คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : 7 | swigs of beer for you and me
7 | swigs of beer for you and me
"อีซองยอล ฉันอยากรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากที่ฉันไป เล่ามาให้หมด ทุกรายละเอียด ย้ำว่าละเอียดยิบ"
บรรลัยแล้วไง
"พี่ซองกยูอยู่บนตักฉัน เออ ไม่ทำอะไรหรอก เล่ามา"
"อูฮยอน–"
อูฮยอนปรายตากลับมามองด้วยตาดุๆ ทำเอาคนบนตักสะดุ้งแล้วห้อยหัวลงอย่างหมดหนทาง บทนัมอูฮยอนจะจริงจังขึ้นมาก็คงไม่มีการประนีประนอมกันแล้ว ป่วยการจะขัดขืนหรือหากทักท้วงอีกเท่าไหร่ก็รังแต่จะทำให้อีกฝ่ายยิ่งอารมณ์ขึ้น
'ฉันแค่ถามว่าพี่ซองกยูอยู่ไหน ไอ้ที่อยู่บนตักน่ะไม่ต้องก็ได้โว้ย ไม่ได้อยากรู้ละเอียดขนาดนั้น!'
อูฮยอนลอบยิ้มแล้วเอียงศรีษะไปข้างๆเล็กน้อยเมื่อดูเหมือนว่าคนอายุมากกว่ายอมแพ้ ซองกยูโน้มหน้าผากลงไปแนบกับไหล่อีกฝ่ายแล้วถอนหายใจเฮือก
'คือก็เข้าใจอยู่หรอกนะว่าถามฉันคงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่อยากรู้แบบละเอียดเลยเหรอวะ?'
"เขาเป็นยังไง ทำอะไรลงไป พูดอะไรบ้าง บอกมาให้หมด อย่าเกรงใจ"
เมื่อได้ยินคนเด็กกว่าเรียกร้องอยากรู้อะไรเยอะแยะ ซองกยูขู่เสียงต่ำแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น เขารู้สึกเหนื่อยไปทั้งใจทั้งสมอง ราวกับได้ขึ้นโรลเลอร์โคสเตอร์ของอารมณ์ความรู้สึกที่เวียนหัวน่าคลื่นไส้มาทั้งคืนแล้ว ในเมื่อทุกอย่างมันหลุดออกไปจากในกำมือโดยที่เขาหมดอำนาจในความควบคุม เขาก็จะแค่รอดูว่าสุดท้ายแล้วเส้นทางของเขาจะไปจบอยู่ที่ตรงไหน
ซองยอลที่อยู่ปลายสายก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆ โดยมีซองจงนั่งมองด้วยความเป็นห่วง ถ้าอูฮยอนนึกอยากจะขุดเอาทุกอย่างกลับขึ้นมาใหม่ มันก็เป็นเหมือนการรื้อความทรงจำในช่วงที่ซองกยูคงไม่อยากจะย้อนนึกถึงมันนัก ซองยอลชั่งใจอยู่พักหนึ่งแต่ก็คงต้องพูด ถ้าเผื่อว่ามันจะทำให้สิ่งที่อูฮยอนกำลังจะได้ยินฝังเข้าไปในซีรีบรัมว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิดขนาดไหน ซองยอลจะจัดแบบละเอียดให้ก็ได้
"ตอนแรกฉันรู้แค่ที่มยองซูบอกว่านายไปอเมริกา แล้วพอฉันไม่เห็นพี่ซองกยูที่ภาคสองสามวันแล้วถึงได้ตะหงิดๆใจ โทรไปไม่รับ ไปหาถึงบ้านก็ไม่ยอมเปิดประตู ไม่ส่งเสียงตอบให้รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่ ทีนี้โฮวอนรู้เข้าเพราะมยองซูมันปากพล่อย– โอ๊ย!" ซองยอลหัวเกือบทิ่มด้วยแรงมือจากคนที่ถูกพาดพิง ซองจงพยายามกลั้นหัวเราะสุดความสามารถแล้วยกมือขึ้นนวดกระหม่อมให้เบาๆ
"มือหนักชะมัด... เออ โฮวอนมันพังประตูเข้าไป พังเข้าไปเลยนะ! โหย โครตเท่ อย่างกับในหนังแน่ะ แต่พี่ซองกยูไม่ได้อยู่ในบ้าน... คือจะพังประตูห้องนายอีกห้องก็ไม่ดี ก็เลยไปขอกุญแจสำรองมา เราก็เจอเขากับตู้เสื้อผ้าของนายที่แบบ – สภาพดูไม่จืดอ่ะ พอเรียกแล้วเหมือนกับว่าเขามองผ่านเราไปเลย ไม่เห็นว่าเราอยู่ตรงนั้น"
ซองยอลหยุดพักเพื่อที่จะหายใจก่อนจะตัดสินใจเปิดลำโพงแล้ววางมันลงกับโต๊ะ ถึงจะรู้ว่าอูฮยอนคงยังไม่ตอบอะไรกลับมาในตอนนี้
"คำว่า นายไปแล้ว เป็นสิ่งแรกที่ฉันได้ยิน คือยังไงนายก็ทำไม่ถูกว่ะ ถ้านายจะบอกรักเขาแล้วหนีหายไปดื้อๆ..."
