ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Volcano Deimonia

    ลำดับตอนที่ #3 : ตึกซีนาบิวด์

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ย. 48


                       เมืองซัมเบม่า  เป็นเมืองที่ไม่ใหญ่โตอะไรมากมาย  แต่ดูสะอาดสะอ้าน  และสภาพแวดล้อมของที่นี่ทำให้แอ็กเนสตื่นตาตื่นใจ  ที่นี่ต่างจากนครเวคายของเธอ เพราะนครเวคายสิ่งก่อสร้างจะเป็นหินอ่อนสีขาว  ดูแล้งสะอาดบริสุทธิ์  ผิดกับที่นี่ที่มีตึกตั้ง 4-5 ชั้น  แถมมีทั้ง  สีแดง  สีส้ม  และสีต่างๆอีกหลากหลายสี  ซึ่งทำมาจากไม้บ้าง  ทำมาจากปูนบ้าง  และผู้คนก็ไม่สวมชุดคลุมแบบเธอ  แต่สวมเสื้อยืด  กางเกงยีนส์  หรือไม่ก็กระโปรง  และอะไรอีกหลายอย่างสารพัดที่จะแต่ง



                       “สิ่งแตกต่างพวกนี้ใช่ไหมที่ท่านตาอยากจะให้เราเรียนรู้”  แอ็กเนสคิดในใจ  พลางมองไปรอบๆอย่างไม่เคยได้เห็นมาก่อน  



                       ตอนนี้เธอไม่ขี่ม้าแต่เธอใช้มือจูงมันแทน  และปลดชุดคลุมสีดำออกจากตัวเพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตาของผู้อื่นมากนัก  แต่ก็ยังไม่วายมีคนหันมามองจนได้



                       แอ็กเนสจูงม้าให้เดินตรงไปเรื่อยๆ  จนเห็นตึกสองชั้นที่ก่อด้วยอิฐสีส้ม  มีป้ายเขียนไว้ที่ทางเข้าว่า “ที่พักค้างแรม”  เธอจึงเดินตรงเข้าไป



                                                                 ........................................................................



                       แอ็กเนสกำลังเดินตรงไปที่เคาร์เตอร์  ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินตรงมาที่เธอ  ผู้หญิงคนนั้นมีผมและสีตาแบบเดียวกันกับเธอ  และกำลังยืนยิ้มให้เธออยู่  



                       “คนของนครเวคาย”  นี่คือความคิดแรกที่แวบเข้ามาในสมองของเธอ  ก่อนจะว่าเป็นไปไม่ได้



                       “แอ็กเนสใช่ไหมค่ะ”  ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาพูดกับเธอ



                       แอ็กเนสมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างตกใจ  ก่อนจะตอบว่า



                       “ใช่ค่ะ”  



                       “ดิฉัน  เอ็มม่า  เฟร็ชเชอร์ค่ะ  ท่านนอร์แมนให้มารับค่ะ”  เอ็มม่ากล่าวและยิ้มน้อยๆอย่างเป็นมิตรให้กันเธอ  และเมื่อแอ็กเนสจะพูดตอบ  เธอก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า  “ตามดิฉันมาเถอะค่ะ  อย่าคุยที่นี่เลย  เชิญค่ะ”  แล้วเธอก็เดินนำขึ้นไปโดยไม่ฟังคำตอบของแอ็กเนสเลย  แอ็กเนสจึงได้แต่เดินตามขึ้นไปอย่างสงสัย



                       เมื่อเดินเข้ามาในห้องพัก  ซึ่งเป็นห้องไม่ใหญ่มาก  มีเตียงนอนอยู่ 2 เตียงตั้งอยู่ที่มุมห้อง  และภายในห้องนั้นมีชายคนหนึ่งยืนอยู่  เขาค่อยๆหันหน้ามา  ทำให้แอ็กเนสเห็นหน้าของเขาชัดเจน  เขามีตาสีเขียวอ่อนและผมสีเดียวกันกับตา  ใส่สูทสีดำที่ทำให้เขาดูสง่า  และเมื่อเธอกับเอ็มม่าเดินเข้าไป  เขาก็ยิ้มให้ซึ่งมันทำให้เขาดูเด็กลงไปหลายปีทีเดียว  แต่ประกายตาที่เขามองเธอนี้สิ มันแปลกๆ เพราะมันเต็มไปด้วยความรัก ความเอ็นดูและอะไรอีกหลายๆอย่างที่คนเพิ่งจะเคยเจอกันไม่น่าจะมี  เธอจึงรีบสลัดความคิดนั้นออกจากหัวทันที ก่อนที่มันจะเข้ามารบกวนเธอไปมากกว่านี้



