ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [infinite|woogyu] two shots of spirits, the flavor of us.

    ลำดับตอนที่ #5 : two | "milk tea"

    • อัปเดตล่าสุด 7 ส.ค. 58


     







    2nd memory | 
    "milk tea"

     


    Milk tea - 수줍은 고백송(Shy Confession Song)

     

     

    ~


     

    ชานม

     

    เครื่องดื่มเย็นๆของชาใส่นมที่มีรสหวานหอมกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของซองกยูอย่างที่เจ้าตัวไม่ทันได้หยุดฉุกคิด เป็นเกือบทุกวันที่เขาจะได้รับมันมาจากใครซักคนโดยที่มีคนฝากมาให้พวกเขาอีกที หรือบางวันก็จะพบเจอมันอยู่บนล็อกเกอร์ บนตัวกล่องก็จะมีโพสอิทชื่อเขาแปะเอาไว้ชัดเจน ครั้งแรกที่ซองกยูได้รับมันเป็นซองยอลที่ยื่นมาให้ โดยเจ้าตัวแสบก็ไม่วายแซว – ถ้าคิดจะปฏิเสธคนนี้อยู่แล้ว ก็เอามันมาให้ผมดื่มแทนก็ได้นะ – ซองกยูยกกล่องขึ้นมาสังเกตสังกาจนถี่ถ้วนว่ามันไม่มีร่องรอยของการถูกเปิดซึ่งโยงไปถึงการวางยา เขาถึงได้วางใจแล้วเปิดกล่องดื่มและทำเป็นไม่สนได้ยินเสียงบ่นพึมพำจากรุ่นน้องตัวสูง
     

    และวันนี้เขาก็ได้มายืนมองกล่องชานมสีฟ้าสดใสอีกครั้งด้วยตาปริบๆ

     

    "ถ้าจะให้พูดตามตรง... ฉันเบื่อเหมือนกันนะ"

     

    "บอกแล้ว เอามาให้ผมกินก็หมดเรื่อง"

     

    เด็กหนุ่มตัวสูงก็ล้อเล่นไปตามเรื่อง ซองกยูหยิบกล่องขึ้นมาเขย่าเบาๆแล้วใช้ความคิดซักพัก เขาถอนหายใจแล้วก็ยื่นมันออกไปข้างตัว ทำเอาซองยอลหยุดมือที่กำลังหมุนรหัสล็อกเกอร์ตัวเองแล้วมองท่าทีของคนอายุมากกว่าด้วยตาโตๆ

     

    "เอาไปสิ"
     

    "จริงอ่ะ?"
     

    "อือ"
     

    "เฮ้ย พี่ซองกยู ไม่เอาน่า"
     

    "ยังไงนายก็ไม่ยอมบอกฉันว่าคนให้เป็นใครอยู่ดี"
     

    "ถ้าพี่ให้ผม เค้าก็เสียใจแย่สิ"
     

    "งั้นฝากบอกด้วยแล้วกัน ฉันจะไม่เล่นเกมนี้"

     

    snap.

     

    ซองยอลเผลอกลืนน้ำลายไปกับโทนเสียงเย็นๆที่ออกมาจากคนที่ปกติจะพูดจาด้วยเสียงนุ่มนวลตลอด ดูท่ามันจะเริ่มทำให้ซองกยูรำคาญเข้าแล้วจริงๆ แต่ซองยอลก็บอกไม่ได้หรอกเพราะที่เขาถูกฝากมาในวันแรก มันก็มาจากคนที่ถูกฝากมาอีกทีด้วยซ้ำ เขารู้จักซองกยูมาตั้งแต่ปีแรกที่มาเป็นรุ่นน้อง เรียกได้ว่าเห็นมาหลากหลายทริกที่ผู้คนพยายามคว้าความสนใจจากคนคนนี้ แต่มันเป็นครั้งแรกที่ซองกยูปล่อยให้ชานมสื่อรัก – อย่างที่ซองยอลดึงดันจะเรียกมัน – ดำเนินมาได้นานเป็นเดือนๆ ที่สำคัญคือซองกยูก็คงรู้สึกชอบใจอยู่ลึกๆด้วยเพราะมันเป็นของโปรด
     

    "จะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน? การที่ไม่รู้ว่าเป็นใครมันน่าหงุดหงิดนะ"


    "แต่เขาก็คงเป็นคนนึงที่กลัวโดนปฏิเสธนั่นแหละ" ซองยอลพูดพลางยัดหนังสือและสมุดเข้าไปในล็อกเกอร์ โดยที่ซองกยูก็ได้แต่ยืนฟังเอาหลังพิงโลหะเย็นๆด้วยคิ้วขมวด
     

    "นี่ ถ้าไม่กล้ามาเผชิญหน้ากันตรงๆ แล้วจะทำทั้งหมดนี้ไปเพื่ออะไร?"

