คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chummy : Boissons - Part 5
Boissons - Part 5
Author: pearlinc
Rate: PG (?)
-5-
สายลมพัดเอื่อยๆผ่านเข้ามาทางบานหน้าต่างของห้อง ท้องฟ้าสีม่วงอำไพที่อีกไม่นานจะถูกแทนที่ด้วยสีสว่างของตอนฟ้ารุ่งแล้ว ภายในห้องเล็กสีเทาอบอุ่น มีเพียงแค่เสียงลมพัดแผ่วเบาและเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของคนสองคน ความเย็นพัดผ่านเข้าไปกระทบกับดวงหน้าขาว ให้เจ้าตัวค่อยๆปรือตาขึ้นตื่นจากห้วงลึกยามหลับนอนก่อนเวลาที่ควร ตาเรียวปรือใสสำรวจไปรอบๆ และหันมาก้มลงมองคนบางคนที่ยังคงหลับตาพ่นลมหายใจรดช่วงอกของเขาอยู่อย่างสม่ำเสมอ แขนซ้ายที่โอบรอบคอแกร่งไว้ถูกหนุนเป็นหมอนใบนุ่มจนวอนอูรู้สึกชาเล็กน้อยจากการกดทับตลอดทั้งคืน
สองแขนแกร่งของมินกยูกำลังโอบล้อมรอบเอวบอบบางเอาไว้ให้แนบชิด ปิดระยะห่างกันให้เหลือเพียงแต่ความอบอุ่นของกันและกัน ตาใสจ้องมองดวงหน้าคมยามหลับใหลที่เวลานี้ช่างน่ามอง เส้นผมสีเข้มยุ่งเหยิงชี้ไปมาไม่เป็นทิศเป็นทาง จนวอนอูต่องส่งฝ่ามือเข้าลูบไปมาอย่างเอ็นดู กดจูบลงบนกลุ่มผมนั้นหนึ่งทีจนทำให้อีกคนรู้สึกตัว ลืมตาตื่นขึ้นมองคนที่ปลุก
มินกยูยกมือขึ้นจับดวงหน้ามน จ้องมองคนตรงหน้าอย่างมีความหมาย มินกยูขยับตัวขึ้นให้ใบหน้าสูงในระดับเดียวกัน มือหนากดดวงหน้าเล็กให้ซุกเข้าที่ข้างลำคอแกร่ง เอ่ยกระซิบข้างใบหูว่าขอนอนต่ออีกสักพัก คนตัวเล็กเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาตื่น เลยตามใจอีกคนให้ได้พักผ่อน
วอนอูที่ตอนนี้รู้สึกตาสว่างอยู่คนเดียว นอนฟังเสียงลมหายใจของคนบางคนเงียบๆ ยกมือลูบผมกล่อมอีกคนนิ่งๆ ความอุ่นของร่างกาย ถูกส่งผ่านเสื้อผ้าตัวบางที่รู้สึกดีกว่าการห่มผ้านวมผืนหนาอย่างทุกวันเป็นไหนๆ ในหัวคิดเพียงถึงแต่เรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้น
ใบหน้าเกิดอาการเห่อร้อนขึ้นทันที ริมฝีปากที่แอบรู้สึกชาบวก สัมผัสอบอุ่นที่อีกคนสร้างขึ้นบวกกับคำพูดที่ฟังแล้วชื้นหัวใจยังคงดังก้องอยู่ในหัว ใบหน้าซุกเข้าคิดเงียบๆ อีกใจหนึ่งก็ยังคงค้างคาใจในเมื่อมินกยูไม่ได้บอกอะไรที่ชัดเจน แต่ความจริงมินกยูก็บอกกับเขาแล้วว่า อยากอยู่ด้วยตลอดไปแบบนั้นก็น่าจะพอ
แต่มันเหมือนมีอะไร....ที่อยากได้ยิน
