ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic exo]one more cruse คำสาปแห่งรัก chabaek

    ลำดับตอนที่ #3 : chapter 2 สร้อยคอฟีนิกส์

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 57


    chapter 2

    สร้อยคอฟีนิกส์


    เจ็ดปีผ่านไป

         เวลาเริ่มเดินเรื่อยๆจนชีวิตเด็กๆของชายน้อยชานยอลต้องก้าวเข้ามาเป็นชายน้อยที่กำลังได้ขนานนามข้างหน้าชื่อว่า'เจ้าชายหรือองค์ชาย' ในขณะที่จะอายุ18เร็วๆนี้

    ณ ปราสาทแห่งราชวงศ์ฟีนิกส์

    ::รุ่งเช้า::

    'ห้องทรงงาน'

         ประตูสีแดงทองถูกสลักเป็นอักษรกรีกโบราณถูกเปิดออกด้วยมือของทหารที่ขนาบกับข้างประตูห้องทรงงาน มีชายรูปงามสง่าภูมิฐานดีที่เป็นถึงลูกกษัตริย์ของราชวงศ์นี้กำลังเดินเข้ามาในห้องทรงงานเพื่อมาหาผู้เป็นพ่อที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ของบัลลังก์

    "เสด็จพ่อท่านเรียกข้ามาที่นี่มีเหตุอันใดรึ"

    "..."

         เสียงทุ้มต่ำนุ่มออกมาจากปากได้รูปของชายน้อยชานยอลที่โตเป็นบุรุษชายรูปงาม เอ่ยถามคำถามผู้เป็นพ่อเเต่อย่างใด
    ไม่มีเพียงเสียบที่ตอบรับเเต่อย่างใดเหลือเเต่สายตาคมทั้งสองของพ่อลูกสบตากับครู่เดียว ก่อนที่สายตาคนเป็นราชาจะสบตากับทหารอีกสองนายที่ยืนคุมความปลอดภัยในห้อง เหมือนต้องการความเป็นส่วนตัวทหารทั้งสองรู้หน้าที่ดีจึงโค้งให้เเละเดินออกไปอย่างว่าง่าย จนทั้งสองก็เข้าประเด็นเรื่อง

    "ท่านพ่อมีเรื่องอะไรรึ"

    "ชานยอล วันพรุ่งนี้ก็จะถึงงานเฉลิมฉลองพระชนมพรรษาของเจ้าเเล้วนะ ปีนี้เจ้าก็มีชันษา18ชันษาเเล้วนี่"

    "ขอรับข้าทราบเเล้ว ท่านมีเหตุอะไรจะกล่าวอีกรึไม่ข้าจะได้กลับไปอ่านกฏของผู้ครองบัลลังก์ที่มีเป็นพันๆหน้ากว่าสิบเล่มอย่างที่ท่านให้ข้าอ่านไง"     

    "เดี๋ยวนี้บังอาจย้อนข้านะ เเล้วเจ้ารู้ไหมพรุ่งนี้วันอะไร"

    "วันฉลองพรรษาข้าไง"

         ด้วยความที่อยู่กันสองคนก็ไม่ต้องจำเป็นกับคำพูดมาก ทั้งสองคนคุยกันอย่างสบายๆชานยอลพูดด้วยเสียงประชดประชันเล่นๆกับพ่อของตนเองเล็กน้อย ราชวิลเลี่ยมลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวใหญ่เเละเดินมาหาลูกชายตัวเองมือหยาบกร้านยกขึ้นลูบหัวลูกชายหัวเเก้วหัวเเหวนของตน ชานยอลพูดด้วยความงุนงงเล็กน้อย เสด็จพ่อจะถามซ้ำทำไมในเมื่อเขารู้แล้ว


    "ผิดเเล้วละเเต่นั้นก็ส่วนนึง เเต่พรุ่งนี้เป็นวันมอบสร้อยให้กับเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ที่มีชันษาครบ18ชันสาบริบูรณ์"

     
    "นั้นเเสดงว่า จงอิน...ก็"


         ราชาวิลเลี่ยมกระตุกยิ้มราวกับรู้ว่าลูกชายคิดอะไร ชานยอลนึกไปถึงจงอินสหายมิตรสนิทที่มีเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์เทเลพอร์ตและเป็นพระโอรสคนเดียวของกษัตริย์ผู้ปกครองเเห่งราชวังเทเลพอร์ต