                       “สวัสดีครับ  ผมโรเบิร์ต  เฟร็ชเชอร์”  แล้วโรเบิร์ตก็ยื่นมือสีน้ำตาลมาตรงหน้าของแอ็กเนส  เธอจึงรีบยื่นมือออกไปสัมผัสทันที  “ผมมารับแอ็กเนสตามที่ท่านนอร์แมนบอกครับ”



                       “ท่านตาติดต่อพวกคุณเหรอค่ะ”  แอ็กเนสถามออกมาอย่างงงๆ  “ไม่อยากจะเชื่อเลย”



                       “ทำไมถึงไม่เชื่อละจ๊ะในเมื่อฉันก็เป็นคนของนครเวคายนะ”



                       “ผมพักอยู่ที่ห้องข้างๆ  แอ็กเนสคงมีอะไรอยากจะถามคุณอีกเยอะเลย”  โรเบิร์ตหันไปพูดกับเอ็มม่า  ก่อนจะหันมาพูดกับแอ็กเนสและยิ้มอย่างเอ็นดูให้เธอ  “เชิญตามสบายนะ  พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางกันแต่เช้า”  



                                                            .................................................................



                       แอ็กเนสนั่งอยู่บนเตียงพลางหวีผมที่เพิ่งจะสระตอนอาบน้ำ  เธอนั่งมองเอ็มม่าอยู่บนเตียงนอนของเธอโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดอย่างไรดี  และเหมือนเอ็มม่าจะรู้ใจเธอ  เธอจึงพูดขึ้น



                       “อยากจะถามอะไรก็ถามเถอะจ๊ะ  จะตอบทุกคำถามเลย”



                       “เอ่อ...คุณบอกว่า  คุณเป็นชาวนครเวคายใช่ไหมค่ะ”



                       “ค่ะ”  แล้วเอ็มม่ายืนหัวเราะเบาๆ



                       “แล้วคุณโรเบิร์ตล่ะค่ะ”



                       “ไม่ใช่ค่ะ  เขาไม่ใช่คนในอาณาจักรมิราคึลเลย”



                       เอ็มม่ารีบพูดต่อทันที  อย่างกับรู้ว่าเธอจะถามว่าโรเบิร์ตเป็นคนในอาณาจักรนี้รึเปล่า



                       “อ้าว..แล้ว”



                       “รู้จักกันได้ยังไง”  เอ็มม่าพูดต่อให้ทันที



                       “ค่ะ”



                       “โรเบิร์ตเป็นสามีของดิฉันค่ะ”



                       แล้วเอ็มม่าก็หัวเราะออกมาน้อยๆ  เมื่อเห็นสีหน้าของแอ็กเนส



                       “คือ...หนูไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยค่ะว่าคนในนครจะแต่งงานกับคนข้างนอกได้”



                       “ไม่เป็นไรจ๊ะ  แอ็กเนสต้องเรียนรู้อีกเยอะ”



                       “แล้วคุณเอ็มม่ามาทำอะไรที่นี่ค่ะ  แล้วมาตั้งแต่เมื่อไหร่ค่ะ”



                       “แล้วฉันจะตอบคำถามไหนก่อนดีล่ะ”  เธอหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดูคนถาม  “คือฉันออกมาตั้งแต่อายุ 20 กว่าๆเห็นจะได้  ฉันมาทำงานเป็นสายสืบให้กับนครเวคายจ๊ะ”