     

    ร่างสูงโปร่งหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างครุ่นคิด นี่เขากำลังฝันไปรึเปล่า? ซองกยูกำลังคิดมากกับเรื่องนี้จริงๆเหรอเนี่ย? ถ้าเป็นที่ผ่านมา รุ่นพี่คนนี้ก็จะแค่รับไว้และไม่ได้สนใจมันอีก จนกว่าเจ้าตัวจะเปิดเผยตัวออกมาเองในที่สุด เขาสรุปได้ว่าชานมนี่มันต้องไม่ธรรมดา อีกอย่างคือมันไม่ได้มาทุกวันอย่างที่คนอื่นๆทำ วันเว้นวันบ้าง หายไปสามวันบ้าง หวังจะดึงความสนใจจากฝ่ายรับให้ฉุกคิดถึงความแปลกประหลาดเหล่านี้ ซองยอลมาคิดดูอีกทีแล้วก็นึกอยากจะรู้เหมือนกันว่าเป็นใคร เพราะทำได้อย่างมีชั้นเชิงจริงๆ เขาอาจจะขอยืมทริกไปจีบเด็กน่ารักคนนั้นบ้าง

     

    "พี่ก็ลองทิ้งโน๊ตเอาไว้สิ เผื่อเวลาเขาที่เอาชานมมาวาง จะได้เห็นว่าพี่ต้องการอะไร"
     

    ซองกยูเคี้ยวริมฝีปากพร้อมกับยกส้นเท้าขึ้นลงอย่างใช้ความคิด
     

    "หรือพี่แค่อยากให้เขาโผล่ออกมา สารภาพรัก แล้วจะได้ปฏิเสธไปเหมือนทุกครั้ง ยังงั้นเรอะ?" ซองยอลยิ่งพูด คนอายุมากกว่าก็ยิ่งดูเครียดมากขึ้นเท่านั้น
     

    "พี่ซองกยู... จะต่อยผมก็ได้ แต่ผมว่าพี่กำลังเห็นแก่ตัว"


    เด็กหนุ่มหลับตาแน่น รอคอยอะไรก็ตามที่อาจจะกระทบเข้ากับหน้าเขา แต่เสียงกัดฟันกรอดก็ทำให้กล้าลืมตาขึ้นมาทีละข้าง ซองกยูห้อยหัวลงนิดๆแล้วเหลือบมองเขาด้วยแววตาหมองๆอย่างต้องการที่พึ่งพา บิงโก
     

    ซองยอลสาบานได้ว่าเขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้ ดูนั่งไม่ติดและคิดมากอย่างชัดเจน บ่งบอกได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกำลังรบกวนจิตใจมากแค่ไหน ไม่แน่– คราวนี้อาจจะสนุกก็ได้

     

    "พี่รับของเขาไปเถอะ ยังไงมันก็เป็นหนทางที่พี่จะตอบแทนคนคนนี้ได้นะ"

     

    ซองกยูจับจ้องกล่องสีฟ้าน่ารักในมือแล้วแค่นยิ้ม เขาก็แค่อยากรู้ว่าใครกันที่ล่วงรู้เครื่องดื่มที่เขาชอบ และบางทีเขาก็อยากจะบอกขอบคุณสำหรับข้อความเล็กๆน้อยๆที่เขียนติดมา ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเพลงท่อนสั้นๆ คำให้กำลังใจบ้าง มุกตลกบ้าง มันแปลกดีจริงๆ
     

    ในขณะที่กำลังคิดไปเรื่อย มือของเขาก็ดึงปากกล่องเปิดอย่างไม่รู้ตัว

     

     

    ~

     

     

    และซองกยูก็บอกอูฮยอนไปแบบนั้นในวันหนึ่ง คนเด็กกว่าพยักหน้ารับฟังแล้วก็ได้แต่นั่งท้าวคางมองอีกฝ่ายพูดชื่นชมเครื่องดื่มหวานๆของโปรดตัวเองอย่างเปี่ยมสุข เอ้อ บทจะน่ารักขึ้นมาทีเขาก็เกิดทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน

     

    "พี่ซองกยู"
     

    "อะไร?"