    "ใช่เชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ที่ตอนนี้มีพระชันษาครบ18ชันษาในปีนี้ต้องไปเลือกสร้อยที่มีลักษณะเหมือนกันเเต่ตราสัญลักษณ์ข้างในย่อมเเตกต่างกันตามสายเชื้อพระวงศ์ ซึ่งทุกพระองค์ต้องเข้ารับพิธีในรุ่งเช้าพรุ่งนี้เเละตรงกับวันฉลองชันษาของเจ้าพอดี ส่วนวันนี้ไม่ต้องอ่านมันเเล้วหนังสือน่ะไว้วันอื่นก็ได้"

    "แล้วถ้าท่านไม่ให้ข้าตำราวันนี้เเล้ววันนี้ท่านจะให้ข้าทำ..."

         ชายน้อยชานยอลนั้นยืนฟังราชาวิลเลี่ยมพูดยาวเป็นปี่ขลุ่ยเเทบจะมึนงง ยังไม่ทันที่ชายน้อยชานยอลจะพูดจบเสด็จพ่อผู้เป็นที่เคารพก็ตรัสเเทรกขึ้นมาอีกรอบ

    "วันนี้พวกเราจะไปดูเเบบของสร้อยกันเพราะเเต่ละราชวงศ์ต้องลงความเห็นเป็นส่วนใหญ่ว่าอยากได้เเบบไหนมากกว่า เจ้าเห็นสร้อยเเบบที่พ่อกับ'ฟีลิกส์'ใส่ไหม นั้นเเหละเป็นเเบบเดียวกันเเต่ตราด้านในแตกต่างกันไป เเล้วก็วันนี้เราจะไปรับฟีลิกส์ด้วยกัน"

         นั่นทำให้ชานยอลรู้สึกดีใจ เพราะบุคคลที่ชื่อฟีลิกส์เป็นบิดาของจงอินมิตรสนิทเขา เเต่ก็อดจะเเขวะเสด็จพ่อตัวเองไม่ได้เหมือนกัน

    "ตามกฏราชชบัญญัติของราชวงศ์ฟีนิกส์ข้อที่3278ห้ามราชวงศ์กษัตริย์เเย่งกันตรัสไม่ใช่หรอพะยะค่ะ ทำไมท่านพ่อจึงเเย่งข้าตรัส"

         ชานยอลทำหน้าทะเล้นใส่ผู้เป็นพ่อ องค์เหนือหัวของราชวังฟีนิกส์หยิกหูลูกชายเเทบจะหลุดน่าหมั่นไส้เสียจริง แขนเเกร่งยกขึ้นรัดคอลูกชายเเละใช้มืออีกข้างยีหัวจนชายน้อยชานยอลหัวยุ่ง


    "ฉลาดเยอะไปแล้วนะไอลูกชายตัวดี"

    "โอ้ยท่านพ่อหัวข้ายุ่งไปหมดเเเล้ว"

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก แอ้ดด

         ประตูห้องทรงงานไม้สีเเดงถูกเเรงเคาะจากด้านนอกก่อนจะมีเเรงผลักเข้ามา พ่อลูกทั้งสองที่เล่นกันอยู่ถึงกับชะงักเเละรีบผลักตัวออกจากกันก่อนจะจัดเสื้อที่ยับๆให้ดูปกติเเละทำท่ามาดเป็นผู้นำถือตัวทันที

    "อะ..แฮ่ม"

         เสียงผู้ปกครองราชวังฟีนิกส์คนปัจจุบันดังกระเเอมไอเล็กน้อยเป็นเชิงไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากผู้คนต่างๆไม่ว่าจะคนสนิทหรือทหารมาเห็นคงจะไม่ดีเท่าไหร่ที่พ่อลูกมีความสนิทสนมเล่นหยอกล้อกันเหมือนเด็กๆ

    "คิกๆ ระ..เรือพร้อมเเล้วขอรับ คิก"

         ซองกยูหลุดหัวเราะออกมากับความน่ารักของสองพ่อลูก นี่ไม่ใช่การปีนเกลียวใส่องค์เหนือหัวเเต่มันหยุดขำไม่ได้จริงๆแต่องค์เหนือหัวก็ไม่ได้ตรัสว่าอะไรเพราะอยู่ด้วยกันมานานจึงๆไม่ถือเรื่องนี้ซักเท่าไหร่ เเค่เฉพาะคนสนิทเท่านั้น
    เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่เเล้วร่างสูงจึงบ่นอุบอิบใส่พ่อ ส่วนคนเป็นพ่อนั้นเดินมาเอาเเขนเกี่ยวคอชานยอลไว้เเล้วเดินออกไปด้วยกันโดยไม่กลัวว่าทหารหรือคนในวังจะมอง
     
