ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [infinite|woogyu] two shots of spirits, the flavor of us.

    ลำดับตอนที่ #4 : one | "lee howon"

    • อัปเดตล่าสุด 7 ส.ค. 58


     

    memory one |
    "lee howon"

    เราอยากให้ฟังเพลงสองเพลงนี้ก่อน เพื่อที่จะจินตนาการตามไปได้ฮะ~
    Meatloaf - I'd Do Anything For Love
    Micheal Bublé - Save The Last Dance For Me



     

    ถ้าคุณเดินเข้าไปในคณะอักษรศาสตร์และถามหา คิมซองกยู ล่ะก็ ไม่มีใครที่จะไม่รู้จักเขา นอกจากจะตอบคำถามให้คุณตรงๆแล้ว เหล่ารุ่นพี่และรุ่นน้องในคณะต่างก็จะเตือนคุณเอาไว้ก่อน – ถ้าคิดจะเข้าไปเกี่ยวพันล่ะก็ ระวังเอาไว้ล่ะ, อย่าไปหลงกลรอยยิ้มหวานๆเชียวนะ, อ้อ ซองกยูน่ะเหรอ? ขึ้นชื่อเรื่องหักอกคนมานักต่อนักแล้ว, จะไม่ทันรู้ตัวเลยว่าภายใต้อุปนิสัยน่าคบหานั่นน่ะ ไม่มีหัวใจหรอก – ปากต่อปาก พูดต่อๆกันไปจนไม่สามารถที่จะสาวถึงต้นตอได้อีกแล้ว ไม่มีใครล่วงรู้ว่าคนคนนี้คิดอะไรอยู่ หลายคนต่างล่าถอย แต่ก็มีหลายคนที่กล้าเสี่ยง


    และไม่ผิดไปจากที่พูดกันไว้ ซองกยูก็จะปฏิเสธนิ่มๆด้วยรอยยิ้มบางๆ พร้อมกับคำพูดง่ายๆว่า ขอโทษด้วย แต่ผมไม่สนใจจริงๆ

     


    ซองกยูมีเรื่องที่เขาไม่เข้าใจเกี่ยวกับตัวเองเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเขาคิดไม่สนใจใคร แต่มันก็แค่เป็นเพราะว่าซองกยูไม่รู้สึกอะไร อาจจะมีหนังสือหรืองานเขียนที่ทำให้เขาใจเต้นได้บ้าง แต่มันก็ถือว่าเป็นเรื่องประหลาดสำหรับคนอื่นทั้งนั้น เขาไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นกำลังทำอะไรและคาดหวังอะไรจากเขา ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่ซองกยูไม่อยากจะทำ ก็คือการให้ความหวัง เขาบังคับหัวใจไม่ได้ มันไม่เคยให้คำตอบกับเขาว่าคนไหนที่ใช่ ซองกยูถึงได้ตัดสินใจหันมาพึ่งสมองเพียงอย่างเดียว

     

    "ผมว่าพี่ซองกยูยังค้นหาตัวเองไม่เจอ" อูฮยอนตั้งข้อสังเกตุขึ้นมาในวันหนึ่ง
     

    "หรือบางทีพี่จะอ่านหนังสือมากเกินไปจนตัวหนังสือมันกดทับเส้นประสาทที่สั่งงานหัวใจก็ได้"
     

    ซองกยูก็ได้แต่กระดกลิ้นและใช้หนังสือในมือตีหัวทุยๆเบาๆ
     

    "ก็ฉันมีความสุขแบบนี้นี่ มันไม่ใช่เรื่องจำเป็นรึเปล่าก็ในเมื่อฉันมีเพื่อน– อ้อ ที่สำคัญคือฉันมีนายไง"

     

    และซองกยูก็ไม่ทันได้สังเกตุว่าอูฮยอนมีสีหน้ายังไงเมื่อได้ยิน


     

    "ใช่ พี่ยังมีผม อีกอย่างคือพี่ซองกยูใจดีกับทุกคน อย่าไปใส่ใจที่คนอื่นเค้าพูดกันล่ะ"
     

    ซองกยูเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือแล้วฉีกยิ้มให้คนตรงหน้า ไม่ลืมที่จะยื่นมือออกไปลูบเรือนผมสีดำและขยับปากเป็นคำว่า ขอบคุณ

     

    ~

     

    แต่นั่นก็ก่อนหน้าที่อูฮยอนจะสังเกตุเห็นเพื่อนร่วมวิทยาลัยการดนตรีแต่อยู่ต่างคณะ ถ้าหากอาจารย์ยกให้อูฮยอนเป็นเอซในคณะดนตรีร่วมสมัยเอกการประพันธ์ อีโฮวอนก็เป็นเอซในเอกศิลปะการแสดง ทั้งคู่อยู่รุ่นเดียวกันและเข้ามาพร้อมกัน แชร์ตำแหน่งและชื่อเสียงด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันโดยตรง อูฮยอนเคยได้ยินแต่ชื่อเท่านั้น อาจจะได้ยินเพื่อนร่วมห้องเคยพูดคุยกันว่าจะแวะไปดูการแสดงที่เกิดขึ้นทุกอาทิตย์ของทางเอกนั้น การแสดงของโฮยา ที่เป็นนามแฝง อูฮยอนก็แค่ฟังหูไว้หู เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรเซเลปของสายอื่นซักเท่าไหร่ จนเมื่อเขาต้องไปเรียนวิชาการแสดงบังคับร่วมกับคณะนั้น เขาถึงได้รู้จักกับอีโฮวอนในที่สุด

     

    เอซปะทะกับเอซ ใครๆต่างก็เฝ้ารอดูแมทช์อันน่าตื่นเต้นนี้ แต่ทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนกันได้แค่ผ่านการนั่งดูอีกฝ่ายแสดงแบบที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนในคลาสแรก มันเหมือนกับสทธิสัญญาระหว่างกันว่าเราไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันในฐานะศัตรู เราจะเล่นกันแบบแฟร์ๆและยอมรับผลอย่างลูกผู้ชาย อูฮยอนคิดด้วยซ้ำว่าโฮวอนเป็นผู้ชายที่เท่ เพราะอีกฝ่ายวางตัวดี นิสัยดี และสุภาพ ไม่ได้เข้าถึงยากถึงแม้จะมีสถานะเป็นเซเลปประจำคณะตัวเอง
     

    แต่ในตอนนั้นอูฮยอนยังไม่รู้ตัวว่าเขากำลังจะเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้อย่างราบคาบ

     

     

    "พี่ซองกยู ทางนี้ๆ" อูฮยอนกวักมือหยอยๆเรียกคนอายุมากกว่าที่มองซ้ายมองขวาอยู่กลางทางเดินของตึกที่ตัวเองไม่คุ้นเคย ซองกยูยิ้มกว้างแล้วก้าวกระโดดเข้าไปใกล้
     

    "วิทยาลัยของนายมันสวยชะมัดเลย อิจฉาเหมือนกันนะเนี่ย"
     

    "ก็มาบ่อยๆสิ ไม่มีใครว่าหรอก"
     

    ซองกยูพยักหน้ารับแล้วเดินตามอูฮยอนเข้าไปในห้องซ้อมเต้นกว้างขวาง ที่เด็กคณะอักษรมาป้วนเปี้ยนแถวนี้ก็เพื่อมาดูการแสดงซ้อมครั้งแรกของวิชาการแสดงซึ่งอนุญาตให้คนนอกเข้ามาดูได้ เป็นการซักซ้อมในด้านการสื่อสารกับคนดูให้กับผู้ที่แสดงไปด้วย และอูฮยอนก็ไม่พลาดที่จะชวนซองกยูมา


    ร่างโปร่งนั่งลงที่มุมหนึ่งของห้องซ้อมที่ยังไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ อูฮยอนเดินเข้ามาทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าพร้อมกับทบทวนเนื้อของเพลงที่กำลังจะแสดง

     

     

    "อ้าว อูฮยอน นายมาเร็วจังแฮะ" เสียงนุ่มๆดังขึ้นหลังจากประตูถูกเลื่อนเปิด ปรากฏให้เห็นโฮวอนที่ยิ้มน้อยๆ อูฮยอนโบกมือทักทายแล้วกลับไปสนใจกระดาษในมือต่อ ซองกยูเคียงคอมองคนที่เพิ่งเข้ามาซักพักแล้วยื่นมือออกไปจิ้มต้นแขนของเพื่อน
     

    "ใครน่ะ?"
     