                       “สายสืบ”  แอ็กเนสทวนคำเบาๆ  “หนูพอจะรู้เรื่องนี้มาบ้างแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่  เพราะตำนานที่เล่าขานกันมานานนับพันปีนั่นใช่ไหมค่ะ”  แอ็กเนสพูดออกมาเบาๆ



                       “ใช่ค่ะ  เพราะตำนานนั้น  และมันก็อาจจะเป็นชนวนสงครามอันใหญ่หลวง  เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว  แต่นั้นก็เป็นแค่สงครามภายในหุบเขาเท่านั้น  ท่านนอร์แมนไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีก  จึงส่งพวกเราออกมาสืบเรื่องพวกนี้ตามเมืองต่างๆ”



                       “แล้วถ้าคนภายนอกทราบล่ะค่ะ  พวกคุณจะทำยังไงกัน”



                       “ท่านนอร์แมนให้ใช่น้ำยาลบความทรงจำค่ะ”



                       “แต่น้ำยานั้นจะทำให้เขาไม่มีความทรงจำอะไรเหลืออยู่เลยนะค่ะ”  แอ็กเนสพูดออกมาอย่างตกใจ



                       “มันจำเป็นค่ะ  ความทรงจำของคนๆเดียว  กับภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นกับดาวดวงนี้  และถ้าท่านนอร์แมนมีทางให้เลือกมากกว่านี้ท่านก็คงจะไม่ใช่วิธีนี้แน่นอนค่ะ”



                       “เอาเป็นว่าหนูเข้าใจค่ะ”  แอ็กเนสเงยหน้าขึ้นมองเอ็มม่าที่ยืนอยู่  ก่อนจะพูดว่า  “ท่านตาคงจะไว้ใจคุณมาก  ท่านถึงได้ส่งหนูมาอยู่กับคุณ”



                                                              .................................................................



                       “ท่านนอร์แมนบอกแอ็กเนสแล้วใช่ไหมค่ะว่าอย่าใช่ชื่อจริง”  เอ็มม่าถามขนาดที่นั่งทานอาหารอยู่ในห้อง



                       “ค่ะ  แล้วเอ็มม่านี่เป็น...”



                       “ชื่อจริงค่ะ”  เอ็มม่าตอบ  ทำให้แอ็กเนสมองเธออย่างสงสัย



                       “ก็...ทำไมถึงใช่ชื่อจริงที่นี่ล่ะค่ะ”



                       “ก็เพราะว่าดิฉันไม่มีความสำคัญอะไรสักเท่าไหร่  จึงไม่จำเป็นต้องอำพลางชื่อนี้ค่ะ  ไม่เหมือนแอ็กเนส”



                       “ค่ะ  หนูเข้าใจ”



                       “แล้วจะใช่ชื่อว่าอะไรค่ะ”  เอ็มม่าถาม  หยุดมองอยู่ที่เธอ



                       “อืม”



                       แอ็กเนสก็ยังไม่รู้  จึงได้แต่เดินไปเดินมาและมาหยุดอยู่ที่หน้าต่าง  มองลงไปข้างล่างที่เป็นสวนหย่อมขนาดเล็กๆ  ปลูกดอกไม้อยู่หลายชนิด  เธอสะดุดตาอยู่ที่ดอกไม้พันธุ์หนึ่ง  มันเป็นต้นไม้สูงประมาณ 2 เมตร  ดอกของมันมีสีแดง มันไม่สวยขนาดดอกกุหลาบ  แต่มันเป็นต้นไม้ที่ทนและชอบแดดมาก



                       “คอร์เดียค่ะ  หนูจะใช่ชื่อว่าคอร์เดีย”  



                                                              .................................................................





