ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [infinite|woogyu] two shots of spirits, the flavor of us.

    ลำดับตอนที่ #6 : 4 | vodka straight up

    • อัปเดตล่าสุด 7 ส.ค. 58


     

     



     

     4 | vodka straight up

     

     


     

    อูฮยอนเลื่อนปลายนิ้วไปรอบๆแก้วช็อตใสก่อนจะหยิบมันขึ้นมากระดกในรวดเดียว หลับตาไปกับความรู้สึกแผดเผาที่ลงไปตามคอ ปลายลิ้นชื้นแลบเลียรสขมปร่าของวอดกาเพียวๆที่ค้างอยู่บนริมฝีปาก

     

    "พี่ได้ติดต่อกับโฮวอนอยู่รึเปล่า?"

     

    "เปล่า" ซองกยูส่ายหน้าพลางเหลือบมองวอดกาที่วางอยู่อีกช็อต

     

    "โกหก"

     

    "ไม่ ฉันไม่ได้โกหก" น้ำเสียงนุ่มนั้นเรียบเฉย ดวงตาสีช็อตโกแลตก็สงบนิ่ง อูฮยอนใช้เวลากวาดตามองสังเกตุใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างอ้อยอิ่งแต่ก็เชื่อว่าพูดความจริง "แล้วนายล่ะ? ก็อยู่วงการเดียวกันนี่"

     

    เขาไม่ได้ตอบอะไร แค่ยักไหล่แล้วดันแก้วช็อตไปตรงหน้าซองกยู

     

    "ตอนนั้นผมมั่นใจว่าต่อให้ผมสู้ ผมก็คงไม่ชนะ" อูฮยอนพูดไปก็ผายมือไปยังของเหลวสีใสเป็นการย้ำในเจตนารมณ์ "ในเวลานั้นน่ะ พี่ดูมีความสุขมาก"


    ซองกยูยังคงมองวอดกาอย่างเคลือบแคลงใจ แต่ก็หยิบมันขึ้นมาจิบแล้วก็ต้องเบ้ปากไปกับรสขมที่ไม่ค่อยจะถูกปากซักเท่าไหร่ ก่อนจะรีบดื่มเข้าไปรวดเดียว

     

    "แต่เขาไม่มีความสุข" ซองกยูแค่นหัวเราะ วางแก้วเล็กๆลงแล้วยกนิ้วขึ้นนวดขมับ "ไม่มีใครทนคนอย่างฉันได้หรอก"
     

    "อย่าโทษตัวเองสิ มันไม่ใช่ความผิดของพี่ซักหน่อย"

     

    ความผิดของฉันนั่นแหละ ซองกยูหายใจเข้าลึกแล้วหลับตาลง เขาไม่ปฏิเสธว่าเขาชอบโฮวอนมาก เพราะอีกฝ่ายเป็นคนชื่อตรง ไม่พอใจอะไรก็กล้าพูดกล้าบอกเขาทุกอย่าง ไม่ปล่อยให้ซองกยูไปคิดเอาเองคนเดียว ถ้าดูจากลักษณะนิสัยแล้วก็เข้ากันดีไม่น้อย เมื่อไหร่ที่ซองกยูเผลอก้าวถอยหลังไป โฮวอนก็จะเอื้อมมือมารั้งเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที ทำให้เขาได้มั่นใจผ่านคำพูด คอยดึงเขาไว้ตลอดเวลา

     

    เขาก็แค่กลัว

     

    ไม่ใช่ว่าซองกยูไม่เคยคบใครมาก่อน มันก็แค่ทุกครั้งที่มักจะจบแบบเดิมๆเพราะอีกฝ่ายเริ่มไม่แน่ใจในตัวเขา ไม่มั่นใจในตัวเองว่าจะสามารถจับตัวเขาเอาไว้ได้ คบกับโฮวอนแล้วเขาถึงได้รู้จุดอ่อนของตัวเองอย่างชัดเจน ซองกยูมีหัวใจแต่เขาไม่เคยรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน ในเวลาที่เขาเกือบจะมั่นใจว่ามันอยู่ตรงนี้ อีกไม่นานเขาก็กลับรู้สึกถึงมันไม่ได้ เมื่อเขาไม่เข้าใจหัวใจตัวเองอีกต่อไป เขาก็อยากจะหนีและสร้างระยะห่างขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

