คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chummy : Boissons - Part 6
Boissons - Part 6 (End)
Author: pearlinc
Rate: PG (?)
-6-
ในห้องสีเทาเข้มห้องหนึ่งที่ในวันนี้มีลมพัดโกรกระบายอากาศให้ในห้องรู้สึกปลอดโปร่ง ในห้องที่ปกคลุมไปด้วยความเงียบงันประกอบกับเสียงของสองลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอบกกับเสียงนาฬิกาที่แขวนอยู่ที่ผนังห้องไว้ ในห้องที่มีเพียงแสงจันทร์และเสาไปด้านนอกห่างๆเท่านั้นลอดผ่านเข้ามาทางบานหน้าต่างให้พอได้เห็นร่างของคนสองคนนอนซ้อนกันกอดกันแน่น วงแขนแกร่งกว้างโอบล้อมคนอีกคนในวงแขนไว้ในอ้อมกอดเหมือนต้องการที่จะปกป้องคนๆนี้ไว้ ดวงตาใสยามหลับใหลค่อยๆลืมตาตื่น ปรือขึ้นมองไปรอบๆ เหลือบมองไปที่นาฬิกาแขวนผนังของห้องว่าเป็นเวลาตีสามกว่าๆ
ร่างกายในตอนนี้รู้สึกเหมือนไม่มีเส้นประสาทคอยวนอยู่รอบตัว ชาไปหมดและรู้สึกหน่วง หัวของเขาปวดและหนักอึ้งไปหมด เจ็บไปหมด ทั้งปาก ทั้งเอว และหัวใจ วอนอูรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่รินรดลงมาตรงกลางศีรษะ สมองประมวลผลคิดย้อนไปที่เหตุการณ์ของเมื่อวานว่า มันไม่ใช่แค่ฝัน เขาทำมันไปแล้ว ชัดเจนและตราตรึงอยู่ตามร่างกายและจิตใต้ส่วนลึกสุด ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาอย่างไม่ห้ามอยู่ วอนอูพยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีขยับกายเพื่อที่จะนอนหงาย แต่กลับไม่สำเร็จ แรงดุกดิกขยับกายไปมาปลุกให้คนด้านบนตื่นลืมตาขึ้น จับพลิกร่างอีกคนให้หันมาเผชิญหน้ากันจนคนถูกทำร้องเสียงแห้งเผือดออกมา
“เจ็บ”
มือยกขึ้นเกลี่ยปอยผมสีดำเข้มที่ชี้ฟูไปมา เปิดผมที่ปิดบังหน้าผากขึ้นออกแล้วประทับจูบลงมาเนิ่นนานอย่างที่ชอบทำ ผละดวงหน้าออกก่อนจะล้อมรอบเอวบางให้เข้ามาชิดกายแน่นอีกครั้งแล้วข่มตาหลับต่อ วอนอูไม่ได้ว่าอะไร ได้แต่มองเปลือกตายามหลับใหลเวลานี้ดูน่ารักกว่าสายตาเมื่อก่อนที่มองเขาแบบไร้ความรู้สึก
นิ้วเรียวยกขึ้นกุมดวงหน้าคมไว้ นิ้วโป้งไล้เกลี่ยไปตามหัวคิ้วนวดคลึงให้อีกคนได้นอนหลับอย่างผ่อนคลาย ไล่ลงมาตามแก้มปลายคางจนหยุดอยู่ที่ริมฝีปากสีเข้ม จ้องมองอย่างรักใคร่อีกคน กดจูบหนึ่งทีเบาๆ ก่อนจะยกแขนขึ้นคล้องคอกอดอีกคนไว้ ซุกหนาโหยหาความอบอุ่นจากอีกคนที่แกล้งหลับรอรับการกระทำของอีกคนเงียบๆ
“มินกยู” เสียงแหบที่เหมือนหายไปจากการเสียแรงของเมื่อคืนเอ่ยขึ้นเรียกอีกคนเบาๆ
“ครับ”
“อึดอัด…”
“…”
“...ตรงนั้น”
Minor Cut Scene (Just Click)
แก้ไขลิ้งค์ใหม่แล้วค่ะ เชื่อมผิด
PASSWORD
.
