ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [infinite|woogyu] two shots of spirits, the flavor of us.

    ลำดับตอนที่ #11 : five | "selfless"

    • อัปเดตล่าสุด 7 ส.ค. 58


     

    5th memory |
    "
    selfless"

     



    Bon Jovi - Always (lyrics)

     

     

    Selfless |ˈselfləs|
    adjective
    concerned more with the needs and wishes of others than with one's own; unselfish
    ซึ่งไม่เห็นแก่ตัว,ไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว,ไม่คำนึงถึงตัวเอง

     

     

     

     

    คอนเซ็ปของความรักในแบบของนัมอูฮยอนก็คือ ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข

    จะไปตั้งเงื่อนไขได้ยังไง? ในเมื่อมีโอกาส(ที่จะมอง)แต่ไม่มีสิทธิ์(ที่จะเป็นเจ้าของ)

    มยองซูถึงกับเคยแปะกระดาษเอาไว้บนล็อกเกอร์ของเขาว่า 'hey look, i am probably the most selfless guy you've ever known.'

    แต่ถึงให้คนอื่นรู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาไม่ได้เป็นแบบนี้กับใครที่ไหนอีก เพราะคนอื่นไม่ใช่คิมซองกยู


     

     

    "นายคิดดีแล้วจริงๆนะ?"

     

    คิมมยองซูก็เป็นมนุษย์ที่น่าสับสนไม่น้อย มันอะไรกันกับการคะยั้นคะยอให้เขาใจกล้าป่าวประกาศความรู้สึกที่มีให้กับผู้ชายคนนึงที่มีเจ้าของแล้วให้โลกรู้หรือไม่ก็ยุให้ตัดใจ อย่างกับเป็นคนเกิดมาเพื่อที่จะสร้างความบาดหมางในความสัมพันธ์คนอื่นโดยเฉพาะ แต่ในตอนนี้กลับตั้งคำถามให้กับการตัดสินใจของเขาที่จะจบทุกอย่างลงเสียที

     


    "ดีแล้ว โอกาสแบบนี้คงไม่มีอีกแล้วน่า"
     

     

    "และนายก็คิดจะหิ้วไอ้ที่มันถ่วงอยู่ในใจทั้งหมดไปจมปลักด้วย?"


     

    "ไม่แน่เจอสาวฝรั่งอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้"
     

     

    มยองซูหัวเราะเยาะขึ้นมาอย่างไม่ปิดบังและอูฮยอนก็นึกอยากจะเตะเพื่อนออกไปให้พ้นจากสตูดิโอซักที


     

    "กลับไปนอน หรือจะไปทำอะไรก็ไป คุยกับนายแล้วปวดหัว"


     

    "ที่ฉันมารบกวนนายอยู่ตอนนี้ก็เพราะขี้เกียจกลับไปแล้วเจอหน้าซองยอล โผล่มาได้ทุกวัน ขโมยของกินจนเกือบเกลี้ยงแต่ซองจงไม่บ่นเลยซักคำ อะไรวะ" มยองซูพูดไปก็กดนิ้วลงบนเกม RPG ในมือถืออย่างรัวเร็วตามระดับความโปร "บางทีฉันไปสร้างความบาดหมางให้สองคนนั้นบ้างก็ดี"



     

    เออ มันก็รู้ตัวแฮะ


     

     

    "แต่ที่นายกำลังทำอยู่ตอนนี้มันดีแล้วเหรอ?"

     

    อูฮยอนเหลือบมองเพื่อนจากหางตาแล้วก็นึกสงสัยว่ามันแยกประสาทได้ยังไง เล่นเกมไป คุยเรื่องปวดหัวกับเขาไป "ฉันทำอะไร?"

     

    "จะพูดยังไงดี... นายไม่พูดมาก ไม่แหย่พี่ซองกยูเหมือนแต่ก่อน เขาน่าจะเหงานะเว้ย ไม่มีคนปะทะฝีปากด้วย โฮวอนยิ่งไม่ใช่แนวกวนตี–"

     

    เม้าส์ลอยหวือเข้าปะทะกับหน้าผากคนพูดเน้นๆ ถ้าไม่เกรงใจและเสียดายของ อูฮยอนคงโยนคีย์บอร์ดใส่หน้าไปแล้ว

     

    "ฟัค! เกมโอเวอร์..."