    "ขำอะไร เจ้าออกไปได้เเล้วซองกยูเดี๋ยวข้าตามไป"

    "พะยะค่ะ"

    "ท่านพ่อนะ มงกุฏข้าเกือบร่วง"

    "ไปกันเถอะเดี๋ยวจะไม่ทันการ"


    -ฝั่งท่าเรือ-


    "เสด็จพ่อข้าอยากทราบทำไมเราไม่เดินทางด้วยทางอื่นละทำไมต้องเดินทางด้วยเรือ"

    "เจ้าอยากรู้รึ อันที่จริงมันก็ได้ทั้งสองทางระหว่างทางบกกับทางน้ำเเหละเเต่ถ้าทางบกเจ้าต้องข้ามป่าเเคสพิไรโอสไปเเล้วขึ้นยอดเขาที่มียอดตัดเฉียงลงมาข้ามเขาลูกนั้นไปแล้วจะเจอน้ำตกเเห่งผู้พิทักษ์เจ้าข้ามน้ำตกสายนั้นเเล้วเดินไปทางทิศเหนือสามไมล์จะถึงเมืองเทเลพอร์ตหากหลงทางให้ดูเเสงอาทิตย์เป็นหลัก"

    "ข้าจะจำมันได้ไหมเนี่ยเอาละขึ้นเรือเถอะเสด็จพ่อเดี๋ยวไม่ทันการเสด็จดีๆระวังสะดุดพะยะค่ะ"

    "นี่ข้ายังไม่ชราภาพเสียหน่อย"

    "คิกคิก"


         ชานยอลขำออกมาเบาๆ เหล่าเสนาทหารข้าบริวารที่มาดูเเลความปลอดภัยต่างเอ็นดูกับความรักของสองกษัตริย์พ่อลูก หลังจากนั้นเรือลำใหญ่ก็เเล่นออกจากท่าเรือไป ลมทะเลพัดผ่านไปตามทิศทางลม ปีกนกฮูกสีขาวบริสุทธิ์ถูกกระพืบปีกบินออกจากฝ่ามือของราชาวิลเลี่ยมปีกของมันพริ้วสไวไปในกลางอากาศเเละมุ่งหน้าไปยังจุดมุ่งหมายที่ตนต้องไปก่อนจะบินลับเเสงอาทิตย์ไปเพื่อส่งศาล...

        

     

     

     

     


    "ฟีลิกส์สหายข้ากำลังจะไปรับเจ้าเเล้วได้โปรดรอข้าอีกซักพักไม่นานเราจะได้เจอกันเเละหวังว่าเจ้าคงยังไม่ลืมข้าหลังจากไม่ได้เจอกันหลายปี ที่วังข้ามีกิจมากนักข้าไม่มียามว่างพอที่จะมาหาเจ้าเลยข้าอยากเจอเจ้ามากเหลือเกินมิตรสหายวันนี้ข้าจะไปรับเจ้าเพื่อไปเกาะลาฟาเอลเราจะไปเลือกสร้อยรุ่นให้ลูกชายเเละซ้อมพิธีที่นั่น"ศาลถูกอ่านจบจากปากผู้ที่ได้รับศาล

    "จงอินลูกพ่อเจ้าจะได้เจอสหายเจ้าเเล้วอีกไม่นานนี้ วิลเลี่ยมจะมาหาเรา"

         องค์เหนือหัวของราชวงศ์เทเลพอร์ตกล่าวกับลูกชายคนเดียวของตนเอง เมื่อได้อ่านศาลนั่นจบฝ่ายจงอินเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ตื่นเต้นสุดใจที่จะได้เจอสหายคนสนิท

    "ท่านพ่อท่านไม่ได้หลอกข้าเล่นใช่ไหม โอ้สหายข้าไม่ได้เจอเจ้านายเพียงใดแล้ว"

       จงอินพูดพลางมองไปยังมหาสมุทรสีมุขที่สุดแสนจะกว้างติดขอบฟ้ายาวลับตาจากสวนดอกไม้ที่นั่งอยู่ตอนนี้  สถานที่ที่เป็นที่ผ่อนคลายของจงอินและราชาฟีลิกส์ เเละนาทีนี้ป็นนาทีที่เขารอ...รอการได้เจอกับเพื่อนสนิทอีกครั้ง







    "นั่นเสด็จพ่อ ข้าเห็นยอดปราสาทเทเลพอร์ตเเล้ว ท่านพ่อข้าอยากไปหาจงอินเต็มทีเเล้วทหาร!เรือเล็กพร้อม"

    "พะยะค่ะ!"

