ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic exo]one more cruse คำสาปแห่งรัก chabaek

    ลำดับตอนที่ #2 : chapter 1 นิทานคำสาป

    • อัปเดตล่าสุด 26 มี.ค. 57


    Chapter 1

    นิทานคำสาป

       ตามตำหรับอักษรโบราณของราชวงศ์ฟีนิกส์ได้ใช้ภาษาโบราณมานานมากเป็นจนมีราชวงศ์ ของฟีนิกส์รุ่นที่3 ได้ดัดแปลงภาษาใหม่ขึ้นเป็นบางตัวเนื่องจากถูกมองว่าเป็นตัวอักษรกาฏี เเละมีการเขียนที่ซับซ้อน หลังจากนั้นเเต่ละรุ่นต่อๆมาก็ใช้อักษรที่ดัดแปลงใหม่นี้มาตลอด จนระเวลาร่วงเลยมาถึง1000ว่าปี จากราชวงศ์ที่3กลายมาเป็นราชวงศ์รุ่นที่63 เป็นรุ่นของกษัตริย์ 'วิลเลี่ยม เอดิสัน เเห่งฟีนิกส์'เเละได้มีพระโอรสชายหนึ่งพระองค์ นามว่า 'ชานยอล เรโอ เเห่งฟีนิกส์' มีชื่อที่เปรียบเสมือนสิงโตที่แข็งแกร่งเเละมีพระชายาต่างเมืองชื่อ เรเนสเม่ เเต่พระนางได้สิ้นพระชนพ์ไปเมื่อให้กำเนิด องค์ชายชานยอลขึ้นมาหลังจากนั้นกษัตริย์วิลเลี่ยมก็ไม่ได้อภิเสกสมรสกับเจ้าหญิงพระองค์ใดอีกเลย

    -อาณาจักรฟินิกส์-

    "เสด็จพ่อออออออ"

    "ว่าไง ลูกพ่อ"

    "นี่ได้เวลาบรรทมของข้าเเล้วท่านลืมอะไรไปรึเปล่า"

    "หืม...ข้าลืมไปได้ไงเนี่ย เจ้าอยากฟังนิทานใช่ไหมล่ะ"

    "...ข้า คาดว่าจะเหลือเล่มสุดท้ายเเล้วล่ะน่าเสียดายจัง"

        เสียงใสของชายน้อยชานยอลที่พระชรรษาได้เพียง10พรรษาดังขึ้นมาเเว่วๆในห้องทรงงานของผู้ปกครองราชวังฟีนิกส์ คนเป็นพ่อนั้นขานรับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เมื่อโดนทวงอะไรบางอย่างจึงลุกออกจากโต๊ะทรงงานเเละเดินไปยังตู้วางนิทานต่างๆนาพระองค์ทำหน้าเสียดายเเบบติดตลกด้วยเพราะที่อยู่กันเพียงสองคนพ่อลูกทำให้ไม่ต้องทำตัวเป็นมาดผู้นำต่อหน้าปวงชนทั้งหลาย


    "ไหนๆๆๆเสด็จพ่อข้าอยากฟังๆๆๆ"

      เด็กน้อยวิ่งมาหาเเละ จับหนังสือออกจากมือของราชาวิลเลี่ยมเด็กน้อยตาวาวด้วยความดีใจรู้สึกหนังสือเล่มนี้น่าฟังจัง  หน้าปกเรื่องเป็นรูปสิงโตยืนสง่าเเละขาขวาของสิงโตยกทับ อัศวินที่นอนจมกองเลือดบนพื้นเเละอ้าปากคำรามราวกับผู้ชนะ

    "วู้วสิงโต เสด็จพ่อไปห้องบรรทมของข้านะ นะนะอยากฟังมากๆ"

    "ข้าเกรงว่างานของข้ายังไม่เสร็จดีนะสิ วันนี้เจ้าคงอดฟัง"

    "งื้อ เสด็จพ่อทรงอย่าทำเยี่ยงนี้สิพะยะค่ะต้อไปอ่านให้ข้าฟังนะ"


    "อ่ะไปๆ"