     

    "ไป เข้ามาทางไหนก็โปรดออกไปทางนั้นนั่นแหละ"

     

    มยองซูยอมฟังเพื่อนซักครั้งแล้วหุบปาก แต่ก็ไม่คิดจะขยับไปไหนก่อนจะถามขึ้น


     

    "คืนนี้ไปดื่มกันมั้ย? ไม่ได้ไปนานแล้ว"

     

    "ไม่ได้ คืนวันพฤหัสเป็นวันดูหนังกับพี่ซองกยู"

     

    นั่นปะไร มยองซูหงุดหงิดมันตรงไหนรู้มั้ย? นอกจากจะทนมองคนที่รักอยู่กับคนอื่นแล้ว มันก็ยังไม่ยอมถอนตัว มีแต่จะถลำลงไปลึกกว่าเดิมเท่านั้น ถึงแม้จะเป็นกิจวัตรประจำวันที่เกิดขึ้นมานานของสองคนนี้ก็ตาม แต่ในเมื่ออูฮยอนไม่คิดที่จะพยายาม เพื่อนหัวดื้อคนนี้ก็คงต้องอยู่กับรักข้างเดียวตลอดไปแน่ๆ


     

    "ไม่เป็นไรน่า ไปดินเนอร์กับเพื่อนฝูงหน่อยเป็นไง ฉันจะได้ชวนซองจง – ที่คงจะชวนซองยอล" มยองซูเบ้ปากยามที่ต้องเอ่ยชื่อของคนตัวสูงที่ตามจีบรูมเมทของเขาได้น่ารำคาญมาก ไม่อยากจะบอก "ไปกินข้าวกัน แล้วค่อยกลับไปก็ยังทันใช่มั้ย?"

     

    อูฮยอนนั่งคิด ไตร่ตรองปัญหาอยู่ซักพัก เมื่อเห็นว่าไม่น่าจะมีอะไรเสียหายก็ถึงจะพยักหน้ารับ

     

     

    ~

     

     

    คอนเซ็ปของความรักในแบบของอีโฮวอนก็คือ ความรักที่มีการให้และรับ

    เขาเชื่อว่าเวลาที่คนเรารักใคร มันจะมีแรงอะไรบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกอยากจะทำอะไรให้คนคนนั้น

    เพราะงั้นเขาก็จะให้ตามที่หัวใจบอก และเขาก็เชื่อว่าถ้าเราให้ไปมากพอ อีกฝ่ายก็จะรู้สึกถึงมันและตอบแทนอย่างแน่นอน

    เขาชอบเห็นดวงตาน้อยๆที่แทบจะหายไปและโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว เขาอยากจะทำให้ซองกยูยิ้มไปตลอด

     


     

    "ใครส่งข้อความมาเหรอ?"


     

    ซองกยูเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอมือถือเพียงครู่เดียวแล้วก้มหน้าลงไปสนใจมันต่อ "อูฮยอนน่ะ บอกว่าจะกินข้างนอก"


     

    "ต้องรายงานด้วยเหรอเนี่ย?"


     

    "ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่ก็บอกเผื่อไว้ เป็นแบบนี้นานแล้ว" เขาส่งข้อความตอบกลับสั้นๆ พูดไปยิ้มไปจนโฮวอนต้องเลิกคิ้ว


     

    โฮวอนได้รู้ว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ ทำอะไรก็ไม่เคยกันอีกฝ่ายออกไปจากชีวิตเลย สนิทกันเหมือนกับเป็นพี่น้องหรืออาจจะมากกว่านั้นที่ยังไงก็ต้องมีกันและกันอยู่ในชีวิต เขาสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่ซองกยูมีให้คนอายุน้อยกว่า เหมือนจะคอยดูแลกันมาตลอดและไม่อาจจะหยุดการกระทำอันคุ้นชินแบบนี้ได้
     

    โฮวอนพูดไม่ได้ว่าเขาอิจฉา เพราะเขาไม่ได้รู้สึกว่าอูฮยอนจะแย่งซองกยูไปหรืออะไร มันแค่มีแรงกระตุกเล็กๆทุกทีที่ซองกยูทำอะไรเล็กๆน้อยๆอย่างการยิ้มให้กับข้อความของอีกฝ่าย ไม่ว่าใจความของข้อความนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม
     

    ใช่ มันคือสายสัมพันธ์ที่บางเบาแต่จะให้ทำยังไง ก็คงไม่มีใครตัดให้ขาดได้

     


    "โฮวอน"

     

    "หือ?"

