ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( seventeen ) Chummy.

    ลำดับตอนที่ #9 : Chummy : Boissons - Part 6

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.พ. 59



    Boissons - Part 6 (End)

    Author: pearlinc

    Rate: PG (?)

     

     

     

     

    -6-

     


     

                ในห้องสีเทาเข้มห้องหนึ่งที่ในวันนี้มีลมพัดโกรกระบายอากาศให้ในห้องรู้สึกปลอดโปร่ง ในห้องที่ปกคลุมไปด้วยความเงียบงันประกอบกับเสียงของสองลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอบกกับเสียงนาฬิกาที่แขวนอยู่ที่ผนังห้องไว้ ในห้องที่มีเพียงแสงจันทร์และเสาไปด้านนอกห่างๆเท่านั้นลอดผ่านเข้ามาทางบานหน้าต่างให้พอได้เห็นร่างของคนสองคนนอนซ้อนกันกอดกันแน่น วงแขนแกร่งกว้างโอบล้อมคนอีกคนในวงแขนไว้ในอ้อมกอดเหมือนต้องการที่จะปกป้องคนๆนี้ไว้  ดวงตาใสยามหลับใหลค่อยๆลืมตาตื่น ปรือขึ้นมองไปรอบๆ เหลือบมองไปที่นาฬิกาแขวนผนังของห้องว่าเป็นเวลาตีสามกว่าๆ

     


    ร่างกายในตอนนี้รู้สึกเหมือนไม่มีเส้นประสาทคอยวนอยู่รอบตัว ชาไปหมดและรู้สึกหน่วง หัวของเขาปวดและหนักอึ้งไปหมด เจ็บไปหมด ทั้งปาก ทั้งเอว และหัวใจ วอนอูรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่รินรดลงมาตรงกลางศีรษะ สมองประมวลผลคิดย้อนไปที่เหตุการณ์ของเมื่อวานว่า มันไม่ใช่แค่ฝัน เขาทำมันไปแล้ว ชัดเจนและตราตรึงอยู่ตามร่างกายและจิตใต้ส่วนลึกสุด ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาอย่างไม่ห้ามอยู่ วอนอูพยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีขยับกายเพื่อที่จะนอนหงาย แต่กลับไม่สำเร็จ  แรงดุกดิกขยับกายไปมาปลุกให้คนด้านบนตื่นลืมตาขึ้น จับพลิกร่างอีกคนให้หันมาเผชิญหน้ากันจนคนถูกทำร้องเสียงแห้งเผือดออกมา


     

    เจ็บ


     

    มือยกขึ้นเกลี่ยปอยผมสีดำเข้มที่ชี้ฟูไปมา เปิดผมที่ปิดบังหน้าผากขึ้นออกแล้วประทับจูบลงมาเนิ่นนานอย่างที่ชอบทำ ผละดวงหน้าออกก่อนจะล้อมรอบเอวบางให้เข้ามาชิดกายแน่นอีกครั้งแล้วข่มตาหลับต่อ วอนอูไม่ได้ว่าอะไร ได้แต่มองเปลือกตายามหลับใหลเวลานี้ดูน่ารักกว่าสายตาเมื่อก่อนที่มองเขาแบบไร้ความรู้สึก


     

    นิ้วเรียวยกขึ้นกุมดวงหน้าคมไว้ นิ้วโป้งไล้เกลี่ยไปตามหัวคิ้วนวดคลึงให้อีกคนได้นอนหลับอย่างผ่อนคลาย ไล่ลงมาตามแก้มปลายคางจนหยุดอยู่ที่ริมฝีปากสีเข้ม จ้องมองอย่างรักใคร่อีกคน กดจูบหนึ่งทีเบาๆ ก่อนจะยกแขนขึ้นคล้องคอกอดอีกคนไว้ ซุกหนาโหยหาความอบอุ่นจากอีกคนที่แกล้งหลับรอรับการกระทำของอีกคนเงียบๆ

               


    มินกยู” เสียงแหบที่เหมือนหายไปจากการเสียแรงของเมื่อคืนเอ่ยขึ้นเรียกอีกคนเบาๆ



    ครับ



    อึดอัด…”



    “…”



    ...ตรงนั้น




    Minor Cut Scene (Just Click

    แก้ไขลิ้งค์ใหม่แล้วค่ะ เชื่อมผิด


    PASSWORD


    (Full Size)


    .