                       เมืองบริเนต้าเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างรูปร่างต่างๆมากมาย  ตึกแต่ละตึกสูงราวๆ 20 ชั้นขึ้นไปทั้งนั้น  ส่วนบนท้องฟ้าก็มีอะไรก็ไม่รู้ร่อนอยู่เต็มไปหมด  และที่พื้นดินก็ไม่ต่างอะไรจากบนท้องฟ้า  ดูแล้วน่าปวดหัวพิลึก



                       “แล้วมันเคยชนกันบ้างไหมค่ะ”  แอ็กเนสถามอย่างสงสัย  ที่ทั้งบนฟ้าและบนถนนมันแสนจะวุ่นวาย



                       “มันก็มีบ้างจ๊ะ  แต่น้อยมาก”  เอ็มม่าขำน้อยๆเมื่อเห็นสีหน้าของแอ็กเนส  “เห็นไฟเขียว ไฟแดงนั้นไหม”  แอ็กเนสมองตามไปทันที  “เขาเรียกว่าสัญญาณไฟจราจรจ๊ะ  สีแดงหมายถึงให้หยุด  สีเหลืองคือเตรียมตัว  ส่วนสีเขียว  ให้ไปได้จ๊ะ  ทุกคนส่วนมากจะทำตามสัญญาณไฟ  ก็เลยไม่จะค่อยมีปัญหา”



                       “อ๋อ”  แอ็กเนสพยักหน้าอย่างเข้าใจ  “หนูพอจะรู้มาจากหนังสือที่หนูเคยอ่านค่ะ”



                       “ยังมีอีกหลายเรื่องที่แอ็กเนสต้องเรียนรู้เมื่ออยู่ที่นี่”  โรเบิร์ตพูดออกมาและยิ้มให้เธอ



                                                             .................................................................



                       ไม่นานนัก  ยานก็แล่นมาถึงตึกสีน้ำเงินที่มีแต่กระจกเป็นส่วนประกอบ  ทำให้ตึกนี่ดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก  ตึกนี่สูงราวๆ 30 ชั้น  ยานค่อยๆร่อนลงจอดบนดาดฟ้าของตึก  บนนั้นมีชายในชุดสูทสีดำนับสิบยืนเข้าแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง  ของทั้งสองฟากของพรมแดง



                       โรเบิร์ตก้าวลงมาจากยานเป็นคนแรก  พร้อมๆกับที่บรรดาชายชุดสูทสีดำก้มทำความเคารพ  และเมื่อเอ็มม่าและแอ็กเนสก้าวลงไป  ชายในชุดสูทก็ทำความเคารพอีกเช่นกัน



                       “เมื่อกี้นี้ท่านประธานาธิบดีติดต่อมาครับ”  ชายในชุดสูทคนแรกทางขวามือพูดขึ้น



                       “ขอบใจ”  โรเบิร์ตพูดตอบ และก้าวเดินตรงไปที่ประตู  ตามด้วยเอ็มม่าและแอ็กเนส



                                                                .................................................................  



                       ภายในอาคารนั้นหรูหราเกินที่จะบรรยายได้  แต่จะให้เทียบกับที่ปราสาทของท่านปู่คงจะไม่ได้ เพราะมันสวยกันคนละแบบ



                       ห้องที่แอ็กเนสเดินเข้ามาอยู่ชั้นที่ 40 ของตึก ที่นี่เป็นห้องนั่งเล่น ผนังของห้องเป็นสีขาวซึ่งประดับด้วยภาพวาดต่างๆของนักจิตรกรชื่อดัง บนเพดานมีโคมไฟห้อยระย้า พื้นห้องปูด้วยพรมสีแดงที่มีลายสีทองของนกยูง และที่กลางห้องมีโซฟาสีขาววางเป็นรุปตัวยู ล้อมรอบโต๊ะแก้วสี่เหลี่ยมอยู่



                       \"คุณพูดกับแอ็กเนสก่อนนะ เดี๋ยวผมมา\"  โรเบิร์ตพูดกับเอ็มม่าเบาๆ ก่อนที่จะปิดประตูห้อง



                                                                .................................................................