    "เจ้าไม่ต้องใจร้อนขนาดนั้น้ได้ค่อยๆเป็นค่อยๆไปน่า"

         อีกด้านของผู้ที่กำลังรอคอยเช่นกัน ชานยอลพยายามชะเง้อคอมองไปมองมาหาปราสาทของเพื่อนสนิทอยู่ก็เหลือบไปเห็นยอดธงสีเเดงที่สัญลักษณ์ข้างในเป็นสามเหลี่ยมเเละในสามเหลี่ยมมีดวงตาสีดำ จึงกระโดกกระเดกดีใจจนไม่เหลือมาดเจ้าชายทันทีพร้อมกับตะโกนสั่งให้ทหารเอาเรือเล็กลงได้อย่างรีบร้อนเนื่องจากเรือที่พวกเขาเดินทางมาเป็นสำเภาลำใหญ่จอดเข้าฝั่งไม่ได้ต้องใช้เรือเล็กนั่งต่อมาอีกที


    ตู้มมมมม


    "ค่อยๆนะพะยะค่ะ"

    "ไปกันเถอะ ทหารอยู่บนเรือให้หมดลงมาที่เรือเล็กเเค่หกคนพอ"

         สมอเรือถูกถ่วงลงน้ำอย่างรวดเร็ว เรือเล็กเริ่มออกตัวโดยมีทหารพาเรื่อยๆจนมาติดฝั่งก็ชานยอลก็เห็นเพื่อนสนิทยืนรออยู่ไม่ไกลตรงชายหาด ขายาวๆของสองพ่อลูกก้าวลงมาจากเรือเเต่เมื่อขาชานยอลนั้นถึงพื้นก็รีบวิ่งไปหาจงอินเลยซึ่งตัวจงอินก็เช่นกันที่วิ่งมาหากันเเละกัน

    "โอ้ยตายละลูกใครเนี่ย ข้าละอายทหารจริงๆมีลูกชายกระโกดกระเดกเเบบนี้"

    "เอาเถอะพระองค์อย่างน้อยก็ให้ชายน้อยมีความสุขก่อนจะเข้าพิธีพรุ่งนี้เถอะเพราะหากเข้าพิธีพรุ่งนี้เเล้วอาจจะไม่มีโอกาสได้ทำเเบบนี้อีกเลยนะพระยะค่ะ"

    "นั้นสินะ"


         ลูกผู้ชายสองคนเดินเข้ามาโอบกอดกันด้วยความคิดถึง ทำให้ผู้เป็นพ่อเห็นเเล้วก็กุมขมับตัวเอง ลูกเอ๊ยไม่มีความเป็นกษัตริย์เลย...เเต่คนข้างๆที่พึ่งเดินมาคู่กายราชาวิลเลี่ยมกลับทำให้ราชาวิลเลี่ยมนั้นคล้อยตามกับคำพูด อันที่จริงที่ซองกยูพูดมาก็ถูกนะ เเต่ถึงยังไงเขาก็ไม่ได้เคร่งอะไรมากกับลูกชาขนาดนั้นเขาเข้าใจเพราะเคยผ่านช่วงเวลานี้มาเช่นกัน

    "ว่าไงสหายไม่ได้เจอกันตั้งนานเจ้าดูดีขึ้นเสียเหลือเกิน ข้าต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้มาหาเลยเอาเเต่นั่งอ่านกฏของวังจนเเทบจะลืมโลกภายนอกอยู่เเล้ว"

    "เจ้าก็ดูดีเหมือนกันน่ะ ข้าก็ยุ่งพอๆกันเเหละน่ะ"

    "เราไปหาที่คุยกันเถอะ"
     








       จากนั้นสองเพื่อนผองก็เดินไปที่สวนดอกไม้เพื่อคุยกันให้หายคิดถึง บรรยากาศเย็นสบายกับดอกไม้หลากสีสันชวนตามองรวมกับผีเสื้อสวยๆบินสวนไปสวนมาเต็มไปหมดทำให้ชานยอลนั้นรู้สึกผ่อนคลาย