"ซองยอล" ซองจงกระซิบแล้วถองสีข้างคนตัวสูงเบาๆเป็นเชิงปราม
"ไอ้ที่เหนื่อยน่ะคนรอบข้าง คือเข้าใจไหมว่าเห็นพี่ซองกยูเป็นแบบนั้นแล้วสปิริตมันหล่นวูบกันหมด ต้องคอยบอกเขาว่าเขาไม่ผิด ว่านายจะกลับมา บางทีอยู่ๆก็ร้องไห้แล้วก็โทษตัวเองอยู่อย่างนั้น ห้องตัวเองก็ไม่กลับนะ... เขาอยู่ในห้องของนาย"
ซองยอลยังจำวันนั้นได้ เขาไปหาอย่างที่ต้องทำประจำแล้วก็เห็นข้าวของของอูฮยอนกระจัดกระจายจากฝีมือของซองกยู อะไรก็ตามที่จะเตือนให้เจ้าตัวได้รู้สึกว่าอีกฝ่ายยังคงเป็นเจ้าของห้องนี้ ว่ายังเหลือสิ่งของมีค่าเหล่านี้ให้กลับมาหา อย่างสมุดโน๊ตเขียนเนื้อเพลงเล่มนั้นที่รองรับน้ำตาของซองกยูไปไม่รู้เท่าไหร่ ผ้าห่มและหมอนที่ซองกยูนอนกอดหลับไปทุกคืน ช่วงเวลานั้นถึงจะรู้ตัวว่ามีอูฮยอนอยู่ในชีวิตเยอะเกินไป และมันว่างเปล่าขนาดไหนในเวลาที่เจ้าของสิ่งของพวกนั้นไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้
"เขาย้อนกลับไปตั้งแต่ศูนย์ คือกำแพงมันสูงกว่าเดิม แต่พี่ซองกยูก็พยายามจูนตัวเองกลับนะ บางทีฉันก็อยู่เป็นเพื่อนเวลาเขาอยากดื่มเงียบๆคนเดียว แต่เราต้องระวังคำพูดตลอด โฮวอนกับอูฮยอนกลายเป็นชื่อต้องห้าม คิดดูสิว่าคนที่เขารักหายไปสองคนในวันเดียวกัน–" ซองยอลว่าแล้วก็ขนลุกน้อยๆเพราะเขาไม่อยากจะย้อนกลับไปนึกถึงช่วงเวลานั้นจริงๆ
"หือ อูฮยอน? เฮ้ย มันวางสายใส่ฉันอ่ะ!"