    .

    .


     

    มินกยูจัดการวางอีกคนให้ยืนดึงเสื้อนอนตัวบางออกไป ชโลมน้ำในฝักบัวให้ไหลไปตามร่างกาย ถูสบู่ให้ทำความสะอาด จับอีกคนให้หันหน้ามาทางเขา ฝ่ามือหนารองหน้าไว้ในมือ เอ่ยบอกอีกคนให้หลับตาแล้วลูบน้ำล้างหน้าให้ ใช้นิ้วโป้งปากรอบขอบตาไม่ให้น้ำเข้า   เสร็จสิ้นก่อนจะปิดน้ำลง มินกยูเดินออกไปนอกห้องน้ำแล้วกลับมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวในมือ จัดการซับน้ำไปตามร่างกายขาวเนียน จัดการซับน้ำไปตามร่างกายขาวเนียน 


    ในสมองพยายามข่มสติ ที่มีอารมณ์ดิบประดับไว้ให้สงบลง ข่มตาเช็ดตัวให้คนที่โตกว่าเงียบๆ ก่อนจะห่อตัวไว้แล้วอุ้มออกมายืนที่อยู่ข้างนอกห้องน้ำ จัดการหยิบชุดลำลองจากกระเป๋าเจ้าตัวให้อีกคนเงียบๆ เดินมาใส่ให้เสร็จสรรพโดยอีกคนให้ความร่วมมืออย่างอายๆ ก่อนจะอุ้มตัวเขาชิดอกกว้างอุ่นแนบไว้แล้ววางลงไว้บนเตียงนุ่มนิ่มให้ได้นั่งพัก ก่อนจะเอ่ยถามบางอย่างกับอีกคน


     

    มีกุญแจบ้านหรือเปล่า


     

    วอนอูพยักหน้าตอบกลับไป ก่อนจะมองตามมินกยู ที่เดินไปหยิบเสื้อยืดในกระเป๋าของตัวเองมาใส่ และเก็บข้าวของทั้งของมินกยูและของคนที่นั่งอยู่บนเตียงเข้าไว้ในกระเป๋า เดินมาที่เตียงอีกครั้งพับผ้าห่มบนเตียงเรียบร้อย ก่อนจะเดินหายลงไปข้างล่างพร้อมกับกระเป๋าสองใบของพวกเรา 



    คนตัวสูงกลับขึ้นมาอีกครั้ง เดินเข้ามาทางเขาแล้วย่อตัวหันหลังให้ บังคับจับแขนเรียวเล็กทั้งสองข้างขึ้นคล้องไว้ที่รอบคอแกร่งกระชับแน่น คนตัวเล็กกว่าลอยขึ้นตามความสูงของอีกคน มือหนายกข้อพับขาวให้เกี่ยวไว้ที่ข้างลำตัวหนาเป็นการขี่คอเปรยๆ


     

    สองขายาวเริ่มออกเดินไปตามทางเดินอย่างช้าๆ พยายามใช้เวลาตรงนี้ซึมซับความอุ่นจากคนตัวเล็กด้านหลัง วอนอูรู้สึกอุ่นหัวใจที่ได้อยู่แบบนี้ ปลอดภัยบนหลังกว้าง ซุกหน้าเข้ากับลำคอข้างหน้าก้มงุดแนบเข้าหาอย่างออดอ้อน ผละออกมามองดีๆตาใสเห็นรอยแผลจากเล็บจิกเต็มไปหมด กดจูบลงไปบนต้นคอยาวหนึ่งทีเป็นการปลอบขวัญคนตัวโต มือเรียวเล็กเริ่มอยู่ไม่นิ่ง ลูบเส้นผมสีเข้มไม่จัดทรงไปมาสนุกมือ ทึ้งให้เบาๆให้เลือดหมุนเวียนไม่ให้ปวดหัว


     