.
.
มินกยูจัดการวางอีกคนให้ยืนดึงเสื้อนอนตัวบางออกไป ชโลมน้ำในฝักบัวให้ไหลไปตามร่างกาย ถูสบู่ให้ทำความสะอาด จับอีกคนให้หันหน้ามาทางเขา ฝ่ามือหนารองหน้าไว้ในมือ เอ่ยบอกอีกคนให้หลับตาแล้วลูบน้ำล้างหน้าให้ ใช้นิ้วโป้งปากรอบขอบตาไม่ให้น้ำเข้า เสร็จสิ้นก่อนจะปิดน้ำลง มินกยูเดินออกไปนอกห้องน้ำแล้วกลับมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวในมือ จัดการซับน้ำไปตามร่างกายขาวเนียน จัดการซับน้ำไปตามร่างกายขาวเนียน
ในสมองพยายามข่มสติ ที่มีอารมณ์ดิบประดับไว้ให้สงบลง ข่มตาเช็ดตัวให้คนที่โตกว่าเงียบๆ ก่อนจะห่อตัวไว้แล้วอุ้มออกมายืนที่อยู่ข้างนอกห้องน้ำ จัดการหยิบชุดลำลองจากกระเป๋าเจ้าตัวให้อีกคนเงียบๆ เดินมาใส่ให้เสร็จสรรพโดยอีกคนให้ความร่วมมืออย่างอายๆ ก่อนจะอุ้มตัวเขาชิดอกกว้างอุ่นแนบไว้แล้ววางลงไว้บนเตียงนุ่มนิ่มให้ได้นั่งพัก ก่อนจะเอ่ยถามบางอย่างกับอีกคน
“มีกุญแจบ้านหรือเปล่า”
วอนอูพยักหน้าตอบกลับไป ก่อนจะมองตามมินกยู ที่เดินไปหยิบเสื้อยืดในกระเป๋าของตัวเองมาใส่ และเก็บข้าวของทั้งของมินกยูและของคนที่นั่งอยู่บนเตียงเข้าไว้ในกระเป๋า เดินมาที่เตียงอีกครั้งพับผ้าห่มบนเตียงเรียบร้อย ก่อนจะเดินหายลงไปข้างล่างพร้อมกับกระเป๋าสองใบของพวกเรา
คนตัวสูงกลับขึ้นมาอีกครั้ง เดินเข้ามาทางเขาแล้วย่อตัวหันหลังให้ บังคับจับแขนเรียวเล็กทั้งสองข้างขึ้นคล้องไว้ที่รอบคอแกร่งกระชับแน่น คนตัวเล็กกว่าลอยขึ้นตามความสูงของอีกคน มือหนายกข้อพับขาวให้เกี่ยวไว้ที่ข้างลำตัวหนาเป็นการขี่คอเปรยๆ
สองขายาวเริ่มออกเดินไปตามทางเดินอย่างช้าๆ พยายามใช้เวลาตรงนี้ซึมซับความอุ่นจากคนตัวเล็กด้านหลัง วอนอูรู้สึกอุ่นหัวใจที่ได้อยู่แบบนี้ ปลอดภัยบนหลังกว้าง ซุกหน้าเข้ากับลำคอข้างหน้าก้มงุดแนบเข้าหาอย่างออดอ้อน ผละออกมามองดีๆตาใสเห็นรอยแผลจากเล็บจิกเต็มไปหมด กดจูบลงไปบนต้นคอยาวหนึ่งทีเป็นการปลอบขวัญคนตัวโต มือเรียวเล็กเริ่มอยู่ไม่นิ่ง ลูบเส้นผมสีเข้มไม่จัดทรงไปมาสนุกมือ ทึ้งให้เบาๆให้เลือดหมุนเวียนไม่ให้ปวดหัว