ใบหน้าขาวสะบัดไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปไม่อยากคิดมาก แรงขยุกขยิกปลุกให้มินกยูตื่นขึ้นอีกครั้ง ตาคมลอบมองอีกคนที่เดี๋ยวส่ายหัวไปมา เดี๋ยวก็หยุดนิ่งแล้วกลับมาส่ายอีกครั้ง มินกยูหลุดยิ้มบางออกมา เกลี่ยปัดเส้นผมที่ปิดหน้ากลัวจะจิ้มตาออกให้อีกคนนิ่งแล้วเงยข้นมามอง
เสียงทุ้มเอ่ยถามออกมาว่าเป็นอะไรให้อีกคนส่ายหัวอีกครั้งเป็นการปฏิเสธ จมูกโด่งกดลงข้างพวงแก้มเนียนอย่างหมั่นเขี้ยว มือเล็กยกขึ้นดันหน้าเจ้าเล่ห์ให้ออกห่างหยุดแกล้งแล้วปล่อยลง มินกยูถือจังหวะหยุดนี้เข้าโน้มจูบปากอิ่มแนบแน่นไม่มีการล่วงล้ำแล้วผละออก เริ่มไล้ขึ้นตามจมูกเล็กแล้วจบด้วยหน้าผากมน กลับหันมาสบตากันนิ่ง มองลึกเข้าไปในดวงตาใสที่น่ามองและอยากมองตลอดเวลา วอนอูยกมือขึ้นเกลี่ยแก้มมินกยูไปมาแล้วเริ่มดึงอย่างหมั่นไส้
“ตื่นได้แล้ว...น้องมิน”
มินกยูหลุดยิ้มเห็นเขี้ยวคมกับสรรพนามใหม่ที่คนเป็นพี่เรียกเขา คนตัวเล็กในชุดนอนสีเหลืองอ่อนยันตัวลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดใหม่ที่จะใส่ในวันนี้ออกมา และเดินเข้าห้องน้ำไป มินกยูยอมลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นเช็ค ปรากฏสายที่ไม่ได้รับถึงสองสาย เพื่อนเขา และก็คุณแม่ของคนบางคนในห้องน้ำ ตัดสินใจโทรกลับไปที่ปลายสายถึงคุณน้าก่อน
‘ฮัลโหล มินกยูหรอลูก’
“ครับ คุณน้าโทรมาเมื่อคืนมีอะไรหรือเปล่าครับ คือไม่ได้เปิดเสียงไว้น่ะครับ”
‘ไม่เป็นไรจ้ะ แค่จะโทรมาถาม เผื่อเจ้าวอนอูจะก่อเรื่องหรือเปล่า’
“ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงครับ เดี๋ยวผมดูแลทางนี้เอง ไปค่ายให้สนุกเถอะครับ”
‘ถ้าวอนอูออกลาย ก็จัดการได้เลยนะลูก’
จัดการแน่นอนครับ
หลังบอกคุยกับคนปลายสายว่าเขาดูแลเป็นอย่างดีแน่นอน คุยกันจนวางสายไป มินกยูที่เห็นว่าคนที่โตกว่ายังไม่ออกมาจากห้องน้ำ เลยตัดสินใจโทรหาสายที่ไม่ได้รับอีกสาย ตาคมไล่มองหาชื่อเพื่อนคนสนิทแล้วจัดการกดโทรออกรอสัญญาณให้อีกฝ่ายรับสาย
‘ฮัลโล้ววว งืมๆๆ’
“ตื่นสักทีเพื่อน”
‘งืมๆๆ’ มินกยูส่ายหัวหน่ายกับเพื่อนปลายสายที่เอาแต่เอยเสียงงงึมงับง่วงนอนอยู่ มินกยูบอกเพื่อนว่าเดี๋ยวก็โดนรุ่นพี่เล่นงานเอาถ้าไปสาย จนตาสว่างขึ้นอัตโนมัติแล้วมาคุยกับเขาดีๆ
“เมื่อคืนโทรมามีอะไร”
‘เอ้ออ คืนวันนี้พวกพี่ๆเขาจะมีเลี้ยงวันพี่น้องวันสุดท้าย มึงไปป่าววะ’ มินกยูขบคิดสักพัก ก่อนจะตอบตกลงกับเพื่อนไปแล้ววางสายลง
“อืม...กูไป”
ดื่มนิดหน่อยก็คงไม่เป็นอะไรมั้ง
.
.
.
………………….(5%)…………………..
