ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [infinite|woogyu] two shots of spirits, the flavor of us.

    ลำดับตอนที่ #2 : 2 | with a twist

    • อัปเดตล่าสุด 7 ส.ค. 58


     

     


     

     2 | with a
    twist

     



     

    "Scotch on the rocks, with a twist"

     

    "นัมอูฮยอน..."

     

     

    เดี๋ยวก่อน! ซองกยูตะปบมือเข้ากับปากทันทีที่เขาได้ยินเสียงของตัวเองแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง ถึงจะหันไปเจอกับสาวเจ้าและชายหนุ่มคู่เดิมที่ยังคงแลกน้ำลายกันไม่เลิกก็ตาม ดวงตาเรียวเล็กปิดลงสนิทเตรียมตัวที่จะรับมือกับสิ่งที่กำลังจะตามมา แต่ผ่านไปได้ซักพักก็ยังคงไม่เกิดอะไรขึ้น เขาได้ยินเสียงการกระทบกันของแก้วและก้อนน้ำแข็ง แต่นอกจากนั้นแล้วก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป

    ซองกยูค่อยๆเปิดตาขึ้นข้างหนึ่งเพื่อที่จะทำความมั่นใจว่าเขามองคนไม่ผิด นัมอูฮยอน... นี่มันนัมอูฮยอนชัดๆ แล้วมันเป็นบ้าอะไรกับคืนที่เขาเกิดตัดสินใจออกมาเที่ยวกลางคืนซักหน่อย แต่ก็ดันมาพบเจอกันจะๆกับโปรดิวเซอร์หนุ่มไฟแรงที่ไม่เห็นหน้ากันมาตั้งแต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน ที่ผ่านมาก็มีได้ยินชื่อและได้รับรู้เรื่องราวบ้างก็เพราะขอบเขตการทำงานในข่าวสารแวดวงบันเทิงแท้ๆ แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าจะมาเจอกันอีกทีอย่างไม่ได้คาดคิดแบบนี้

     

     

    "พี่ซองกยู"

     

    เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงทันทีเมื่อสุ้มเสียงอันแสนจะคุ้นเคยนั้นดังขึ้นมา พร้อมกับอูฮยอนที่หันมามองด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ซองกยูนั่งตัวเกร็งเมื่ออีกฝ่ายยื่นมือขึ้นมาตรงหน้า ปลายนิ้วโป้งสากแตะลงบนริมฝีปากนุ่มที่ขึ้นสีแดงจัดจากการถูกขบกัดแล้วลูบเบาๆอย่างเชื่องช้าและอ่อนโยน

     

    "ไม่เจอกันนานเลยนะ"

     

    ใช่ และซองกยูก็จำได้ว่าเขาเกลียดคนตรงหน้านี้มากขนาดไหน

     

     

    "ผมเพิ่งเคยเห็นพี่ที่นี่ครั้งแรก"

     

    "นายมาบ่อย?"

     

    "หลายครั้งเหมือนกัน หลังจากที่ผมกลับมาจากอเมริกา"

     

    ซองกยูพยักหน้ารับเล็กน้อยแล้วหลุบตามองปลายนิ้วตัวเองที่เกี่ยวพันด้วยความประหม่า น่าอึดอัดที่สุด เขาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ มันหนักอึ้ง ราวกับจะหายใจไม่ออก ที่สำคัญคือเขาไม่สามารถที่จะเปิดบทสนทนาอะไรกับอีกฝ่ายได้อย่างสบายใจเหมือนเมื่อก่อน ตอนที่ทุกอย่างระหว่างกันนั้นสมบูรณ์แบบ แม้แต่จะถามว่ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ยังไม่กล้า ไม่มีทางเลยที่จะรู้สึกเหมือนเดิมหลังจากจุดแตกหักที่ร้ายแรงที่สุดในตอนนั้น

     

    "พี่ซองกยู–"

     

    "น้องครับ พี่ขอน้ำแข็งหน่อย"

     

