเล็กเลย
ชานยอลอุ้มร่างเล็กหัวม่วงไว้ในอ้อมแขน ไหล่หนาพยายามบังสายฝนให้อีกคน แต่ในสภาพที่ฝนตกแบบนี้ ความพยายามนั้นดูจะไม่เกิดผลสักเท่าไหร่
ทิ้งร่มที่อุตส่าห์วิ่งตามเอาไว้ในสวนเสียอย่างนั้น
กลัวว่ามันจะเกะกะ จนพาคนป่วยไปหลบฝนไม่ทัน
จู่ๆก็มาเป็นลมใส่เขาแบบนี้ ชานยอลเองก็ไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่อุ้มคนตัวเล็กกลับมาด้วย คิดไว้ว่ารอให้ฟื้นก่อนค่อยหาทางออกอีกที
ปังๆๆๆๆ
ชานยอลใช้เท้าเตะประตูแทนมือที่ไม่ว่าง
"เออออออ มาแล้วเว้ย เคาะอยู่นั่นแหละ"
"เฮ้ย ชานยอล ไปอุ้มใครมาวะ" เซฮุนถาม ตกใจที่เห็นเพื่อนอุ้มใครมาด้วย
"อย่าเพิ่งถามดิ มาช่วยกูพาเขาเข้าไปพักก่อน"
ชานยอลวางร่างเล็กลงบนโซฟาโดยมีจงอินกับเซฮุนวิ่งวุ่นหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยน
"กูว่าต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเขาก่อน เปียกฝนขนาดนี้ เดี๋ยวก็เป็นปอดบวมตายพอดี"
"เซฮุนมึง ปากเสีย ไปแช่งเขาทำไมวะ"
"เอ้า กูไม่ได้แช่ง กูออกความเห็นเฉยๆ"
หลังจากที่อุ้มคนตัวเล็กหนีจงอินกับเซฮุนเข้ามาแล้ว ชานยอลก็วางอีกคนลงบนเตียงในห้องนอนของเขา ถอดเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ที่เปียกออกแล้วเอาชุดนอนของเขามาใส่ให้แทน
จะให้ถอดมากกว่านี้ก็ไม่กล้า ดูจะเป็นการล่วงเกินสิทธิส่วนบุคคลมากเกินไป
ผิวของไอ้ตัวเล็กที่ปกติก็ดูขาวอยู่แล้ว พอมายืนตากฝนนานๆก็ซีดจนชานยอลรู้สึกกลัวว่ามันจะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม
มือหนาวางลงบนหน้าผาก ไข้ไม่ได้ลดลงเท่าไหร่เลย เขาหยิบเอาผ้าขนหนูในกะละมังมาชุบน้ำแล้วบิดให้หมาดๆ ก่อนจะเอาวางไว้ตรงกลางใบหน้า
ชานยอลยกกะละมังใส่น้ำเดินออกมาจากห้อง ค่อยๆปิดประตูอย่างเบาที่สุด หันกลับมาก็พบกับจงอินและเซฮุนที่มองมาอย่างคาดคั้น
"ทีนี้ก็เล่ามาให้หมดเลยมึง"
"เออ"
บางครั้งฝนก็ตกทั้งบนฟ้า บนใบหน้า และในหัวใจ
ฝนตกลงมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตลอดทั้งคืน จงอินกับเซฮุนจึงติดสินใจจะค้างที่ห้องชานยอลในคืนนี้ เจ้าของห้องที่ตอนนี้ถูกคนแปลกหน้ายึดห้องนอนไปหอบกองผ้าห่มและหมอนใบโตมาปูที่หน้าโซฟา
ชานยอลเปิดประตูเข้าไปดูแขกในห้องนอนอีกครั้ง ในระหว่างที่จงอินกำลังเตรียมที่นอน
วางมือลงบนหน้าผากเล็กเบาๆ ไข้ลดลงมากกว่าเดิมแล้ว เขาเอามือปัดเส้นผมสีม่วงที่ปรกหน้าออกเบาๆ
แม้ว่าใบหน้าของไอ้ตัวเล็กตอนหลับจะดูดีมากขนาดไหน แต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับตอนที่มีรอยยิ้มพาดอยู่
เขากำลังจะเดินออกจากห้องนอนอยู่แล้วตอนที่ได้ยินเสียงสวบสาบของผ้าปูที่นอน คนบนเตียงพลิกตัวไปมาก่อนจะค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น
แบคฮยอนจ้องคนตรงหน้าด้วยความมึนงง เขาคิดว่าเขาจำใบหน้านี้ได้
ผู้ชายคนนี้ถือร่มมากางให้เขา ใบหน้าที่ฉายแววกังวลยังคงติดอยู่ในความทรงจำ
สิ่งสุดท้ายที่แบคฮยอนได้เห็นก่อนจะหมดสติไป
"นาย..."