     

    อูฮยอนทำปากยื่นไปกับเสียงตอบรับที่ฟังดูไม่ใส่ใจกันเลย

     

    "คือเพลงที่ผมเลือก มันมีท่อนที่ผู้หญิงร้องขึ้นมาโต้ตอบใช่มั้ย? ตอนที่ซ้อมผมไม่ได้ตัดเสียงออริจินอลออก แต่พี่คิดว่าไงถ้าผมจะมีเกสต์ขึ้นไปร้องท่อนนั้นด้วยกันให้เป็นมิวสิกคอลไปเลย"
     

    "หืม ก็น่าสนใจดีนี่นา คนดูน่าจะชอบนะ"
     

    "ประเด็นคือ ผมคิดไม่ออกว่าจะขอให้ใครมาช่วยดี"
     

    ซองกยูเคาปลายนิ้วลงกับโต๊ะเบาๆ ดวงตาเรียวเล็กเสมองไปข้างๆอย่างใช้ความคิด ก่อนจะกลับมาสบตากับอูฮยอนที่รอคอยคำแนะนำ

     

    "แล้วแฟนนายล่ะ?"


    "แฟนผม?" อูฮยอนเผลอขึ้นเสียงสูงทันทีที่ได้ยิน แต่ก็ต้องกระแอมแก้เก้อเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ได้บอกซองกยูเลยว่าเลิกกับคนนั้นไปนานแล้ว เด็กหนุ่มยกมือขึ้นมาโบกตรงหน้าเป็นการปฏิเสธ "ยัยนั่นน่ะนะ? ร้องเพลงไม่เป็นหรอก"

     

    "พี่ฮโยซองเป็นไง?" ซองกยูแนะพี่สาวตัวเองขึ้นมา ซึ่งอูฮยอนก็หูผึ่งในทันที ไม่ใช่อะไร เขาเองก็ค่อนข้างสนิทกับฮโยซองอยู่เหมือนกันและรู้ดีว่าเธอเป็นสาวที่เสียงดีมีพลังและมีพรสวรรค์ด้านการแสดงไม่น้อย จากการที่เคยไปคาราโอเกะด้วยกันสามคนบ่อยๆสมัยก่อน
     

    "ไว้ฉันจะโทรบอกให้แล้วกัน"


    "โอเคเลย ฝากด้วยนะครับ~"

     

    อูฮยอนยิ้มกว้างแล้วขอตัวออกไปอย่างรีบร้อนหลังจากตระหนักได้ว่ากำลังจะไปเรียนสายแล้ว ซองกยูส่ายหน้ายิ้มๆในขณะที่มองคนเด็กกว่าวิ่งออกไปแต่ก็ไม่วายโดนคนทักทายไปตลอดทาง เขากำลังจะกลับไปสนใจวรรณกรรมในมือต่อ แต่ก็มีอะไรบางอย่างถูกวางลงบนโต๊ะ

     

    กล่องชานมสีฟ้าอันแสนจะคุ้นเคย


     

    "มีคนฝากมาให้ครับ" ซองกยูเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มผมดำที่ยิ้มมาให้บางๆ เขาเลิกคิ้วขึ้นเมื่ออีกฝ่ายนั่งลงตรงข้ามอย่างไม่คิดจะขอ
     

    "นายเป็นใคร?"
     

    เด็กหนุ่มดูแปลกใจเล็กน้อยที่ถูกถามตรงๆอย่างไม่มีอ้อมค้อม แต่ก็ยิ้มให้ด้วยความเข้าใจแล้วยื่นมือออกมาข้างหน้า
     

    "ผมชื่อคิมมยองซู คณะนิเทศครับ"
     

    "แล้ว?" ซองกยูนิ่งมองอย่างเคลือบแคลงใจหลังจากจับมือด้วย
     

    "ผมคิดว่าพี่อาจจะอยากรู้ว่าใครเป็นคนฝากมา"

     

    ซองกยูคิดว่าเด็กคนนี้ประหลาด ใบหน้าที่ยิ้มแย้มตรงหน้าดูแฝงนัยยะอะไรบางอย่างและเขาก็รู้สึกว่ามยองซูคงไม่บอกในสิ่งที่เขาอยากรู้หรอก