    "หืม?" อูฮยอนเงยหน้าขึ้นมองซองกยูที่โน้มตัวเข้ามาใกล้เพื่อกระซิบถาม "อ๋อ นั่นอีโฮวอน เอกศิลปะการแสดง เพื่อนผมเอง"
     

    "เขามองฉันอยู่"
     

    อูฮยอนเลิกคิ้วแล้วนั่งคิดซักพัก "ก็คงรู้จักพี่ล่ะมั้ง ชื่อดังกระฉ่อนขนาดนั้น"
     

    ซองกยูไม่ได้พูดอะไรแต่ก็หยิกแก้มคนพูดเบาๆด้วยความหมั่นไส้และการที่พูดจาไม่เข้าหู แต่ดูท่ามันจะไม่ใช่แค่นั้น เพราะระหว่างที่รอให้นักศึกษาการแสดงมาจนครบ ซองกยูได้รู้สึกถึงสายตาของโฮวอนที่เหลือบมองมาเป็นระยะ จนถึงเวลาเริ่มคลาสอูฮยอนก็ลุกขึ้นโดยไม่ลืมไฮไฟว์ขอกำลังใจ ซึ่งซองกยูก็ยอมเล่นไปกับนิสัยเด็กๆที่เดาไม่ถูกว่าจะออกมาเวลาไหน แต่แล้วเขาก็ต้องนิ่งงันเมื่อดวงตาสบเข้ากับโฮวอนพอดีเพราะไม่มีอูฮยอนนั่งบังเหมือนก่อนหน้านี้ ถึงเห็นแบบนี้ก็เถอะ ซองกยูเองก็อ่านคนผ่านสายตาได้เก่งไม่หยอก – ใครน่ะ? เหมือนเคยเห็น แล้วเป็นอะไรกับอูฮยอน? –
     


    เขาหายใจได้ทั่วท้องหน่อยเมื่อคนแสดงต่างก็ต้องไปนั่งรวมกันอีกมุมหนึ่ง ทำให้ซองกยูไม่ต้องตกเป็นเป้าสายตาจากใครบางคนและสามารถเพลิดเพลินไปกับการนั่งดูการแสดงจากอูฮยอนเป็นครั้งแรก แน่นอนว่าเอซทั้งสองนั้นเป็นสองคนสุดท้ายที่จะแสดง และอูฮยอนก็ออกมาก่อนด้วยเพลงคลาสสิกร็อคของวง Meatloaf ที่ชื่อว่า I'd Do Anything For Love เป็นแทร็กที่พูดถึงความตั้งใจที่จะทำทุกอย่างให้กับคนที่รัก – ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อความรัก หากเธออยากได้อะไร ฉันจะหามาให้เธอทุกอย่าง ฉันจะไม่มีทางโกหกเธอ แต่ฉันไม่สามารถลืมตัวตนของเธอที่ฉันสัมผัสได้ ฉันจะไม่ทำสิ่งนั้น ฉันจะไม่ทิ้งเธอไปไหน ฉันจะไม่หมดรักเธอ
     

    ซองกยูรู้ว่าอูฮยอนร้องเพลงเพราะ แต่เขาไม่เคยได้ยินอีกฝ่ายร้องอย่างมีพลังแบบนี้ ด้วยสีหน้าที่มีแต่ความมั่นใจและการควบคุมแต่ละโน๊ตที่แม่นยำ อีกทั้งจังหวะการก้าวเดินที่ใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพและสื่อสารกับคนดูได้อย่างเป็นธรรมชาติ การแสดงที่น่าจะเป็นแค่การเตรียมตัวแบบคร่าวๆกลับสามารถสื่ออารมณ์จากเนื้อเพลงที่มีพลังและสะกดคนดูเอาไว้ได้อย่างดี มันก็ทำให้ซองกยูรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นที่ได้เห็นตัวตนอีกด้านของเพื่อน เขาหลุดขำเมื่ออูฮยอนยกแขนขึ้นเป็นรูปหัวใจและปามันออกไปรอบๆเมื่อจบเพลง แต่ก็ไม่วายหันมาขยิบตาให้ คนอายุน้อยกว่ารีบรุดมานั่งลงข้างๆแล้วถองที่ต้นแขนซองกยู