     

    "เราไปกินที่เดิมกันมั้ย? เลยวันครบรอบหกเดือนมานิดนึง แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกเนอะ"

     

    ซองกยูว่าแล้วก็ยิ้มกว้าง มันเป็นรอยยิ้มที่เขาชอบและมันก็ทำให้เขาลืมไปว่าเมื่อกี้เขากำลังคิดถึงเรื่องอะไรอยู่ รู้สึกตัวอีกที ซองกยูก็จับมือเขาแล้วเหวี่ยงไปมาราวกับเป็นเด็ก เดินเคียงกันไปในอากาศสบายๆยามเย็นของปลายฤดูร้อน
     

    ถ้าจะถามว่าทำไมโฮวอนไม่เคยพูดถึงเรื่องที่รบกวนใจนี้กับซองกยู ก็คงเป็นเพราะเขาไม่ได้เป็นแต่ฝ่ายให้ซะทีเดียว เวลาซองกยูให้อะไรกับเขา แม้จะเป็นเพียงการกระทำเล็กน้อยอย่างการจับมือเขาก่อน โฮวอนก็รู้สึกอุ่นวาบไปทั้งใจ
     

    เวลาพลบค่ำผ่านไปแบบเรียบง่ายของคู่รักที่ธรรมดา โฮวอนดูนาฬิกาแล้วชั่งใจ เกือบหนึ่งทุ่มแล้ว โดยปกติเขาก็คงไปส่งซองกยูกลับอพาร์ทเมนต์ แต่เขากลับไม่อยากจะปล่อยให้เวลามันผ่านไปแบบนี้ เขานึกอยากจะลองเดินไปในทางที่แปลกไปจากเดิม


     

    "พี่ซองกยู หลังจากนี้ว่างรึเปล่า?"

     

    "นายหมายถึง–" ซองกยูหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลาแล้วก็เหลือบตาขึ้นด้วยรอยยิ้มเล็กๆ "ขอโทษนะ ดูท่าฉันต้องกลับบ้าน"

     

    "ทำไมล่ะครับ?"

     

    "คืนนี้เป็นคืนดูหนัง–" ซองกยูหยุดไปพักหนึ่งเพื่อที่จะเก็บมือถือ เงยหน้ากลับขึ้นมามองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยแววตาที่เป็นเชิงขอโทษ "กับอูฮยอน"

     

    โฮวอนไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงคิดจะทำอะไรที่เขาไม่เคยทำมาก่อน หรือเป็นเพราะว่าเขาอยากทดสอบอะไรบางอย่าง ถ้าหากคิดเผื่อถึงสถานการณ์ที่ร้ายแรงที่สุด มันเป็นอะไรที่อาจจะต่อยอดไปถึงผลลัพธ์ที่อัปลักษณ์ก็เป็นได้ แต่เขาก็ยังดึงดันที่จะลอง

     

    "แต่พี่ซองกยู– คือพ่อกับแม่ผมมาเยี่ยมเมื่อวาน ผมเลยจะชวนพี่ไปหาท่าน"

     

    นี่คือถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความเท็จประโยคแรกที่โฮวอนพูดกับซองกยู

     

    "นายน่าจะบอกฉันตั้งแต่เมื่อวาน..."

     

    "ทำไมล่ะ? พี่ก็ยังคิดจะกลับไปหาอูฮยอนงั้นเหรอครับ?"

     

    "โฮวอน– ฟังฉันนะ นายอาจจะไม่เข้าใจ แต่ฉัน–"


     

    โฮวอนเหมือนจะเข้าใจแล้ว ถ้าหากเขาสามารถแยกส่วนประกอบชีวิตของคนออกมาได้ ในชีวิตของคิมซองกยูก็จะมีนัมอูฮยอนอยู่แล้วตั้งแต่ต้น และต่อไปก็เป็นชื่ออีโฮวอนที่ถูกเพิ่มเข้ามา ถ้าเกิดว่าจะต้องลบชื่อของใครซักคนไป มันชัดเจนเดี๋ยวนี้แล้วว่านัมอูฮยอนถูกเขียนเอาไว้ด้วยปากกาหมึกถาวรที่ไม่มีทางถูกลบออกไปได้ แต่อีโฮวอนที่ถูกเขียนเพิ่มเข้ามา ก็อาจจะหายไปเมื่อไหร่ก็ได้ เป็นที่สองอย่างไม่ต้องมีคำอธิบายใดๆ


     

    "ฉันไม่ชอบเป็นฝ่ายผิดนัดจริงๆนะ... นายรู้ไม่ใช่เหรอว่าคืนวันพฤหัส–"


     

    โฮวอนผ่อนลมหายใจยาวแล้วยกมือขึ้นมาตรงหน้าเป็นเชิงบอกให้ซองกยูหยุดพูด เขารู้สึกความหนักอึ้งในอกที่มันขวางกั้นลำคอ แต่เขาก็พยายามเค้นเสียงให้ออก ถึงแม้มันจะออกมาฝืนและสั่นและ– เขานึกรังเกียจที่เสียงของตัวเองมันออกมากระจัดกระจายและแตกหัก ไร้ซึ่งการควบคุม


     

    "พี่ซองกยู แค่ผมคนเดียวคงไม่พอสำหรับพี่ใช่ไหม?"