     

    "จริงๆแล้วผมสัญญากับคนนั้นไว้ว่าจะไม่บอก แต่มันเป็นการตัดสินใจของผมเอง"
     

    "ถ้าบอกแล้วนายจะมีปัญหา ก็ไม่เป็นไรหรอกนะ"
     

    "ไม่รู้สิครับ ผมแค่อยากจะช่วยคนคนนั้น เขาไม่กล้าให้พี่รู้"

     

    ดวงตาคมดูอ่อนแสงลงเมื่อพูดถึง คนคนนั้น ซึ่งซองกยูก็เกิดพูดอะไรไม่ออกเพราะอยู่ดีๆหัวใจเขาก็เต้นช้าลงราวกับว่าใจหาย ใครกันที่ชอบและแคร์เขามากขนาดนี้ แล้วซองกยูจะทำยังไงถ้าเกิดเขารู้ว่าเป็นใครขึ้นมา

     

    "มันมาจากวิทยาลัยดนตรีครับ ผมบอกได้แค่นี้ แต่เขาชอบพี่มากจริงๆ" มยองซูพูดจบแล้วลุกขึ้นเดินห่างออกไป โดยที่ซองกยูก็ได้แต่นั่งจ้องโต๊ะหินอ่อนอยู่อย่างนั้น สมองของเขากำลังทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ แค่คิดว่ามันมาจากวิทยาลัยดนตรีและความเป็นไปได้ที่จะเป็นใครคนนั้น ลำคอก็แห้งผากจนพูดอะไรไม่ออก ซองกยูไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ เหมือนว่าเขาขาดการควบคุมตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง

     

    "ถ้าเป็นนาย–"

     

    จะเป็นนายจริงๆรึเปล่า?

     

    ซองกยูสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา เขาควานหาในกระเป๋ากางเกงแล้วกดรับโดยไม่ทันได้มองว่าเป็นใคร แต่เสียงที่เล็ดลอดมาจากปลายสายก็ทำเอาอมยิ้มจนแก้มตุ่ย

     

    'ตอนนี้ผมอยู่ที่โรงยิม ถ้าพี่ว่างมาดูผมซ้อมไหม?'

     

    "อื้อ ฉันว่าง รอแป๊ปนึงนะ โฮวอน"

     

     

    ~

     

     

    อูฮยอนล้วงหาโทรศัพท์มือถือจากในกระเป๋าออกมาแล้วเดินแทรกผ่านเพื่อนร่วมคลาสที่กำลังเตรียมตัวอยู่หลังเวที ร่างโปร่งหายใจเข้าลึกๆเมื่อออกมายังทางเดินได้สำเร็จ นิ้วก็กดโทรเบอร์ของใครคนหนึ่ง

     

    "พี่ซองกยู อยู่ไหนแล้ว? อ้อ ผมอยู่หลังเวที– เดี๋ยวออกไปหา ผมต้องการกำลังใจ" อูฮยอนหัวเราะเบาๆเมื่อได้ยินเสียงอุทานเล็กๆมาจากปลายสาย ซึ่งก็คงไม่พ้นคนซุ่มซ่ามที่เดินชนเก้าอี้เข้าให้ "ฝั่งขวาของหอประชุม แถวที่ห้าติดทางเดินนะ โอเค"

     

    เมื่อวางสายแล้ว อูฮยอนก็เตรียมพร้อมที่จะออกไปหาก่อนที่การแสดงจริงจะเริ่ม แต่ฝีเท้าก็หยุดกึกเมื่อหันไปเจอโฮวอนที่เหมือนจะออกมายืนรอให้เขาคุยโทรศัพท์เสร็จ

     

    "นายจะไปหาพี่ซองกยูเหรอ?"
     

    "อือ"


    "งั้นฉันฝากนี่ไปให้เขาหน่อยได้มั้ย?"