     

    โฮวอนก็เป็นอีกหนึ่งคนที่สังเกตเห็นตัวตนของเขา และไม่กล้า – หรืออาจจะไม่อยาก – ที่จะเป็นคนซ่อมแซมช่องโหว่ว่างกลวงนี้ มันคงดีแล้วที่ซองกยูไม่ให้โอกาสใครพร่ำเพรื่อ เขาไม่ใช่คนขี้ขลาดแต่ก็ไม่ได้มีความมั่นใจว่าทุกอย่างมันจะเป็นไปอย่างราบลื่น เขากังวลเกินไปและมันก็มักจะทำให้เขาลังเล ถ้าหากเขาเกิดให้โอกาสคนมากมายที่ผ่านเข้ามา สุดท้ายแล้วพวกเขาเหล่านั้นก็คงจะล่าถอยไปในที่สุด

     

     

    "พี่ต้องการคนที่มั่นใจในความสัมพันธ์ว่ามันจะเวิร์ค เชื่อมั่นว่าเขาจะยึดพี่เอาไว้กับพื้นให้ได้ ถึงแม้ในเวลาที่พี่อยากจะหนีก็ตาม" อูฮยอนเคาะแก้วช็อตลงกับโต๊ะเป็นจังหวะก่อนจะเอียงศรีษะน้อยๆเป็นเชิงย้ำในสิ่งที่พูด "โฮวอนมีทุกอย่างยกเว้นข้อสุดท้าย"
     

    ซองกยูมองคนเด็กกว่าด้วยความสับสนในแววตา บางทีเขาก็ควรที่จะเชื่ออีกฝ่ายโดยไม่ตั้งคำถามใดๆ อูฮยอนไม่เคยดูเขาผิด เผลอๆจะรู้จักเขามากกว่าตัวเขาเองอีกล่ะมั้ง

     

    "ผมมั่นใจว่าผมรู้จักพี่ดีที่สุด"


     

    ก็เฝ้ามองมาตลอด แม้แต่ตอนที่อีกฝ่ายอยู่ในความสัมพันธ์ จะไม่ให้เขารู้ได้ยังไงกัน?

     

     

    "อยากดื่มอะไรอีกไหม?" อูฮยอนพยักเพยิดไปทางบาร์เทนเดอร์ที่กำลังเดินผ่านมา "น้ำผลไม้?"
     

    "นายอยากสั่งอะไรให้ฉันล่ะ?"
     

    อูฮยอนชะงักไปกับคำถามและสายตาจริงจังของซองกยู หรือว่านี่จะเป็นการทดสอบ? ว่าเขารู้จักซองกยูดีแค่ไหน และ กล้าที่จะเสี่ยงรึเปล่า? อูฮยอนหัวเราะออกมาเบาๆแล้วดึงธนบัตรที่เก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงออกมาท่ามกลางความประหลาดใจจากเจ้าของ เขาขอปากกาจากบาร์เทนเดอร์แล้วเขียนอะไรยุกยิกในขณะที่ใช้มือบังเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายเห็น
     

    เขายื่นทั้งธนบัตรทั้งปากกากลับไปให้บาร์เทนเดอร์แล้วหันกลับมายกยิ้มมุมปากให้กับคนอายุมากกว่า โหดจริงๆ คิมซองกยู แต่ก็ดีแล้ว เพราะอูฮยอนมั่นใจว่าเขาเป็นเพียงคนเดียวที่จะรับมือผู้ชายคนนี้ได้

     

    "ฉันพูดตรงๆเลยนะ ฉันกลัวนายมากที่สุดเลย อูฮยอน"

     

    อูฮยอนส่ายหน้าแล้วทาบมือลงบนหน้าอกของซองกยูอย่างแผ่วเบาโดยไม่ให้อีกฝ่ายตกใจ

     

    "พี่ไม่กลัวผมหรอก พี่ไม่เคยกลัวอะไรนอกจากตัวเอง"