      เมื่อราชาวิลเลี่ยมแกล้งลูกชายเล่นว่าจะไม่เล่านิทานให้ฟัง เจ้าชายตัวน้อยวิ่งมาเกาะเเข้ง เกาะขาราชาวิลเลี่ยมราวกับตนเป็นลูกแมว ก็ออดอ้อนซะอย่างนี้ใครจะทนไหว ราชาวิลเลี่ยมก็อุ้มเจ้าตัวเเสบขึ้นเอาขาพาดคอเเละเดินไปยังห้องบรรทม พร้อมกับหนังสือนิทานที่เจ้าชายน้อยตัวดีอยากจะฟังนักหนา


    -ห้องบรรทม-

    "เล่าเลย ท่านพ่อ"

    "กาลครั้งหนึ่งนานมากเเล้วเรื่องนี้ถูกเขียนเมื่อ ศตวรรษที่13 เป็นเรื่องราวเกี่ยวอาณาจักรฟีนิกส์...เอ้ะทำไมข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้"

         ตั้งเเต่ราชาวิลเลี่ยมได้เติบโตในวงศ์กษัตริย์เเละเรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ฟีนิกส์เขาไม่เคยได้ยินเรื่องไหนเกี่ยวกับสิงโตซักครั้ง...

    "แต่ชั่งเถอะข้าจะอ่านต่อเเล้ว มีเจ้าชายรูปงามพระองค์หนึ่งถูกคนใกล้ชิดเป็นกบฏหักหลังเพื่อจะยึดครองบัลลังก์ ทำให้เจ้าชายพระองค์นี้ต้องหนีไปอยู่กับสหายที่ราชวังอื่นต่อมาเกิดศึก สงครามอันใหญ่หลวงเเบบไม่ทันตั้งตัวใน...ข้าว่าต่อให้ข้าเล่าจบเจ้าก็ยังไม่นอนหรอกใช่ไหมลูกข้า"

         เมื่อเด็กน้อยเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มเเละผู้เป็นพ่อนั่งลงข้างเตียงก่อนจะเริ่มอ่านนิทานให้ฟัง เเต่ก็เริ่มไม่อยากจะเล่าต่อเพราะว่าจากที่ชายน้อยชานยอลนอนอยู่ก็ลุกขึ้นมานั่งฟังนิทานอย่างใจจดใจจ่อทีเดียว ทำให้ผู้เป็นพ่อไม่อยากจะเล่านิทานต่อเพราะกลัวลูกของตนจะนั่งฟังทั้งคืนไม่เป็นอันหลับอันนอน


    "ใช่เเละพะยะค่ะ เล่าต่อได้ไหม"

    "ไม่ ได้เเล้วละลูกพ่อ นี่ดึกมากเเล้วนะเจ้านอนเสียเถิด ไว้วันหลังพ่อจะเล่าให้ฟังใหม่พ่อยังเหลืองานอีกเยอะที่ยังต้องทำ ราตรีสวัสดิ์ลูกพ่อ"

         
         ไฟที่ให้ความสว่างสไวบนหัวเตียงก็ปิดลง เหลือเเต่เพียงเเสงของหิ่งห้อยที่ให้ความสว่างอยู่นอกหน้าต่างทำให้มันดึง ดูดความสนใจเป็นอย่างมากเมื่อชานยอลมั่นใจว่าเสด็จพ่อของเขาเดินไปแล้ว ด้วยความอยากรู้ของเด็กมือเล็กป้อมๆนั่นกดดึงสายให้โคมไฟมีเเสงเเละเปิดหน้าต่างออกไปเล่นกับหิ่งห้อย หิ่งห้อยลอยเข้ามาในห้องนอนนับสิบกว่าตัวเด็กน้อยเล่นกับมันจนเพลินจึงลืม นึกไปเสียว่าต้องทำอะไร เขาค่อยๆปัดหิ่งห้อยให้ออกจากห้องอย่างเบามือเเละปิดหน้าต่างลงพร้อมกับคลาน ไปหา สมุดเล่มนั้นทีอยู่บนโต๊ะข้างเตียง