    จนกระทั่งมาถึงตัวรถมินกยูกดปลดล็อคย่อตัวลงที่ตรงข้างเบาะรถฝั่งข้างคนขับให้อีกคนขึ้นไปนั่ง เอ่ยถามหากุญแจร้านเพื่อนที่จะล็อคประตูให้เรียบร้อย เสร็จสรรพก็เดินกลับมาที่รถแล้วเริ่มออกตัวสตาร์ทเครื่องยนต์ ไม่มีการสนทนาใดๆ ก่อนที่รถจะจอดเทียบกับหน้าร้านยาที่เพิ่งเปิดไม่นานให้คนตัวสูงเดินหายเข้าไปและกลับมาพร้อมกับถุงพลาสติกสีขาวหนึ่งใบ

     


    ขายาวข้าวฉับมาที่รถเข้ามาแล้วปิดประตูลง เปิดถุงสีขาวออกดู หยิบขวดน้ำเปล่าขึ้นจัดการเปิดฝาให้เรียบร้อยแล้วยื่นมาตรงหน้าเขาให้รับไว้ และตามมาด้วยยาสองเม็ดต่างสีให้เขา คนตัวขาวยังไม่ได้รับไว้แถมยังทำหน้านิ่งไม่พูดไม่จา


     

    จะได้หายปวด


     

    พูดจบก็หันตัวไปขับรถออกตัวไป ไม่ได้มองคนที่หน้าร้อนไปถึงหูข้างๆ ขับกันมาจนรถจอดอยู่ที่หน้าบ้านหลังคุ้นตา คนตัวสูงเดินลงมาจากรถมายังฝั่งข้างคนขับอีกครั้ง เสียงทุ้มเอ่ยถามหากุญแจบ้านให้อีกคนตอบกลับมาว่าอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้า มินกยูจัดการเดินไปหยิบตามที่อีกคนบอกแล้วเดินไปเปิดประตูรั้วและประตูบ้านของวอนอูเงียบๆ


     

    เสร็จก็เดินกลับมาที่รถ ย่อตัวหันหลังให้อีกคนได้คล้องเกาะอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าขึ้นเสร็จ ก็จัดการปิดประตูรถแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าของวอนอูที่ประตูด้านหลังติดมาคล้องไว้ที่ข้อพับแขนแล้วยกขาเรียวเกี่ยวไว้ที่เอวเหมือนเดิม สองขายาวก้าวฉับเข้าไปในบ้านพลางเปิดประตูบ้านเข้าไปแล้วเปิดสวิทช์ ไฟที่อยู่ตำแหน่งเหมือนกับบ้านของเขา เอ่ยถามอีกคนว่าห้องเจ้าตัวอยู่ตรงไหน นิ้วเรียวชี้ไปที่ห้องเป้าหมายให้อีกคนเดินไปส่งข้างบนเงียบๆ เปิดประตูห้องเข้าไปในห้องที่มีเพียงแสงท้องฟ้าตอนตีสี่เกือบตีห้าเข้าแทรกผ่านมาทางหน้าต่างให้พอได้เห็นทางเดิน


     

    มินกยูวางคนบนหลังไว้บนเตียงนุ่มนิ่มที่มุมห้อง บอกให้อีกคนนอนพักผ่อนแต่เหมือนจะไม่เห็นด้วยเลยดิ้นยื้อเบาๆจนร้องโอดโอยออกมาด้วยความเจ็บที่ร่างกายหลัง มินกยูจัดการดันตัวอีกคนให้หัวถึงหมอนโดยดี ดึงผ้าที่ปลายเตียงคลุมตัวให้มิดชิด แล้วเดินไปเปิดบานหน้าต่างให้ลมเย็นๆพัดเข้ามาในห้องได้รู้สึกสบาย วอนอูที่ยังมีความอ่อนเพลียอยู่ค่อยๆปรือตาขยับตัวตะแคงข้างให้อยู่ในท่านอนที่สบายก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราของตัวเองไป

     