     

    ซองกยูกระพริบตาอย่างเชื่องช้าไปกับสิ่งที่ได้ยิน ยิ่งได้ยินอูฮยอนหัวเราะแล้วหันกลับไปนั่งหันหน้าเข้ากับบาร์แล้วเขายิ่งรู้สึกถึงคำพูดที่มันจุกอยู่ที่คอ – นายนั่นแหละที่น่ากลัวที่สุด – เขาไม่เคยเข้าใจว่าอูฮยอนทำได้ยังไง เพราะธรรมชาติที่เชื่อความรู้สึกมากกว่าจึงสามารถเข้าถึงผู้คน มีความสามารถในการชักนำให้คนอื่นเชื่อในสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วแต่เจ้าตัวจะทำ แต่ก็ยังยืนกรานหนักแน่นกับตัวเองได้ในเวลาเดียวกัน และมันทำให้อีกฝ่ายเข้มแข็งกว่าเขาได้ยังไงน่ะเหรอ... เพราะเขาทำไม่ได้ เมื่อไหร่ที่เขาก้าวพลาดไปจนหาตัวเองไม่เจอ คนที่คอยเก็บชิ้นส่วนเหล่านั้นกลับขึ้นมาปะติดปะต่อให้ดีเหมือนเดิมก็คืออูฮยอน

     

     

    "จริงสิ ผมมีอะไรจะให้พี่–"

     

    "Singapore Sling ครับ" บาร์เทนเดอร์ขัดขึ้นมาด้วยเสียงอ้อมแอ้ม "เอ่อ สำหรับคุณคิมซองกยู"

     

    ซองกยูหันขวับไปมองคนข้างกายและเลิกคิ้วหวังจะถาม แต่อูฮยอนก็ทำการเทความสนใจไปจับจ้องอยู่ที่แก้วทรงสูงด้วยสายตาที่แข็งกร้าว – จินผสมพั้นช์ผลไม้ที่มีเปอร์เซ็นของแอลกอฮอล์แรงไม่หยอก – ซองกยูหันกลับไปมองพื้นผิวไม้ตรงหน้าแล้วกลืนน้ำลายอย่างประหม่า รู้สึกขนลุกซู่ไปกับสายตาคมกริบ

     

    "จากใคร?" อูฮยอนเงยหน้าขึ้นถามบาร์เทนเดอร์ด้วยเสียงเรียบๆ เมื่อเด็กหนุ่มอึกอักไม่ยอมตอบ เขาก็ถามซ้ำด้วยเสียงที่กดต่ำกว่าเดิม "ฉันถามว่าใคร?"
     

    "อูฮยอน–" ซองกยูปรามขึ้นมาด้วยเสียงนุ่มนวล หวังจะช่วยลดการประทุของอารมณ์ที่มักจะโผล่มาเวลาที่อูฮยอนดื่มเข้าไปถึงระดับนี้
     

    "ผมบอกไม่ได้จริงๆ ขอโทษครับ!"

     

    อูฮยอนถอนหายใจเฮือกในขณะมองตามบาร์เทนเดอร์ที่โค้งให้ต่ำแล้วรีบเดินจากไป เขาดันแก้วออกไปข้างตัวให้ห่างจากซองกยูแล้วหันไปมองคนที่นั่งตัวเกร็งด้วยสายตาว่างเปล่า

     

    "เอ่อ–" และเสียงของซองกยูออกมาสั่นกว่าที่เจ้าตัวตั้งใจ
     

    "ช่างเถอะ"

     

     

    .
     

    .
     

    .
     

    "จะว่าไป มันทำให้ผมนึกอะไรขึ้นมาได้– พี่ยังจำชานมพวกนั้นได้ใช่มั้ย?"
     

    ซองกยูหรี่ตามองคนข้างกายแล้วพยักหน้าเป็นคำตอบ
     

    "ไม่สงสัยบ้างเลยเหรอ? ผมว่ามันมีพิรุธเยอะเลยนะ"

     

     

     

     

    "นายว่าไงนะ!? ตลอดเวลาที่ผ่านมา... ฉันกับพี่ซองกยูถูกหลอก?"