     

    "เป็นไง?" เสียงทุ้มๆที่ยังติดหอบอยู่น้อยๆทำให้ซองกยูต้องอมยิ้ม เขายกนิ้วโป้งขึ้นมาทั้งสองมือซึ่งอูฮยอนก็ยิ้มกว้างอย่างพอใจ

     

    การแสดงสุดท้ายเป็นของโฮวอน เมื่ออินโทรของเพลงดังขึ้น ทุกคนในห้องต่างก็มุ่งความสนใจไปยังคนที่ยืนอยู่กลางห้องในทันที เสียงพูดคุยด้วยความประหลาดใจดังขึ้นเซ็งแซ่เพราะเพลงที่โฮวอนเลือกมาเป็นเพลงป็อปเจือไปด้วยจังหวะแจ๊ซคึกคักดึงดูดใจ Save The Last Dance For Me ของ Micheal Bublé เป็นการรีเมคมาจากเพลงเก่าและเป็นแนวที่ผิดไปจากที่หลายๆคนคาดเดาเอาไว้อย่างสิ้นเชิง การวาดมือออกไปด้วยท่าทีสง่างามและคำแรกที่ออกมาจากปากชายหนุ่มก็ทำเอาทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ โฮวอนสร้างสรรค์ออกแบบท่าเต้นแนวแทงโก้ที่ควรเต้นเป็นคู่ แต่เขาก็สามารถประยุกต์เล็กน้อยให้เป็นแนวของตัวเอง ด้วยความสามารถด้านการเต้นที่ลื่นไหลไม่ติดขัดและดูมีพลังในเวลาเดียวกัน มันยากจริงๆที่จะละสายตาออกไป

     

    ทั้งสีหน้า สายตา และรอยยิ้มในทุกๆท่วงท่า สะกดให้ซองกยูต้องมองด้วยตาไม่กระพริบ มันดึงดูดให้มองราวกับว่าสายตานั้นมันสามารถเล่าเรื่องแทนเนื้อเพลง – เธอจะเต้นรำกับใครคนนั้นที่กำลังจ้องมองเธอก็ได้ ให้เขาโอบกอดเธอ เธอสามารถส่งรอยยิ้มให้เขาที่จับมือเธออยู่ใต้แสงจันทร์ แต่อย่าลืมนะว่าใครคือคนที่จะพาเธอกลับบ้าน เธอจะอยู่ในอ้อมแขนของใครในที่สุด เพราะฉะนั้นที่รัก เก็บการเต้นรำครั้งสุดท้ายให้ฉันเถอะ
     


    สายตาออดอ้อนที่โฮวอนมีให้กับคนดูและคู่เต้นรำล่องหนของเขาก็ทำให้หัวใจของซองกยูเต้นแรงขึ้นอีกนิด และในจังหวะสุดท้ายที่ชายหนุ่มวางฝ่าเท้าลงกับพื้นไม้อย่างมั่นคงพร้อมกับหันมาที่คนดูด้วยรอยยิ้มที่เผยความอิ่มเอมใจจนเห็นเขี้ยวเล็กๆ ซองกยูก็เผลอยกมือขึ้นกำเสื้อตรงหน้าอกแน่น ก่อนที่สายตานั้นจะมาหยุดอยู่ที่เขาอย่างอ้อยอิ่ง


    บางที– เขาคิดว่าบางที นี่มันอาจจะเป็นสิ่งที่อูฮยอนรู้สึกกับแฟนสาว หรือที่หลายคนรู้สึกกับเขาก็ได้

     

     

    "พี่ซองกยู~"
     

    "หวา!"
     