                       \"ต่อไปนี้เธอคือ คอร์เดีย เฟร็ชเชอร์ ลูกสาวคนเดียวของน้องสาวฉันที่เพิ่งจะตายไปนะ  เธอไม่มีญาติที่ไหนนอกจากฉัน  O.K. มั้ยจ๊ะ\"



                       \"ค่ะ\"



                       \"ดีนะเนี่ยที่เราสองคน มีสีตาและสีผมเหมือนกัน ไม่หยั่งงั้นคงไม่มีใครเชื่อแน่ๆเลย\"  เอ็มม่าพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา \"เรามารู้จักที่นี่กันดีกว่านะ ตึกนี่มีชื่อว่าซีนาบิวด์ ซึ่งมีทั้งหมด 50 ชั้น ตึกนี่เป็นตึกของโรเบิร์ตจ๊ะ ที่สำคัญซีนาบิวด์เป็นชื่อบริษัทจ๊ะ บริษัทซีนาบิวด์เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดของดาวดวงนี้จ๊ะ\"  เอ็มม่าหันมามองแอ็กเนสที่นั่งตาโตอยู่แล้วหัวเราะน้อยๆ \"เพราะฉะนั้น จากนี้ไปเธอคือ คอร์เดีย เฟร็ชเชอร์ คุณหนูของตระกูลนี้จ๊ะ\" เอ็มม่าพูดด้วยเสียงที่หนักแน่น



                       \"อะไรนะค่ะ\" แอ็กเนสถามอย่างตกใจ (ก็จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง ในเมื่อเธอคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตแบบเด็กธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่มาเป็นคุณหนูแบบนี้)



                       \"ก็อย่างที่ได้ยินหน่ะ แอ็กเนสคือคุณหนูของตระกูลนี้\"  เอ็มม่ายำอีกครั้งให้เธอแน่ใจ



                       \"โอ๊ยฉันอยากจะบ้าตาย\"  แอ็กเนสคิดในใจ \"นี่โดนท่านตาเกลี่ยกล่อมให้ออกมาข้างนอก อุตส่าห์ตกลงก็นึกว่าจะได้ใช่ชีวิตแบบตามใจชอบ แต่นี่อะไรต้องมาเป็นคุณหนูของตระกูลเฟร็ชเชอร์ โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย\"  แอ็กเนสคิดได้แค่นั่นก็มีเสียงดังขึ้นมาทำให้เธอต้องออกจากความคิด



                       ก๊อก ก๊อก ก๊อก



                       \"เข้ามาสิ\"  เอ็มม่าบอกเบาๆ พร้อมกับประตูที่เปิดออก  \"อ้าว..ลูน่า\"  เอ็มม่าพูดขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวที่เดินเข้ามา



                       ลูน่า ในความคิดของคอร์เดียน่าจะประมาณ 20-22 เธอมีผมสีนำตาลเข้ม ตาสีเดียวกันผิวขาวๆ ตัวกลมๆ ดูแล้วน่ารักดี เหมือนตุ๊กตาเลย



                       \"นี่ คอร์เดีย เฟร็ชเชอร์ หลานสาวของฉันเองจ๊ะ\"  เอ็มม่าเดินตรงมาโอบไหล่คอร์เดีย  \"แล้วนี่ก็ ลูน่า ผู้ที่มาดูแลหนูจ๊ะ คอร์เดีย\"  



                       แอ็กเนสหันไปยิ้มให้กับลูน่า ซึ่งเธอก็หันมายิ้มตอบ พลางคิดว่าต่อไปนี้เธอคือ คอร์เดีย



                       \"เดี๋ยวลูน่าพาคอร์เดียไปที่ห้องพักก่อนนะ แล้วเจอกันตอนอาหารเย็นจ๊ะ\"  



                                                                .............................................................