    "ครั้งที่ข้ามาล่าสุดที่นี่ยังไม่มีตรงนี้เลยนะ"

    "เราพึ่งสร้างขึ้นใหม่น่ะ บางทีอยู่เเต่ในวังที่มีคนเดินตามตลอดมันก็น่าเบือหน่ะเลยสร้างขึ้นมาเพื่อความผ่อนคลาย"

    "ออ สวยดีเนอะ"

    "อ้อเจ้าจำได้ไหม รูปปั้นเสือตัวเล็กๆเมื่อสิบสามปีได้ไหมที่อยู่ตรงประตูวังข้าเจ้าชอบเดินข้ามมันเเต่เดินกี่ทีก็สะดุดตลอด"

    "หืม ข้าจำได้สิเเล้วมันไปไหนแล้วล่ะ"

    "มันก็อยู่ข้างหลังเจ้าเเหละ"


         เมื่อสมัยก่อนตอนที่ชานยอลมาปราสาทของจงอินบ่อยจะมีรูปปั้นเสื้อเล้กอยู่ตัวนึงชานยอลชอบเดินข้ามมันไม่รู้เป็นเพราะอะไรเดินเลี่ยงไม่ได้ต้องเดินข้ามตลอดเเต่เดินกี่ทีก็สะดุดจนจงอินนั้นขำเเทบกลั้นน้ำตาไม่ไหว เมื่อเพื่อนผิวสีเเทนบอกว่ารูปปั้นนั้นอยู่ข้างหลังเก้าอี้ที่เขานั่งความอยากเห็นก็เริ่มบังเกิดชานยอลรีบหันหน้ากลับไปมองทันที กิเลสในใจก็เพิ่มขึ้นรู้สึกอยากจะเดินข้ามอีกสักรอบ

    "พอๆๆพอเลยเจ้าน่ะเดี๋ยวล้มลงไปหัวล้างข้างเเตกทำยังไงเล่า นี่เกือบครึ่งชั่วโมงเเล้วนะข้าว่าเราควรจะรีบไปถึงที่นั่นให้เร็วดีกว่าอย่าไปสายเลยเพราะเราดูไม่ให้เกียรติคนที่มา"

    "ก็ได้ ข้าว่าเราควรไปตามเสด็จพ่อได้เเล้วข้าเห็นพระองค์เดินกันสองคนเข้าไปในวัง"

    "คงจะไปห้องทรงงานเเหละ"

         จงอินเเละชานยอลลุกขึ้นออกจากสวนอย่างรวดเร็วเพื่อมาตามเสด็จพ่อในห้องทรงงานของราชวังเทเลพอร์ตในระหว่างที่ยังไม่ถึงห้องทรงงานชานยอลก็ชวนจงอินคุยไปเรื่อยๆในเรื่องการเปลี่ยนเเปลงของวังหลายๆอย่าง

    "ในนี้ดูเปลี่ยนไปคนละโลกกับตอนที่ข้ามาเลย"

    "ใช่ วังเรายังสร้างห้องต่างๆใหม่ๆขึ้นมาด้วยนะเพราะท่านพ่อเห็นว่าที่นี่เก่ามากเเล้วด้วยจึงปรับปรุงวังใหม่"


    "ไว้วันหลังถ้ามีโอกาสเจ้าต้องมาข้ามาดูนะ"

    "ไม่มีปัญหา"

    ตึก ตึก ตึก

         เสียงรองเท้าหนังสองคู่ชั้นดีเดินไถเข้าไปกับพรมเเดงตรงทางเข้าห้องทรงงานอย่างเเผ่วเบา ก่อนจะเคาะประตูเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทในการเข้าไป เมื่อร่างทั้งสองย่างก้าวเข้ามาหาผู้ใหญ่ทั้งสองก็ยิ้มให้นิดๆเเบบไม่เสียมาราทพร้อมกับปริปากพูด

    "ขอประทานอภัยอย่างสูงที่ขัดจังหวะในการรื่นเริงกับบทสนาของพระองค์เเต่ข้าเห็นว่าเราอยู่ที่นี่มาสักพักเเล้วควรจะออกเดินทางไปยังเกาะราฟาเอลได้เเล้วเพราะหากเราไปช้าอาจจะดูไม่เหมาะสมพะยะค่ะ"