    ซองกยูสะดุ้งเฮือกเมื่ออูฮยอนยื่นหน้าเข้ามากระซิบติดใบหูแถมยังเป่าลมเย็นๆเข้ามาอีก เขาตะปบมือเข้ากับหูตัวเองแล้วหันขวับไปมองคนข้างกายที่ตีหน้าแปลกใจกับความใจลอย

     

    "เดี๋ยวผมมีเรียนต่อ พี่มีอะไรหลังจากนี้รึเปล่า?" อูฮยอนลุกขึ้นแล้วยื่นมือให้อีกฝ่ายดึงตัวเองขึ้นมา ซองกยูส่ายหน้าน้อยๆแล้วปัดเศษฝุ่นบนกางเกง "ผมไปส่งกลับคณะมั้ย?"
     

    "ไม่ต้องหรอกน่า นายไปเถอะ เดี๋ยวก็สายหรอก" ซองกยูรุนหลังอูฮยอนออกไปจากห้องซ้อมแล้วยืนโบกมือลาอยู่หน้าประตู พยักหน้าหงึกหงักเมื่ออีกฝ่ายยกมือที่ชูนิ้วชี้และนิ้วก้อยขึ้นมาเป็นเชิงบอกว่าจะโทรหา เมื่อเขาหันขวับไปตั้งใจจะกลับก็ปะทะเข้ากับร่างของใครอีกคนที่เลี้ยวออกมาอย่างไม่ทันได้มอง ซองกยูรู้สึกเหมือนหัวใจหล่นวูบแล้วยื่นแขนออกไปคว้าอะไรก็ตามตรงหน้าเอาไว้เป็นปฏิกริยาโต้ตอบอัตโนมัติ แต่เท้าก็เกิดลื่นไถลจนเผลอออกแรงดึงรั้งให้คนตรงหน้าล้มลงมาด้วย

     

    "พี่ซองกยู!"

     

    เขาได้ยินเสียงตะโกนเรียกมาจากไกลๆ แต่ซองกยูก็ได้แต่หลับตาแน่นเมื่อเขาหงายหลังลงหลังจากได้ยินเสียงสิ่งของที่กระทบกับพื้นไม่ดังนัก เขาค่อยๆกระพริบตาเปิดขึ้นมาอีกทีเมื่อรู้สึกว่าพื้นไม่ได้แข็งอย่างที่คิด แถมยังมีแรงกดทับจากข้างบน– กลิ่นน้ำหอมสปอร์ตเย็นๆเจือไปด้วยกลิ่นเหงื่ออ่อนๆลอยมาแตะจมูก ซองกยูถึงตระหนักได้ว่ามีแขนโอบรอบเอวและฝ่ามือรองศรีษะเขาเอาไว้อยู่ กลุ่มผมสีเข้มที่อยู่ข้างใบหน้าค่อยๆเงยขึ้น ถึงแม้ใบหน้าของอีกฝ่ายจะอยู่ในเงา แต่ก็ยังเห็นชัดเจนจนซองกยูตัวเกร็ง อีโฮวอน
     

    "ไม่เป็นไรนะ?"
     

    "อือ– อื้อ..."

     

    "พี่ซองกยู... โอเคมั้ย?" อูฮยอนวิ่งกลับมานั่งยองๆที่ข้างกาย แล้วช่วยดึงซองกยูที่ยังดูงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปหน่อยให้ลุกขึ้นนั่ง คนอายุมากกว่าเหลือบมองอูฮยอนแล้วยิ้มแห้งๆ แต่เมื่อหันหน้ากลับไปก็พบกับใบหน้าโฮวอนที่อยู่แค่คืบ คุณคิดว่าซองกยูจะทำอะไร? – กรีดร้อง? ไม่ ซองกยูไม่ได้ขี้ตกใจขนาดนั้น, ผลักออก? ก็ไม่ เพราะซองกยูยังคิดอะไรไม่ค่อยออก, หลบตาและกัดปาก? ก็ไม่อีกนั่นแหละ ซองกยูยังแมนพอที่จะไม่แสดงออกเหมือนเด็กสาวมัธยม – ดวงตาเรียวเล็กก็แค่จ้อง กระพริบตาและจ้องอีก เผลออ้าปากนิดหน่อยแต่แล้วก็ยังคงจ้องตากับอีกฝ่ายอยู่แบบนั้น จนอูฮยอนยื่นแขนพรวดออกมาคั่นและดันให้โฮวอนออกห่าง