     

    "นายพูดอะไร– โฮวอน?"


     

    ซองกยูเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าที่ลุกขึ้นยืนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความงุนงง แต่โฮวอนก็ไม่คิดที่จะทวนคำถามอีกครั้ง เขาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพูดต่อ


     

    "ผมไม่ใช่คนเดียวของพี่ ในขณะที่ผมหวัง – ใช่ ผมหวัง – ว่าผมจะเป็นเพียงคนเดียวของพี่ ไม่มีคนอื่น ไม่มีใครนอกเหนือจากผม แต่พี่เข้าใจไหมว่าตอนนี้ผมรู้สึกว่ากำลังแชร์พี่กับอูฮยอน"

     

    ซองกยูได้แต่มองคนเด็กกว่าด้วยตาที่คั่งค้าง "โฮวอน..."

     

    "ผมรู้– พี่บอกผมเองว่าอูฮยอนเป็นเพื่อนที่อยู่กับพี่มาตลอด จะให้ละเลยก็ไม่ได้ ผมเข้าใจ– ผมบังคับพี่ในเรื่องนี้ไม่ได้ ผมแตะต้องเรื่องส่วนนี้ไม่ได้ ผมทำอะไรไม่ได้– เหมือนกับว่าผมให้ไปเท่าไหร่ ยังไงมันก็คงไม่พอ เพราะพี่ยังคงก้าวถอยออกไปจากผม– แค่ผมคงไม่พอ..."


     

    และมันก็กำลังกัดกินเขาจากข้างใน


     

    "พี่ซองกยู ผมเข้าใจแล้ว– ผมรู้แล้วว่าพี่ไม่ใช่ของผมคนเดียว"

     


    โฮวอนผ่อนลมหายใจยาวเมื่อเขาระบายความอัดอั้นทั้งหมดออกมาแล้วหันหลังเดินตรงไปยังแคชเชียร์ เขาวางค่าอาหารลงอย่างไม่สนใจที่จะรอเงินทอน ประตูไม้ของร้านอาหารอบอุ่นส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งเมื่อมันถูกผลักออก และซองกยูก็รู้สึกมือที่สั่นเทา เขากระพริบตาช้าๆมองผ้าปูโต๊ะอยู่พักหนึ่งก่อนจะรู้สึกตัว ผุดลุกขึ้นวิ่งออกไป หัวใจเขาเต้นรัวเร็ว หวังว่าจะสามารถตามโฮวอนทัน


     

    "โฮวอน!" ซองกยูร้องเรียกร่างที่กำลังเดินห่างออกไปและไม่มีทีท่าว่าจะหันกลับมา เขาทำได้เพียงอย่างเดียวก็คือการวิ่งตามไปดักข้างหน้า โฮวอนไม่คิดจะวิ่งหนี เหมือนกับว่าชายหนุ่มไม่อยากจะวิ่งตามอะไรแล้ว
     

    "คือ– ฉันขอโทษ แต่ฉันไม่รู้จะทำยังไง ถ้า– ถ้านายอยากให้ฉันยกเลิก–"

     

    ปลายนิ้วชี้ทาบลงบนริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบา โฮวอนยิ้มฝืนๆแล้วส่ายหน้า

     

    "ผมว่าถึงพี่จะทำแบบนั้น มันก็ยังไม่เปลี่ยนอะไร– พี่ยังไม่สามารถก้าวเข้าหาผมอย่างเต็มฝ่าเท้าได้อยู่ดี"

     

    "ฉันขอโทษ ถ้านายไม่ชอบ ฉัน– ฉันอาจจะทำอะไรเกี่ยวกับมันให้นาย–"
     


     

    ไม่ ซองกยูไม่ได้อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ไม่ใช่กับโฮวอน ไม่ใช่เหตุการณ์แบบนี้ที่อีกฝ่ายกำลังจะเดินจากเขาไป ไม่ใช่กับโฮวอนที่เขากำลังพยายาม– มืออบอุ่นดึงร่างโปร่งเข้ามาในอ้อมแขน ซองกยูรู้สึกใจชื้นขึ้นแล้วยกมือสั่นๆขึ้นโอบรอบเอวของคนตรงหน้า แต่แล้วสิ่งที่ถูกกระซิบชิดใบหูก็ทำให้เขาเข่าอ่อน
     


