ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [infinite|woogyu] two shots of spirits, the flavor of us.

    ลำดับตอนที่ #10 : 6 | grapefruit greyhound

    • อัปเดตล่าสุด 7 ส.ค. 58


     







     6 |
    grapefruit greyhound
     
    feat. yongguk/daehyun

     

     



     

    "เมินฉันสนิทเลยนะ ซองกยู"


     

    ริมฝีปากสีสดสั่นน้อยๆด้วยความตกใจพร้อมกับดวงตาที่คั่งค้าง ซองกยูไม่จำเป็นต้องหันไปด้วยซ้ำที่จะเดาว่าเจ้าของน้ำเสียงต่ำระดับเบสนี้เป็นใคร
     

    "นาย–"
     

    "แถมยังปฏิเสธเหล้าของฉันด้วย"

     

    ซองกยูย้อนนึกไปถึงค็อกเทลสีสวยที่เขาไม่ได้แตะแล้วทิ้งเอาไว้บนโต๊ะ แก้วนั้นมาจากเขานี่เอง "ทั้งสองแก้วก่อนหน้านี้ด้วยใช่ไหม?"


     

    เขาเอียงคอน้อยๆพอที่จะเหลือบมองคนข้างหลังได้ ทั้งสีหน้ายโสโอหังและรอยยิ้มมุมปากที่เห็นก็เป็นคำตอบอย่างดี ไม่จำเป็นต้องถามอะไรต่ออีก ซองกยูหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างคาดโทษ


     

    "นายล้อเล่นใช่รึเปล่า ยงกุก?"


     

    ชายหนุ่มที่มีชื่อน่าเกรงขามแค่หัวเราะเบาๆด้วยเสียงทุ้มที่ดังกึกก้อง และยิ่งเพิ่มแรงที่แขนกดให้ซองกยูแนบเข้ากับหน้าอกมากขึ้นไปอีก ดวงตาง่วงงุนปรายขึ้นมองสิ่งมีชีวิตที่ยืนอึ้งค้างอยู่ข้างหน้าแล้วฉีกยิ้มกว้าง


     

    "อ้าว นัมอูฮยอนนี่นา" ถึงแม้ยงกุกจะยิ้มอยู่ อูฮยอนยังรู้สึกถึงความเย็นเยียบที่แล่นวาบไปตามไขสันหลัง แต่ก็ถูกครอบคลุมโดยความร้อนรนในใจที่ประทุขึ้นมาตามๆกัน เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะได้มาเจอกับคนคนนี้อีก ทั้งๆที่หายไปจากชีวิตของเขาและซองกยูตั้งนานมาแล้ว

     

    ซองกยูเริ่มสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆที่หนักอึ้งและหวั่นๆไปกับสิ่งไม่น่าพิศมัยที่อาจจะเกิดขึ้นอนาคตอันใกล้ เขาต้องทำอะไรซักอย่าง ซึ่งทางออกที่ดีที่สุดก็คือการส่งบังยงกุกไปให้พ้นจากพวกเขา ก่อนที่จะปากพล่อยพูดอะไรออกมาที่จะทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลง


     

    "นาย– ปล่อยเดี๋ยวนี้" เขากดเสียงต่ำแล้วยกทั้งสองมือขึ้นบีบหน้าแขนแข็งแรง พยายามออกแรงกระตุกให้ปล่อย แต่ชายหนุ่มก็ดื้อด้านยิ่งโน้มใบหน้าลงมาใกล้จนหายใจรดต้นคอ "บอกให้ปล่อยไง!"

     

    "อะไรกัน? ที่เราเจอกันเมื่อสองปีที่แล้ว นายไม่ผลักไสฉันแบบนี้นะ"

     

    "ฉันรู้ว่านายล้อเล่นเรื่องเหล้าพวกนั้น อย่ามายุ่งกับฉัน" ซองกยูตะเบ็งเสียงแข็งเมื่อเขาเริ่มรู้สึกโมโห ดวงตาที่ร้อนผ่าวเงยขึ้นสบกับอูฮยอนเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่เขาจะเสกลับไปจ้องยงกุกเขม็ง ส่งคำขู่ผ่านสายตาที่ดูท่าทางอีกฝ่ายจะเข้าใจอยู่เหมือนกัน ลองพูดเรื่องสองปีที่แล้วอีกทีสิ...