    พรึ่บๆๆๆ

        มือเล็ก นั่นเปิดพลิกหน้าหนังสืออย่างช้าๆจดจ้องทุกตัวหนังสือในนิทานเล่มนั้นเเต่ด้วยความที่อ่านไม่ออกเพราะเป็นอักษรรุ่นโบราณมานานมากเเล้วทำให้มือเล็กจับ หนังสือจนพลิกไปถึงหน้าสุดท้ายด้วยที่ว่าภาษาข้างหลังเป็นตัวหนังสือสองสาม ตัวที่เด็กน้อยพออ่านออกบ้างทำให้ตากลมโตเริ่มจดจ้องที่หนังสือตัวทีละตัว เเละอยู่ดีๆตัวหนังสือมันก็ผุดขึ้นมาในหน้ากระดาษเก่าๆด้านหลังของหนังสือ นั่นทำให้ชานยอลตกใจมากเเละเขาอ่านความสั้นๆว่า

    ...เรื่องนี้เป็นนิยายเเห่ง ตำนานที่ถูกปิดเป็นความลับเเละเกิดขึ้นเมื่อ1000ปีที่เเล้วเป็นคำทำนายของแม่หมอเเห่งราชวงศ์นี้ว่าเรื่องราวนี้จะถูกเกิดขึ้นเพียง สามครั้งภายในราชวงศ์ฟีนิกส์เพราะเป็นมนต์คำสาปเมื่อหลายพันปีมาก่อนเเละ เรื่องนี้เคยถูกเกิดขึ้นมาสองครั้งเเล้วครั้งที่สามจะเกิดขึ้นหลังจากเรื่องราวครั้งที่สองจบลง   เรื่องนี้ถูกเกิดขึ้นใหม่เป็นรอบละครั้งของพันปีและสิ้นสุดที่ครั้งที่สาม จะตกมาอยู่ที่รุ่นไหนไม่มีใครรู้ เเละเเต่ละรุ่นจะเกิดเหตุการณ์ที่เหมือนกันราวกับตอกย้ำประวัติศาสตร์ให้ซ้ำรอย

     
    "หือเรื่องนี้อะไรกันเเน่น่ะเกิดขึ้นกับราชวงศ์ฟีนิกส์หรอ..ฮ้าววง่วงจัง"

         เมื่อเด็กน้อยเริ่มจะง่วงเต็มทนก็เลยวางหนังสือนั่นไว้เเล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงก่อนจะปิดโคมไฟ เขาเเค่คิดว่าพรุ่งนี้จะถามพ่อให้ได้ว่าในสมุดนี่มันคือเรื่องอะไรกันเเน่

     

     

     
     

    เช้าวันใหม่

    "อืมมม"

        เด็กน้อยลืมตาขึ้นมาในวันใหม่ยามเช้าเมื่อถูกเเสงอาทิตย์อันอบอุ่นส่องลง มาโดนใบหน้าทำให้ต้องหยีตาขึ้นเพราะรำคาญเเสงที่จ้าเกินไปเเละเมื่อตื่นขึ้น ก็มองไปที่หนังสือเล่มนั้นความรู้สึกผูกพันกับตัวอักษรนั่นเกิดขึ้นอีกครั้ง...มือเล็กจับ หนังสือขึ้นเเละพลิกไปหน้าสุดท้ายเพื่อต้องการจะอ่านอีกทีเเต่ก็ต้องรู้สึก ผิดหวังเมื่อหนังสือในหน้านั้นมันมีเพียงสามตัวอักษรหมือนตอนเเรกที่เปิด หนังสือมาไม่ได้มีหลายๆตัวที่ผุดมาเเบบเมื่อคืน

    "อ้าวเจ้าหายไปไหน น่ะตัวหนังสือผุดขึ้นมาเส้เจ้าหายไปไหนน่ะ"

       เจ้าชายน้อยเอามือทุบหนังสือด้วย ความหงุดหงิดมันหายไปไหนกันนะสุดท้ายก็นั่งจ้องมันจนตาเเทบถลนเเต่ก็ไม่มีผล อะไรเกิดขึ้นทำให้ต้องวางมือจากหนังสือเเละลุกขึ้นอาบน้ำเเต่งตัวเพื่อลงไป หาบิดาของตน

    "เสด็จพ่อ!!!"