     

    "อย่าตามผมมาเลย ผมจะปล่อยพี่ไปนะครับ"

     

     

    มันไม่ใช่แค่เพื่อซองกยู โฮวอนทำเพื่อตัวเขาเองด้วย ถ้าเขาเกิดใจอ่อนเพียงนิด เขาอาจจะปล่อยซองกยูไปอย่างที่ตั้งใจทำไม่ได้ ตลอดเวลาที่ใช้ด้วยกันมาก็พอที่จะทำให้โฮวอนรู้ว่าซองกยูเป็นคนรักที่ดี ถึงแม้คนอายุมากกว่ามีความวิตกกังวลในเรื่องของความสัมพันธ์ เขาก็พยายามจะให้เท่าที่จะทำไหว แต่เขาคิดว่าการตัดสินใจนี้มันดีที่สุดแล้ว เพราะสิ่งที่เขาเอาไปเสี่ยงก็คือหัวใจของเขาเอง จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากเขาจะต้องเป็นที่สองตลอดไป? โฮวอนย้ำตัวเองอยู่อย่างนั้นในขณะที่เขาก้าวขาไปข้างหน้าเรื่อยๆ กลืนก้อนขมๆลงคอพลางย้ำกับตัวเองและหวังว่ามันจะไปถึงคนที่เขาเดินจากมาด้วย


     

    ไม่เป็นไร พี่ซองกยู เราจะเจ็บกันแค่นิดเดียว เดี๋ยวก็หาย

     

     

    ~

     

     

    สองทุ่ม

     

    สามทุ่ม

     

    สี่ทุ่ม... ก็ยังคงไม่มีวี่แววของคิมซองกยู

     

     

    อูฮยอนนั่งกระสับกระส่ายมาตั้งแต่หัวค่ำ สองมือนั้นชื้นเหงื่อจากการกำโทรศัพท์มือถือแน่น เขาปรายตาไปยังหน้าประตูห้องรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ นึกเป็นห่วงอีกฝ่ายจับใจ ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ โทรไปก็ไม่รับสาย เขานึกเผื่อไปต่างๆนาๆแล้วว่าไปลืมมือถือที่ไหนหรือเปล่า หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่การที่ติดต่อได้แต่ไม่มีคนรับมันก็แปลกเกินไป เกือบจะเหมือนว่าจงใจไม่รับ ทำให้เขาเคลือบแคลงใจไปกับข้อสันนิษฐานก่อนหน้านี้
     

    สุดท้ายแล้วเขาก็ทนไม่ไหว สี่ทุ่มแล้วแต่ไม่มีร่องรอยของอีกฝ่ายแม้แต่นิดเดียว อูฮยอนหยิบเสื้อแจ็คเก็ตแล้วรุดออกไปจากห้อง ยกมือถือขึ้นแนบหูอีกครั้งในขณะที่ไม่ผ่อนฝีเท้าที่แตะลงบนฟุตบาท ร่างโปร่งสั่นน้อยๆจากลมเย็นตอนกลางคืนที่พัดพามา คืนนี้เมฆเยอะจนมองไม่เห็นพระจันทร์ อูฮยอนก่นด่าตัวเองที่คิดถึงแต่อะไรที่แย่ๆ ทำให้ตัวเองยิ่งกังวลเข้าไปอีก
     

    อูฮยอนนึกถึงทางเลือกสุดท้ายแล้วก็ต้องถอนหายใจ ในตอนนี้ เขาจะเอาแต่คิดหลีกเลี่ยงปัญหาไม่ได้ ยังไงก็จะต้องหาซองกยูให้เจอ ให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายปลอดภัยดี ถ้าคิดจะยกเลิกนัดกับเขาแล้วอยู่กับโฮวอน อย่างน้อยๆ ซองกยูก็จะส่งข้อความหรือโทรมาบอกซักหน่อย เขาคิดแล้วก็ลองโทรอีกซักรอบ
     

    ระหว่างที่รอด้วยความหวั่นใจ อูฮยอนก็ยังเดินต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย เขาลองนึกถึงความน่าจะเป็นของสถานที่ๆอีกฝ่ายไป ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเป็นห่วง จากเสียงฟ้าร้องแผ่วๆเมื่อกี้ก็ดูเหมือนว่าฝนจะตก


     

    ติดแล้ว!