     

    แต่ทั้งคู่ไม่มีวันลืมว่าบังยงกุกเป็นผู้ชายอย่างไร

     


     

    "ลูกแมวของฉันไม่อยู่แถวนี้หรอก ว่าแต่นายมาถึงนี่ ไม่ใช่ว่าตั้งใจมาเจอหรอกเหรอ?" ยงกุกกระซิบชิดใบหูหวังจะยั่วโมโห ผู้ชายคนนี้ไม่เคยกลัวอะไร หรือไม่ก็ด้วยความมั่นใจที่ว่าซองกยูและอูฮยอนไม่มีอะไรให้เขาต้องกลัว ยงกุกไม่เคยคิดที่จะยอมเป็นฝ่ายแพ้ ยิ่งเห็นสีหน้าของอูฮยอนแล้วเขายิ่งนึกสนุก ยงกุกรู้แกวมาตั้งแต่ตอนนั้นที่ซองกยูพบว่าเขานอกใจ เด็กนี่กล้าบุกเข้ามาในถิ่นของเขาคนเดียวและโยนกำปั้นต่อยโดยไม่พูดอะไรซักคำ


     

    "ลืมไปแล้วเหรอ? ซองกยู คืนนั้นน่ะ"


     

    ซองกยูแทบอยากจะสบถเอาทุกถ้อยคำผรุสวาทเท่าที่เขารู้จักออกมาให้รู้แล้วรู้รอด หัวใจเต้นโครมครามเพียงแค่นึกว่าอูฮยอนกำลังฟังอยู่ และอีกฝ่ายจะคิดยังไงกับคำพูดจากปากของผู้ชายที่ไม่ควรจะมาเจอกันอีกด้วยซ้ำ จะให้อูฮยอนรู้ถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นไม่ได้ สิ่งสุดท้ายที่เขาต้องการก็คือการถูกมองว่าเป็นคนน่าสมเพช– หนี เขาต้องหนี


     

    "ลองพูดอีกซักคำ–!" ซองกยูตะโกนลั่นและทุ่มแรงทั้งหมดเพื่อสะบัดตัวให้หลุดจากพันธนาการ ร่างโปร่งเซไปเล็กน้อยจากแรงที่เหวี่ยงตัวออกแต่อูฮยอนก็จับต้นแขนเอาไว้ทัน ซองกยูหายใจเข้าลึกแล้วกระชากคอเสื้อของยงกุกเข้ามา "นายเลิกเป็นคนแบบนี้เพื่อแดฮยอนไม่ได้รึไง!"


     

    ใบหน้าคมคายฉายแววแปลกใจไม่น้อยที่ซองกยูคนนิ่งเกิดตะโกนขึ้นเสียงใส่หน้า ดวงตาเรียวเล็กแวววาวไปตามอารมณ์โกรธขึ้งและอะไรบางอย่างที่คลับคลาว่าจะเป็นการขอร้อง เมื่อเห็นแววตาแบบนั้น ยงกุกก็จำต้องหุบยิ้มแล้วยกทั้งสองมือขึ้นมาข้างใบหน้า ก้าวถอยออกไปเป็นสัญญาณว่ายอม


     

    "อย่าทำกับเขาเหมือนที่นายทำกับฉัน" ซองกยูแค่นยิ้มเมื่อนึกถึงเด็กหนุ่มชื่อแดฮยอนที่เป็นอะไรกับผู้ชายอวดดีคนนี้ "ไม่งั้นนายก็ไม่สมควรที่จะได้รับความรักจากเด็กคนนั้นหรอก"

     

    "โอเค, โอเค ฉันขอโทษ"

     

     