จนกระทั่งมาถึงตัวรถมินกยูกดปลดล็อคย่อตัวลงที่ตรงข้างเบาะรถฝั่งข้างคนขับให้อีกคนขึ้นไปนั่ง เอ่ยถามหากุญแจร้านเพื่อนที่จะล็อคประตูให้เรียบร้อย เสร็จสรรพก็เดินกลับมาที่รถแล้วเริ่มออกตัวสตาร์ทเครื่องยนต์ ไม่มีการสนทนาใดๆ ก่อนที่รถจะจอดเทียบกับหน้าร้านยาที่เพิ่งเปิดไม่นานให้คนตัวสูงเดินหายเข้าไปและกลับมาพร้อมกับถุงพลาสติกสีขาวหนึ่งใบ
ขายาวข้าวฉับมาที่รถเข้ามาแล้วปิดประตูลง เปิดถุงสีขาวออกดู หยิบขวดน้ำเปล่าขึ้นจัดการเปิดฝาให้เรียบร้อยแล้วยื่นมาตรงหน้าเขาให้รับไว้ และตามมาด้วยยาสองเม็ดต่างสีให้เขา คนตัวขาวยังไม่ได้รับไว้แถมยังทำหน้านิ่งไม่พูดไม่จา
“จะได้หายปวด”
พูดจบก็หันตัวไปขับรถออกตัวไป ไม่ได้มองคนที่หน้าร้อนไปถึงหูข้างๆ ขับกันมาจนรถจอดอยู่ที่หน้าบ้านหลังคุ้นตา คนตัวสูงเดินลงมาจากรถมายังฝั่งข้างคนขับอีกครั้ง เสียงทุ้มเอ่ยถามหากุญแจบ้านให้อีกคนตอบกลับมาว่าอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้า มินกยูจัดการเดินไปหยิบตามที่อีกคนบอกแล้วเดินไปเปิดประตูรั้วและประตูบ้านของวอนอูเงียบๆ
เสร็จก็เดินกลับมาที่รถ ย่อตัวหันหลังให้อีกคนได้คล้องเกาะอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าขึ้นเสร็จ ก็จัดการปิดประตูรถแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าของวอนอูที่ประตูด้านหลังติดมาคล้องไว้ที่ข้อพับแขนแล้วยกขาเรียวเกี่ยวไว้ที่เอวเหมือนเดิม สองขายาวก้าวฉับเข้าไปในบ้านพลางเปิดประตูบ้านเข้าไปแล้วเปิดสวิทช์ ไฟที่อยู่ตำแหน่งเหมือนกับบ้านของเขา เอ่ยถามอีกคนว่าห้องเจ้าตัวอยู่ตรงไหน นิ้วเรียวชี้ไปที่ห้องเป้าหมายให้อีกคนเดินไปส่งข้างบนเงียบๆ เปิดประตูห้องเข้าไปในห้องที่มีเพียงแสงท้องฟ้าตอนตีสี่เกือบตีห้าเข้าแทรกผ่านมาทางหน้าต่างให้พอได้เห็นทางเดิน
มินกยูวางคนบนหลังไว้บนเตียงนุ่มนิ่มที่มุมห้อง บอกให้อีกคนนอนพักผ่อนแต่เหมือนจะไม่เห็นด้วยเลยดิ้นยื้อเบาๆจนร้องโอดโอยออกมาด้วยความเจ็บที่ร่างกายหลัง มินกยูจัดการดันตัวอีกคนให้หัวถึงหมอนโดยดี ดึงผ้าที่ปลายเตียงคลุมตัวให้มิดชิด แล้วเดินไปเปิดบานหน้าต่างให้ลมเย็นๆพัดเข้ามาในห้องได้รู้สึกสบาย วอนอูที่ยังมีความอ่อนเพลียอยู่ค่อยๆปรือตาขยับตัวตะแคงข้างให้อยู่ในท่านอนที่สบายก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราของตัวเองไป
มินกยูมองนาฬิกาก็เห็นว่าใกล้ถึงเวลาที่ควรไปแล้ว เดินมาที่รถยนต์คันคุ้นตาเปิดประตูหาโทรศัพท์มือถือของตนในกระเป๋า พบว่าของคนบางคนก็อยู่กับเขาเช่นกัน มินกยูเปิดดูเห็นว่ามีสายไม่ได้รับจากเพื่อนเจ้าตัวหนึ่งสาย ตัดสินใจใช้เครื่องตัวเองพิมพ์เบอร์รุ่นพี่ตัวอวบลงไปแล้วโทรออกก่อนอีกคนจะรับสาย
‘ฮัลโหลครับ ซึงกวานครับ’
“นี่มินกยูพูดเองครับ ”
‘อ้าวเราเองหรอ นึกว่าเบอร์ใครที่ไหน’
“ครับ ผมจะบอกว่าวอนอูวันนี้ทำงานไม่ได้นะครับ ไม่สบายนิดหน่อย ผมเลยมาส่งให้มานอนที่บ้าน”
“ถึงว่าโทรไปไม่รับ ที่ร้านก็ไม่อยู่ โอเค พี่ฝากดูวอนอูด้วย เดี๋ยวทางนี้พวกพี่จัดการเอง”
“ขอบคุณมากครับ สวัสดีครับ”
มินกยูรอให้คนปลายสายเป็นคนตัดสนทนาทางโทรศัพท์เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท ก่อนที่จะเก็บมือถือทั้งของเขา และของอีกคนใส่ไว้ที่หน้ารถ ก่อนจะคว้ากระเป๋าไว้และไขกุญแจเข้าบ้านเพื่อเตรียมตัวจัดการที่จะไปเรียน เสร็จธุระส่วนตัวก็รีบปิดบ้าน ล็อค แล้วเดินกลับมาที่บ้านของคนบางคนขึ้นมายังชั้นบนที่ห้องที่มีคนที่ยังนอนหลับสนิทเหมือนเดิม ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกุญแจบ้านของวอนอูติดมือมาด้วยจะได้ไม่ให้ใครเข้า นอกจากเขาคนเดียวยามที่อีกคนกำลังหลับมินกยูก็ได้ ย่างตัวเข้าไปหาย่อตัวลงที่ข้างเตียงอีกครั้ง กระซิบเบาๆเป็นการบอกกล่าวแต่ไม่รบกวนพร้อมกับหอมแก้มอีกคนแกมเอ็นดู ไม่ลืมที่จะกดล็อคประตูบ้านให้ได้สบายใจ
“จะตั้งใจเรียนนะ…”
……………..……….(30%)…………………..
เขตรั้วมหาวิทยาลัยยามเย็นที่มีคนพลุกพล่าน
นักศึกษาต่างกันพากันกลับไปพักผ่อนหลังจากใช้สมองกันอย่างหนักหน่วงบวกกับตารางเรียนที่ว่าหนักเอาการ
บางกลุ่มก็พอเลิกเรียนก็พากันไปผ่อนคลายที่สถานบันเทิง
บ้างก็พากันกลับบ้านกลับหอพักไปนอนพัก
บางกลุ่มก็ยังนั่งคุยกันอยู่ในห้อเรียนอย่างพวกเขา
“โว้วววว นั่งเรียนมาทั้งวัน ทำไมคนแถวนี้มันยังมีออร่าขนาดนี้วะ!”