❧
อูฮยอนหายใจเข้าลึกแล้วลดมือถือลง ปล่อยให้มันกลิ้งออกจากมือ เขารู้สึกถึงใบหูที่ร้อนผ่าวจากเครื่องมือสื่อสารแล้วยกมือขึ้นสางผมด้วยความหงุดหงิดใจ อีกมือที่จับข้อมือของซองกยูไว้ได้ปล่อยตั้งนานแล้วแต่ซองกยูก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน ลมหายใจที่สม่ำเสมอบ่งบอกได้ว่าเจ้าตัวกำลังยอมรับอดีตที่ย้อนกลับมาอีกครั้งอย่างไร้ข้อกังขา อูฮยอนถอนหายใจยาวแล้วหดคอลงพึมพำคำขอโทษซ้ำแล้วซ้ำอีก
ซองกยูกระพริบตาถี่ๆให้กับลมหายใจสั่นๆตรงบริเวณไหล่กับคอของเสื้อเชิ๊ตสีเข้มพร้อมกับน้ำเสียงของอูฮยอนที่ดังออกมาอย่างตะกุกตะกัก ซองกยูส่ายหน้าน้อยๆหรือแค่เป็นการเกลือกหน้าผากบนหัวไหล่ของอีกฝ่ายก่อนจะผลักตัวเองออกเพื่อที่จะก้มลงมองอูฮยอนที่กำลังก้มหน้านิ่ง
"ทีนี้เราหายกันรึยัง?" สุ้มเสียงนุ่มนวลดังชัดเจนแล้วในเวลานี้ที่ไม่มีเสียงรบกวนจากส่วนอื่นของพื้นที่ และอูฮยอนก็ยิ่งอยากร้องไห้
"มันไม่ใช่ความผิดของพี่... ผมไม่น่า–"
ซองกยูกอบใบหน้าของอูฮยอนขึ้นมาแล้วโผเข้ากอดตอบ อ้อมแขนไปรอบลาดไหล่และสางผมสีเข้มด้วยอีกมือ เรื่องนี้โทษใครไม่ได้ อูฮยอนก็มีสิทธิ์ที่จะกลัวและรู้สึกอยากหนีเหมือนอย่างที่เขาเป็น ถ้าจะผิดก็คงผิดกันทั้งคู่ บางที– ซองกยูเคยคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากอูฮยอนสารภาพขึ้นมาจริงๆในวันหนึ่งโดยไม่ใช่วันนั้นและไม่ใช่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ เขานึกสงสัยในปฏิกริยาของตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่มันอาจจะจบลงโดยการที่เขาทำร้ายอูฮยอนต่อไปอีกก็ได้ ไม่มีใครรู้
เวลาผ่านไปแค่ฟังเสียงลมหายใจของกันและกัน ก่อนอากาศที่สงบนิ่งจะถูกทำลายลงเมื่ออูฮยอนดึงแขนของซองกยูออกแล้วเลื่อนมือลงมาจากข้อศอกถึงฝ่ามือคู่สวย จับเอาไว้แบบนั้นแล้วเงยหน้าขึ้นสบตา
"พี่ไม่เคยรู้สึกตัวเลยจริงๆใช่รึเปล่า?"
อูฮยอนรู้สึกถึงมืออีกฝ่ายที่เกร็งขึ้นมาแล้วยิ้มชืด บางทีเขาอาจจะจี้จุดตรงไปหน่อย แต่เขาห้ามตัวเองไม่ได้ ความปรารถนาที่อยากให้ทุกอย่างมันกลับมาเป็นเหมือนเดิม มีแค่คิมซองกยูและนัมอูฮยอน สามปีไม่ใช่เวลาน้อยๆ เกิดอะไรขึ้นมากมายจนอูฮยอนไม่รู้ว่าเขาจะเริ่มจากตรงไหนดี
และซองกยูก็รู้ สัมผัสได้ถึงความพยายามอย่างยิ่งที่อีกฝ่ายอยากจะแก้ไข เขาอาจจะรู้สึกตัวช้าไปซักหน่อย เพราะในเช้าวันนั้น เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะตื่นขึ้นมาพบกับอพาร์ทเมนต์ของอูฮยอนโดยที่ไร้เจ้าของและตู้เสื้อผ้าที่ว่างไปเยอะจนน่าใจหาย คนเด็กกว่ารู้ว่าทุกอย่างมันกำลังจะไม่เหมือนเดิม แต่ก็ยังทำเรื่องโง่ๆลงไปโดยการทิ้งให้เขาจมปลักอยู่กับคำว่า รอ