    ซองกยูเป็นคนที่ยึดอยู่กับคำว่าตลอดไป แต่ยงกุกเป็นคนที่ไม่จริงจังกับอะไร เมื่อก่อนก็เป็นเพียงเด็กวัยรุ่นที่เต็มไปด้วยอดรีนาลีน แค่หลงกลไปกับความสัมพันธ์ฉาบฉวยที่ดำเนินไปไม่นานก่อนที่มันจะจบลงเพราะยงกุกให้ตลอดไปกับเขาไม่ได้ มันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่มันไม่มีคำแก้ตัวใดๆที่มีน้ำหนักพอที่จะมาบรรเทาความผิดของเขาและยงกุกสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ไม่มีใครรู้ว่าเขาใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าจะฝังความทรงจำพวกนั้นลงไปได้
     

    บรรยากาศรอบข้างตกอยู่ในความเงียบสงัด อูฮยอนได้แต่พยายามหายใจเข้าออกลึกๆตลอดการโต้ตอบที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า เขามีคำถามมากมายจนแทบจะล้นสมอง เกิดอะไรขึ้นสองปีที่แล้วที่ทำให้ซองกยูโมโหขนาดนี้? ยงกุกเคยทิ้งรอยแผลลึกเอาไว้ก็จริง และเขาก็เคยเดินดุ่มเข้าไปต่อยรุ่นพี่คนนี้ก็จริง เพราะความแตกต่างกันเกินไป ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่สองคนนี้จะกลับมาเข้าใจกันได้เลย มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น
     

    อูฮยอนจึงเลือกที่จะทำแค่อย่างเดียว เขากระตุกต้นแขนของซองกยูเพียงนิด คนอายุมากกว่าก็ปลิวเข้ามากระทบกับตัว เขาตวัดแขนกอดช่วงตัวอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ซองกยูดูจะเกร็งไปชั่วขณะแต่ก็ค่อยๆผ่อนคลายจนเกือบจะทิ้งน้ำหนักลงทั้งหมด ถึงแม้จะอยากถามอะไรมากมาย อูฮยอนก็ตัดสินใจที่จะเงียบแล้วนิ่งฟังต่อไป

     


    "นายพูดถูก ฉันสั่งเหล้าให้นายแค่คิดจะล้อเล่น" ยงกุกยืดตัวขึ้นยืนหลังตรงแล้วยัดมือลงไปในกระเป๋ากางเกง "ตอนนั้นฉันยังไม่เห็นอูฮยอน"


     

    ยงกุกยิ้มน้อยๆให้กับคนที่พาดพิงแล้วเบือนสายตากลับไปยังซองกยูที่กลั้นหายใจเป็นการพยายามทำให้ตัวเองสงบลง


     

    "คืนนั้นฉันผิดเอง มันเป็นการกระทำที่ต่ำ" ยงกุกนิ่งมองปฏิกริยาของซองกยูซักพัก เมื่อมั่นใจถึงแขนสีแทนที่รั้งเอวเอาไว้แน่นหนา เขาจึงพูดต่อ "ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก ฉันจะพยายามให้คำว่าตลอดไปกับแดฮยอน ถ้ามันเป็นสิ่งที่นายอยากให้ฉันทำ"

     

    ซองกยูเม้มปากแน่นแล้วค่อยๆคลายมือที่กำแน่นจนข้อขาว ดวงตาหลุบลงมองพื้นเมื่อยงกุกกำลังเดินผ่านกันไป แต่ก็ไม่วายโน้มใบหน้าเข้ามากระซิบ หากแต่ว่าไม่ใช่กับเขา

     

     

    "อูฮยอน นายควรรู้ไว้ว่าซองกยูเมาแล้วเป็นยังไง"

     

     

    โอ้ ไม่ ซองกยูยังไม่เมา และเขาสาบานได้ว่าเขาจะตามไปหักคอบังยงกุกถ้าไม่ใช่เพราะแรงกอดจากอูฮยอนมันยิ่งแน่นขึ้นจนเกือบหายใจไม่ออก

     

     

    "พี่ซองกยู–"

     

    "อูฮยอน–"

     

     

    "เอ่อ นายก่อนแล้วกัน..."
     