ในช่วงกลางเที่ยวของวันนี้ ลูกค้ายังคงเข้าออกไม่หยุดอีกเช่นเคย จะว่าเรียกขายดีก็ได้ อาจเพราะราคาไม่สูงและเปิดทั้งวัน หลังเลิกเรียนของเด็ก หรือหลังเลิกงานของคนวัยกลาง รวมไปถึงคนแถวๆนั้น ก็มาอุดหนุนกันได้เรื่อยๆ ในร้านที่บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขของคนที่แวะเวียนกันเข้า สุขจากการกิน รวมไปถึงสุขจากการได้พบเจอ
แต่ภายใต้ความสุขเหล่านั้น กลับมีสิ่งมีชีวิตสิ่งหนึ่ง ที่เหมือนจะมีความสุขในแบบที่มีความสงสัยปนคลุมเครืออยู่ภายในอก จนเพื่อนๆที่พอจะรับรู้ได้ถึงรังสีที่แผ่ออกมาจากคนที่ต้อนรับลูกค้าด้วยรอยยิ้มแสร้งที่มุมปาก ไม่เหมือนอย่างทุกวันที่ทำเป็นประจำ
‘บี1 เอาไงดี แบบนี้ไม่ดีแน่’
‘นั่นสิ บี2 แต่ครั้งนี้เราไม่รู้สาเหตุนะ’
‘ทำไงดีล่ะทีนี้’
เสียงถอนหายใจยาวพรู่ออกมาจากจอมวางแผนทั้งสองคน ที่มีสาเหตุมาจากการสนทนาสายตาในวันนี้ ล้มเหลวอย่างไม่มีอะไรดีขึ้น ในตอนนี้ ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าเพื่อนตัวขาวของพวกเขา เป็นอะไรและกำลังคิดอะไรอยู่ ถามไปว่าเป็นอะไรหรือทะเลาะอะไรกับมินกยูหรือเปล่า เจ้าตัวก็ได้แต่ส่ายหัวตอบกลับมา พวกเขาสามคนก็ทำได้แค่เพียงมองห่างๆ ปล่อยให้เจ้าตัวได้คิดอะไรเงียบๆก็แล้วกัน
.
.
.
ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีสลัวเต็มที ตอนนี้เป็นเวลาหัวค่ำและเป็นเวลาปิดร้านตามเคย พวกเขาสี่คนทำหน้าที่จนคุณลูกค้ากลุ่มสุดท้ายเสร็จสิ้น แล้วจึงค่อยๆช่วยกันเคลียร์ทำความสะอาด จัดโต๊ะ เก้าอี้ให้เข้าที่ เช็ดถูร้านทำความสะอาดถ้วยชามที่ยังเหลือเพียงนิดเดียว เพราะพวกเขาทำงานกันแบบที่พอลูกค้าทานเสร็จก็เดินไปเก็บแล้วนำมาล้างทันที เก็บกวาดเศษขยะชิ้นเล็กที่มีไม่มากรวบไว้เป็นถุงและนำไปทิ้งที่ด้านข้างของร้าน
จนทุกๆอย่างเสร็จสิ้น และดูเหมือนว่าวันนี้จะเสร็จเร็วกว่าทุกๆวัน ซึงกวานเอ่ยปากชวนให้ทุกคนมานั่งพักและนั่งคุยเล่นกันบ้างเพราะเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ทำสักเท่าไหร่ เสียงหัวเราะจากรอบๆเกิดขึ้นเป็นระยะๆระหว่างการสนทนาและ
“นี่วอนอูอา มีอะไรก็บอกกันได้นะ” คุยกันไปเรื่อยๆ เป็นจองฮันที่ถามออกมาเกี่ยวกับเรื่องของเพื่อนตัวขาวที่วันนี้ดูไม่เท่าไหร่วันนี้ แต่ก็เหมือนเดิม เจ้าตัวส่ายหน้าตอบเช่นเคย
“เฮ้อ ต้องเกี่ยวกับมินกยูแน่ใช่หรือเปล่า” วอนอูชั่งใจนิ่งสักพักใหญ่ สุดท้ายก็พยักหน้าตอบกลับไป แต่ไม่ได้เล่าอะไรให้เพื่อนฟัง ขณะเดียวกันเสียงโทรศัพท์มือถือของวอนอูดังขึ้นหันไปมองตามว่าใครโทรมาหา ดวงตาใสมองชื่อพอรู้แล้วว่าใครโทรมาลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจกดรับสาย
“ฮัลโหล...มินกยูว่าไง”
‘ฮัลโหลล พี่คร้าบ ผมอีซอกมินเพื่อนไอ้มินกยูมันนะครับ’
“อะ...อ๋อ ครับ”
‘คืนนี้มินกยูขอกลับดึกหน่อย...มึงนั่งนิ่งๆไปเลย!!...เอ่อ วันนี้มีงานเลี้ยงนิดหน่อย ได้ไหมครับ’ เสียงซอกมินขณะที่เอ่ยถามเหมือนมีอีกคนที่พยายามแย่งที่จะคุย แต่ถูกปรามไว้เสียก่อน
“ไม่เห็นจะต้องโทรมาขอกันเลยนี่ครับ”
‘ไม่ได้ครับ มันบอกพวกผมว่า มันจะขอกลับก่อนพวกผมเพราะจะไปหาพี่ แต่วันนี้พวกผมขอตัวมันวันนึงนะครับ น้า’ เสียงออดอ้อนส่งผ่านมาจากอีกฝ่ายเชิงขอร้องให้เพื่อนเขาได้อยู่กินเลี้ยงกัน โดยมีเพื่อนเขาอีกสามคนที่นั่งฟังอยู่เงียบว่าทำหน้าสงสัยกันว่าใครโทรมากัน
“ตะ...ตามสบายเลยครับ”
‘เยส!! เห้ยจะเอาไปไหนว้า...ฮัลโหลวอนอู’ เสียงของซอกมินที่เหมือนจะหายไปเพราะมีคนบางคนแย่งมือถือมาจากมือ โวยวายนิดหน่อยก่อนที่จะแทนที่ด้วยเสียงของอีกคน
“หื๊ม?”
‘เดี๋ยวจะรีบกลับนะ” มินกยูเอ่ยบอกเสียงนุ่มประกอบกับเสียงแซวฮิ้วฮ้าวที่ดังเข้าสายมาจากเพื่อนๆของมินกยู
“อือ กลับมาดีๆล่ะ”
‘ครับ’ สิ้นเสียงขานรับจากปลายสาย วอนอูตัดสินใจกดวางสายลง ก่อนที่เพื่อนๆเขาจะเริ่มถามว่ามีอะไรหรือเปล่า
“ใครโทรมาหรือ”
“มินกยูกับเพื่อนอะ วันนี้ที่มหาลัยมีเลี้ยงกันนิดหน่อยละมั้ง”
“โอ้ มีโทรมาขอกันด้วยนะเนี่ย”
“อะไรเล่า!!!” เสียงหัวเราะคิกคักของเพื่อนที่หยอกล้อคนตัวขาวจนโมโหกลบเกลื่อนความเขาแถมยังทำท่าจะง้างมือฟาดพวกเขาอีก เล่นกันไปมาจนรถเก๋งคันเดิมของพี่ชายจีฮุนมาจอดอยู่หน้าร้านพอดีให้เพื่อนตัวเล็กได้โบกไม้โบกมือลา กลับบ้านไปก่อนเพื่อนเหลือเพียงเพื่อนอีกสองคนที่กำลังจะเตรียมตัวกลับเช่นกัน
“พวกเรากลับละนะ อยู่ได้ใช่ป่าว”
“ได้สิ”
“เดี๋ยวมินกยูก็กลับมานอนด้วยนี่เนอะ” จองฮันยังคงหยอกแกล้งต่อไป แถมยังหัวเราะออกมาชอบใจที่ได้แกล้ง ก็นานๆทีเพื่อนเขาจะมีมุมแบบนี้มานี่นะ
“ไม่ต้องมาพูดเลย สมรู้ร่วมคิดกันหมดเลยนะ รู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกล่ะสิ ฮึ กลับไปเลย!!” ใบหน้าเชิดงอนยู่ปากทำท่าเกี่ยงงอนเพื่อนๆที่เอาแต่ยัดเยียดเขา แถมยังมีหน้ามาแกล้งกันแบบนี้ มันน่าไหมละ จนบอกให้กลับบ้านไปได้แล้วขับรถดึกๆมันน่ากลัวให้เพื่อนทั้งคู่กลับบ้านไปจนลับตา วอนอูตัดสินใจเดินเข้าไปในร้าน ปิดประตูล็อคเรียบร้อย รอมินกยูกลับค่อยลงมาเปิดอีกทีแล้วกัน