"รู้อะไรไหม? ฉันว่าเรามีเวลาไม่พอหรอก" ซองกยูพยายามสะบัดมือออกแต่อีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยง่ายๆ เขาจึงทำได้แค่เพียงการโน้มตัวลงพิงอีกฝ่ายและซ่อนใบหน้าตัวเองเหมือนเดิม "ที่นายคิดจะแก้ไขน่ะมันไม่ใช่แค่สามปี แต่เป็นทั้งชีวิตที่เรารู้จักกันมา"
"ก็อาจใช่ พี่คงคิดว่าเราไม่น่าจะมานั่งคุยเรื่องนี้อีกด้วยซ้ำไป"
มือขาวจัดไม่ใช่แค่เกร็ง แต่เริ่มสั่นแล้วในตอนนี้ อูฮยอนก็ทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่าการจับมือให้แน่นขึ้นอีก
"และพี่คงคิดว่า ถ้าเกิดผมพูดออกไปซะ มันอาจจะไม่เป็นแบบนี้ แต่พี่ซองกยู–" อูฮยอนหยุดพูดเมื่อเห็นว่าซองกยูยิ่งก้มหน้างุดแต่ก็ยังพยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงบอกให้พูดต่อ "ไม่ พี่มองตาผมก่อน"
คนอายุน้อยกว่ามองด้วยสายตาอ่อนแสงยามที่ซองกยูต้องหายใจเข้าลึกถึงจะกล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตา
"มันเป็นความเคยชิน พี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเส้นแบ่งของเพื่อนสนิทอยู่ตรงไหน พี่ยังจำที่เราคุยกันตอนนั้นได้ไหม? ตอนที่พี่ถามว่าอะไรคือความรักในมุมมองของผม"
"มันมีหลายแบบ ความรักจากพ่อแม่ ภายในครอบครัว ระหว่างเพื่อนสนิท สหายที่คอยระวังหลังให้กัน แบบคนรัก..." ซองกยูเอ่ยไล่ขึ้นมาทีละอย่าง โดยอูฮยอนก็พยักหน้ารับ
"แต่คำถามไม่ใช่ความแตกต่าง – เป็นความเหมือนกันต่างหาก"
"ความเหมือนกัน?"
"ประเด็นหลักก็คือ ต่อให้ความรักมาถึงผมในรูปแบบไหน ผมก็จะคิดถึงแค่ความเหมือนของมัน และถ่ายทอดมันออกมาเป็นเสียงเพลง"
ซองกยูไล้ปลายนิ้วเล่นที่มุมของหนังสือวรรณกรรมโดยที่ดวงตาก็ยังจับจ้องอยู่ที่ชายหนุ่มตรงหน้า มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆเมื่อเขาคิดว่าอูฮยอนเด็กกว่าเขาแต่กลับเข้าใจสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างดี เผลอๆดีกว่าเขาเสียอีก ยังไงเสียอูฮยอนก็มีประสบการณ์และปฏิสัมพันธ์กับผู้คนมากกว่า ในขณะที่ซองกยูชอบความเงียบและการอยู่กับตัวเองกับหนังสือดีๆสักเล่ม
"อ้อ การชื่นชมในตัวบุคคลก็คล้ายกัน เวลามีใครชื่นชอบสิ่งที่เราทำและเอ่ยปากชม ก็เหมือนกับว่าเราได้รับความรู้สึกเหล่านั้นมาไว้กับตัวเองแล้วส่งผ่านมันไปในรูปแบบอื่นได้ ผมว่าความชื่นชอบหรือความรักในอะไรบางอย่างมันใกล้กันนิดเดียวเอง" อูฮยอนพูดพลางจิบกาแฟร้อนอย่างใจเย็น ดวงตาเหลือบมองซองกยูที่นั่งฟังด้วยความตั้งใจ "และการที่เราเป็นที่รักใคร่ มันต้องดีกว่าถูกเกลียดชังอยู่แล้ว"
"นายเคยรู้สึกว่ามันเยอะเกินไปบ้างรึเปล่า?"