    อูฮยอนถอนหายใจออกยาวแล้วปล่อยอีกฝ่ายออกจากอ้อมกอด แต่ยังไม่ทันที่ซองกยูจะได้สติ ข้อมือก็ถูกคว้าเอาไว้ด้วยแรงมหาศาล ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้างเมื่อถูกฉุดจนตัวเกือบปลิว ทุกการทักท้วงได้ถูกกลืนลงไปโดยน้ำเสียงทุ้มต่ำและดวงตาคมกริบจากอีกฝ่าย

     

    "ดูท่าเราจะมีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะเลยจริงๆ"

     

     

    ไม่จริงน่า ซองกยูพร่ำคำสามคำนี้อยู่ในใจซ้ำไปซ้ำมา หลังจากที่ถูกดึงเอาๆมาจนถึงโต๊ะว่างที่อยู่ห่างไกลจากผู้คนและไม่มีเสียงดังรบกวนอย่างก่อนหน้านี้ แถมยังมาจบอยู่ในตำแหน่งอันน่าอึดอัด ถึงจะไม่มีใครมาสนใจก็เถอะ แต่ให้มานั่งคร่อมตักแบบนี้ (นอกจากยงกุก)เขาก็ไม่เคยทำกับใครเลยนะ สองมือที่ทำการประทุษร้ายในทีแรกก็ถูกอูฮยอนรวบเอาไว้ด้วยมือเดียวเสียอีก แค่สบตากับอีกคนที่มองมาอย่างแน่วแน่และตั้งใจจะเค้นเอาความจริงออกมา ซองกยูก็กลืนน้ำลายแล้วส่ายหน้าดิก


     

    "พี่ซองกยู–"

     

    "นายไม่อยากรู้หรอก..."

     

    "พี่จะเก็บมันเอาไว้ตลอดไปไม่ได้"


     

    ไว้ใจผม เชื่อผม เป็นสิ่งที่ซองกยูอ่านออกจากปากของอีกฝ่าย เขาขบริมฝีปากจนบวมแดงอย่างชั่งใจ สุ้มเสียงเคร่งเครียดและดวงตาที่มองมาไม่ไหวติงทำให้เขากลัว คำถามที่ประกอบไปด้วยคำว่า ถ้าหากว่า ผุดขึ้นมาเต็มไปหมด แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่อูฮยอนต้องพบเจอเพราะเขา สิ่งที่พอจะทำได้ในตอนนี้ก็คือเชื่อใจอูฮยอนใช่หรือเปล่า?

     

    ในคืนงานเลี้ยงของเพื่อนร่วมงานเมื่อสองปีที่แล้ว เขานั่งอยู่ที่โต๊ะคนเดียวในคืนนั้น เพราะซองยอลดันหายหัวไปไหนก็ไม่รู้ เขาดื่มอะไรเบาๆอย่างค็อกเทลอ่อนๆแล้วก็แชมเปญแค่พอเป็นพิธี ก็มีเหล้าที่คนอื่นสั่งให้อย่างในคืนนี้ ซองกยูก็ไม่ได้สนใจมัน เวลามีเพื่อนร่วมงานมานั่งด้วย เขาก็จำต้องดื่มตามที่เพื่อนสั่งมาให้ ไม่ทันได้รู้ตัวซองกยูก็ดื่มเข้าไปมากกว่าที่คิด และเขาก็เข้ามา


    บังยงกุกเป็นเจ้าของคลับนี้ เขาเรียนรู้จากบทสนทนาที่ดำเนินไปอย่างปกติ ซองกยูไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นจึงไม่ได้ใส่ใจนักว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนเดียวกันกับเพลย์บอยเลื่องชื่อและที่เคยคบซ้อนเขาสมัยมัธยม ค็อกเทลแก้วที่วางอยู่นานก็ถูกกลืนลงคอไปยามที่ยงกุกสารภาพว่าเป็นคนสั่งให้ มันรู้สึกดีนะ ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เขาลืมทุกอย่างจริงๆ ลืมความเหนื่อยล้า ลืมทุกๆปัญหาที่สุมอยู่ในอก ลืมไปเลยว่าไม่มีอูฮยอนคอยดูเขา เขามีพลังสมองแค่พอที่จะรู้ว่าผู้ชายที่คุยกันอยู่คือยงกุก ถูกรบเร้าให้ดื่มเรื่อยๆและก็ลืมไปว่าตัวเองรับมือกับแอลกอฮอล์ปริมาณขนาดนี้ไม่ไหว
     