                       \"คุณหนูสวยจังค่ะ\"  ลูน่าเอ่ยชม  ซึ่งก็ทำให้หน้าของคอร์เดียขึ้นสีทันที



                       \"ขอบคุณค่ะ\"  คอร์เดียตอบอย่างเขินๆ  \"คุณก็น่ารักค่ะ\"



                       ลูน่าไม่ตอบอะไรนอกจากยืนยิ้มให้กับเธอ



                       \"คุณลูน่าทำงานที่นี่มานานรึยังค่ะ\"  คอร์เดียถามขณะที่นั่งลงตรงโซฟาใกล้ๆ



                       \"ก็ไม่นานหรอกค่ะ\"  ลูน่าตอบพลางจัดที่นอน



                       \"ห้องนี้สวยนะค่ะแต่งแบบ ผู้หญิ้ง ผู้หญิง\"



                       เธอพูดพลางมองไปรอบๆห้องส่วนตัวที่กว้างขว้างเป็นรูปทรงกลม  ฝาผนังทุกด้านเป็นสีชมพูอ่อน  เตียงนอนใหญ่ที่พรั่งพร้อมไปด้วยผ้าห่ม ผ้าคลุมเตียง ม่าน หมอน ที่ทั่งหมดเป็นสีชมพูหวานแหว บนเตียงแถมด้วยตุ๊กตาอีกมากมายหลายขนาด บางตัววางอยู่บนเก้าอี้นวมที่ตั้งอยู่ปลายเตียง



                       แล้วเธอก็ลุกขึ้นจากโซฟา เดินตรงไปที่ประตูข้างๆหัวเตียงด้านขวามือ ภายในนั้นเป็นห้องแต่งตัว ที่มีโต๊ะเครื่องแป้งตัวใหญ่ และผนังกระจกที่ส่องเห็นทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ถัดไปหน่อยเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า  ที่มีตู้ยาวตลอดผนังด้านหนึ่ง ที่แขวนชุดได้นับร้อย แต่ยังไม่มีสักตัว ส่วนอีกด้านเป็นตู้และลิ้นชักเก็บของใช้และรองเท้า ในสุดเป็นห้องน้ำกว่างที่มีทุกอย่างครบครัน



                       “อ้าว.. คุณเอ็มม่า แล้วลูน่าล่ะค่ะ” คอร์เดียถามเมื่อมองไม่เห็นลูน่า



                       “เพิ่งจะเดินออกไปจ๊ะ สำรวจห้องครบรึยังจ๊ะ”



                       “ยังเลยค่ะ เพิ่งจะเดินดูแค่ห้องนี้เอง”  เะอชี้ไปที่ห้องที่เพิ่งไปสำรวจมา



                       “งั้นมาดูห้องนี้บ้างสิ”  แล้วเอ็มม่าก็เดินไปเปิดประตูห้องที่อยู่ข้างๆหัวเตียงด้านซ้าย



                       ภายในเป็นห้องพักผ่อนเป็นรูปทรงกลมสีขาว แบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกเป็นห้องหนังสือ มีชั้นหนังสือวางเป็นรูปครึ่งวงกลมที่มีหนังสืออยู่เต็มไปหมด ตรงกลางมีโต๊ะไม้สีน้ำตาลตั้งอยู่ บนโต๊ะมีโคมไฟและnotebook ที่คุรเอ็มม่าบอกว่ามีหน่วยความจำเทียบเท่ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ อีกส่วนหนึ่งเป็น จอทีวีโฮมเธียเตอร์ วีดีโอและสเตริโอ อยู่ชิดผนังห้อง มีซีดีเกมส์ ซีดีเพลงและซีดีภาพยนตร์วางอยู่บนชั้นข้างๆจอทีวีโฮมเธียเตอร์ และมีโซฟาสีดำวางเด่นอยู่ที่กลางห้อง พร้อมด้วยเคาน์เตอร์สำหรับขนม เครื่องดื่มและมีตู้เย็นอิเล็กทรอนิกส์



                       “ยังกับอยู่โรงแรม 10 ดาวเลยค่ะ”คอร์เดียเอ่ยขึ้น



                       “เคยอยู่เหรอจ๊ะ”  เอ็มม่าถามแบบขำๆ



                       “ไม่เคยค่ะ”  เธอตอบแบบอายๆ



                       “พรุ่งนี้จะพาไปร้านเสื้อนะค่ะ จะได้ซื้อเสื้อผ้า” เอ็มม่าพูดขึ้น



                       “ค่ะ คุณพาหนูไปร้านขายอัญมณีได้ไหมค่ะ”