    มินกยูมองนาฬิกาก็เห็นว่าใกล้ถึงเวลาที่ควรไปแล้ว  เดินมาที่รถยนต์คันคุ้นตาเปิดประตูหาโทรศัพท์มือถือของตนในกระเป๋า พบว่าของคนบางคนก็อยู่กับเขาเช่นกัน มินกยูเปิดดูเห็นว่ามีสายไม่ได้รับจากเพื่อนเจ้าตัวหนึ่งสาย ตัดสินใจใช้เครื่องตัวเองพิมพ์เบอร์รุ่นพี่ตัวอวบลงไปแล้วโทรออกก่อนอีกคนจะรับสาย


     

    ฮัลโหลครับ ซึงกวานครับ


     

    นี่มินกยูพูดเองครับ 


     

    อ้าวเราเองหรอ นึกว่าเบอร์ใครที่ไหน


     

    ครับ ผมจะบอกว่าวอนอูวันนี้ทำงานไม่ได้นะครับ ไม่สบายนิดหน่อย ผมเลยมาส่งให้มานอนที่บ้าน


     

    ถึงว่าโทรไปไม่รับ ที่ร้านก็ไม่อยู่  โอเค พี่ฝากดูวอนอูด้วย เดี๋ยวทางนี้พวกพี่จัดการเอง


     

    ขอบคุณมากครับ สวัสดีครับ


     

    มินกยูรอให้คนปลายสายเป็นคนตัดสนทนาทางโทรศัพท์เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท ก่อนที่จะเก็บมือถือทั้งของเขา และของอีกคนใส่ไว้ที่หน้ารถ ก่อนจะคว้ากระเป๋าไว้และไขกุญแจเข้าบ้านเพื่อเตรียมตัวจัดการที่จะไปเรียน เสร็จธุระส่วนตัวก็รีบปิดบ้าน ล็อค แล้วเดินกลับมาที่บ้านของคนบางคนขึ้นมายังชั้นบนที่ห้องที่มีคนที่ยังนอนหลับสนิทเหมือนเดิม ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกุญแจบ้านของวอนอูติดมือมาด้วยจะได้ไม่ให้ใครเข้า นอกจากเขาคนเดียวยามที่อีกคนกำลังหลับมินกยูก็ได้ ย่างตัวเข้าไปหาย่อตัวลงที่ข้างเตียงอีกครั้ง กระซิบเบาๆเป็นการบอกกล่าวแต่ไม่รบกวนพร้อมกับหอมแก้มอีกคนแกมเอ็นดู  ไม่ลืมที่จะกดล็อคประตูบ้านให้ได้สบายใจ

     

     

    จะตั้งใจเรียนนะ…”

     

     

    ……………..……….(30%)…………………..



    เขตรั้วมหาวิทยาลัยยามเย็นที่มีคนพลุกพล่าน นักศึกษาต่างกันพากันกลับไปพักผ่อนหลังจากใช้สมองกันอย่างหนักหน่วงบวกกับตารางเรียนที่ว่าหนักเอาการ บางกลุ่มก็พอเลิกเรียนก็พากันไปผ่อนคลายที่สถานบันเทิง บ้างก็พากันกลับบ้านกลับหอพักไปนอนพัก บางกลุ่มก็ยังนั่งคุยกันอยู่ในห้อเรียนอย่างพวกเขา


     

    โว้วววว นั่งเรียนมาทั้งวัน ทำไมคนแถวนี้มันยังมีออร่าขนาดนี้วะ!”


     

    นั่นดิ ไม่เหมือนมึงเลยซอก หมองๆเนอะ


     

    กูให้โอกาสมึงพูดอีกทีเพื่อนจุนที่รัก


     

    มึงอย่าหลอกตัวเองซอกมิน จุนมันพูดถูก อยากหายหมองก็หาเอวบางๆตัวขาวๆอย่างพี่วอนอูสักคนดิวะ


     

    ใช่เลยเพื่อนหมิง โอโหนึกแล้วลอยเลย เมื่อก่อนเห็นแค่ไกลๆ พอเมื่อวานนะเห็นใกล้ๆแล้วแบบสุดยอด...เหยดู หึงโหด

     