     

     

    'ขอ– ขอโทษ ฮึก...'

     

     

    อูฮยอนกลั้นหายใจ ทั้งร่างชาวาบทันทีที่ได้ยินเสียงอันสั่นเทาและแตกระแหงผ่านคลื่นโทรศัพท์ ทำไมเสียงถึงเป็นแบบนั้น? ขอโทษทำไม? หรือว่าเผลอกดรับ? ทำไม– ร้องไห้?

     

    "พี่ซองกยู... พี่ซองกยู!"

     

    สายถูกตัดไปหลังจากนั้น เขาไม่ได้อะไรไปมากกว่าการที่ซองกยูกำลังร้องไห้และได้ยินเสียงฝนตกพรำๆ ในขณะที่แถวนี้ก็กำลังจะตกแล้ว อูฮยอนเม้มปากแน่นแล้วทุ่มเอาความหวังทั้งหมดไปในการตัดสินใจ เขาตรงไปยังย่านเดินเล่นที่อยู่ไม่ไกลนัก ซึ่งเป็นที่ๆอีกฝ่ายอยู่ในช่วงเย็นที่ส่งข้อความคุยกัน หัวใจเขาเต้นรัวและออกวิ่งอย่างสุดกำลัง เมื่อฝนเริ่มตก เขาก็ถอดเสื้อแจ็คเก็ตขึ้นมาบังแต่ก็ยังวิ่งหาต่อไปจนกระทั่งถึงบริเวณที่ฝนเทกระหน่ำ พยายามกวาดสายตาผ่านสายฝนและผู้คนบางตาอย่างสุดความสามารถ คาดหวังและภาวนาให้เจอคนที่กำลังหา


     

    "ขอร้องล่ะ..." เสียงของเขาออกมาแหบแห้ง


     

    เสื้อฮู้ทสีเขียวมินท์ที่ดูคุ้นเคยปรากฏในสายตา โดยผู้ที่ใส่อยู่นั่งกอดเข่าอยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารขนาดย่อมที่ซองกยูชอบเอาซะมากๆ แค่นั้นอูฮยอนก็ไม่ลังเลอีกต่อไป

     

     

    "พี่ซองกยู!"

     

     

    ศรีษะที่ถูกคลุมด้วยฮู้ทเปียกโชกเงยขึ้นมาช้าๆ ผมหน้าสีคาราเมลดูอ่อนนุ่มยิ่งทำให้เขามั่นใจ แต่แล้วดวงตาที่เห็นก็ทำให้อูฮยอนรู้สึกว่าหัวใจเขากำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ ถึงแม้ฝนจะตกหนักจนวิสัยทัศน์พร่ามัว ดวงตาที่แดงก่ำก็บ่งบอกได้ว่าอีกฝ่ายร้องไห้หนักแค่ไหน – เสียใจแค่ไหน เจ็บปวดแค่ไหน – อูฮยอนรุดเข้าไปโถมตัวลงกอดแน่นด้วยความโล่งใจที่หาเจอในที่สุด


     

    "ให้ตายสิ... ผม– ผมเป็นห่วงมากรู้มั้ย?"

     

    "ขอโทษ– ฉันขอโทษ..."


     

    อูฮยอนค่อยๆประคองให้คนที่สะอื้นฮักลุกขึ้นมาแล้วดึงเข้าไปใต้กันสาดในตรอกที่ใกล้ที่สุด แต่เขายังไม่ทันได้ทำอะไรซองกยูก็โผเข้ากอดจนเขาผงะถอยไปปะทะกับผนังอิฐ ซองกยูตัวสั่นไปหมดจนอูฮยอนไม่กล้าแม้แต่จะวางมือลงไป เขากลัวว่าถ้าแตะแล้วอีกฝ่ายจะยิ่งแตกสลายมากกว่าเดิม


     

    "อูฮยอนอูฮยอน..."

     

    "ผมอยู่นี่แล้ว..."

     

    "โฮวอน–"

     

    "โฮวอน... มันทำอะไร!?"