    อูฮยอนยกแก้วสก็อตขึ้นแตะริมฝีปากในขณะที่มองคนข้างกายรั้งบาร์เทนเดอร์เอาไว้ให้เติมน้ำแข็งลงในค็อกเทลทั้งสองแก้วตรงหน้า ซองกยูกลับไปเคี้ยวริมฝีปากล่างตัวเองอย่างติดเป็นนิสัยเพราะรู้สึกถึงดวงตาสีนิลที่จับจ้องมาตลอดเวลา เขาถึงต้องหาหนทางที่จะดึงความสนใจของตัวเองไปยังสิ่งต่างๆ อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ตัวตนของคนที่หายหน้ากันไปยาวนานขนาดนั้น

     

    "ไม่ดื่มเหรอ?" อูฮยอนพยักเพยิดไปทางเครื่องดื่มที่เริ่มละลายเมื่อซองกยูยังคงนั่งเล่นมือตัวเองต่อไปแบบนั้น

     

    "ฉันไม่รับเครื่องดื่มจากคนแปลกหน้า" ซองกยูส่ายหน้าน้อยๆ ลมหายใจถูกผ่อนออกยาวก่อนจะยกนิ้วขึ้นเขี่ยหยดน้ำที่ตัวแก้ว

     

    "นั่นสินะ"

     

    นั่นสินะ ซองกยูเคี้ยวกระพุ้งแก้มไปกับประโยคที่เหมือนว่ากำลังจะพยายามดึงเขาให้กลับไปยังช่วงเวลาที่สงบสุข เป็นคำพูดที่แสดงถึงความคุ้นเคยและความใกล้ชิด ทั้งๆที่ในเวลานี้ ซองกยูคิดว่าอูฮยอนไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้นเลยด้วยซ้ำ

    แต่แล้วเขาก็ต้องหันขวับเมื่ออูฮยอนยื่นมือออกไปคว้าค็อกเทลสีทับทิมขึ้นมาดื่มหน้าตาเฉย

     

     

    "เฮ้! นั่นมันมาจากใครก็ไม่รู้นะ" ซองกยูขมวดคิ้วยุ่ง อดไม่ได้ที่จะดุคนข้างกายถึงการกระทำที่ไม่คิด อูฮยอนยักไหล่น้อยๆแล้วยิ้มชืดให้กับแก้วในมือที่ว่างเปล่า

     

    "ให้ตาย ยังไงก็ไม่ชอบเลย แอลกอฮอล์รสผลไม้เนี่ย"

     

    "ไม่มีใครบังคับนายซักหน่อย ฉันขอให้มันมีอะไรแปลกๆอยู่ในนั้น" ซองกยูกรอกตาแล้วพูดแขวะอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่มันก็ทำให้อูฮยอนลอบยิ้ม

     

    "ยินดีต้อนรับกลับ คิมซองกยู"

     

    "เอ๊ะ–"

     

    ซองกยูกระพริบตาปริบๆมองมือที่ถูกยื่นออกมา ก่อนจะเงยขึ้นมองอูฮยอนที่กำลังขบเปลือกส้มที่เป็นของตกแต่งค็อกเทลแก้วเมื่อครู่ด้วยรอยยิ้ม แค่นั้นเขาก็รู้สึกราวกับว่าใจอ่อนยวบ ซองกยูไม่เคยเข้าใจเลยว่าคนตรงหน้าทำได้ยังไงถึงเข้าใจกันมากขนาดนี้ หรืออาจจะเป็นที่ตัวเขาเองก็ได้ที่โปร่งใสจนอีกฝ่ายมองออกทะลุปรุโปร่ง คำพูดที่ว่า แค่มองตาก็เข้าใจกัน คงไม่ผิดเพี้ยนไปจากเขาทั้งสองคนเท่าไหร่ มันเกิดขึ้นตั้งแต่ที่เราสบตากันครั้งแรกในฐานะเพื่อนบ้านแล้วด้วยซ้ำ

