ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 14 ตุลาฯ มหาวิปโยค
“ผมสนใจการเมือง เมื่อครั้งที่มีอายุ 9-10 ขวบ ที่ระหว่างนั้นเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม และได้เห็นคนนับหมื่นนับแสนออกมาชุมนุมกันตามท้องถนนและต่อสู้โดยยอมเอาชีวิตเข้าแลก คุณพ่อได้อธิบายว่าออกมาเรียกร้องสิทธิ ทำให้ผมรู้สึกว่าทุกคนเป็นเจ้าของประเทศเหมือนกัน จึงตัดสินใจตั้งแต่ครั้งนั้นว่าจะเป็นนักการเมือง
... ตั้งแต่นั้นมา ผมไม่เคยเปลี่ยนใจ”
จุดพลิกผันที่ทำให้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือ “มาร์ค” เริ่มสนใจการเมือง มาตั้งแต่อายุ 9-10 ขวบ เพราะอยากรู้ว่าประชาธิปไตยคืออะไร เขาเรียกร้องกันทำไม สิทธิและเสรีภาพของประชาชนหมายถึงอะไร อภิสิทธิ์ได้ใช้ช่วงเวลานี้ติดตามการเมืองอย่างใกล้ชิด โดยผ่านทางหน้าหนังสือพิมพ์และฟังการถ่ายทอดสดการประชุมสภาผู้แทนทางวิทยุ ความประทับใจในกระบวนการประชาธิปไตยก่อตัวขึ้นในใจเด็กชายตัวเล็กๆและนำมาซึ่งความมุ่งมั่นในทิศทางของประชาธิปไตยตลอดมา
“พอเลือกตั้งเสร็จก็มีการประชุมสภา มีการถ่ายทอดสดทางวิทยุเป็นวิธีการในการติดตามข่าวและได้ฟังคนอภิปราย [ขณะนั้น] ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมชเป็นนายกฯและแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ขณะนั้นได้รับการโจมตีจากฝ่ายค้านรุนแรงมาก คุณชวนท่านลุกขึ้นมาโต้ ผมฟังแล้วประทับใจ ซึ่งบรรยากาศอย่างนั้นทำให้ผมทึ่ง คือคนนำความคิดมาแสดงเห็นตรงกันบ้างเห็นต่างกันบ้าง นี่คือการเมือง คือการนำความคิดมาเพื่อบอกว่าบ้านเมืองน่าจะเป็นอย่างไร”
เมื่อเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ในต้นปี 2519 อภิสิทธิ์เดินทางไปเรียนหนังสือต่อในชั้นมัธยมที่ประเทศอังกฤษ ทำให้ไม่ได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม แต่ก็ได้พยายามติดตามข่าวสารของประเทศไทยจากจดหมายหรือหนังสือพิมพ์ที่ขอให้คุณพ่อส่งไปให้อ่าน แม้ว่าการที่ต้องไปเรียนทำให้ต้องห่างจากเหตุการณ์ในประเทศไทย แต่ความคิดในการทำงานทางการเมืองของ อภิสิทธิ์มิได้ห่างไปด้วย
... ตั้งแต่นั้นมา ผมไม่เคยเปลี่ยนใจ”
จุดพลิกผันที่ทำให้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือ “มาร์ค” เริ่มสนใจการเมือง มาตั้งแต่อายุ 9-10 ขวบ เพราะอยากรู้ว่าประชาธิปไตยคืออะไร เขาเรียกร้องกันทำไม สิทธิและเสรีภาพของประชาชนหมายถึงอะไร อภิสิทธิ์ได้ใช้ช่วงเวลานี้ติดตามการเมืองอย่างใกล้ชิด โดยผ่านทางหน้าหนังสือพิมพ์และฟังการถ่ายทอดสดการประชุมสภาผู้แทนทางวิทยุ ความประทับใจในกระบวนการประชาธิปไตยก่อตัวขึ้นในใจเด็กชายตัวเล็กๆและนำมาซึ่งความมุ่งมั่นในทิศทางของประชาธิปไตยตลอดมา
“พอเลือกตั้งเสร็จก็มีการประชุมสภา มีการถ่ายทอดสดทางวิทยุเป็นวิธีการในการติดตามข่าวและได้ฟังคนอภิปราย [ขณะนั้น] ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมชเป็นนายกฯและแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ขณะนั้นได้รับการโจมตีจากฝ่ายค้านรุนแรงมาก คุณชวนท่านลุกขึ้นมาโต้ ผมฟังแล้วประทับใจ ซึ่งบรรยากาศอย่างนั้นทำให้ผมทึ่ง คือคนนำความคิดมาแสดงเห็นตรงกันบ้างเห็นต่างกันบ้าง นี่คือการเมือง คือการนำความคิดมาเพื่อบอกว่าบ้านเมืองน่าจะเป็นอย่างไร”
เมื่อเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ในต้นปี 2519 อภิสิทธิ์เดินทางไปเรียนหนังสือต่อในชั้นมัธยมที่ประเทศอังกฤษ ทำให้ไม่ได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม แต่ก็ได้พยายามติดตามข่าวสารของประเทศไทยจากจดหมายหรือหนังสือพิมพ์ที่ขอให้คุณพ่อส่งไปให้อ่าน แม้ว่าการที่ต้องไปเรียนทำให้ต้องห่างจากเหตุการณ์ในประเทศไทย แต่ความคิดในการทำงานทางการเมืองของ อภิสิทธิ์มิได้ห่างไปด้วย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น