สองขาเรียวก้าวฉับขึ้นไปชั้นบนเพื่อนทำกิจธุระส่วนตัว เข้าไปในห้องน้ำอาบน้ำชำระล้างร่างกายให้ผ่อนคลายจนเสร็จ ออกมาจากห้องน้ำพลางเช็ดหัวตัวเองไปมาให้หายชุ่มน้ำ เปิดตู้เสื้อผ้าจัดการหยิบชุดนอนสีฟ้าอ่อนเนื้อนุ่มบางมาใส่เสร็จสรรพ เดินไปนั่งที่ปลายเตียงพลางหยิบมือถือขึ้นมาดูไม่มีใครโทรเข้ามาเสียที เลยวางไว้ที่เตียงดังเดิม มือบางเช็ดผมตัวเองไปมาเรื่อยพลางเปิดพัดลมให้ช่วยให้แห้งเร็วขึ้นจนเสร็จ
เมื่อเห็นว่าตนเองไม่มีอะไรต้องทำ เลยตัดสินใจโทรไปหาแม่ของตัวเองเพราะเห็นว่าตอนนี้ยังไม่ดึกจนเกินไปแม่เข้าคงยังไม่นอนหรืออาจจะไม่มีกิจกรรมที่ค่ายอะไร เรียวตาไล่มองและกดโทรออกรอสัญญาณเรื่อยจนกระทั่งมีคนรับ
‘ว่าไงลูก’
“คิดถึงแม่จัง ทำอะไรอยู่ ที่นู่นสนุกไหม น้องดื้อหรือเปล่า” วอนอูเอ่ยเสียงอ้อนน้อยๆ งอแงนิดหน่อย ถามออกมาไม่หยุดให้ตอบ จนคนเป็นแม่หัวเราะออกมาเบาๆ
‘เป็นอะไรเรา เหงาล่ะสิ’
“ไม่เหงาได้ไง ถูกแม่ทิ้งเนี่ย”
‘ใครว่าแม่ทิ้ง แม่ลงทุนส่งคนไปคุมลูกเลยนะ ไม่ดีหรือ โอ๊ะ เดี๋ยวแม่ต้องนอนแล้ว เหลือพรุ่งนี้อีกวันก็กลับแล้วเลิกงอแง แม่อาจจะกลับประมาณหัวค่ำหน่อย กว่ารถจะออก โอเคนะลูก น้องนอนไปแล้วเนี่ย’ ได้ยินแบบนั้นวอนอูถึงกับทำปากยู่ไม่ชอบใจ นอกจากเพื่อนเขาแล้วก็มีแม่เขาที่ร่วมรู้เรื่องนี้ด้วย คุณนายจอนหัวเราะออกมานึกขำลูกคนที่เอาต่องอแง โทรมาก็ไม่มีเรื่องจะคุย
หลังจากวางสายลง วอนอูก็วางมือถือไว้ข้างตัวดังเดิม ห้องทั้งห้องปกคลุมไปด้วยความเงียบ ตอนนี้วอนอูตกอยู่ในสภาพความเบื่อเข้าครอบงำอีกครั้ง ตอนนี้ในหัวเขาดูมืดมนไปหมด ไม่รู้ทำไมตั้งแต่เมื่อเช้าเขารู้สึกคลุมเครือเหมือนมีบางอย่างไม่ชัดเจน แต่เขาก็ไม่รู้ว่าอะไร ใจนึงก็คิดที่จะอยากนอนข่มตาให้หายคิดมากไป อีกใจก็อดคิดเป็นห่วงคนบางคนไม่ได้ เขากำลังคิดว่าควรโทรหามินกยูดีไหม แต่มันอาจจะดูก้าวก่ายเกินไป เพื่อนของมินกยูจะคิดยังไง
ก็...เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย
พอคิดได้แบบนั้นก็รู้สึกใจหดหู่เสียดื้อๆ แต่มันก็เป็นความจริง วอนอูได้แต่นั่งนิ่งซึมบนเตียง สะบัดหน้าไล่ความคิดแง่ลบออกไป ตัดสินใจหาอะไรทำว่างๆเพราะตอนนี้ ข่มตานอนไปก็นอนไม่หลับอยู่ดี มือเรียวเอื้อมหยิบมือถือมาอีกครั้ง กดหาเกมสนุกๆเล่นฆ่าเวลา มันก็ช่วยได้แค่สักพักหนึ่ง แต่ก็เบื่อเสียแล้ว เปลี่ยนมาฟังเพลง วอนอูเปิดเสียงเพลงดังพอสมควร ปล่อยให้เสียงเพลงเล่นไปตามจังหวะนับสิบเพลง วิธีนี้ถือว่าดีในตอนนี้ แต่เขอยากนึกขอโทษคุณนักร้องมากๆ เพราะเพลงที่ฟังไปทั้งหมด เขาไม่รู้สึกถึงอารมณ์เพลงเลยสักนิด