    เขายื่นมือออกไปจับมือตอบพ่วงด้วยการถอนหายใจเพราะอูฮยอนไม่ยอมปล่อยมืออย่างที่คิดไว้เป๊ะ เขาได้แต่หลุบตามองมือขวาของตัวเองที่ถูกยกขึ้นมากดทับไว้บนเคาน์เตอร์ ฝ่ามืออุ่นๆแนบลงสนิทจากการสานนิ้วเข้าด้วยกัน

     

    "อูฮยอน"

     

    "พี่ยังไม่แตะแอลกอฮอล์เลย ผมเป็นแพะให้แก้วนึงแล้วนะ" คนอายุน้อยกว่าเลื่อนแก้วสก็อตที่ว่างเปล่ากลับไปให้บาร์เทนเดอร์พร้อมกับสั่งเหมือนเดิม ก่อนจะหยิบแก้วค็อกเทลสีฟ้าขึ้นมายื่นให้คนข้างกาย พ่วงด้วยการยักคิ้วให้

     

    "ทีนี้ก็ไม่ใช่จากใครก็ไม่รู้แล้ว"

     

    ซองกยูได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆให้กับความพยายามแต่ก็ยอมรับมาโดยดี ยังไงซะบลูลากูนก็ไม่ใช่เครื่องดื่มที่แรงเท่าไหร่ อูฮยอนใช้นิ้วโป้งลูบผิวลื่นๆที่ด้านข้างมือของซองกยูพลางมองของเหลวสีฟ้าใสที่เริ่มพร่องลงไปทีละน้อย ดวงตาสีช็อกโกแลตลอบมองปลายลิ้นที่แลบออกมาเล็มเลียริมฝีปากล่างสีสดอย่างเชื่องช้า จนมันหายกลับเข้าไปแล้วอูฮยอนถึงได้ละสายตาและยกสก็อตออนเดอะร็อคแก้วใหม่ในมือขึ้นจิบ ไม่มีฝ่ายไหนพูดอะไรออกมาอีก ในบรรยากาศที่ยังเต็มไปด้วยสีสันและเสียงหลายต่อหลายเสียงที่ดังแข่งกันจนฟังดูคลุมเครือแยกแยะไม่ออก ไม่ต้องพูดอะไร แค่นั่งข้างกันไปแบบนี้ก็เหมือนกับว่าทุกอย่างรอบตัวมันหยุดนิ่ง เวลาถูกหยุดชะงักชั่วขณะ

    กระทั่งซองกยูเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาเอง

     

     

    "นัมอูฮยอน นายยังค่อนข้างเป็นคนแปลกหน้าสำหรับฉันอยู่นะ"

     

     

    ก็ไม่ใช่ว่าอูฮยอนไม่ได้คาดคิดถึงการตอบสนองแบบนี้ซะทีเดียว เขาหัวเราะเบาๆแล้วขยับมือที่กอบกุมกันอยู่ให้แน่นขึ้น กระดกวิสกี้อึกสุดท้ายแล้วจงใจยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนอีกฝ่ายยอมสบตาด้วยจนได้ ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มบางๆเมื่อเห็นแววตาของดวงตาที่มีเฉดสีเดียวกันนั้นไหววูบ

     

    "ไม่มีปัญหาครับ ในเมื่อเรามาเจอกันโดยบังเอิญแบบนี้ ผมก็กะมาให้พี่คิดบัญชีอยู่แล้ว ทบต้นทบดอก"

     

    "งั้นเหรอ? อะไรทำให้นายคิดว่าฉันอยากทำ?"

     

    "แอลกอฮอล์ไง"

     

    ถึงได้บอกว่าอูฮยอนรู้จักซองกยูดีราวกับหลังมือของตัวเอง เพราะคิมซองกยูเป็นคนที่แสนจะมีเหตุมีผล เอาสมองไว้ก่อนหัวใจเสมอ คิดทำอะไรก็รอบคอบไปซะหมด แต่ลองให้มีแอลกอฮอล์อยู่ในการไหลเวียนของเลือดเท่านั้นล่ะ ถึงจะได้รู้ว่าเก็บอะไรไว้ มีอะไรอยู่ในใจบ้าง ถ้าอูฮยอนอยากเล่นล่ะก็ เขาจะยอมเล่นด้วยก็ได้

     

    "แล้วอะไรทำให้นายคิดว่านายมีเวลาพอ?"