"ฟื้นแล้วหรอ ปวดหัวไหม ไข้นายขึ้นสูงมากเลย" ผู้ชายใจดีคนนั้นเดินมานั่งลงบนเตียงข้างๆเขา
"ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ขอบคุณมากนะที่ช่วยไว้"
เขายิ้มรับ พยักหน้าขึ้นลงแบบเร็วๆเหมือนเด็กที่กำลังดีใจ
"ไม่เป็นไร เล็กน้อยน่า"
"..."
"..."
"ที่นี่ที่ไหน..."
"ที่นี่ห้องนอนฉันเอง ขอโทษนะที่พามาแบบไม่ได้ถาม แต่ฉันไม่รู้จริงๆว่าควรจะพานายไปไหน"
แบคฮยอนค่อยๆประมวลผลตามอย่างช้าๆ ส่ายหน้าเบาๆเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร
"...ฉัน"
"..."
"..."
"ฉันชื่อแบคฮยอน"
ไม่กี่นาทีต่อมาแบคฮยอนก็ได้รู้จักกับผู้ชายตรงหน้า แถมยังพ่วงด้วยเพื่อนสนิทอีกสองคนที่โผล่พรวดเข้ามาถามไถ่อาการ
เขาส่งยิ้มแบบขอบคุณไปให้ ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่ารอยยิ้มที่ถูกส่งออกไปดูเหนื่อยล้ามากขนาดไหน
ชานยอลยกชามข้าวต้มเข้ามาให้หลังจากที่ทิ้งเขาไว้กับเพื่อนสนิทนานสองนาน
"กินไหวไหม นายยังไม่ได้กินอะไรเลย"
"เห้ย อยากกินบ้างอ่ะ"
"ไปตักเอาเองในหม้อ"
"หูยยย ทีกับเพื่อนนี่ไม่เคยคิดจะมีน้ำใจ"
"อยู่นิ่งๆดิจงอิน กวนไอ้ยอลอยู่นั่นแหละ แบคฮยอนจะได้กินไหมวันนี้"
มือสวยรับถ้วยมาก่อนจะบอกขอบคุณ นั่งกินข้าวต้มไป ฟังสามคนนี้เถียงกันไป
"แล้วนายไปยืนตากฝนได้ไง" ช้อนที่กำลังคนข้าวต้มในชามเล่นชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหมุนต่อ แบคฮยอนส่งยิ้มให้คนถามก่อนจะอ้าปากถาม
"อกหักอะดิ เพิ่งโดนทิ้งมาวันนี้เลยเนี่ย"
"อย่างนี้มันต้องเมา จริงป่ะชานยอล"
"ไม่รู้ดิ ไม่เคยเมา" ชานยอลตอบก่อนจะยิ้มแบบขี้เล่นใส่เพื่อน
"เออ อย่าให้กูคอแข็งบ้างละกัน" เป็นจงอินอีกครั้งที่เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน
แบคฮยอนที่ตอนแรกยิ้มแบบฝืนๆตอนนี้ดูดีขึ้นมาก บางครั้งก็เผลอหัวเราะตามเพื่อนใหม่ทั้งสามคน
เขาไม่ได้อึดอัด รู้สึกคุ้นชินแบบแปลกๆเสียด้วยซ้ำ
"รอฉันหายป่วยก่อนนะ จะพาไปเลี้ยงขอบคุณ ทีนี้ค่อยเมากันให้เละเลย"
นั่งคุยเล่นกับเพื่อนใหม่อีกครู่ใหญ่ๆกว่าทั้งสามคนจะกลับมาที่หน้าโซฟา
บนที่นอนชั่วคราว ชานยอลเบิกตาโพลงในความมืด อยากจะหลับ แต่ก็หลับไม่ลง
ความรู้สึกสับสนตีกันวุ่นวาย
เช้าวันรุ่งขึ้นแบคฮยอนเจอกับชานยอลที่นั่งจิบกาแฟบนโซฟา ที่พื้นมีจงอินและเซฮุนนอนหมดสภาพอยู่ใกล้ๆ