                       “จะไปทำไมค่ะ”  เอ็มม่าถามอย่างสงสัย



                       “หนูจะขายอัญมณีค่ะ จะได้เอาเงินมาใช้จ่าย”



                       “ไม่ต้องไปค่ะ”



                       เอ็มม่าพูดจบ เธอก็เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋า หยิบการ์ดสีเงินขึ้นมาส่งให้กันคอร์เดียและพูดว่า



                       “สกุลเงินของข้างนอก คือ โคเนียว ในการ์ดนี้มี 10000 โคเนียว  1 โคเนียวเท่ากับ 1000 มินิโคเนียวค่ะ” เอ็มม่าบอกกับเธอ



                       “หนูรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ”  คอร์เดียพูดออกมาอย่างรวดเร็ว



                       “ไม่เป็นไรค่ะ ท่านปู่ก็รู้”  เอ็มม่าพูดเบาๆอย่างเข้าใจ  “รับไว้เถอะค่ะ ไม่ต้องเกรงใจ คอร์เดียเป็นคนของตระกูลเฟร็ชเชอร์แล้วนะจ๊ะ”



                       “ค่ะ หนูรับไว้ก็ได้”



                       “คอร์เดียใช้ notebook เป็นไหมจ๊ะ”  เอ็มม่าถาม



                       “ก็พอเป็นค่ะ”  เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม



                       “งั้นก็ดีจ๊ะ เพราะถ้าอยู่ที่นี่จำเป็นต้องมี notebook เพื่อความสะดวกสบายในด้านต่างๆทั้งการถามทาง การเรียนหนังสือ การดูหนัง ฟังเพลง ติอต่อสื่อสาร และก็อะไรอีกหลายๆอย่าง



                       “แล้วทำไมคุณไม่เห็นมีเลยล่ะค่ะ”



                       “มีสิจ๊ะ นี่ไง”  ว่าแล้วเธอก็หยิบบางสิ่งออกมา “มันเรียกว่าปาล์มจ๊ะ มีหน่วยความจำเท่ากับคอมพิวเตอร์ อันนี้นิยมใช้สำหรับคนที่ทำงานแล้ว”



                       “อ๋อ”  คอร์เดียพยักหน้าอย่างเข้าใจ



                       “มาค่ะ มาดูกันว่า คอร์เดียทำอะไรเป็นบ้าง”



                       เอ็มม่าเป็นครูสอนที่ดี สอนทุกๆอย่างให้กับเธออย่างใจเย็น และกว่าที่คอร์เดียจะได้นอนก็เกือบตี 2 หลังจากนั่งเล่นเกมส์ต่อสู้ที่เอ็มม่าบอกว่าสนุกมากๆ



                                                                     .......................................................



                       วันรุ่งขึ้น เอ็มม่าก็พาคอร์เดียนั่งยานไปย่านขายของที่ใหญ่ที่สุดของเมืองนี้ คือ “ชารอนทาวน์” ซึ่งเต็มไปด้วยร้านขายของนับพันร้าน ทั้งร้านขายเสื้อผ้า ร้านเครื่องประดับ ร้านโน้น ร้านนี้และห้างสรรพสินค้านับสิบแห่ง



                       พอยานจอดปุ๊ป เอ็มม่าก็พาคอร์เดียเดินฝ่าฝูงชนปั๊ป โดยไม่คิดจะรอผู้ถือของที่เธอพามาทั้ง 5 คน มันทำให้คอร์เดียสงสัยมากว่าเอ็มม่าจะซื้ออะไรหนักหนาถึงต้องพาคนช่วยถือของมาเยอะขนาดนี้ แต่พอเข้าร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์แนมร้านแรก ความสงสัยก็หมดไป เพราะเอ็มม่าเอาแต่ เลือกๆๆๆๆๆๆๆๆ ทั้งเสื้อ กระโปรง กางเกง นับสิบที่ถูกใจเธอ (โดยไม่คิดถึงราคาที่บางตัวถึงหลักหมื่น) และส่งให้เจ้าของร้านเพื่อพาเธอไปลอง