     

    "เรา"

     

    ซองกยูเลิกคิ้วไปกับคำตอบ เรา? และก่อนที่สมองของเขาจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเสียอีก เขาก็ต้องหัวเราะออกมาเมื่อเข้าใจ นอกจากข้อเท็จจริงที่ว่าอูฮยอนรู้จักเขาดีแล้ว ก็เป็นเขาเองนี่แหละที่รู้จักอูฮยอนดีกว่าใคร เรา... เพราะเป็นเรา ถึงได้มีเวลาพอให้กับมัน

     

    "หืม ยังคมเหมือนเดิมนี่ สาวฝรั่งน่าจะชอบ"

     

    "พี่ก็ยังรับผมทัน"

     

    "แน่สิ ก็ฉันเป็นฝ่ายคอยรับมือกับนายมาตั้งกี่ปี" ซองกยูว่าแล้วก็กลับไปสนใจกับการเขี่ยหยดน้ำบนโต๊ะ "เออนี่ ก่อนที่นายจะเดินเข้ามาหาฉัน โคล่าหมดไปตั้งสามแก้ว ฉันต้องการห้องน้ำเพราะงั้นนายจะช่วยปล่อยมือได้มั้ย?"

     

    อูฮยอนหลุดหัวเราะเบาๆแต่ก็ยอมปล่อยมือโดยดี เขามองตามไปจนอีกฝ่ายลับสายตาไปแล้วถึงได้กระดิกนิ้วเรียกบาร์เทนเดอร์ประจำเคาน์เตอร์เข้ามาใกล้ และด้วยการกระทำที่ต่างไปจากซองกยูร้อยแปดสิบองศา อูฮยอนขยุ้มคอเสื้อและกระชากเด็กหนุ่มเข้ามาท่ามกลางความตื่นตระหนกจากคนรอบข้าง เขาค่อยๆคีบธนบัตรออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยกขึ้นโบกตรงหน้า ก่อนจะกระตุกยิ้มให้กับบาร์เทนเดอร์ที่หน้าเหวอไปเล็กน้อย

     

    "เขามากับฉัน อย่าแม้แต่จะคิด" อูฮยอนฉีกยิ้มให้กับบาร์เทนเดอร์ที่น่าสงสาร เด็กหนุ่มรีบลนลานกลับไปทำงานต่อทันทีที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ร่างโปร่งทิ้งตัวลงนั่งจิบสก็อตของตัวเองต่อไปอย่างสบายอารมณ์ ดวงตาเหลือบมองไปทางที่ซองกยูเดินหายไปอีกครั้งแล้วส่ายหน้าเบาๆ

     

     

    "พี่ไม่เปลี่ยนไปเลยซักนิด พี่ซองกยู"

     

    ...การที่ไม่ตระหนักถึงอิทธิพลที่มีต่อคนอื่นแบบนี้

     

     

     

     

     

     

    "ซองยอล หลบไป"

     

    "ไม่! จนกว่าพี่จะบอกผมว่าทำไมพี่ถึงนั่งอยู่กับอูฮยอน?"

     

    ซองกยูถอนหายใจแล้วเงยหน้าขึ้นมองร่างผอมสูงที่ยืนขวางทางเขาอยู่ สีหน้าวิงวอนของซองยอลทำให้เขาต้องยอมจนได้ ในเมื่อเด็กคนนี้อยู่เป็นเพื่อนเขามาตลอด ซองกยูเดินเลียบผ่านคนตัวสูงแล้วกวักมือเรียกให้เดินตามมา

     

    "หลังจากที่นายเดินออกไป หมอนั่นก็เข้ามา ก็คงจะรอให้นายลุกอยู่นั่นแหละ"

     

    "อูฮยอนไม่บอกใครเลยว่ากลับมา..."