เป็นคำถามที่อูฮยอนไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน เขากดหัวคิ้วและใช้ความคิดอย่างหนัก พยายามเรียบเรียงคำพูดในสมองเพื่อที่จะอธิบายมันออกมาให้ตรงประเด็นและสร้างความเสียหายให้น้อยที่สุด
"ก็มีบ้าง บางทีที่มีใครคาดหวังกับเราสูงเกินไป แต่เราให้ไม่ได้ มันก็ลำบากเหมือนกัน"
"ฉันเคยหวังอะไรจากนายมากไปไหม?" ซองกยูโพล่งขึ้นมาหลังจากเงียบไปซักพัก ร่างโปร่งเกิดลังเลในคำถามของตัวเองขึ้นมาเมื่ออูฮยอนวางแก้วลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าที่เขาอ่านไม่ออก
อูฮยอนเพียงแค่ยิ้มให้(ซองกยูเม้มปากเมื่อเห็นรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงตา)แล้วส่ายหน้า
"ไม่เลย ถ้าเกิดว่ามีฝ่ายไหนที่หวังอะไรมากไป น่าจะเป็นผมมากกว่า"
ตอนนั้นซองกยูไม่เข้าใจความหมายของประโยคนั้น
"พี่คงไม่แน่ใจว่าลึกๆแล้วพี่อยากรู้อะไรกันแน่ พี่อาจจะถามเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่มีกับโฮวอน แต่มันทำให้ผมตระหนักได้ว่าเส้นแบ่งของเรามันบางมากจนอาจจะข้ามไปแล้วโดยไม่รู้ตัว แต่ก็ถอยกลับอยู่เรื่อยจนเป็นเรื่องปกติ ผมเลยหนักแน่นกับตัวเองว่าจะไม่ดึงพี่ให้ข้ามมายืนกับผม มันเห็นแก่ตัว มันไม่ใช่–"
เป้าหมายของคำถามนั้นคืออะไร? อูฮยอนก็ไม่อยากเดาไปพร่ำเพรื่อ แต่ก็เหมือนจะขุดหลุมฝังตัวเองให้ลึกลงไปอีกเพราะมันก็ยังไม่ทำให้อะไรดีขึ้น และเขาก็ทำให้ซองกยูยิ่งสับสน อูฮยอนไม่ปฏิเสธว่าเขาตั้งใจจะไปโดยที่ไม่บอกอีกฝ่ายจริงๆ เขาไม่อยากจะบอกลาหรือพูดคำว่าลาก่อน เขาจะต้องกลับมา แต่เพราะการกระทำแบบไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนี้มันก็ส่งผลกลับมาที่ตัวเองอยู่ดี เขากลายเป็นคนขี้ขลาดทุกครั้งในเรื่องที่เกี่ยวกับคนคนนี้
"นายเก่งกว่านี้นะ" ซองกยูพูดขึ้นมาเรียบๆ ในดวงตาไม่มีแววไหววูบเหมือนเมื่อครู่
"อะไรนะครับ?"
"ฉันบอกว่า – ฉันคิดว่านายเก่งกว่านี้..." ซองกยูหายใจเข้าลึกแล้วยกมือขึ้นตบแก้มคนเด็กกว่าเบาๆสองสามทีราวกับจะเรียกให้นัมอูฮยอนคนเดิมกลับมา อูฮยอนกระพริบตาปริบๆ
"ไม่รู้สิ ผมไม่มั่นใจแล้ว... ตอนนี้ผมแค่คิดว่าถ้าพี่จะให้ผมยืนอยู่ในฐานะอะไรผมก็ยอมทั้งนั้น"
ซองกยูอ้าปากค้างน้อยๆ ก่อนจะขยำคอเสื้อคนตรงหน้าด้วยมือที่สั่นเทา เขารู้สึกถึงเลือดที่ร้อนวูบจากประโยคเพียงประโยคเดียว เขาไม่อยากเล่นเกมนี้ต่อไปแล้ว อูฮยอนหนักแน่นกับตัวเองเกินไป ยอมรับง่ายเกินไป ใส่ใจเขามากเกินไป ถ้าเขาไม่ทำอะไรซักอย่างมันก็จะทำลายเราทั้งคู่
"ยอมอะไรของนาย? หลังสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด นาย–นายจะบอกว่าถ้าฉันอยากให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม นายก็จะยอม!? อย่ากลืนคำพูดของตัวเอง อูฮยอน นายบอกว่าจะเริ่มใหม่! อย่ามาพูดบ้าๆ–"
"งั้นจบมันด้วยคำถามเดียวเลยดีกว่า – พี่คิดยังไงกับผม?"