                       แค่ครึ่งชั่งโมงแรกของการช็อปปิ้ง คอร์เดียก็มีเสื้อใส่นับตัว โดยไม่ต้องออกเงินด้วยเหตุผลที่ว่า



                       “โรเบิร์ตให้การ์ดเรามาช็อปปิ้งกันตามภาษาสาวๆ”  เอ็มม่าตอบอย่างร่าเริง



                       เอ็มม่าพาเธอเข้าร้านโน้น ออกร้านนี้ เป็นว่าเล่น จนผ่านไป 3 ชม. เธอก็ได้ครบทุกอย่างทั้งเสื้อผ้า  น้ำหอม รองเท้า เครื่องสำอางค์และอีกเพียบ จนกระทั่งตอนนี้เอ็มม่าก็ยังจะพาเธอไปเดินต่อ แต่



                       “เอ่อ คุณเอ็ม”  คอร์เดียชะงักทันทีที่เห็นสายตาของเอ็มม่า  “คุณน้าค่ะ พอแค่นี้เถอะค่ะ” แล้วคอร์เดียก็หันไปมองที่ผู้ตามอีก 5 คน อย่างเห็นใจ เพราะในมือของพวกเขาเต็มไปด้วยของๆเธอที่เอ็มม่าซื้อให้



                       “อะไรกัน ซื้อแค่นี้เอง”  เอ็มม่าบ่นเบาๆ



                       “1000 โคเนียวเนี่ยนะ แค่นี้เอง”  คอร์เดียคิดในใจแล้วปรายตามองไปที่ถุง



                       “คือว่าหนูอยากจะไปร้านหนังสือบ้างค่ะ”



                       “ก็ได้จ๊ะ”  เอ็มม่าตอบอย่างไม่ค่อยเต็มใจ



                       “งั้นเราไปกันเถอะค่ะ” แล้วคอร์เดียก็รีบเดินออกไปก่อนที่เอ็มม่าจะเปลี่ยนใจ



                                                                 ..............................................................



                       “เป็นยังไงบ้างค่ะ”  ลูน่าถามทันทีที่เห็นคอร์เดียเดินเข้ามาในห้อง



                       “เหนื่อยค่ะ”  ว่าแล้ว คอร์เดียก็ล้มตัวลงบนที่นอน  “คุณน้า ช็อปเก่งชะมัดยาดเลยค่ะ”



                       “ก็คุณเอ็มม่ามือโปรเรื่องช็อปนี่ค่ะ” ลูน่าพูดพลางกั้นเสียงหัวเราะ



                       “โปรบ่อยๆแบบนี้ก็ไม่ดีนะค่ะ” คอร์เดียพูดอย่างขำๆ



                       “แล้วซื้ออะไรบ้างเนี่ยค่ะ” ลูน่าถามเมื่อเห็นกองถุงนับสิบที่วางอยู่



                       “ก็พวกของใช้ต่างๆค่ะ”  คอร์เดียตอบแต่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาดู



                       ส่วนลูน่าก็นั่งรื้อของทุกอย่างออกมาจากถุง



                       “งั้น เดี๋ยวเสื้อผ้าจะเอาไปซักนะค่ะ ส่วนรองเท้า น้ำหอม เครื่องประดับ เครื่องสำอางค์เอาไปเก็บไว้ในห้องแต่งตัวนะค่ะ”  ลูน่าพูดและจัดการทุกอย่าง



                       “ค่ะ” คอร์เดียตอบอย่างเนืองๆ



                       เมื่อลูน่าออกจากห้องไปไม่นานก็กลับเข้ามาพร้อมกับแม่บ้านอีก 2 คนเพื่อมาช่วยกันลำเลียงของใส่ในตู้เสื้อผ้าของเธอจนเสร็จและออกจากห้องไป



                       พอทุกคนออกไปคอร์เดียก็ลุกขึ้นไปหยิบหนังสือและแผ่นดิสที่ซื้อออกมา และเดินตรงไปที่ห้องหนังสือห                                                                

                          



      

                            

            

                                                                                                                                                                                        

                          



                              

                          

                                              

                                                          

                                          

                            

                          
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×