    "อืม...ข้าก็คิดเช่นเดียวกับจงอินนะเรารีบไปกันเถอะ"

         เมื่อเห็นเช่นนั้นผู้ใหญ่ทั้งสองต่างก็คิดเห็นเช่นเดียวกับจงอินจึงรีบเดินทางมาขึ้นเรือเพื่อไปยังเกาะราฟาเอล เรือนั่นเเล่นไปเรื่อยๆตามท้องสมุทรสีคราม นกนางนวลเล่นบินว่อนเป็นฝูงในน้ำบ้างบนอากาศบ้างอยู่ไม่ไกลจากเรือนั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าใกล้ถึงฝั่งเเล้ว ดวงตาคมของจงอินนั้นเห็นเงาของเกาะอยู่ไม่ไกลจึงบอกให้ราชาวิลเลี่ยมเเละพ่อของตนรู้









         เมื่อเรือเล็กเทียบท่าดวงตาของเด็กอายุย่างสิบแปดทั้งสองเบิกขึ้นอย่างรวดเร็ว กับความสวยงามของเกาะหาดทรายสีทองบริสุทธ์โดนน้ำกัดเซาะเป็นชั้นๆชานยอลนั้นก้มลงเอามือลงไปหยิบทรายก็พบว่ามันเป็นผงทองจริงๆก็ตกใจจากนั้นก็เรียกให้จงอินดู

    "มันงามมากเลยนะ"

    "ข้าไม่เคยเห็นอะไรเเบบนี้..."

    "นี่พวกเจ้าอย่ามัวชื่นชมความสวยงามของเกาะจนลืมนะว่ามาที่นี่เพื่อทำอะไร เรือราชวงศ์อื่นมาจอดกันเกือบครบเเล้วนะรีบเถอะ เดินดีๆด้วยในป่านี้เป็นป่าคริสตัลระวังเฉียดเเขนเอาล่ะ"

    "พะยะค่ะ"

         เมื่อได้ยินเสียงราชาฟิลิกส์เตือนเรียกสติชานยอลเเละจงอินก็รีบลุกขึ้นเเล้วเดินมาหาทันทีทันใดพลางเดินเข้าป่าไปพร้อมๆกันระหว่างนั้นที่เดินเข้าป่าไม่มีบทสนทนาใดๆเพราะต่างคนต้องต่างเดินเพื่อความระมัดระวัง ป่าคริสตัลมีต้นไม้ที่ออกผลเป็นคริสตัลเเหลมบางต้นนั้นโดนเเล้วอาจจะมีพิษจะสังเกตได้ด้วยสีม่วงเเละสีฟ้าสีม่วงนั้นมีพิษในการเดินนั้นควรจะระวังคริสตัลสีม่วงที่สุด

    "อะ"

    ฉึก!

    "โอ้ย"

    "ชายน้อย!"

         ชานยอลมีสมาธิในการเดินมากเขาเดินอยู่หลังจงอิน เเละหลังชานยอลนั้นมีเเต่ทหารส่วนพ่อของเขาทั้งสองเดินนำหน้าเเต่มันเป็นช่วงที่มีคริสตัลสีม่วงยาวออกมามากเกินไปทำให้เขาเอี้ยวตัวด้านซ้ายเพื่อหลบมันเเต่ลำตัวที่สูงยาวนั้นชั่งลำบากเมื่อหลบเเล้วก็ไปโดนคริสตัลสีฟ้าที่ไม่มีพิษอีกอัน ความเเหลมคมของมันบาดเเขนซ้ายจนเป็นแผลลึงยาวหนึ่งฝ่ามือ เลือดสีเเดงเข้มข้นไหลออกมาซึมเสื้อเครื่องเเบบหนังสีน้ำตาลจนเป็นวงใหญ่ ทหารที่อยู่ข้างหลังรีบหลบคริสตัลมาดูอาการของชานยอลที่ดูเริ่มน่าเป็นห่วง จากนั้นเมือ่ได้ยินเสียงร้องชานยอลสามคนข้างหน้าที่เดินตามๆกันก็หันกลับมามอง ต่างกรูกันมาดู

    "ข้าไม่เป็นไรเราเดินกันต่อเถอะ"

    "ทนก่อนนะลูกข้าเดี๋ยวพึงที่นั่นเเล้ว พ่อจะตามหมอหลวงมาเย็บแผลให้"

    "พะยะค่ะ"

    "เจ้าโอเคใช่ไหม"