คิมซองกยูคิดยังไงกับนัมอูฮยอน? มันไม่เวอร์ไปเลยถ้าจะบอกว่าซองกยูนึกหาคำตอบให้กับคำถามนี้มาตลอดสามปี ต่อให้เขาทบทวนนานเท่าไหร่ มันก็ยิ่งชัดเจนขึ้นว่าต่อให้อูฮยอนจะอยู่ในฐานะอะไร ถ้าซองกยูยังให้ความสำคัญคนเด็กกว่ามากที่สุด แล้วมันจะเป็นปัญหาตรงไหนว่าอูฮยอนจะเป็นอะไรในชีวิตเขา ที่เหลือก็แค่ขึ้นอยู่กับความกล้าของเขาแล้ว
ซองกยูมองเข้าไปในแก้วตาสีนิลที่สะท้อนแสงไฟวิบวับแล้วเคี้ยวริมฝีปากอย่างชั่งใจ ก่อนจะเลื่อนทั้งสองมือขึ้นแนบลงบนแก้มของอีกฝ่าย
"ทุกอย่างที่อยู่บนหน้าสุดท้ายของสมุดเล่มนั้น... แสดงให้ฉันเห็น"
ประโยคที่ฟังดูเป็นคำสั่งและสีหน้าจริงจังของซองกยูทำเอาสมองของอูฮยอนลัดวงจรไปชั่วครู่ เขากระพริบตาอย่างเชื่องช้าสองสามครั้งพลางเก็บเกี่ยวสติที่กระจัดกระจายกลับมานึกถึงหน้าสุดท้ายอย่างที่อีกฝ่ายว่า เขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม เพียงแค่ซองกยูพยักหน้า มุมปากของเขาก็ยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
"เดี๋ยว นี่พี่แน่ใจเหรอ?"
"ถ้านายทำไม่ได้ การเริ่มต้นใหม่ของนายก็จะจบอยู่ตรงนี้ล่ะ"
อูฮยอนรู้สึกคิ้วกระตุกที่ได้ยินโทนเสียงเป็นเชิงปลุกปั่นยุแหย่ ดูท่าแอลกอฮอล์จะมีผลต่อผู้ชายคนนี้ในทางที่น่าสนใจมากทีเดียว ซองกยูคิดยังไงนึกท้าทายเขาด้วยหน้าสุดท้ายที่ว่า? รู้ตัวไหมว่ากำลังพาตัวเองไปเจอกับอะไร?
สำเร็จหรือล้มเหลวมันก็ขึ้นอยู่กับเวลานี้ ยังไงเขาก็ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว อูฮยอนกลืนน้ำลายฝืดๆลงคอก่อนจะเลื่อนมือจากเอวขึ้นมาตามแผ่นหลังอย่างอ้อยอิ่งโดยที่ไม่ละสายตาออกจากกัน มือที่กอบใบหน้าของเขาเริ่มสั่นแต่ในเมื่อซองกยูไม่มีทีท่าที่จะยอมแพ้หรือล่าถอยไป อูฮยอนก็จำต้องยิ้มให้กับความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น ปลายนิ้วของเขาลูบด้านหลังต้นคอขาวเบาๆแล้วกระดิกเข้าไปในกลุ่มผมละเอียด อูฮยอนโน้มศรีษะของซองกยูที่เผลอกลั้นหายใจเข้ามาจนริมฝีปากเกือบจะสัมผัส นิ่งอยู่อย่างนั้นเป็นการหยั่งเชิงก่อนที่อูฮยอนจะกระซิบหนึ่งประโยคของเนื้อเพลงที่อยู่บนกระดาษหน้าสุดท้ายนั้นด้วยสุ้มเสียงกดต่ำจนออกมาสั่นน้อยๆ ส่งประกายไฟแล่นผ่านไขสันหลังของซองกยูอย่างที่แทบจะไม่ต้องพยายาม
"You want love? We'll make it."
tbc→
ฟิคเรื่องนี้เรทติ้งสูงสุดแค่ pg-15 เพราะงั้นอย่าคิดไกลฮะ~ อย่าคิดไกล~ ฮา
แต่เพลงนี้ของคุณ John Mayer มันอีโรติกได้ซอร์ฟและโรแมนติกมาก ขอมอบให้กับคิมซองกยู แอร๊ย (〃∇〃)
เหมือนว่าฟีลของเรื่องนี้มันเป็นยังกับโรลเลอร์โคสเตอร์จริงๆ... เขียนเองก็มึนเอง @_@ แต่คงไม่มีดราม่าแล้วล่ะฮะ ดีใจไหม lol
ที่เขียนสะสมมาเรื่อยๆก็ถึงแค่ตอนนี้ เพราะงั้นคงมีเว้นช่วงยาว orz แต่ก็เขียนอูกยูชั่ววูบไร้สาระมาให้อ่านเล่นไปก่อนน้า
( ≖ ‿ ≖ )づ forty-eight ways that shape (and mess up) sunggyu's life
(วันนี้แจ็คพ็อตคลาสแคนเซิลเลยมาเข็นต่อให้จบตอนนี้ไปเลยฮะ xD)
ความคิดเห็น