     

    "เฮ้ย โฮวอน ออกไปดิ ไม่งั้นพี่ซองกยูจะลุกได้ไง?" อูฮยอนหรี่ตามองเพื่อนที่มองซองกยูตาไม่กระพริบ
     

    "อ้อ– เออ โอเค..." โฮวอนเกาท้ายทอยยิ้มๆก่อนจะยอมลุกขึ้นและเดินไปหยิบกระเป๋าที่ตัวเองโยนออกไปก่อนหน้านี้ ซองกยูยืนขึ้นจากความช่วยเหลือของอูฮยอนแต่ก็ยังดูงุนงงไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นเล็กน้อย
     

    "พี่ซองกยู หัวกระแทกรึเปล่าเนี่ย? เบลอเลย?" อูฮยอนถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจนัก ไม่บ่อยนักหรอกที่คนอายุมากกว่าจะดูหลุดแปลกๆแบบนี้
     

    "เปล่า ไม่มีอะไร– อ๊ะ เดี๋ยว นายโฮวอนใช่มั้ย?" ซองกยูรีบเรียกขึ้นมาเมื่อเห็นคนที่ช่วยกันไว้กำลังจะเดินห่างออกไป โฮวอนหันมาน้อยๆแล้วเลิกคิ้ว

     

    "ขอบ– ขอบคุณนะ"

     

    และมันก็เป็นรอยยิ้มนั้นอีกครั้ง รอยยิ้มที่เผยให้เห็นเขี้ยวเล็กๆ โฮวอนส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วออกเดินอีกครั้ง ซองกยูได้แต่มองตามไปด้วยหางคิ้วที่ตกลู่เพราะเขาเห็นรอยจ้ำแดงขนาดใหญ่แถวๆข้อศอกที่คงจะเริ่มเขียวในเวลาข้างหน้า
     

    บางที– ซองกยูก็แค่คิดว่าบางที เขาจะแวะมาที่นี่บ่อยขึ้นดีมั้ยนะ?

     

    ~

     

    บางทีมันอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดที่สุดก็ได้

     



    "ผมจำได้แล้ว!"


     

    ซองกยูกระพริบตาปริบๆด้วยริมฝีปากที่เผยอน้อยๆ ในขณะยืนเผชิญหน้ากับโฮวอนที่รั้งแขนเอาไว้เมื่อกี้ ซองกยูสาบานได้ว่าเขาเดินเข้ามาในวิทยาลัยดนตรีเพื่อตามตัวอูฮยอนหรอก ไม่ได้หวังจะเจอใครอื่นเลย(ขึ้นหางเสียงสูงซักหน่อยซิเพื่อความสมจริง)

     

    "จำ– จำอะไร?"
     

    "คิมซองกยู รุ่นพี่ปีสามคณะอักษรที่หักอกเพื่อนผมไปเดือนที่แล้ว"

     

    คิมซองกยูที่ว่านึกอยากให้ธรณีมันแยกและดูดเขาลงไปเลยจริงๆก็ตอนนี้ล่ะ โถ่เอ๊ย จะได้ยินชื่อเขามาจากบทความในนิตยสารมหาวิทยาลัยหน่อยก็ไม่ได้ จำอะไรไม่จำ ดันมาจำเรื่องฉาวของเขาแทนเนี่ย ซองกยูก็ไม่ได้เซลฟ์พอที่จะยืดอกยอมรับชื่อเสียงแบบนี้หรอกนะ



    "หืม... ผมคิดว่าผมเข้าใจนะว่าทำไมพี่ดงอูถึงชอบ" โฮวอนพูดแล้วก็กวาดสายตาไปทั่ว ตั้งแต่ตาหูจมูกปาก ซองกยูชินไปแล้วเหมือนกันที่มีคนมาจ้องหน้าแบบนี้ แต่ประเด็นคือมือที่บีบๆคลำๆอยู่ที่ต้นแขนนี่แหละ สงสัยเขาจะเผลอทำหน้าแปลกๆออกไป โฮวอนถึงได้ยิ้มแผล่ คราวนี้กว้างกว่าเดิมจนเห็นเขี้ยวทั้งซี่ "ผู้ชายส่วนมากในคณะมีแต่พวกตั้งใจรักษาหุ่นฟิต ผิวก็หยาบกระด้างทั้งนั้น เนื้อนุ่มผิวเนียนแบบนี้ไม่ค่อยมี พี่ดงอูชอบแบบกอดเต็มๆแขน"