    "ข้ายังไหว"

         เมื่อมาถึงใจกลางเกาะราฟาเอลมีโดมคริสตัลใหญ่ๆอยู่สองโดมขนาบตรงข้ามกันเเละตรงกลางเป็นทางเชื่อมเดินเข้าไปนี่เป็นสถานที่โบราณที่มอบภาระอันยิ่งใหญ่ให้รัชทายาทที่อายยุสิบเเปดปีบริบูรณ์เพื่อปกครองวังต่อไปชานยอลเเละราชาวิลเลี่ยมเดินเข้าไปในโดมขวาเเต่ฟีลิกส์กับจงอินเดินเข้าไปในโดมซ้าย พวกเขานัดเจอกันโดมซ้ายเเต่ต้องพาชานยอลไปรักษาเเผลก่อน

         เเผลที่ถูกคริสตัลบาดนั้นถูกเย็บล่อไปเกือบชั่วโมงทำให้พวกเขาเริ่มสายกันมากเเล้วหากสายไปกว่านี้อาจจะโดนตักตือนเอาได้ เท้ายาวๆของสองพ่อลูกรีบสาวเท้ามายังห้องเลือกเเบบสร้อยในทันที ชานยอลได้เเต่เบิกตากว้างกับเเท่นศิลาสามสิบกว่าเเท่นที่ตั้งอยู่ในห้องข้างบนเเท่นหินนั่นมีกล่องกระจกครอบเเบบสร้อยอู่นับหลายสิบเเบบ

    "เจ้ามาเเล้วหรอแผลเป็นอย่างไรบ้าง"

    "ก็เริ่มหายเจ็บบ้างเเต่เเสบเจียนตายเลยล่ะ ไหนเจ้าเลือกเเบบสร้อยหรือยัง"

    "ก็ดูๆมาบ้างเเต่ยังไม่ค่อยถูกใจเสียเท่าไหร่"



         ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงกับการเลือกเเบบสร้อยของเชื้อกษัตริย์ที่จะได้สวมในวังพรุ่งนี้ สร้อยทั้งหมดจะได้สิบสองเเบบตามสายเชื้อพระวงศ์ทั้งสิบเอ็ด จากนั้นจะถูกเลือกให้ลงความเห็นอีกทีจนเหลือเส้นสุดท้ายที่ชานยอลเป็นคนเลือกเอง ทุกคนต่างลงความเห็นว่าสร้อยนี้นั้นเหมาะที่สุด

    "ดังนั้นเราขอประกาศว่าสร้อยคอทับทิมสีม่วงหกเหลี่ยมเป็นสร้อยที่ได้รับการเลือกมากที่สุดโดยคนที่เลือกคือชายน้อยชานยอล ตั้งเเต่วินาทีนี้เราขอให้พวกท่านทั้งหลายเตรียมพร้อมฝึกซ้อมกันให้ดี ขอให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุดในวันพรุ่งนี้เพื่อความเป็นมงคลเเเละเพื่อความเพรียบพร้อมเราขอสั่งให้เชื้อกษัตริย์ทุกพระองค์อยู่ค้างคืนที่นี่เพื่อไม่ให้เป็นการลำบากต่อการเดินทางเเละเพิ่มระยะเวลาในการซ้อมเข้าไปอีก เรามาเพื่อกล่าวเเค่นี้เชิญพวกท่านเริ่มซ้อมกันได้เเล้วเจอกันอีกทีหน้าเเท่นเเห่งเกียรติศักดิ์ในวันพรุ่งนี้ เเละประชานทุกๆคนจะเดินทางมาเพื่อรับชมการเปิดตัวผู้นำราชวงศ์คนใหม่"

    "ขอรับ!"

         ท่านลอร์ดเบเดนผู้ที่ทำหน้าที่มอบสร้อยให้กษัตริย์ทุกรุ่นมาหลายพันปีกล่าวขึ้นอย่างเป็นทางการ กษัตริย์ทุกเชื้อพระวงศ์ขานรับอย่างรู้หน้าที่ของตัวเองจากนั้นลอร์ดเบเดนเดินลงไปจากเเท่นประกาศ เพื่อให้ทุกๆคนเริ่มซ้อมพิธี จะมีตั้งเเต่การเบิกตัว ฟังประกาศเกี่ยวกับหน้าที่  การขอถวายตัวเพื่อขึ้นเป็นกษัตริย์คนใหม่ การมอบสร้อย เเละการจบพิธี