"ตื่นเช้าจัง" ชานยอลทัก
"นายก็เหมือนกันแหละ" เขายิ้ม
"นายพักที่ไหน เดี๋ยวฉันไปส่ง"
"ใกล้แถวนี้แหละมั้ง ไม่ต้องลำบากหรอก ฉันกลับเองได้"
"ไม่เอาอ่ะ ถ้าเกิดนายเป็นลมขึ้นมากลางทางจะทำไง ฮ่าๆ"
"ไม่หรอก ฉันหายแล้วนะ"
"คนป่วยที่ไหนเขาบอกว่าตัวเองป่วยกัน"
"งั้นก็ตามใจนาย" แบคฮยอนเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเป็นชุดเดิม ก่อนจะเอาชุดนอนของชานยอลใส่ถุง
"อันนี้เดี๋ยวฉันเอากลับไปซักให้นะ แล้วจะเอามาคืน"
คำว่าไปส่งของชานยอลไม่ได้หมายถึงรถยนต์ หรือจักรยานยนต์อย่างที่ควรจะเป็น แต่คำว่าไปส่งนั้นแปลได้ง่ายๆว่าเดินกลับเป็นเพื่อน
ชานยอลกับแบคฮยอนเดินด้วยกันใต้ร่มที่ถูกยกขึ้นมาบังฝนที่ยังคงตกปรอยๆ
ตลอดทางที่เดินมีแต่เสียงหัวเราะ ชานยอลเป็นคนตลก แต่ถึงอย่างนั้นแบคฮยอนก็ยังยิ้มได้ไม่เต็มร้อย
เมื่อวานที่มายืนตากฝนร้องไห้จะเป็นจะตาย ก็ไม่ใช่ว่าคิดไม่ได้ เพียงแต่เขาแค่อยากจะเศร้าทีเดียวให้มันจบๆไป
อยากจะลืมให้หมด จะได้ไม่ต้องมาเจ็บกับการคิดถึงอดีตอยู่แบบนี้
โดยลืมนึกไป ว่าฝนไม่สามารถล้างทุกอย่างได้
"แบคฮยอน"
"หืม"
"ทำไมนายชอบเหม่อ"
"ก็เปล่า ฉันมองทางต่างหากเล่า"
"...คนเรา ชอบโกหก ถามแค่นี้ก็โกหก"
"คิดว่าน่ารักก็ทำต่อไป" แบคฮยอนเบ้ปากใส่
เมื่อเห็นว่าแบคฮยอนไม่สนใจชานยอลก็โยกร่มในมือไปมา ทำเอาแบคฮยอนต้องขยับตัวตาม จากที่เดินตรงๆ ก็กลายเป็นเอนไปเอนมาจนเกือบจะตกฟุตบาท
"นี่ ! เดินดีๆสิ" แบคฮยอนตีแขนชานยอลเบาๆก่อนจะทำหน้าดุ
ชานยอลหันกลับมาหัวเราะใส่ที่เห็นคนตัวเล็กหัวเสีย
แบคฮยอนคิดว่ามันดูปัญญาอ่อนหน่อยๆ แต่เขาก็ดันหัวเราะตามไปแล้วซะงั้น
อย่างน้อยในตอนนี้ แบคฮยอนก็ไม่ได้ทำหน้าตาซึมเศร้าเหมือนเคย
ชีวิตนักศึกษาปีสองของชานยอลไม่ได้มีอะไรผิดแปลกไปจากทุกๆวัน
แต่ตอนนี้ เขาคิดว่ามันกำลังจะเปลี่ยนไป
อะไรเอ่ย ตกอีกแล้วตอนกำลังลงฟิค 55555555555
ไม่ฝนก็เรานี่แหละค่ะ ลองจัดหน้าใหม่ ลดการเว้นบรรทัดลงไป
ตัวหนังสืออาจจะอัดกันไปบ้าง แล้วมันก็ทำให้ดูสั้นด้วย
เป็นการทำร้ายจิตใจตัวเองอย่างดี (มันสั้นง่ะ) เราก็เลยเอาสองพาร์ทมายำรวมกัน
ไม่ดราม่านะ พูดจริง เราเขียนดราม่าไม่ขึ้น (น่าจะนะ) เห้ยแต่ไม่ดราม่า ฮ่าๆ
เอ็นจอยรีดดิ้งนะคะ ไม่คิดว่าจะมีคนคอมเม้นต์ด้วย เลิ้บยู T________T
ความคิดเห็น