     

    ร่างสูงโปร่งลุกพรวดแล้วตวาดออกมาอย่างดัง มยองซูสะดุ้งก่อนจะยกมือขึ้นกุมหน้าผากไปกับเสียงแปดหลอดที่ทำร้ายโสตประสาทไม่น้อย ซองยอลยืนชี้หน้าอีกฝ่ายด้วยปากที่อ้าค้าง เดือดร้อนซองจงต้องกระตุกแขนเสื้อให้คนเสียงดังนั่งลงซักที ลุกขึ้นมาโวยวายกลางร้านกาแฟแบบนี้มันน่าอายจะตายไป
     

    "นายเรียกฉันออกมาถามเรื่องที่อูฮยอนกลับมาเมื่อไหร่ แล้วทำไมมันถึงมาจบที่เรื่องนี้ได้เนี่ย?" มยองซูยกแก้วชาขึ้นมาจิบแล้ววาดมือในอากาศเป็นเส้นตรงแนวนอน เป็นการบอกให้คนทั้งสองหุบปากแล้วฟัง "เอาเถอะ ยังไงอูฮยอนก็คงกะจะบอกพี่ซองกยูอยู่แล้ว"
     

    ซองยอลกับซองจงมองหน้ากันแล้วก็กลืนน้ำลาย ราวกับว่ากำลังจะได้ฟังสารลับยังไงยังงั้น

     

    "วันแรกที่ฉันฝากให้นายเอาไปให้พี่ซองกยู มันก่อนที่พี่เขาจะรู้จักโฮวอนอีกนะ แล้วไม่สังเกตุกันบ้างรึไง? ที่พี่ซองกยูได้มาตลอดคือแบบที่เป็นกล่องสีฟ้าลายน่ารักๆใช่มั้ย? แล้วคิดดูว่าที่โฮวอนให้พี่ซองกยูวันนั้นมันเป็นยังไง"
     

    "ขวด... ขวดพลาสติก"
     

    "บิงโก แล้วโพสอิทพวกนั้นมันมีทั้งชื่อพี่ซองกยูเฉยๆ ข้อความมีสาระบ้าง ประโยคหวานเลี่ยนบ้าง หรือไม่ก็เนื้อเพลงที่เขียนเอง... ใครในวิทยาลัยดนตรีที่มีความสามารถที่จะทำอะไรแบบนี้?" มยองซูพูดด้วยเสียงเนือยๆราวกับกำลังพูดกับเด็ก

     

    ร่างสูงโปร่งทิ้งหน้าผากลงกับโต๊ะแล้วเคาะเบาๆ ซองจงที่นั่งอยู่ข้างกายกรอกตาแล้วเลื่อนความสนใจกลับไปที่มยองซู

     

    "ฉันไม่อยากจะเชื่อว่านายกับพี่ซองกยูจะไม่ทันได้คิดถึงจุดง่ายๆแค่นี้ นายคิดว่าใครกันคือคนที่น่าจะรู้มาก่อนว่าอะไรคือของโปรดของพี่ซองกยู?"

     

    ซองยอลมีสีหน้ายังกับเห็นผีเมื่อทุกอย่างมันกระจ่าง "พี่ซองกยูเชื่อว่ามาจากโฮวอนมาตลอดเลย..."
     

    "เพราะมันหยุดไปหลังจากวันนั้นด้วยน่ะสิ ถึงได้ไม่เอะใจ"
     

    เขาไม่อยากจะคิดว่าอูฮยอนรู้สึกยังไงตลอดเวลาที่คอยทำสิ่งเหล่านี้ให้กับซองกยู แต่สุดท้ายแล้วความพยายามทั้งหมดกลับถูกทำลายลงภายในวันเดียว ความบังเอิญที่ราวกับว่าฟ้าจงใจลงโทษอูฮยอนด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ซองยอลไม่อยากจะคิดว่าอูฮยอนทนได้ยังไง วางตัวอยู่ข้างซองกยูเหมือนเดิมได้ยังไง ไม่เป็นบ้าไปแล้วได้ยังไงกัน?