     

    อูฮยอนหน้าตึงทันทีที่เห็นสิ่งที่โฮวอนยื่นออกมาตรงหน้า ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจสั่นๆแต่ก็รับเอาไว้ด้วยรอยยิ้มที่แค่นออกมาอย่างยากลำบาก โฮวอนบอกขอบใจแล้วบีบที่ไหล่เขาเบาๆ อูฮยอนเหลือบมองเพื่อนที่กลับเข้าไปในห้องแล้วถึงจะนำพาขาอันหนักอึ้งให้ออกเดินในที่สุด
     

    คนเริ่มจะหลั่งไหลเข้ามาในหอประชุมเยอะขึ้นทุกที แต่อูฮยอนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรผู้คนที่เอ่ยปากทักเขานัก สิ่งเดียวที่เขากำลังมองหาก็คือเจ้าของเรือนผมสีคาราเมลที่อยู่ไม่ไกลนี่เอง ซองกยูหันมาฉีกยิ้มให้เมื่อถูกสะกิดบนหัวไหล่ แต่แล้วรอยยิ้มก็เลือนหายไปในทันทีเมื่อเห็นสิ่งที่อูฮยอนยื่นออกมา


     

    "โฮวอนฝากมาให้..." เสียงทุ้มต่ำเบาหวิวจนเกือบจะเลือนหายไปในเสียงจอแจจากผู้คนรอบข้าง ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้างและยกมือสั่นๆออกไปรับขวดพลาสติกเย็นๆเข้ามาจับจ้องอย่างไม่อยากจะเชื่อ อีกมือก็ม้วนเป็นกำปั้นแนบอยู่บนริมฝีปาก


     

    อูฮยอนเบือนสายตาหนีแล้วหันหลังจ้ำออกไปในทันที


     

    "เดี๋ยว! อูฮยอน–" ซองกยูเรียกเอาไว้ไม่ทัน เขาเม้มปากแน่นแล้วกระซิบคำที่อูฮยอนอยากจะได้ยินที่สุด พยายามเข้านะ

     

     

    ตึก
     

    ตึก
     

    ตึก


     

     

    เสียงจังหวะหัวใจที่เต้นรัวเร็วนั้นมันดังอึกทึกจนหูอื้อไปหมด สายตาเขาอาจจะมองไปข้างหน้า แต่เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่บนเวทีและรอบข้างเลยแม้แต่น้อย เขาพยายามที่จะรวบรวมสติของตัวเองกลับมาเมื่ออินโทรของการแสดงของอูฮยอนดังขึ้น เพื่อนคนสนิทยิ่งแสดงได้อย่างมีพลังและเต็มไปด้วยความตั้งใจจากที่เขาเคยไปดูการซ้อมมา อารมณ์ความรู้สึกที่ทุ่มเทลงไปในเสียงร้องและท่าทางยิ่งทำให้ซองกยูรู้สึกขอบตาร้อนผ่าว รอยยิ้มปรากฏขึ้นบางๆเมื่อพี่สาวของเขาก้าวเข้ามาในท่อนของตัวเอง มันน่าตื่นตาตื่นใจกับเสียงประสานที่มีพลัง และมันก็เป็นช่วงเวลาที่เขาลืมสิ่งที่กำลังกำแน่นอยู่ในมือไปได้
     

    แต่แล้วมันก็กลับมาอีกครั้ง จังหวะเต้นของหัวใจที่หนักหน่วง เพียงแค่คนคนนั้นเดินออกมาแค่นั้นเอง โฮวอนโค้งให้กับคนดูที่เริ่มเงียบเสียงลงเฝ้ารอการแสดง ทำนองเพลงป๊อปแจ๊ซที่เขาแทบจะจดจำมันเข้าไปได้ในสมองดังขึ้นกึกก้อง พร้อมกับโฮวอนที่ทั้งร้องและเต้นอย่างแม่นยำตามการฝึกซ้อมอย่างหนักอย่างที่ซองกยูเคยไปนั่งดูมาหลายครั้ง แต่หัวใจเขากระตุกวูบเมื่อการแสดงกลับฉีกออกไปจากที่ซ้อมมาโดยโฮวอนที่กระโดดลงมาจากเวทีหลังจากท่อนบริดจ์ของเพลง


     

    "Oh I know that the music's fine. Like sparklin' wine, go and have your fun. Laugh and sing, but while we're apart... Don't give your heart to anyone,"

     

    โฮวอนก้าวเดินไปกลับอยู่ที่ส่วนด้านหน้าของเวที สุ้มเสียงนุ่มนวลเจือไปด้วยแววขี้เล่นเล็กๆยามร้องให้กับเหล่าอาจารย์ที่นั่งอยู่แถวหน้า

     

    "And don't forget who's takin' you home. And in whose arms you're gonna be. So darling,save the last dance for me."