    "หะ...หืม ว่าไงมีเหตุอันใดถึงเรียกพ่อซะเสียงดังทั่วปราสาทเเบบนี้"

     

        เจ้าชายน้อยตัวจ้อยร่อยวิ่งลงมาจากบันไดเเละตะโกนเรียกเสด็จพ่อในห้องทรงงานด้วยเสียงที่ดังมากทำเอาแม่บ้านที่ทำความสะอาดอยู่แถวนั้นสะดุ้งตามๆกันราชาวิลเลี่ยมวางถ้วยชาลงบนเเก้วรองเเละลุกขึ้นมาหาลูกชายที่วิ่งซนเป็นเเมวอยู่หน้าประตูห้องทรงงาน

    "เสด็จพ่อเคยได้ยินเรื่องคำสาปของราชวังนี้ไหมพะยะค่ะ"

    "เคย สิก็เเค่เรื่องไร้สาระน่ะลูกคนเเต่งนิทานเขาก็เเค่เเต่งขึ้นมาให้น่าอ่าน เชื่อไม่ได้หรอก"ก็เป็นเเบบนี้ทุกคนเเหละในสายตาผู้ใหญ่ก็ชอบมองสิ่งที่ เหนือธรรมชาติเป็นเรื่องไร้สาระไปหมด

    "เเต่เสด็จพ่อมันไม่ไร้สาระนะ พะยะค่ะเมื่อคืนข้าเปิดหนังสือดูด้านหลังมันมีตัวหนังสืออื่นผุดขึ้นมาใน หน้ากระดาษนั้นด้วยทั้งๆที่ในหน้านั้นมีอักษรโบราณเเค่สามตัวเองนะพะยะค่ะ"

         ผู้เป็นพ่อได้เเต่เเค่นหัวเราะกับความเป็นเด็กๆที่เชื่อสิ่งที่เหนือธรรมชาติ สงสัยเมื่อคืนคงเก็บไปฝันหรอกกระมังว่าตัวหนังสือมันเพิ่มขึ้นมาได้ลูกข้า นี่ชั่งเพ้อฝันเสียจริง....เเต่ในความจริงนั้นราชาวิลเลี่ยมมิอาจรู้หรอกว่า มันมีอยู่จริงไม่ใช่เเค่เรื่องเพ้อฝันของเด็กๆ

    "ข้าขอตัว..."

         เเต่ชานยอลก็ไม่เชื่อในสิ่งที่พ่อของตนพูดไม่ใช่ว่าดื้อดันเเต่เขาเเค่รู้สึกว่า มันคือเรื่อจริงเเละเขาต้องค้นหามันให้พบ…หากท่านพ่อมองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระเขาจะหามันด้วยตัวเอง

    ภายในห้องสมุดของวัง...

       ชานยอลเดินเข้าไปในโซนประวัติศาสตร์ของราชวงศ์เเละเริ่มหยิบเล่มเเรกที่เขาเห็น ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้เเละเริ่มอ่านมันทีละตัว ไม่ใช่ว่าห้องสมุดของวังจะเป็นห้องสมุดเล็กๆเเต่เป็นห้องสมุดที่ใหญ่มหึมาเลยทีเดียวคงใช้เวลาเป็นปีในการอ่าน เเละเเต่ละเล่มในหนังสือก็ถูกคัดเป็นอย่างดีไม่มีเล่มไหมต่ำกว่าสองร้อยหน้าเพื่อความละเอียดเเละชัดเจน