     

    "ถ้าจะมีคนที่เจ็บที่สุดก็คงเป็นหมอนั่นนั่นแหละ" มยองซูผ่อนลมหายใจยาวแล้วแค่นยิ้ม เพราะตัวเองก็ทำพลาดไปเหมือนกัน ทั้งๆที่ตั้งใจจะช่วยบอกใบ้ให้ในตอนนั้นแต่ก็ไม่สามารถห้ามสิ่งที่เกิดขึ้นได้ บทเรียนอันยาวนานนี้ก็น่าจะสอนอะไรทั้งสองคนได้ไม่น้อย

     

     

     

     

    "มันมาจากผมเอง ทุกกล่องที่ผมเห็นพี่ถือ โพสอิททุกอันผมเขียนเองหมด ก็แค่เปลี่ยนลายมือนิดหน่อย" อูฮยอนเหลือบมองคนอายุมากกว่าเพื่อสังเกตปฏิกริยา และเขาก็ต้องหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็นใบหน้าเนียนดูตื่นตระหนก "ผมกะจะวาดรูปต้นไม้ไว้เล็กๆด้านหลังแล้วล่ะ แต่ถ้าพี่เห็นมันพี่ต้องรู้แน่"


     

    ซองกยูเผลอกลั้นหายใจตลอดเวลาที่อูฮยอนเผยความจริงออกมาด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเจ็บปวดและความเสียดายรวมเข้าด้วยกันที่เจ้าตัวปิดไม่มิด แต่ก็ไม่คิดจะโทษคนอายุมากกว่าเลยแม้แต่น้อย


     

    "ตอนที่พี่บอกผมว่าพี่รู้สึกยังไงกับเจ้าของเครื่องดื่ม – ที่พี่บอกว่าพี่รู้สึกขอบคุณสำหรับความห่วงใย ผมก็คิดว่าผมทำสำเร็จตามเป้าหมายแล้ว ถึงสุดท้ายจะออกมาผิดคาดไปหน่อย แต่อย่างน้อยๆพี่ก็ชอบมัน"

     

    "อูฮยอน–"

     

    อูฮยอนยื่นนิ้วโป้งออกไปแตะที่ริมฝีปากอ้าค้างของซองกยูราวกับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะพูดอะไรแล้วส่ายหน้ายิ้มๆ "มันผ่านมานานแล้ว พี่ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรหรอก ผมทำตัวเองทั้งนั้น"


     

    เพราะเขาตัดใจไม่ได้ ตั้งแต่วันนั้นไป อูฮยอนก็ทำได้เพียงแค่มอง มองพี่ชายข้างบ้านที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและทุกอย่างของเขา ตกเป็นของคนอื่นอย่างที่ทำอะไรไม่ได้เลย ในวันที่เขาพ่ายแพ้ให้กับโฮวอนอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว และในวันเกิดที่ซองกยูใช้ไปกับโฮวอน อูฮยอนก็ไม่ได้ให้ของขวัญวันเกิดในปีนั้นอย่างที่ทำมาตลอดทุกปี เขายังเก็บมันอยู่กับตัวเลยด้วยซ้ำ แต่เขาคงต้องปล่อยมันให้กับคนที่สมควรได้รับซักที

     

     

    "อ้อใช่ ผมบอกว่ามีอะไรจะให้พี่ใช่มั้ย?"
     

     

    ถึงแม้อูฮยอนจะยังพูดไปเรื่อยๆ แต่ซองกยูก็ไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว เขารู้สึกแย่ เขาไม่เคยรู้สึกแย่ขนาดนี้มาก่อน ความรู้สึกหลากหลายต่างแย่งกันผุดขึ้นมาที่พื้นผิวยามที่เขาย้อนคิดกลับไปในเวลานั้น สายตาของอูฮยอนที่ทอดมองมาอย่างอาวรณ์ก่อนที่จะหันหลังกลับไปเพียงพริบตาเดียว ซองกยูมองข้ามมันไปเพราะสถานการณ์ที่กระทันหัน แต่หลังจากวันนั้นเป็นยังไง... อูฮยอนก็ยังคงยิ้มให้เขาเหมือนเดิม ทำตัวเหมือนเดิม ราวกับว่าเจ้าตัวไม่ได้เจ็บเลยซักนิด
     