    จุนที่ยังยังบรรยายภาพในจาเมื่อคืนยังไม่หมด ปากกาน้ำเงินก็ลอยเฉี่ยวหน้าไปนิดเดียวแต่ก็ยิ้มร้ายกลับไปอย่างหลบทัน เสียงหัวเราะจากกลุ่มเพื่อนทำให้คนตัวโตสุดหงุดหงิดน้อยๆที่คนของเขาถูกพูดถึง หยิบกระเป๋าเดินหนีแก๊งเพื่อนสมัยมัธยมออกมา


     

    มินกยูจะกลับไปหาพี่วอนอูแล้วหรอ อยู่คุยกับน้องวอนซอกก่อนสิ น้องวอนซอกยังไม่หายแฮงค์เลยนะคะ


     

    ไม่วายยังมีเสียงบีบสะดิ้งแซวเล่นที่ดังไม่เบาตามหลังให้เขาทำเป็นไม่สนใจส่ายหน้าอย่างเอือมระอา วันนี้เป็นวันที่เลิกเรียนแล้วเขาอยากจะกลับบ้านให้เร็วมากที่สุดเท่าที่เคย บ้านที่ว่าไม่ใช่บ้านเขาแต่กลับเป็นบ้านข้างๆที่ติดกันมากกว่า มินกยูรีบขึ้นรถเก๋งของตัวเองเคลื่อนตัวไปตามทางไม่ช้าและไม่เร็วมากตรงไปยังที่หมาย จนถึงหน้าบ้านของคนบางคนที่คุ้นตา รีบหยิบมือถือสองเครื่องของเขาและของอีกคนในบ้านติดมาบวกกับกุญแจบ้านของเจ้าตัวมาไขที่รั้วแล้วประตูบ้าน ตรงดิ่งขึ้นไปข้างบนห้องนั้น


     

    แสงยามเย็นที่สว่างพอที่เห็นทุกอย่างภายในของห้องสี่เหลี่ยม ห้องที่ทาด้วยสีเหลืองไข่ มีรูปวอนอูที่ถ่ายกับคุณน้า คุณลุง และก็เจ้าตัวเล็กอูจองน้องชายวอนอูตอนยังแบเบาะ คุณลุงจอนเสียไปตอนที่อูจองอายุเพียงแค่ไม่กี่เดือนและตอนนั้นวอนอูก็เพิ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัยหมาดๆ อาจเป็นเพราะช่วงนั้นคุณลุงเสียไป คุณน้าจึงหาใครสักคนมาช่วยอีกแรง เลยมาเป็นเขาที่คอยช่วยรับส่งคนตัวเล็กนี่ละมั้ง มินกยูที่เห็นว่าคนบางคนยังไม่ตื่น ตัดสินใจเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือตัวสีขาว ที่มีนิตยาสารเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มเต็มไปหมด สมุดโน้ตจดสูตรวิธีทำมากมายไว้บนโต๊ะ


     

    ตาคมเหลือบไปมองเล่มอัลบั้มรูปที่วางอยู่ไม่ห่าง หยิบขึ้นมาดูอย่าถือวิสาสะ เปิดดูไล่ๆไปเรื่อยๆมีทั้งรูปครอบครัว รูปพวกพี่ๆเพื่อนของเจ้าตัวที่ยิ้มแย้ม รวมไปถึง รูปที่เหมือนแอบถูกถ่ายจากด้านหลังลักษณะเหมือนกับหมวกกันน็อคที่เขาใส่สมัยเรียนมัธยมซ้ำๆ มุมเดียว แต่คนละเวลา มินกยูยิ้มออกมาอย่างนึกขำว่าคนๆนี้ตอนนั้นเป็นพวกชอบแอบถ่ายงั้นหรือไง


     

    ปิดอัลบั้มรูปลงแล้วเดินมานั่งตรงพื้นข้างเตียงมองอีกคนที่ยังคงหลับ แต่เริ่มขยับตัวไปมา เหมือนรู้สึกตัว จนกระทั่งตาลืมตื่นคอยๆปรือขึ้นมองคนตัวใหญ่ข้างหน้า วอนอูพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งจนสำเร็จ มินกยูจับขาเรียวให้หันมาตัวมาทางเขามองดูอาการอีกคนไปทั่วตัว