        ชานยอลเอาเเต่หมกอยู่กับห้องสมุดเป็น เวลานาน ทุกวันเมื่อยามเช้าตรู่ก็จะตื่นขึ้นมาเร็วผิดปกติอาบน้ำเเต่งตัวและไปอ่านหนังสือในห้องสมุด หลักจากนั้นไปศึกษาตำราเรียน ในช่วงเวลาพักก็จะมีหนังสือประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ฟีนิกส์ติดไปอ่านด้วยเสมอกว่าจะเลิกเวลาเรียนก็ใกล้ค่ำชานยอลรีบอาบน้ำเเต่งตัวลงมาเสวยอาหารค่ำกับเสด็จพ่อเเละไปหมกตัวอยู่กับหนังสืออีกเเล้วเขาป็นเเบบนี้มาเกือบเดือนกว่าๆ จนราชาวิลเลี่ยมอดเป็นห่วงไม่ได้ จึงเรียกให้ซองกยูมือขวาของพระองค์มาเป็นที่ปรึกษา

    "เจ้าว่าการที่ลูกของข้าหมกตัวอยู่กับห้องสมุดของวังบ่อยๆเเบบนี้มันเป็นยังไง...ข้ารู้สึกเป็นห่วงเขาขึ้นมา"ผู้เป็นพ่อได้เเต่คิดหนัก

    "ข้าคิดว่ามันต้องมีเหตุผลที่ชายน้อยชานยอลต้องทำเเบบนี้"

    "อืม...ข้า จำได้กว่าก่อนหน้านั้นชานยอลคุยกับข้าเรื่องอะไรซักอย่างในนิทานซักเล่ม เเต่ข้าจำไม่ได้ว่าเขาคุยเรื่องอะไร"

         ซองกยูออกความเห็นให้ราชาวิลเลี่ยมคิด พระองค์พยายามนึกถึงเหตุผลนั้นแต่ก็จำไม่ได้เขารู้สึกหนักใจหน้าที่การงานก็มีมากพอเเล้วจนปั่นหัวไปหมดเเล้วลูกชายมาเป็นเเบบนี้อีกคงอยากจะบ้าตายเลยทีเดียว

    "เอาแบบนี้สิพระยะค่ะ...เพื่อความเบาพระทัยขอพระองค์ข้าจะไปลองพูดคุยกับชายน้อยชานยอลดูเผื่อพระองค์จะพูดอะไรออกมาบ้าง ถ้าข้าได้ฟังหมดแล้วจะมาบอกให้ท่านทราบ"

    "ดีมากเจ้าไปทำหน้าที่ของเจ้าได้แล้ว"

       ซองกยูสาวเท้ามายืนอยู่ที่หน้าห้องสมุดของวังก่อนจะสาวเท้าเข้าไปข้าในมองหาพระโอรสขององค์เหนือหัว จนกระทั่งพบกับชายน้อยชานยอลที่นั่งจดจ่ออยู่กับหนังสือเล่มนึงและอีกสิบเล่มที่กองบนพื้นซองกยูค่อยๆเดินจนมาอยู่ข้างหน้าเก้าอี้ชานยอล ทำให้ชานยอลเหลือบตาขึ้นมาดูด้วยความสงสัย 

    "ข้าขออภัยหากมารบกวนสมาธิพระองค์"

    "ไม่ต้อง อย่านั่งตรงพื้นเลยมันสกปรก นี่ไงเก้าอี้ข้างๆข้ามีอีกตัวเจ้านั่งที่นี่ก็ได้"

         ซองกยูคุกเข่านั่งลงข้างๆเก้าอี้ชานยอล เพราะตนนั้นยศถาบรรดาศักดิ์ไม่ได้สูงส่งดั่งกษัตริย์จะทำอะไรให้เท่าเทียมไม่ได้   แต่ซองกยูก็เปรียบเหมือนครูอีกคนของชานยอลอีกอย่างเขาก็อายุมากกว่าด้วยและซองกยูก็เลี้ยงชานยอลมาตั้งแต่เล็กๆทำให้มีความคุ้นชินจึงไม่ต้องอะไรมากมาย เสมือนเป็นกันเอง

    "ขอบพระทัย" 

    "เจ้ามีอะไรรึซองกยู"

    "เหตุใดถึงทำให้พระองค์มานั่งอ่านหนังสือเยอะๆเเยะๆเเบบนี้ในห้องสมุดของวัง ปกติข้าไม่ยักจะเห็น"

    "ข้าก็เเค่อยากหาบางอย่าง"

    "บางอย่างที่พระองค์ว่า...มันคือสิ่งใดรึพะยะค่ะ"

    "คำสาปของราชวงศ์"

    กึก
    !