         จวบจนถึงการซ้อมมอบสร้อยชานยอลมองกล่องที่มีสร้อยสิบเอ็ดเส้นเเละก็ต้องเอะใจเมื่อมันเป้นเพียงสร้อยสีขาวธรรมดาที่อยุ่ในถาดรองผ้า จึงถามเสด็จพ่อของตน 

    "เสด็จพ่อทำไมถึงเขาไม่เอาสร้อยนั้นมา"

    "ต้องใช้สร้อยปลอมก่อนเพื่อป้องกันความผิดพลาดอีกอย่างสร้อยอีกสิบเอ็ดเส้นยังทำไม่เสร็จเลยอยู่ในโรงเจียระไนอยู่"

    "ออ พะยะค่ะข้ารู้สึกมีรางสังหรณ์แปลกๆจัง"

    "เจ้าอย่าพูดให้เป็นรางร้ายสิ ไปซ้อมต่อได้เเล้ว"

    "พะยะค่ะ"










         ตกดึก เวลาสองยามชานยอลสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะความฝันที่ทำให้หวาดกลัว เขาฝันว่าตกลงไปในก้นทะเลที่เหน็บหนาวไม่มีใครช่วย เหงื่อไหลอาบเต็มใบหน้าจนร่างสูงต้องลุงขึ้นไปล้างหน้าดับความร้อนในตัว ถึงเเม้การที่ล้างหน้าจะทำให้ร่างสูงดูเย็นขึ้นเเต่ในใจกลับร้อนรุ่มเป็นไฟราวกับจะเกิดอะไรไม่ดีซักอย่าง

         ใบหน้าหล่อเหลายืนจ้องกระจกอยู่นานอยู่ดีๆรอยร้าวนั้นเกิดมาจากใต้กระจกค่อยๆลามมาเป็นเส้นเดียวจนมาถึงหน้าเขามักก็เเตกเป็นรอยวงใหญ่จมอยู่บนแผ่นกระจกอย่างน่าตกใจทั้งที่ยังไม่มีใครทำอะไรเเละคงจะดีกว่านี้ถ้ารอยเเตกไม่ไปอยู่ตรงจุดหน้าของชานยอลพอดี มันทำให้เขาเกิดอาการวิตกเป็นอย่างมาก ร่างสูงสาวเท้าออกจากห้องน้ำเเล้วกลับเข้าไปในที่นอนดังเดิมพลางขดตัวคิดอยู่เเบบนั้นจนถึงสี่ยาม เป็นเวลาที่ต้องเตรียมตัวเเต่งฉลองพระองค์ให้เรียบร้อย เเละเดินทางมายังห้องรวมตัวเพื่อรับฟังเรื่องการวางตัวในวันนี้เมื่อชานยอลเข้ามาในห้องรวมตัวเขาเห็นจงอินเป็นคนเเรกจึงก้าวเข้ามาปรึกษาทันที

    "ข้ามีเรื่องปรึกษา จงอิน"

    "ว่ามาสิทำไมหน้าเจ้าดูโซมเเบบนั้น"

    "ก็เรื่องนี้เเหละที่ข้าอยากปรึกษา"

    "เมื่อคืนตอนสองยามข้าฝันว่าตกลงไปในทะเลที่ลึกมากๆเเล้วข้าตื่นมาเข้าห้องน้ำกระจกในห้องน้ำร้าวขึ้นมาเเตกบนหน้าข้าที่สะท้อนกับกระจก"

    "เรื่องใหญ่เเล้วเราต้องรายงานให้เสด็จพ่อเจ้ารู้นะ"

    "เเต่ตอนนี้คงไม่ดีเเน่ นั่นเขาเรียกตัวเเล้วไปเร็ว"









         พิธีนั้นดำเนินไปเรื่อยๆ เมื่อถึงตอนที่การประกาศเกี่ยวกับหน้าที่ เข็มกลัดที่กลัดอยู่ตรงอกข้างซ้ายของร่างสูงนั้นตกลงมาบนพื้น ทั้งๆที่มันถูกเย็บด้วยด้ายที่หนาเเน่น จงอินที่ยืนอยู่ข้างๆกับตกใจเขาว่ามันต้องเป็นรางร้ายอะไรเเน่ๆว่าเเล้วชานยอลก็อาศัยจังหวะที่คนเผลอก้มลงมาเก็บเข็มกลับของตน








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×