“นั่นดิ ไม่เหมือนมึงเลยซอก หมองๆเนอะ”
“กูให้โอกาสมึงพูดอีกทีเพื่อนจุนที่รัก”
“มึงอย่าหลอกตัวเองซอกมิน
จุนมันพูดถูก อยากหายหมองก็หาเอวบางๆตัวขาวๆอย่างพี่วอนอูสักคนดิวะ”
“ใช่เลยเพื่อนหมิง โอโหนึกแล้วลอยเลย
เมื่อก่อนเห็นแค่ไกลๆ พอเมื่อวานนะเห็นใกล้ๆแล้วแบบสุดยอด...เหยดู หึงโหด”
จุนที่ยังยังบรรยายภาพในจาเมื่อคืนยังไม่หมด
ปากกาน้ำเงินก็ลอยเฉี่ยวหน้าไปนิดเดียวแต่ก็ยิ้มร้ายกลับไปอย่างหลบทัน
เสียงหัวเราะจากกลุ่มเพื่อนทำให้คนตัวโตสุดหงุดหงิดน้อยๆที่คนของเขาถูกพูดถึง หยิบกระเป๋าเดินหนีแก๊งเพื่อนสมัยมัธยมออกมา
“มินกยูจะกลับไปหาพี่วอนอูแล้วหรอ
อยู่คุยกับน้องวอนซอกก่อนสิ น้องวอนซอกยังไม่หายแฮงค์เลยนะคะ”
ไม่วายยังมีเสียงบีบสะดิ้งแซวเล่นที่ดังไม่เบาตามหลังให้เขาทำเป็นไม่สนใจส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
วันนี้เป็นวันที่เลิกเรียนแล้วเขาอยากจะกลับบ้านให้เร็วมากที่สุดเท่าที่เคย
บ้านที่ว่าไม่ใช่บ้านเขาแต่กลับเป็นบ้านข้างๆที่ติดกันมากกว่า
มินกยูรีบขึ้นรถเก๋งของตัวเองเคลื่อนตัวไปตามทางไม่ช้าและไม่เร็วมากตรงไปยังที่หมาย
จนถึงหน้าบ้านของคนบางคนที่คุ้นตา
รีบหยิบมือถือสองเครื่องของเขาและของอีกคนในบ้านติดมาบวกกับกุญแจบ้านของเจ้าตัวมาไขที่รั้วแล้วประตูบ้าน
ตรงดิ่งขึ้นไปข้างบนห้องนั้น
แสงยามเย็นที่สว่างพอที่เห็นทุกอย่างภายในของห้องสี่เหลี่ยม
ห้องที่ทาด้วยสีเหลืองไข่ มีรูปวอนอูที่ถ่ายกับคุณน้า คุณลุง และก็เจ้าตัวเล็กอูจองน้องชายวอนอูตอนยังแบเบาะ
คุณลุงจอนเสียไปตอนที่อูจองอายุเพียงแค่ไม่กี่เดือนและตอนนั้นวอนอูก็เพิ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัยหมาดๆ
อาจเป็นเพราะช่วงนั้นคุณลุงเสียไป คุณน้าจึงหาใครสักคนมาช่วยอีกแรง เลยมาเป็นเขาที่คอยช่วยรับส่งคนตัวเล็กนี่ละมั้ง
มินกยูที่เห็นว่าคนบางคนยังไม่ตื่น ตัดสินใจเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือตัวสีขาว
ที่มีนิตยาสารเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มเต็มไปหมด สมุดโน้ตจดสูตรวิธีทำมากมายไว้บนโต๊ะ
ตาคมเหลือบไปมองเล่มอัลบั้มรูปที่วางอยู่ไม่ห่าง
หยิบขึ้นมาดูอย่าถือวิสาสะ เปิดดูไล่ๆไปเรื่อยๆมีทั้งรูปครอบครัว
รูปพวกพี่ๆเพื่อนของเจ้าตัวที่ยิ้มแย้ม รวมไปถึง
รูปที่เหมือนแอบถูกถ่ายจากด้านหลังลักษณะเหมือนกับหมวกกันน็อคที่เขาใส่สมัยเรียนมัธยมซ้ำๆ
มุมเดียว แต่คนละเวลา มินกยูยิ้มออกมาอย่างนึกขำว่าคนๆนี้ตอนนั้นเป็นพวกชอบแอบถ่ายงั้นหรือไง
ปิดอัลบั้มรูปลงแล้วเดินมานั่งตรงพื้นข้างเตียงมองอีกคนที่ยังคงหลับ
แต่เริ่มขยับตัวไปมา เหมือนรู้สึกตัว จนกระทั่งตาลืมตื่นคอยๆปรือขึ้นมองคนตัวใหญ่ข้างหน้า
วอนอูพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งจนสำเร็จ
มินกยูจับขาเรียวให้หันมาตัวมาทางเขามองดูอาการอีกคนไปทั่วตัว
“เจ็บอยู่ไหม”
เสียงทุ้มเอ่ยเสียงถามออกมาทันทีให้คนที่ยังตื่นไม่เต็มที่พยักหน้าตอบไป
จนมินกยูต้องถามต่อว่ามากแค่ไหม ให้คนตัวขาวส่ายหน้าตอบไปให้อีกคนใจชื้นขึ้นมาบ้าง
ก่อนจะลุกขึ้นยืนสอดมือเข้าไต้วงแขนอีกคนแล้วยกขึ้นอุ้มเดินไปที่ห้องน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดตัวกับชุดใหม่ที่จะใส่วางไว้บนเคาท์เตอร์ล้างหน้าไว้
ทำทีว่าจะเดินเข้ามาถอดเสื้อเขาออกแต่มือเล็กจับเอาไว้ไม่ยอมให้ถอด
“ดะ…เดี๋ยวอาบเองได้”
มินกยูได้ยินแบบนั้นก็ยอมตกลงง่ายๆ
ไม่อยากขัดใจคนตื่นนอนใหม่ๆเดี๋ยวงอแง เดินออกมานั่งรอเตียงเงียบๆ ตอนนี้หกโมงเย็นแล้ว
คุณน้ากับอูจองคงยังไม่กลับ ก่อนจะตัดสินใจเดินลงไปหยิบน้ำในตู้เย็นข้างล่างขึ้นมากับถุงซองยาในมือเตรียมไว้ให้รอ
จนอีกคนเดินออกมาจากห้องน้ำเรียบร้อย
มือหนาจูงอีกคนให้นั่งลงที่เตียงก่อนจะยืนน้ำและยาให้เหมือนเมื่อเช้า บอกมาว่าจะได้หายไวๆ
กินเสร็จแล้ววางแก้วที่โต๊ะข้างหัวเตียง มินกยูที่ยืนมองอีกคนกินยาเสร็จก็เดินลงมานั่งที่พื้นแทรกกลางตัวอีกคน
เกยคางไว้กับหน้าขาของอีกคนเงยหน้าขึ้นมามองนิ่งจนวอนอูเริ่มอึกอัก จนเป็นมินกยูที่เริ่มก่อน
“ทำไมชอบแอบถ่ายคนอื่น”
“หื๊ม? แอบดูของคนอื่นหรอ!!” วอนอูหันไปมองที่โต๊ะหนังสือตัวเอง ปรากฏว่าอัลบั้มรูปของเขาไม่ได้วางไว้ที่เดิมอย่างที่ควรจะเป็น ก่อนเตรียมง้างมือทำโทษคนเสียมารยาท
“ก็แค่หยิบมาดูเอง ตอบก่อนถ่ายทำไม”
“อะไรเล่า!!”
“…”
“กะ…ก็มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำได้นี่
นายไม่เข้าใจหรอก คนเดียวมันรู้สึกแย่นะ”
มินกยูแกล้งพยักหน้าเข้าใจแกล้งอีกคนได้อายที่พูดสารภาพออกมาเกี่ยวกับเรื่องเมื่อก่อน
ตอนที่พวกเขาไม่ได้คุยกันแบบนี้สักคำ ไม่ได้หันมามองกันแบบนี้
“รู้ได้ไงว่าอยู่คนเดียว”
“มะ...หมายความว่าไง อื้อ”
มินกยูคว้าลำคอเรียวให้ดวงหน้าขาวโน้มลงมาปิดคำถามรื้อฟื้นความหลัง
จูบแนบแน่นอย่างต้องการที่จะสื่อสารไม่มีความรุนแรงและล่วงล้ำ
มีเพียงกลีบปากที่ส่งความรู้สึกผ่านความอุ่นร้อนที่ค่อยๆซึมซับผ่านกันและกัน
“จะหมายถึงอะไรก็ตาม แต่ที่เป็นแบบตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว”
จบคำพูดเอาแต่ใจมินกยูก็เลื่อนตัวขึ้นดันอีกคนให้นอนราบไปกับพื้นเตียงนุ่มให้เขาขึ้นมาทาบทับอีกคน
ตาคมลอบมองใบหน้าฝาดเลือดสีจางไปมาเกลี่ยพวงแก้มไปมาแล้วก้มลงประทับจูบร้อนอย่างดูดดื่มให้วอนอูได้เคลิ้มตามยกมือขึ้นคล้องลำคอเกี่ยวไว้แน่น
เรียวลิ้นร้อนส่งเข้าไปควานเกี่ยวหาความหวานที่เขาหลงใหลมาจากอีกคน จนกระทั่ง
แกร๊ก...