    แต่ซองกยูก็ไม่ได้คิดอะไรอีกต่อไปแล้วเมื่อเขาพบตัวเองอยู่บนตักของร่างสูง ปล่อยตัวเองดื่มด่ำไปกับสัมพันธ์ทางกายที่ขาดหายไปนานเท่าไหร่เขายังจำไม่ได้ ซองกยูก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งเขาถึงโอนอ่อนให้กับความอยากและบรรยากาศที่พาไป ไม่ทันได้ฉุกคิดยามที่ถูกตรึงราบลงกับเตียง


     

    "มันก็แค่ one-night stand... ไม่มีความหมายอะไร" ซองกยูแค่นยิ้ม หลับตาลงจดจ่ออยู่กับสัมผัสแผ่วเบาของหลังมืออูฮยอนที่ไล้บนแก้มเบาๆ "แต่ยงกุกไม่ได้บอกว่ามีคนรัก"

     

    อูฮยอนชะงักมือ ดวงตาเรียวเล็กไหววูบและเป็นชั่ววินาทีที่เขาอ่านความรู้สึกของซองกยูไม่ออก แค่นั้นก็พอแล้วที่เขาจะรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรและรู้สึกยังไงบ้าง เขาอ้าปากกำลังจะบอกให้หยุดพูด

     

    "เขา–เขาปล่อยให้มันเกิดขึ้น ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่ควรจะรู้ แต่–ในเช้านั้นที่เขารับโทรศัพท์จากเด็กคนนั้น ฉันได้ยินคำบอกรัก... ถ้ามันเป็นแค่ one-night stand ฉันก็ไม่แคร์หรอก แต่นายคิดว่าฉันรู้สึกยังไง–"

     

    "พี่ซองกยู พอ–"

     

    "ฉันนอนกับคนที่มีคนรักแล้ว... มันทำให้ฉันกลายเป็นอะไร!"


     

    มือที่กำเสื้อของอูฮยอนแน่นนั้นสั่นเทา ซองกยูหอบหายใจน้อยๆด้วยดวงตาเบิกกว้าง เขาพูดมันออกไปแล้ว กับคนที่เขาไม่อยากให้รู้ที่สุด ความสะอิดสะเอียนโถมซัดเข้ามาเป็นระรอกคลื่นจนซองกยูเริ่มหายใจไม่ออก ม่านตาหดเล็กลงด้วยความหวาดหวั่น เขาคลายมือแล้วดันตัวเองออกอย่างร้อนรน ความร้อนจากฝ่ามือที่แนบอยู่บนแผ่นหลังก็ยิ่งทำให้เขาพยายามขัดขืนแรงดึงรั้งจากอูฮยอนสุดตัว


     

    "ปล่อย! อย่าแตะตัวฉัน!"

     

    "พี่ซองกยู!" อูฮยอนบีบต้นแขนเอาไว้แน่นไม่ให้คนที่กำลังเสียขวัญหลุดมือออกไปได้ เขากำลังจะเอื้อมอีกมือไปรั้งเอวแต่ก็ถูกปัดออก

     

    "เอามือนายออกไป! นายคงคิดว่าฉันมันน่ารังเกียจ!"

     

    อูฮยอนหายใจเข้าลึกแล้วทุ่มเอาแรงที่มีกระชากซองกยูเข้ามาจนเซถลาแล้วผลักลงกับโซฟา เขาปีนขึ้นไปพร้อมกับใช้หน้าขากดน้ำหนักลงกดทั้งสองขาของอีกฝ่ายเอาไว้ไม่ให้ดิ้น ตรึงข้อมือทั้งสองเอาไว้ข้างศรีษะ ซองกยูหอบหายใจหนัก มองตรงขึ้นมาสบตากับอูฮยอนด้วยดวงตาชื้นๆ


     

    "อย่า– อื้อ!"