     

    เจ็บอยู่ไหม


     

    เสียงทุ้มเอ่ยเสียงถามออกมาทันทีให้คนที่ยังตื่นไม่เต็มที่พยักหน้าตอบไป จนมินกยูต้องถามต่อว่ามากแค่ไหม ให้คนตัวขาวส่ายหน้าตอบไปให้อีกคนใจชื้นขึ้นมาบ้าง ก่อนจะลุกขึ้นยืนสอดมือเข้าไต้วงแขนอีกคนแล้วยกขึ้นอุ้มเดินไปที่ห้องน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดตัวกับชุดใหม่ที่จะใส่วางไว้บนเคาท์เตอร์ล้างหน้าไว้ ทำทีว่าจะเดินเข้ามาถอดเสื้อเขาออกแต่มือเล็กจับเอาไว้ไม่ยอมให้ถอด


     

    ดะเดี๋ยวอาบเองได้


     

    มินกยูได้ยินแบบนั้นก็ยอมตกลงง่ายๆ ไม่อยากขัดใจคนตื่นนอนใหม่ๆเดี๋ยวงอแง เดินออกมานั่งรอเตียงเงียบๆ ตอนนี้หกโมงเย็นแล้ว คุณน้ากับอูจองคงยังไม่กลับ ก่อนจะตัดสินใจเดินลงไปหยิบน้ำในตู้เย็นข้างล่างขึ้นมากับถุงซองยาในมือเตรียมไว้ให้รอ จนอีกคนเดินออกมาจากห้องน้ำเรียบร้อย มือหนาจูงอีกคนให้นั่งลงที่เตียงก่อนจะยืนน้ำและยาให้เหมือนเมื่อเช้า บอกมาว่าจะได้หายไวๆ กินเสร็จแล้ววางแก้วที่โต๊ะข้างหัวเตียง มินกยูที่ยืนมองอีกคนกินยาเสร็จก็เดินลงมานั่งที่พื้นแทรกกลางตัวอีกคน เกยคางไว้กับหน้าขาของอีกคนเงยหน้าขึ้นมามองนิ่งจนวอนอูเริ่มอึกอัก จนเป็นมินกยูที่เริ่มก่อน


     

    ทำไมชอบแอบถ่ายคนอื่น



    หื๊ม? แอบดูของคนอื่นหรอ!!” วอนอูหันไปมองที่โต๊ะหนังสือตัวเอง ปรากฏว่าอัลบั้มรูปของเขาไม่ได้วางไว้ที่เดิมอย่างที่ควรจะเป็น ก่อนเตรียมง้างมือทำโทษคนเสียมารยาท

     


    ก็แค่หยิบมาดูเอง ตอบก่อนถ่ายทำไม



    อะไรเล่า!!”



    “…”



    กะก็มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำได้นี่ นายไม่เข้าใจหรอก คนเดียวมันรู้สึกแย่นะ

     


    มินกยูแกล้งพยักหน้าเข้าใจแกล้งอีกคนได้อายที่พูดสารภาพออกมาเกี่ยวกับเรื่องเมื่อก่อน ตอนที่พวกเขาไม่ได้คุยกันแบบนี้สักคำ ไม่ได้หันมามองกันแบบนี้

     


    รู้ได้ไงว่าอยู่คนเดียว

     


    มะ...หมายความว่าไง อื้อ

     


    มินกยูคว้าลำคอเรียวให้ดวงหน้าขาวโน้มลงมาปิดคำถามรื้อฟื้นความหลัง จูบแนบแน่นอย่างต้องการที่จะสื่อสารไม่มีความรุนแรงและล่วงล้ำ มีเพียงกลีบปากที่ส่งความรู้สึกผ่านความอุ่นร้อนที่ค่อยๆซึมซับผ่านกันและกัน


     

    จะหมายถึงอะไรก็ตาม แต่ที่เป็นแบบตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว


     