     

    เขาเสียความควบคุมตัวเองทันทีที่ชื่อของโฮวอนหลุดออกมาด้วยเสียงอันสั่นเทา อูฮยอนจับไหล่ของคนอายุมากกว่าแน่นแล้วดึงตัวออก มองเข้าไปลึกในดวงตาแวววาวจากหยดน้ำที่ไหววูบ ริมฝีปากบางสั่นระริก ในตอนนี้สมองของอูฮยอนกำลังทำงานอย่างหนัก เขาคิดล่วงหน้าว่าถ้าหากโฮวอนกล้าที่จะนอกใจ–


     

    "ไปแล้ว... เขา– เขาไปแล้ว"

     




    Now I can't sing a love song 
    Like the way it's meant to be

    Well, I guess I'm not that good anymore 
    But baby, that's just me 





    อูฮยอนนิ่งชะงักยามที่ซองกยูคว้าที่ต้นแขนแล้วฝังใบหน้าลงกับหัวไหล่ของเขาที่ชื้นด้วยน้ำฝนและอาจจะด้วยน้ำตา เขาหายใจเข้าออกลึกสองสามทีก่อนค่อยๆทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพร้อมกับตระกองกอดอีกคนให้ลงมาด้วยกันเพราะดูท่าซองกยูกำลังจะยืนไม่อยู่ เมื่อซองกยูปล่อยขาตัวเองให้นั่งแปะลงกับพื้นแฉะๆอย่างอ่อนแรง ก้อนสะอื้นก็รุดขึ้นมาในลำคออีกรอบ


     

    "ทำไม– เขาผิดหวัง... ผิดหวังในตัวฉัน ฮึก ทั้งๆที่ฉันกำลังพยายาม– จริงๆนะ..."

     

    "ชู่ว..."


     

    อูฮยอนกดจมูกลงบนเรือนผมชื้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นพิงศรีษะกับอิฐแข็ง เขาสบถใต้ลมหายใจตัวเองเบาๆหลังจากดันให้อีกฝ่ายร้องไห้ลงกับไหล่ของเขา โฮวอนทำแบบนี้ได้ยังไง? แค่คิดว่าความสุขของซองกยูตอนที่อยู่กับโฮวอนอย่างที่เขาเฝ้ามองมาตลอดถูกกระชากออกไปอย่างที่เจ้าตัวไม่ทันได้คาดคิด เขารู้สึกผิดหวังมาก ไม่นึกเลยว่าอีโฮวอนจะขี้ขลาด


     

    "อีกแล้ว– อูฮยอน... ฉันพยายามนะ– แต่– แต่ไม่เอาแล้ว..."

     

     

    คำพูดที่ติดขัด เสียงสะอื้นฮัก ลมหายใจที่ขาดห้วง ร่างกายที่สั่นสะท้าน อูฮยอนหลับตาลงพลางพยายามกลั้นน้ำตาที่มันรื้นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เขาไม่เคยเห็นซองกยูเป็นแบบนี้ ไม่เคยอยากเห็นเลยด้วยซ้ำ


     

    "อูฮยอน..."

     

    เขาพยักหน้ารับน้ำเสียงอู้อี้ที่ดังอยู่ตรงหัวไหล่ ถึงแม้รอบข้างฝนจะยังคงโปรยปรายแต่เขากลับรู้สึกถึงลมหายใจและจังหวะเต้นของหัวใจของซองกยูอย่างชัดเจน จากที่มันเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ มันแผ่วเบาลง – สงบลง – และอูฮยอนก็เผลอกลั้นหายใจ

     

     

    "อย่าทิ้งฉันไปนะ"

     

     

     

    What I'd give to run my fingers through your hair 
    To touch your lips, to hold you near 
    When you say your prayers try to understand 
    I've made mistakes, I'm just a man

     

     

     

    อูฮยอนยกมือขึ้นบังสายตาและปล่อยให้น้ำตามันไหลลงมาอย่างเกินกำลังที่จะเก็บมันเอาไว้อีก เขากัดฟันกรอดและในขณะที่สมองกำลังเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง เขาเลื่อนฝ่ามือที่ลูบเรือนผมสีเปลือกไม้อยู่เมื่อครู่ลงมาถึงต้นคอชื้นๆ ลากปลายนิ้วมาถึงกรามก่อนจะเชยคางซองกยูขึ้นเบาๆด้วยนิ้วโป้ง


    อะไรบางอย่างบอกเขาว่า ถ้าหากเขาไม่ทำแบบนี้ เขาจะเสียดายไปตลอดชีวิต

     

     

    "อูฮยอน–"

     

     

    และเขาก็โน้มใบหน้าเข้าแนบริมฝีปากอันเย็นเยียบเข้ากับอีกฝ่ายที่ไม่ต่างกัน

     