      เเค่คำพูดไม่กี่คำของชานยอลทำเอาซอกยูถึงกับไปไม่เป็น....คำสาปของราชวงศ์ คำสาปที่เต็มไปด้วยมนต์ดำชั่วร้าย คำสาปที่ทำให้กษัตริย์ในราชวงศ์ตายไปโดยไม่รู้เรื่องอะไร คำสาปที่ทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน คำสาปที่มีเเต่ความเศร้าโศกและสูญเสีย คำสาปที่มีเเต่คำว่า'สิ้นลมหายใจในสนามรบ'

    "ซองกยูเจ้านิ่งทำไม"

    "ขอ...ขอประทานอภัยพะยะค่ะ เมื่อกี้พระองค์ว่าอย่างไรนะพะยะค่ะ คำสาปของราชวงศ์ใช่ไหม คือข้าเอ่อไม่เคยได้ยินเหมือนกัน พระองค์ได้รู้เรื่องนี้มาจากใครหรอพะยะค่ะ"

       ไม่ใช่ว่าซองกยูไม่รู้เขารู้เรื่องนี้ทั้งหมดรู้....รู้ทุกอย่าง สมัยรุ่นปู่ทวดของทวดรุ่นบรรพบุรุษ เขาเคยเป็นมือขวาชองกษัตริย์พระองค์หนึ่งที่ปกครองราชวังฟีนิกส์ในรุ่นแรกๆ เเละถูกคำสาปนั้นตามไล่ล่าจนกว่าจะได้มีศึกสนามเลือดกับความตายถึงคำสาปนั่นจะจบไป เเต่เขาไม่อยากให้ชายน้อยชานยอลมารับรู้เรื่องที่เเสนไม่น่าจดจำนี่เรื่องที่มีเเต่ความวุ่นวายนี่ อีกอย่างเรื่อนี้ถูกปิดให้เป็นความลับคนวงในเเบบเขาไม่ควรเปิดเผยให้ใครรู้...ถึงเเม้ว่าพ่อชานยอลจะรู้เรื่องนี้เเต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะเป็นความจริงเพราะเพียงเเค่ว่าความเป็นผู้นำเเละความคิดที่เป็น'ผู้ใหญ่' เลยต้องเอาเรื่องไร้สาระทุกอย่างทื้งไป

    "สมุดนิทานเล่มหนึ่งบนหัวเตียงข้า"

     "เเล้วทำไมพระองค์ถึงเลือกสนใจเรื่องนี้ล่ะพะยะค่ะ"

    "ข้าไม่รู้สิรู้สึกอยากจะรู้เรื่องนี้ขึ้นมาเสียดื้อๆนี่ก็ได้เวลาค่ำเเล้วเจ้าไปจัดอาหารที่โต๊ะเสวยเถอะเดี๋ยวจะช้าเอาการ"

    "พะยะค่ะ ข้าขอตัว"


         ชานยอลก้มดูนาฬิกาในข้อมือเเละเอ่ยปากบอกกับคนสนิทของพ่อว่าใกล้ถึงเวลาอาหารเเล้วควรลงไปดูความเรียบร้อยในครัวหน่อย ซองกยูลุกขึ้นก้มหัวให้ก่อนจะเดินออกไปจากห้องชานยอลหันกลับมาสนใจหนังสือในมือต่อถึงจะมีเรื่องราวคำสาปของราชวงศ์เเต่ในหนังสือก็พูดถึงเเบบลวกๆไม่ละเอียดเเละมีเเค่นิดเดียวเท่านั้นทำให้ชานยอลรู้สึกหงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก

          เท้าเล็กของซองกยูก้าวออกจากห้องสมุดของวังเตรียมเดินไปยังห้องบรรทมของชายน้อยชานยอลทันที ทั้งๆที่เรื่องถูกกำจัดออกไปทุกวิถีทาง ถ้ามีคนเขียนเล่มนี้หนังสือจะโดนเผา ถ้ามีคนเล่าเรื่องนี้ทั้งผู้พูดเเละผู้ฟังต้องโดนประหาร เเต่ทำไมชายน้อยถึงรู้เรื่องล่ะ เเละถ้าหนังสือเล่มนั้นไม่มีคนกำจัด...คนที่จะกำจัดสมุดเล่มนั้น...คงเป็นน้ำมือของซองกยูเองเ

         เขาไม่อยากให้คำสาปพวกนี้ไปถึงหูหลายๆคนเเละถูกเล่าต่อๆไปจนมั่วซั่วเเละอาจจะมีคนลบหลู่หากมีปากคำลบหลู่ขึ้นคำสาปจะถูกเกิดขึ้นอีก...เรื่อยๆจนต่อไปอาจจะไม่มีผู้ปกครองราชวงศ์ฟีนิกส์อีก เเละราชวงศ์นี้จะกลายเป็นเเค่ตำนานเหมือน คำสาปนั่น เหมือนคำสาปที่ไม่มีใครเชื่อ เพราะเป็นเเค่เรื่องไร้สาระ

    แอ้ดด ปัง!

    ประตูห้องบรรมของชายน้อยชานยอลถูกปิดลง ซองกยูไม่รอช้ารีบเดินไปคว้ำสมุดเล่มนั้นที่อยู่บนหัวเตียงเมื่อเปิดออก
    เขาก็พบเเต่เพียง...ความว่างเปล่า?

    "มันเป็นไปได้ไงน่ะ ข้าว่ามันต้องมีรางสังหรณ์อะไรเเน่ๆเลย...อยู่ดีๆชายน้อยชานยอลจะรู้เรื่องนี้ได้ยังไงถ้ายังไม่มีใครเล่ามันออกมาตัวหนังสือในเล่มนี้ก็ไม่มีซักตัว"ซองกยูรู้สึกคิดหนัก สุดท้ายเขาก็เดินออกไปจากห้องบรรทมชายน้อยชานยอลเเละลงไปดูในโรงครัวตามหน้าที่ปกติ

    หลังจากนั้นซองกยูรายงานให้องค์เหนือหัวทราบเขาจึงเบาใจลงเพราะเเค่คิดว่าลูกชายอาจจะอยากรู้อยากเห็นเรื่องไร้สาระนี้ไปหน่อยเเต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

    สามปีผ่านไป

     

    ชายน้อยชานยอลพระชัษาได้12ชันษา กิจกรรมที่ชายน้อยชานยอลเอาเเต่หมกตัวอยู่กับห้องสมุดก็ถูกหยุดลงด้วยการงานหน้าที่การเรียนรู้ต่างๆมากมาย ทำให้เขาไม่มีเวลามาขลุกห้องสมุดได้อีก ไหนจะต้องท่องกฏของกษัตริ์ที่มีเป็นพันข้อ คำว่า' ห้องสมุด' เลยหายไปจากสมองชานยอลทันที จนสุดท้ายด้วยความคิดที่โตขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มเป็นผู้ใหญ่ก็ครอบคลุมจิตใจชานยอล ด้วยที่สภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆทำให้ชานยอลไม่คิดอีกเลยว่า มีเรื่องเหนือธรรมชาติ คำสาปอะไรพวกนั้น.. เพราะตลอดเวลาที่เขาค้นหามันก็เเทบไม่เจอเลย ไม่เชื่อ...ไม่เชื่ออีกเลยอ...ไม่เชื่ออีกเลย


    :)  Shalunla --------------

    talk

    จบละตอนนี้ที่จริงไม่มีอะไรหรอกเเค่จะเล่าประวัติศาสตร์ของคำสาปเฉยๆ5555 จะบอกว่าตอนต่อไปก็ไม่มีอะไรเหมือนกัน ที่จริงจะไม่เขียนตอนต่อไปด้วยเพราะมันไม่ค่อยมีอะไรเเต่ถ้าไม่เขียนเรื่องมันจะไม่โยงกันง้ะT^T

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×