     

    "อือ แต่ฉันไม่แน่ใจหรอกนะว่ามยองซูไม่รู้จริงๆ หรือรู้แต่ไม่ยอมบอกกันแน่" หลังจากพาดพิงถึงช่างภาพอาชีพที่น่าจะรู้เรื่องราวในวงการดีกว่า ซองกยูก็ยักไหล่พลางล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกง เขาหยิบกุญแจรถออกมายื่นให้กับซองยอล "ฉันโทรบอกซองจงให้มารับนายแล้ว ให้เอารถฉันกลับ"

     

    "แล้วพี่–"

     

    ซองยอลหุบปากฉับทันทีที่ซองกยูคว้าข้อมือขึ้นมาแล้วจัดการปิดฝ่ามือให้กำกุญแจรถเอาไว้ พร้อมกับยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงตา เขาอ้าปากกำลังจะพูดอะไรซักอย่างแต่ซองกยูก็จ้ำอ้าวออกห่างไปแล้ว โดยทิ้งประโยคสุดท้ายที่เกือบจะถูกดูดกลืนหายไปในเสียงอื้ออึงจากคนรอบข้าง

     

     

    "ดูท่าคืนนี้ของฉันจะอีกนาน"

     

     

     

     

     

    "ผมเห็นซองยอลแว้บๆ มาด้วยกันเหรอ?"
     

    "เรียกว่าฉันถูกลากออกมาจะดีกว่า"


    "งั้นผมคงต้องเลี้ยงกาแฟซะแล้ว ไม่งั้นเราคงไม่ได้เจอกัน"


    "ถ้านายมีกึ๋นพอที่จะมาเผชิญหน้ากับฉันตรงๆ ก็คงไม่ต้องรอถึงตอนนี้หรอก"

     

    Ouch. มันออกจะจี้ใจดำของอูฮยอนไม่น้อย แต่คนอายุน้อยกว่าก็เลือกที่จะเงียบ เป็นการยอมรับกลายๆว่าเขาเป็นฝ่ายที่ออกจะขี้ขลาดนั่นแหละ


    ซองกยูส่ายหน้าเบาๆแล้วหันกลับไปสนใจเครื่องดื่มในมือที่เริ่มจะจืดชืด มันน่าโมโหไม่น้อยที่อีกฝ่ายตัดสินใจคว้าทุนการศึกษาและโอกาสในการทำงานด้านดนตรีที่อเมริกาอย่างกระทันหัน เพียงเพื่อจะหนีปัญหาในคืนนั้นที่อูฮยอนก้าวข้ามเส้นความเป็นเพื่อนไปอย่างชัดเจน แถมยังปล่อยให้ค้างคาด้วยประโยคเดียวว่า ผมจะกลับมา

     

    เป็นใครก็คงอยากจะกระชากคอเสื้อคนแบบนี้เข้ามาต่อยซักหมัดสองหมัดใช่ไหม? แน่นอนว่าซองกยูทำไม่ได้เพราะเจ้าตัวก็หนีไปถึงอีกฟากของโลกแล้ว บังเอิญว่าซองกยูไม่ใช่เด็กวัยรุ่นที่เมาฮอร์โมนจนทำอะไรไม่คิดซะด้วยสิ เขาถึงทำการล็อกตัวเองอยู่ในห้องและคิดทบทวนทุกอย่างระหว่างเขาทั้งสองคน ถึงแม้ซองกยูได้นั่งก่นด่าคนอายุน้อยกว่าจนสาแก่ใจแล้วเขาก็ยอมรับว่าจะโทษอูฮยอนฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก เพราะซองกยูมองข้ามสิ่งเล็กๆน้อยๆที่อีกฝ่ายทำให้อย่างสิ้นเชิง ด้วยความที่สนิทกันเกินไป เขาถึงไม่ทันได้คิดว่าทุกอย่างที่อูฮยอนทำมันมีความหมาย มีความหวังสอดแทรกไปในการกระทำในชีวิตประจำวันและแนบเนียนจนเขาดูไม่ออก บางทีอาจจะเป็นเขาเองนั่นแหละที่ทึบเกินไป