    มันเป็นสิ่งที่เขาใฝ่ฝันมาตลอด มันอยู่ในความฝันของเขา – ความหวัง – ทุกๆวินาทีที่สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากคู่นี้ – สัมผัสเป็นยังไง? – เขากระชับมือที่อยู่บนท้ายทอยของซองกยูแล้วกดริมฝีปากเข้าไปอีกนิด สัมผัสสากของริมฝีปากที่แตกน้อยๆแต่นุ่มเหมือนกำมะหยี่และ – หากเขาแยกริมฝีปากออกแบบนี้ อีกฝ่ายจะตอบรับยังไง? – เขาเอียงศรีษะอย่างเชื่องช้า แยกริมฝีปากน้อยๆแล้วกดจูบลงไปอีกครั้ง แค่ลิ้มรสกันและกัน – รสชาดยังไง? – ได้กลิ่นน้ำฝน เขากดปลายลิ้นผ่านริมฝีปากบางเข้าไปลิ้มรสชาดของโคล่าบนเนื้ออ่อนนุ่ม และเขาได้กลิ่นของเบียร์ที่เขาดื่มเข้าไปก่อนหน้านี้


    อูฮยอนได้สติขึ้นมาทันทีที่เขารู้สึกถึงมือเย็นๆของซองกยูที่ประสานอยู่หลังต้นคอ และริมฝีปากคู่นั้นที่ตอบรับสัมผัสลึกของเขาอย่างอ่อนโยนก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายผละออกอย่างระมัดระวัง


     

    ไม่มีฝ่ายไหนตระหนักถึงบรรยากาศรอบข้างที่เงียบสงบลง เหลือเพียงเสียงของหยดน้ำฝนที่ตกลงมาจากยอดใบไม้ลงกระทบกับแอ่งน้ำบนพื้นซีเมนต์ ใบหน้าใกล้กันจนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อน – กลิ่นเบียร์จากเขา – เขาหลุบตามองริมฝีปากแดงจัดที่เผยอออกหอบหายใจเบาๆและดูนุ่มนวลมันวาวและสมบูรณ์แบบ




     

    When he holds you close, when he pulls you near 
    When he says the words you've been needing to hear 
    I'll wish I was him 'cause those words are mine 
    To say to you till the end of time



     

     

    "ผม– ผมรักพี่... มาตลอด"

     



     

     

    I'll be there till the stars don't shine 
    Till the heavens burst and 
    The words don't rhyme 
    And I know when I die, you'll be on my mind
    And I'll love you - Always 


     

     

    tbc→
    ขอสารภาพ: เราชอบฟังเพลงตอนเขียน แล้วทีนี้ Always ของ Bon Jovi ขึ้นมาก็กดลูปเพลงนี้ไปเลย แล้วถึงขณะหนึ่ง เราต้องหยุดเขียนเพราะน้ำตาปริ่มแล้วตาพร่า ( ; ∇ ; ) ปกติแค่ฟังเพลงนี้ก็จะแย่อยู่แล้ว นี่เล่นฟังไปเขียนไปบิ้วท์อารมณ์ตัวเองซะกำลังสอง lol ถ้าเป็นไปได้ จะก่อนหรือหลังอ่านก็อยากให้ฟังฮะ ไม่มีเพลงไหนเหมาะกับนัมอูฮยอนในเรื่องนี้เท่าเพลงนี้อีกแล้ว~
    (ตอนที่แต่งฟิคบีวัน)ทำคนอ่านร้องไห้ก็เคยบ้าง โดนบอกว่าใจร้ายก็มี ฮา แต่เราไม่เคยจิตตกกับสิ่งที่ตัวเองเขียนขนาดนี้มาก่อนเลย orz /ประสบการณ์ใหม่ เหมือนโดนเอาคืนที่เคยทำให้คนอ่านร้องไห้เลยฮะ xD
    เขียนตอนนี้แล้วรู้สึกถนัดกว่าวันช็อตอันนั้นเยอะเลย ชอบลงไปถึงความรู้สึก ความคิด แต่เราไม่แน่ใจนักนะฮะว่าเราทำได้ดีแค่ไหน
    ฮืออออ คำว่านิยมเลยเหรอฮะ /หนีไปร้องไห้/ เล่นทวิตเตอร์แต่ปกติก็ห่างเหินแฟนเบสไทยเหลือเกิน ( ; ∇ ; ) ถ้าชอบกันก็ดีใจมากกกกกกกกกกก จริงๆ แค่สละเวลาอ่านก็ดีใจแล้ว
    เราอ่านทวนตอนนี้น้อยครั้งมากแต่ขอลงเลยเพราะเราไม่อยากอ่านซ้ำ ถ้ามันเหมือนรีบหรือพลาดอะไรก็ขออภัยฮะ ; _ ;

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×