     

    อูฮยอนโน้มตัวลงฝืนกดจูบแรงๆลงบนริมฝีปากที่ยังนึกจะเอ่ยท้วง แรงบดคลึงหนักหน่วงทำเอาซองกยูยิ่งออกแรงต้านและสะบัดหน้าหนี อูฮยอนกัดฟันกรอดอย่างขัดใจแล้วรั้งข้อมือทั้งสองขึ้นไปจับไว้เหนือศรีษะ อีกมือที่ว่างก็ยึดคางมนเอาไว้มั่นก่อนจะแนบริมฝีปากลงอีกครั้ง เขาไม่เสียเวลาซักวินาทีก่อนจะฝืนกดปลายลิ้นผ่านริมฝีปากที่เผยอออกน้อยๆ ยามที่สัมผัสชื้นแฉะเคลื่อนเข้าด้วยกันเป็นจูบลึกที่ช่วงชิงลมหายใจไปเสียหมด ซองกยูก็แทบไม่รู้สึกถึงแขนและขาตัวเอง จากการตวัดลิ้นที่จาบจ้วง อูฮยอนก็ผ่อนแรงลงเมื่อซองกยูหยุดดิ้น เอียงศรีษะกดริมฝีปากลงเน้นๆ ขยับอย่างเชื่องช้าเป็นจังหวะของการปลุกเร้าที่ลึกแต่ไม่มีลิ้นประกอบ เรียกเสียงครางเครือแผ่วเบาออกมาจากลำคอของคนเบื้องล่างที่หมดแรงจะขัดขืน
     

    เขาผละออกอย่างช้าๆโดยที่ยังแนบหน้าผากเข้าด้วยกัน ลมหายใจอุ่นร้อนกระทบใบหน้าพร้อมกับกลิ่นและรสชาดของแอลกอฮอล์ที่ค้างคาอยู่ที่ปลายลิ้น ซองกยูกระพริบตาโดยที่ลมหายใจยังถี่กระชั้น ได้แต่ปล่อยให้หยดน้ำตาที่รื้นอยู่นานร่วงลงมาจากหางตา


     

    "เพราะพี่ไม่ยอมพูด– พอเก็บมันไว้ สะสมไปเรื่อยๆ พี่ก็กลัวว่าจะถูกคนอื่นตัดสินไปเอง"

     

     

    you've been broken,
    you've gotten lost while trying
    but can't you see who has always been right here

     

     

    สิ่งที่เห็นภายนอกของคิมซองกยูเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ ชีวิตและสภาพจิตใจที่สมบูรณ์เป็นเพียงสิ่งที่เขาหวัง สิ่งที่สร้างมันขึ้นมาก็เป็นเพียงแค่การลอกเลียนเพื่อเก็บซ่อนความไม่แน่นอนในชีวิตที่เขารู้สึก ยามที่มันแตกสลายและร่วงกราวเป็นผุยผง เขาก็เต็มไปด้วยข้อบกพร่อง จิตใจมีแต่ความหวาดหวั่น ความไม่สมบูรณ์ และช่องโหว่ที่แม้แต่เจ้าตัวยังปะติดปะต่อมันไม่ได้ 


     

    "ทำไม– ทำไมนายถึงไม่หยุดรักฉันนะ?"

     

    "แล้วใครจะเป็นคนคอยดึงพี่ไว้ตอนที่พี่ล้มแบบนี้?"