     

    อื้อหือ ตรงเป็นไม้บรรทัดเลยทีเดียว ผู้ชายคนนี้ คือจะบอกว่าเขามีน้ำมีเนื้อเพราะไม่ออกกำลังกายก็พูดมาเลยเถอะ คุณก็พูดมาถึงขนาดนี้แล้วเนี่ย และถ้าจะให้จัดอันดับคนที่เขาอยากตบปากที่สุดในตอนนี้ รองจากนัมอูฮยอนก็คงเป็นอีโฮวอนนี่แหละ ปากคุณช่าง– แต่ก็กำลังชมว่าเขาผิวดีใช่ไหม? ซองกยูคงไม่ได้ฟังอะไรผิดไปหรอกนะ

     

     

    "น่ารักเนอะ"

     

     

    หือ? พูดไม่ทันขาดคำ ปลายนิ้วสากๆก็กระดิกขึ้นมาบนแก้มก่อนจะออกแรงบีบเบาๆ ซองกยูกระพริบตามองโฮวอนที่มีรอยยิ้มกว้างอยู่บนใบหน้า – และตัดสินใจได้ว่ามันเป็นรอยยิ้มนี้เองที่ทำให้เขาเข่าอ่อน – เมื่อสัมผัสทั้งห้าค่อยๆกลับมาทีละอย่าง เขาถึงจะรู้สึกว่าโฮวอนอยู่ใกล้เกินไปมาก ซองกยูใช้เวลาเพียงนิดเดียวในการดึงตัวเองออกมาจากการถูกรุกรานพื้นที่ส่วนตัวแล้ววิ่งสี่คูณร้อยออกไปจากที่นี่ทันที อูฮยอนอะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้เขาต้องเอาชีวิตตัวเองให้รอดก่อน
     

    คนที่เกลียดการวิ่งสุดหัวใจก็ซอยเท้ามาจนถึงหน้าคณะของตัวเองจนได้ ซองกยูทรุดลงนั่งยองๆอย่างไม่ได้สนใจสายตาของคนที่ผ่านไปผ่านมา ฟุบหน้าลงกับหัวเข่าพลางหอบหายใจหนัก ให้ตายสิ หรือว่ามันเป็นวิธีที่ทำให้เขาวิ่งออกกำลังกายบ้างรึไงนะ? เขาแยกไม่ออกแล้วว่าที่หัวใจมันเต้นแรงและความร้อนที่วูบขึ้นหน้ามันเป็นเพราะอะไรกันแน่ ในหัวก็มีแต่คำว่าน่ารักเต็มไปหมด

     


    โฮวอน... น่ารัก

     



     

    "ฉันคิดว่า– ฉันชอบนายล่ะ..."

     

     

     

     

    tbc→

    แฟนแคมอันนี้คือที่สุดแล้วสำหรับโมเม้นต์ OT3 นี้ xD
    ฮว๊าก โฮวอนน่ารัก /ทรุด/ หยิบยกรอยยิ้มของโฮยามาพูดถึง โอยเราแพ้อย่างจริงจังมาก lol

    กำลังจะทำร้ายอูฮยอนอีกแล้ว โปรดทำใจกันก่อน ฮา (เราสายเอส เพราะงั้นทำร้ายก็หมายถึงรักนะ หึหึ )
    ถ้าไม่มีโฮวอน พี่ซองกยูก็ไม่รู้ถึงความรู้สึกของการเป็นฝ่ายไปชอบใครหรอกเนอะ~
    รีบลงก่อนที่จะไม่มีเวลาเขียน เพราะเพิ่งเปิดเทอมฮะ ㅠ ㅠ

    ยืนยันว่าเรื่องนี้คืออูกยู ฮา แต่จะใช้เวลาหน่อย ไว้จะเอาวันช็อตมาเซ่นนะฮะ lol
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×