     

    เขาจำรายละเอียดไม่ค่อยได้เท่าไหร่ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากการสบตากันในวันที่ครอบครัวของอูฮยอนย้ายเข้ามาอยู่ข้างๆ แต่ก็พูดได้ว่าเขากับอีกฝ่ายนั้นเห็นหน้ากันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกวิ่งเล่นอยู่กลางสนามหญ้าในโรงเรียนอนุบาลใกล้บ้าน เด็กผู้ชายข้างบ้านผู้ซึ่งมีอายุน้อยกว่าเขาสองปีเคยวิ่งตามเขาต้อยๆไปทั่วทุกหนแห่ง ด้วยการที่เป็นเด็กราศีกุมภ์จึงเป็นคนที่อารมณ์แปรปรวน สะเทือนใจง่ายแถมยังขี้แย ตั้งกี่ครั้งกี่คราวที่อีกฝ่ายหาเรื่องมางอแงร้องไห้ต่อหน้า ซองกยูก็นับได้ไม่หมด
     

    นัมอูฮยอนก็เป็นเด็กประมานนั้น กระหายที่จะเป็นจุดสนใจและไม่เคยเหน็ดเหนื่อยที่จะเรียกร้องความสนใจจากเขา ซองกยูก็ชอบของน่ารักๆอยู่นะ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาไม่เคยปฏิเสธดวงตากลมๆราวกับลูกหมาที่มองเขาอย่างออดอ้อนได้ลง ต่อให้อูฮยอนจะเคยวุ่นวายหรือทำให้ชีวิตเขายุ่งขึ้นมากกว่าเดิม เด็กพูดน้อยเก็บตัวอย่างซองกยูก็นึกขอบคุณที่อีกฝ่ายเข้าหาเขาก่อน
     

    เขามีเพียงพี่สาว การที่มีอูฮยอนอยู่ในชีวิตทำให้เขารู้สึกเหมือนได้มีน้องชาย มีเพื่อนเล่น สามารถที่จะเป็นฝ่ายคอยดูแลและห่วงใยคนอายุน้อยกว่าได้อย่างไม่มีอิดออด และอูฮยอนก็เป็นเด็กดี ถึงจะซนและชอบงอแงแต่ก็น่าเอ็นดู แต่ละวันก็จะมีกันสองคนเสมอ ทั้งในโรงเรียนอนุบาลและประถม จวบจนขึ้นมัธยม อูฮยอนก็กลายเป็นทั้งน้องชายและเพื่อนสนิท บางครั้งก็รู้สึกเหมือนเลี้ยงเด็กมากกว่า
     

    แต่มันก็เป็นช่วงมัธยมปลายจนมาถึงมหาวิทยาลัยนี่แหละที่ทุกอย่างค่อยๆเปลี่ยนไป–

     

     

    "เดี๋ยวนะ พี่ซองกยูเป็นจูบแรกของผมใช่มั้ย?"

     

    "แค่ก!"

     

     

    ให้ตายสิ ซองกยูเกลียดผู้ชายคนนี้จริงๆ

     

     

     

    tbc→

    ของจริงจะเริ่มตั้งแต่ตอนหน้าเป็นต้นไป~
    ตอนในอดีตจะลงแทรกไประหว่างตอนในเวลาปัจจุบันที่เป็นตัวเล่าเรื่องหลัก น่าจะเป็นฟอร์แมตที่แปลกดีฮะ
    (เย้ เจ้าของเหล้าไม่ใช่อูฮยอน xD แต่จะเป็นคนที่มีบทค่อนข้างสำคัญในการดำเนินเรื่องทีเดียว)

    โอ้ gif นี้ มันใช่เลย

    Samsung Galaxy Player CF อูกยูฟินสุดๆฮะ \( ; ∇ ; )/
    แต่ใครก็ได้เผาเสื้อลายหน้าสิงโต/เสือของพี่ซองกยูที

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×