     

    ร่างโปร่งขยับกายไปตามทางเดินฝั่งซ้ายอย่างราบลื่น ซองกยูเลื่อนสายตามองตามไปจนอีกฝ่ายข้ามมายังทางเดินฝั่งของเขา สองมือกำขวดน้ำแน่นแล้วหลับตาลงด้วยความหวั่นใจว่าเขากำลังฝันไปรึเปล่า

     

    "Oh baby won't you save the last dance for me. Oh baby won't you promise that you'll save, the last dance for me."

     

    และซองกยูพบตัวเองกระพริบตาถี่ๆไล่ภาพพร่ามัวเบื้องหน้ายามที่เสียงทุ้มนุ่มเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เขาเผลอเหลือบตามองไปข้างหลังจนเห็นเงาที่เข้ามาใกล้ ลมหายใจของเขาติดขัดเมื่อภาพของรองเท้าหนังหนึ่งคู่หยุดนิ่งอยู่ตรงที่นั่งเขาพอดี ซองกยูเงยหน้าฉับด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ดวงตาสีน้ำตาเข้มทั้งสองคู่สบกันเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่ซองกยูจะก้มหน้าหลบพร้อมกับโฮวอนที่ร้องออกมาด้วยน้ำเสียงที่กักเก็บมาตลอดเพลงเพียงเพื่อท่อนสุดท้ายนี้

     

    "Save the last dance, the very last dance for me."

     

    มือขาวจัดสั่นไหวแต่เขาก็ยังไม่สามารถรวบรวมความกล้าที่จะเงยหน้าขึ้น ถึงแม้ซองกยูจะรู้สึกถึงโฮวอนที่ค้อมตัวลงให้กับเขาและผู้ชมรอบข้าง เสียงปรบมือดังขึ้นเกรียวกราว หากว่ามันไม่สามารถดึงความสนใจเขาไปจากแรงกระตุกรั้งที่กลางหน้าอกได้เลย ซองกยูจำไม่ได้ว่าเขานั่งอยู่อย่างนั้นนานเท่าไหร่ จนทั้งหอประชุมเกือบที่จะเงียบกริบเพราะผู้คนต่างเดินออกกันไปเกือบหมดแล้ว


     

    "พี่ซองกยู"

     

    ดวงตาเรียวเล็กเหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งยองๆจนเท่ากับระดับสายตา โฮวอนยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่เห็นเขี้ยวน้อยๆ ซองกยูหลับตาลงพร้อมกับการหายใจเข้าลึกก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่ตอนนี้ยืนเต็มความสูง 

     


    "คือ ผมว่าผมถูกหักคะแนนเพราะผมทำผิดกติกาที่ลงมาจากเวที–"


     

    ซองกยูกระพริบตาปริบๆแล้วก็ต้องหลุดขำเมื่อเห็นโฮวอนยกมือขึ้นเขี่ยปอยผมที่ท้ายทอยด้วยริมฝีปากที่เอียงขึ้นข้างหนึ่งเป็นรอยยิ้มเขิน


     

    "พี่ซองกยู ผมชอบพี่ คบกับผมนะ?"
     

     

    ถ้าจะถามว่าเขาตอบอะไรออกไป เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะรู้สึกตัวอีกทีโฮวอนก็วางทั้งสองมือวางลงบนที่พักแขนและโน้มเข้ามาใกล้ ริมฝีปากอุ่นทาบลงมาอย่างไม่มั่นใจนักแต่ซองกยูก็รู้สึกถึงริมฝีปากตัวเองที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ซองกยูอาจจะไม่ได้ตอบอะไรออกไปในทีแรกด้วยซ้ำ แต่การที่เขาเอียงศรีษะรับสัมผัสต่างหากที่เป็นการตอบตกลงในที่สุด

     

    บางที– เขาคิดว่าบางที เขาอาจจะสามารถรักใครได้จริงๆซักที

     

     

     

    tbc→

    ถ้าลองสังเกตดู ตอนที่เป็นอดีตสามารถอ่านแยกจากเวลาปัจจุบันได้เลยฮะ
    flashback ของโฮกยูจบลงตรงนี้ /โค้ง
    ถึงเวลากลับไปลุ้นอูกยูและทำร้ายอูฮยอนต่อในตอนต่อๆไปแล้ว ฮา
    เพลงที่ลงไว้มันน่ารักมากกกกก ชื่อคนร้องชื่อ Milk tea ><

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×