    จบคำพูดเอาแต่ใจมินกยูก็เลื่อนตัวขึ้นดันอีกคนให้นอนราบไปกับพื้นเตียงนุ่มให้เขาขึ้นมาทาบทับอีกคน ตาคมลอบมองใบหน้าฝาดเลือดสีจางไปมาเกลี่ยพวงแก้มไปมาแล้วก้มลงประทับจูบร้อนอย่างดูดดื่มให้วอนอูได้เคลิ้มตามยกมือขึ้นคล้องลำคอเกี่ยวไว้แน่น  เรียวลิ้นร้อนส่งเข้าไปควานเกี่ยวหาความหวานที่เขาหลงใหลมาจากอีกคน จนกระทั่ง

     


    แกร๊ก...

     

     

    แม่คับบบ เจอวอนแย้วววว

     


    ไหน วอนอู...ว๊าย!!! ตะเถร!!!”

     


                วอนอูสะดุ้งตั้งแต่เสียงเปิดประตูของอูจองที่กลับบ้านกันมาตอนไหนไม่รู้ แต่ไม่ทันได้ลุกขึ้นนั่งกลบเกลื่อนหลักฐาน คุณนายจอนก็เดินขึ้นตามมาเช่นกันร้องเสียงตกอกตกใจให้เขาตั้งหลักกันไม่ทัน คนเป็นแม่รีบยกมือขึ้นปิดตาอูจองที่ดิ้นน้อยๆไว้ไม่ให้มองกลัวเป็นตากุ้งยิง


     

                “อะ...เอ่อตามสบายเลย แม่ไม่กวนนะ


     

                ขอบคุณครับ

     


                “มินกยู!! แม่ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ

     


    ขนาดนี้แล้วลูกแม่ ส่วน มินกยู เสร็จแล้วลงมาคุยหน่อยนะจ๊ะ


     

    คุณนายจอนว่าก่อนที่จะพาอูจองที่พยายามแกะมือให้ออกให้ตามลงมา ไม่ลืมที่จะปิดประตูห้องให้ วอนอูฟาดเข้าที่ไหล่หนาแรงๆโทษฐานทำให้แม่เขาต้องมาเจอเราในสภาพแบบนี้ ฟาดลงไปไม่ยั้งจนเริ่มเหนื่อยหอบ นึกคาดโทษอีกคนที่ทำแต่ละอย่างไม่เคยจะชัดเจนมีแต่เพียงคืนนั้นที่มันโจ่งแจ้งเกินไป ไม่มีความพอดี


     

    เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย เสียงใสหลุดเผลอพูดออกมาท่ามกลางความเงียบระหว่างเขาสองคน จนทำให้มินกยูได้ล่วงรู้ความคิดของอีกคนที่เก็บมาคิดอยู่คนเดียวอยู่นาน รีบเอ่ยแย้งความเห็นกลับไปให้อีกคนฟังทันที


     

    แต่มินกยูไม่ได้คิดแบบนั้น



     "..."



    เราเป็นคนรักกัน ต้องคิดแบบนี้ไม่ใช่หรือ


     

    สายตาของวอนอูที่หลบตาในตอนแรกรีบหันกลับมามองหลังคำพูดที่ไม่คิดว่าอีกคนจะพูดออกมาแววตาใสเริ่มแดงก่ำ ดึงอีกคนให้เข้ามากอดแน่น ลมหายใจร้อนเริ่มติดขัดจากแรงสะอื้นเบาๆที่กลั้นเสียงไว้ในอก กอดกันแนบชิดจบร่างกายแนบรวมเหมือนเป็นสิ่งเดียวกันและไม่คิดที่จะแยกออกจากกัน

     

     

    สำหรับคนทั่วไปแล้วคำว่า แฟน คงเป็นคำที่ฟังแล้วดูชื่นใจแล้วดูมั่นคงมากเกินพอที่จะเป็นเจ้าของ แต่สำหรับมินกยูแล้วคำว่า คนรัก เป็นอะไรที่มั่นคงและยืนยาวมากที่สุดแล้ว และยากที่จะถูกทำลายตัวลง

     

     

     

    .................................(END)……………………



    ขอบคุณค่ะ

    ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ

    #always17chummy

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×