“แม่คับบบ เจอวอนแย้วววว”
“ไหน วอนอู...ว๊าย!!! ตะเถร!!!”
วอนอูสะดุ้งตั้งแต่เสียงเปิดประตูของอูจองที่กลับบ้านกันมาตอนไหนไม่รู้ แต่ไม่ทันได้ลุกขึ้นนั่งกลบเกลื่อนหลักฐาน คุณนายจอนก็เดินขึ้นตามมาเช่นกันร้องเสียงตกอกตกใจให้เขาตั้งหลักกันไม่ทัน
คนเป็นแม่รีบยกมือขึ้นปิดตาอูจองที่ดิ้นน้อยๆไว้ไม่ให้มองกลัวเป็นตากุ้งยิง
“อะ...เอ่อตามสบายเลย
แม่ไม่กวนนะ”
“ขอบคุณครับ”
“มินกยู!! แม่ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ”
”ขนาดนี้แล้วลูกแม่ ส่วน มินกยู
เสร็จแล้วลงมาคุยหน่อยนะจ๊ะ”
คุณนายจอนว่าก่อนที่จะพาอูจองที่พยายามแกะมือให้ออกให้ตามลงมา
ไม่ลืมที่จะปิดประตูห้องให้
วอนอูฟาดเข้าที่ไหล่หนาแรงๆโทษฐานทำให้แม่เขาต้องมาเจอเราในสภาพแบบนี้
ฟาดลงไปไม่ยั้งจนเริ่มเหนื่อยหอบ นึกคาดโทษอีกคนที่ทำแต่ละอย่างไม่เคยจะชัดเจนมีแต่เพียงคืนนั้นที่มันโจ่งแจ้งเกินไป
ไม่มีความพอดี
“เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” เสียงใสหลุดเผลอพูดออกมาท่ามกลางความเงียบระหว่างเขาสองคน
จนทำให้มินกยูได้ล่วงรู้ความคิดของอีกคนที่เก็บมาคิดอยู่คนเดียวอยู่นาน รีบเอ่ยแย้งความเห็นกลับไปให้อีกคนฟังทันที
“แต่มินกยูไม่ได้คิดแบบนั้น”
"..."
“เราเป็นคนรักกัน ต้องคิดแบบนี้ไม่ใช่หรือ”
สายตาของวอนอูที่หลบตาในตอนแรกรีบหันกลับมามองหลังคำพูดที่ไม่คิดว่าอีกคนจะพูดออกมาแววตาใสเริ่มแดงก่ำ
ดึงอีกคนให้เข้ามากอดแน่น
ลมหายใจร้อนเริ่มติดขัดจากแรงสะอื้นเบาๆที่กลั้นเสียงไว้ในอก
กอดกันแนบชิดจบร่างกายแนบรวมเหมือนเป็นสิ่งเดียวกันและไม่คิดที่จะแยกออกจากกัน
สำหรับคนทั่วไปแล้วคำว่า แฟน
คงเป็นคำที่ฟังแล้วดูชื่นใจแล้วดูมั่นคงมากเกินพอที่จะเป็นเจ้าของ
แต่สำหรับมินกยูแล้วคำว่า คนรัก เป็นอะไรที่มั่นคงและยืนยาวมากที่สุดแล้ว
และยากที่จะถูกทำลายตัวลง
.................................(END)……………………
ขอบคุณค่ะ
ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ
#always17chummy
ความคิดเห็น