     

     

    this is the only thing i can do for you
    i caged up my feelings, to feel your pain
    and i can't stop no matter how much i try

     

     

    "นายไม่คิดว่ามัน–"

     

    อูฮยอนพ่นลมขึ้นเป่าผมหน้าแล้วดึงเอาซองกยูกลับขึ้นมาบนตักอย่างเดิม พร้อมกับออกเสียง ฮึบ เบาๆที่ทำเอาซองกยูหน้าขึ้นสีไปกับการถูกกระทำยังกับเป็นเด็ก เขาก็พยายามที่จะบิดตัวออกแต่มีหรือที่อูฮยอนจะยอมปล่อยไปง่ายๆ ได้โอกาสแล้วก็ต้องคว้าเอาไว้สิ
     

    "หลังจากทั้งหมดนั้นที่ผมทำให้ อีโก้ไม่สูงขึ้นเลยเหรอ?" ว่าไปก็ถือโอกาสฟุบหน้าลงกับซอกคอที่มีกลิ่นโคโลญจ์หอมเย็นจางๆ ซองกยูยกมือขึ้นตีไหล่อย่างไม่จริงจังนัก ดวงตาแดงๆอ่อนแสงลงยามที่รู้สึกว่าตัวเองถูกตระกองกอดเอาไว้อย่างแผ่วเบาแค่ไหน เขาหายใจเข้าลึกเมื่ออูฮยอนเงยหน้าขึ้นมาสบตา

     

    "ดูท่าผมยังพยายามไม่พอ พี่ยังกลัวไปหมดทุกอย่าง กลัวจุดบกพร่องของตัวเอง กลัวการถูกปฏิเสธ กลัวความผิดหวัง กลัวที่จะรัก–"
     


    ซองกยูกระพริบตามองข้อมือตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายจับเอาไว้สลับกับอีกมือของอูฮยอนที่หยิบมือถือขึ้นมา อีกฝ่ายกดโทรออกแล้วจ้องหน้าเขานิ่ง ประโยคต่อไปที่ได้ยินก็ทำเอาดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้าง

     

     

    "อีซองยอล ฉันอยากรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากที่ฉันไป เล่ามาให้หมด ทุกรายละเอียด ย้ำว่าละเอียดยิบ"

     

     

    ถ้าหากซองกยูคิดว่าเขาได้พบเจออะไรมามากเกินพอแล้วในคืนนี้ ก็ถือว่าคิดผิดถนัด
     

    เขาไม่เคยรู้สึกอยากหายตัวไปจากพื้นโลกมากขนาดนี้มาก่อนเลย

     

     

     

    tbc→

    ขอแนะนำให้คุณรู้จักสิ่งที่เรียกว่า crack pairing ฮา โมเม้นต์อะไรไม่ต้อง~ นึกภาพเอาแล้วเอามาแปะด้วยกันไปเลย คือจริงๆเฮียบังแกก็ไม่ได้เกี่ยวอะไร /เกาแก้ม/ แต่คิดว่าอิมเมจแบบนี้เหมาะดีฮะ lol และบังแดคือชิพลับๆ (,,° 艸°)
    ตอนนี้เป็นตอนที่เรามีเปิดดิก...แปลคำอังกฤษเป็นไทยด้วยล่ะ orz ออกมาแล้วก็ไม่ค่อยชอบตอนนี้เท่าไหร่ ฮือ..
    อ๊ากกกกก ต้องขอขอบคุณทุกคอมเมนต์มากๆเลยฮะ /ร้องไห้และวิ่งหนีไป/ เราอ่านไปอ่านมาหลายรอบเลยนะ ฮิ 
    ขอต้อนรับคุณ omoji กลับมาด้วยฮะ \(〃∇〃)

    คุณ {HAPPY,WING} &DKKD! yongyeah ;o}: username ยาวมาก xD ว่าไปถึงตำแหน่งของสองคนนี้... ตอนแรกเราก็แปลกใจมากเหมือนกันนะที่ในฟิคไทยพี่ซองกยูเป็นเซเมะเกือบจะร้อยเปอร์เซน ฮา เพราะจริงๆเราอยู่กับฟิคอังกฤษเยอะกว่าฟิคไทยมากๆเลย และในหมู่ฟิคอังกฤษ... พี่ซองกยูโดนกด...เกือบจะตลอด ฮา เราว่าเรื่องของมุมมองที่ต่างกันมันเป็นประเด็นที่น่าสนใจมาก xD เลยเริ่มคิดที่จะเขียนฟิคไทยให้พี่ซองกยูเป็นเคะบ้าง แฮะ (´∀ `*) (มันใช่เรื่องไหม orz...)

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×