     

    "พี่ซองกยู"


     

    น้ำเสียงนุ่มนวลและมือที่บีบอยู่บนไหล่ดึงให้ซองกยูกลับมาจากห้วงความคิด เขาได้แต่มองคนเด็กกว่าด้วยความงุนงงในขณะที่ถูกดึงมือขวาให้ออกมาแบไว้ข้างหน้า อูฮยอนเลื่อนมือตัวเองที่กำลังกำอะไรเอาไว้อยู่มาข้างบนก่อนจะคลายนิ้วออกทีละนิ้ว ให้โลหะแวววาวร่วงลงมาเหนือฝ่ามือ แสงไฟจากเหนือเคาน์เตอร์บาร์สะท้อนเข้ากับจี้รูปปีกนกที่มีเพียงข้างเดียว ฉายเข้าไปในแก้วตาสีนิลที่จับจ้องมันไม่กระพริบ
     

    อูฮยอนเคยบอกว่ามันเป็นของสำคัญที่ต้องใส่ไว้ตลอด

     

     

    "นี่มัน–"

     

    "มันควรจะเป็นของขวัญวันเกิดพี่ในปีนั้น แต่ผมเปลี่ยนใจเก็บไว้ใส่เอง"


     

    แสงสะท้อนแวววาวบนแก้วตาชื้นๆทำเอาอูฮยอนชะงักมือที่ค้างอยู่บนอากาศ แต่เขาก็ต้องกลืนแรงกระตุ้นจากข้างในให้ยื่นนิ้วโป้งออกไปรอรับน้ำตาที่มันอาจจะร่วงลงมาเมื่อไหร่ก็ได้ ซองกยูหลุบตาลงในขณะที่แขนของคนตรงหน้าเอื้อมไปข้างหลังต้นคอแล้วเกี่ยวสร้อยเส้นเล็กเอาไว้ตรงนั้น

     

    "ผมรวบรวมความกล้าเอาให้พี่ได้แล้วนะ ถึงแม้วันนี้จะไม่ใช่วันเกิดพี่ และมันก็อาจจะสายไปหลายปี–" อูฮยอนแค่นยิ้มแล้วหายใจเข้าลึก ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เขาเก็บมันไว้กับตัวเพื่อตอกย้ำถึงความรู้สึกที่มีค่า ติดตัวไว้ตลอดเวลา ใส่ไว้ไม่เคยถอด ให้มันเป็นหลักฐานยืนยันว่าในเวลาหนึ่งเขารักใคร จนกว่าจะถึงวันที่เขาพร้อมและบอกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ซักที
     

     

    "แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะครับ"

     

     

     

    tbc→

    โดนหลอกกันไหมเรื่องชานม xD;;
    คงจะมองว่าไม่มีใครผิดหรือผิดทั้งคู่ก็ได้ ถ้าคิดว่าอูฮยอนเจ็บ ก็ต้องลองมองซองกยูดูเหมือนกันว่าจะสับสนขนาดไหน
    แต่เราสงสัยฮะ มีใครเคยนั่งมองใครซักคนแล้วครุ่นคิดมั้ยว่าเบื้องหลังสิ่งที่เรามองเห็น เค้าเป็นคนยังไง คิดอะไรอยู่ เวลานั้นรู้สึกยังไง
    เพราะ... เราว่าเราทำแบบนั้นกับซองกยู orz สำหรับเราแล้วเค้าเป็น enigma สุดๆ 
    คือที่ตาเห็นจากหลายแหล่งหลายสื่อเนี่ย ด้านไหนกันแน่ที่เป็นตัวเค้าจริงๆ ถ้าให้เรานั่งวิเคราะห์คน เราทำได้ทั้งวันเลยฮะ ฮา
    (ไปๆมาๆเหมือนว่าเราเริ่มปั้นความนึกคิดของอูฮยอนคล้ายตัวเองเลย "orz)

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×