วอนอูเหลือบไปมองเวลาที่หัวมุมของหน้าจอมือถือ ในตอนนี้เป็นเวลามาทุ่มแก่ๆเกือบจะสี่ทุ่ม ซึ่งเขาคิดว่า ถ้าสี่ทุ่มเมื่อไหร่ก็คงจะตัดสินใจนอนจริงๆเพราะถ้าดึกกว่านั้นมินกยูคงนอนค้างกับเพื่อนไปแล้ว ในขณะเดียวกันกับที่เขาจะโทรไปบอกเจ้าตัวอีกคนว่าไม่ต้องกลับมาบ้านแล้วมันดึกเกินไปอันตราย ก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังมาจากชั้นล่างของร้าน ชะโงกไปใบหน้าไปดูทางหน้าต่าง รู้สึกโล่งอกเป็นปลิดทิ้งทันที แต่ก็ต้องสงสัยว่า ทำไมถึงมีมาสองคันรถ คันหนึ่งของมินกยูแต่อีกคันเขาไม่รู้ ขาเรียวรีบก้าวลงมาชั้นล่าง เปิดประตูร้านออกมา
“สวัสดีครับ พี่วอนอู ผมชื่อหมิงฮ่าว ส่วนนั่นจุนครับ”
“สะ...สวัสดีครับ” วอนอูเหลือบมองคนตัวผอมเอ่ยทักหลังลงมาจากรถคันหนึ่งคนที่ชื่อหมิงฮ่าว กับคนอีกคนหนึ่งชื่อจุนที่เดินออกมาจากรถของมินกยู เขาได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากสองคนนี้จางๆแต่ไม่มีท่าทางว่าจะเมาอะไร ก่อนจะก้มให้สองคนเบาเป็นการทักทาย
“ไม่ต้องสงสัยครับพี่ มินกยูมันอยู่หลังรถมัน มันเมา ผมเอามันมาส่ง แล้วผมจะจอดรถมันไว้ได้ที่ไหนครับ” คนที่ชื่อจุนเอ่ยถามหาที่จอด วอนอูชี้ไปตรงที่อยู่ไม่ห่าง เป็นที่จอดรถของร้านที่ทำไว้สำหรับรถของจองฮันตอนมาทำงาน เป็นช่องเล็กๆพอดีรถคันหนึ่ง แต่ไม่ได้ติดไฟไว้รองรับตอนกลางคืน วอนอูกับหมิงฮ่าวเดินตามรถที่เข้าเทียบจอดสนิทและดับเครื่องเดินลงมาทางเขา
“เดี๋ยวพวกผมช่วยแบกมันไปไว้ข้างในให้ครับ”
“โอ๊ะ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเองครับ ไปดูอีกคนตรงนู้นดีกว่านะ” วอนอูบอกปฏิเสธไปเห็นว่าเกรงใจ แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้ว ก่อนจะชี้นิ้วไปที่อีกคนบนรถอีกคนที่พยายามจะเดินออกมาจากรถไม่ดูสภาพตัวเอง
“ฮัลโล้ววว เพื่อนนนนนนน เอิ้กกกกก”
“ไอ้ซอกมิน มึงจะลงมาทำไมวะ!!!” จุนกับหมิงฮ่าวเห็นแบบนั้นรีบเข้าไปช่วยพยุงเพื่อนรักกายปวกเปียกจากพื้นให้ขึ้นไปบนรถเหมือนเดิม ก่อนจะเอ่ยลารุ่นพี่อย่างอายๆกับท่าทีที่หมดสภาพของคนในรถ
“ฝากไอ้มินกยูด้วยนะครับ เดี๋ยวพวกผมไปกันก่อน ขอตัวนะครับ”
“เอ่อ...ครับ”
หมิงฮ่าวกับจุนรีบวิ่งขึ้นรถไปนั่งประจำที่และรีบออกตัวรถก่อนที่เพื่อนตัวดีมันจะเปิดประตูรถออกมาอีก ถึงจะล็อคประตูรถแล้วออกเคลื่อนตัวไป ไม่วายซอกมินยังกดเลื่อนกระจกโผล่หน้ามายิ้มตาเยิ้มโบกไม้โบกมือไปมาให้เขาได้มองตาปริบๆแล้วโบกมือกลับอย่างยิ้มแห้งๆไป จนรถออกไปจนลับตาแล้ว
วอนอูถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาจะยกคนตัวยักษ์ในรถรอดไหม ปากก็ปฏิเสธเขาไปเพราะความเกรงใจ แต่ก็ลืมคิดเรื่องสัดส่วนไปเลย สองขาจ้ำอ้าวไปทางที่จอดรถ เปิดประตูออกด้านหลังของรถเจอคนบางคนนอนตะแคงข้างเต็มพื้นที่สองเบาะหลังสำหรับนั่งสามคน วอนอูครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง ตัดสินใจมุดหัวเข้าไปในรถ จับสองข้อมือของมินกยูไว้ให้เจ้าตัวลุกขึ้นนั่งปกติจนสำเร็จ
สองมือเรียวจับกุมหน้ามินกยูไว้แล้วตบเบาๆเป็นการปลุกให้รู้สึกตัว มินกยูสะลึมสะลือขึ้นลืมตา พอมองเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใครก็ยิ้มหวานเยิ้มออกมา ยกมือหนาข้างขึ้นวางทับบนมือนุ่ม อีกข้างหนึ่งคว้าเข้าที่เอวนุ่มพลิกร่างให้เข้ามานั่งบนตักเขาในรถ จัดการปิดประตูรถแล้วล็อคไว้ วอนอูร้องท้วงออกมาพยายามดิ้นหนีให้หลุดจากการเกาะกุม แต่ก็ถูกผลักให้นอนราบลงไปกับเบาะรถตัวนุ่ม โดยที่มีมือมินกยูกักไว้ไม่ให้หนี กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยคลุ้งจางๆไปทั่วรถ ใบหน้าของมินกยูที่เขาเห็นเพียงแค่แววตาที่มองลงมาเหมือนถูกสะกดให้มองค้างเติ่งไว้อยู่แบบนั้น
“มะ...มินกยู ปล่อย เมามากแล้ว อื้อ...”
ก่อนที่เสียงร้องท้วงจะเอ่ยห้ามไปมากกว่านี้ มินกยูจัดการประกบเรียวปากปิดเสียงให้เงียบลง จูบที่ค่อยๆเริ่มจากการอ่อนโยนค่อยเป็นค่อยไป เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นการดูดดื่มที่ทำเอาวอนอูตาพร่ามัวเม้มปากหลับตาแน่นกับความมัวเมาประกอบกับความรุนแรงที่ลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ เขี้ยวคมขบลงบนกลีบปากล่างจนรู้สึกเจ็บชา ปากอิ่มห้อเลือดที่พยายามร้องท้วงออกมาให้อีกฝ่ายหยุดลง แต่กลับถึงส่งกลับมาด้วยเรียวลิ้นร้อนเข้าแทรกมา รสชาติของน้ำเมากระจายไปทั่วโพรงปาก
วอนอูรู้สึกตอนนี้ลืมตาไม่ขึ้น มือขาวที่ทุบเข้าที่ไหล่กว้างในตอนแรกเริ่มอ่อนแรงลงและคล้อยตามอีกฝ่าย นิ้วเรียวสอดเข้าไปตามโคนผมสีเทาเข้มของมินกยู ออกแรงดึงทึ้งตามจังหวะลิ้นที่เกี่ยวรัดไปมาทั่วๆ กลีบปากแดงช้ำที่เริ่มจูบตอบกลับมาอย่างไม่ยอมใคร เสียงจูบที่เริ่มดังก้องไปทั่วรถบวกกับเสียงครางอื้ออึงในลำคอเรียว มินกยูผละหน้าออกมา เกลี่ยน้ำใสที่ไหลเลอะอยู่ขอบปากอิ่มออกให้เบาๆ มือหนาสอดเข้าที่ใต้วงแขนจัดการยกร่างของวอนอูขึ้นให้นั่งคร่อมตักเขาไว้
ดวงหน้าคมจ้องมองดวงตาใสที่สบลงมามองผ่านความมืดที่มีเพียงเล็ดลอดผ่านกระจกรถมาเท่านั้น จมูกโด่งสูดกดหอมลงบนมือนุ่มที่กอบกุมแก้มเขาไว้ วอนอูก้มหน้าลงมากดจูบลงมาประทับที่หน้าผากมนนิ่งไว้แบบนั้นและผละออกมา มินกยูจับแขนสองข้างเล็กให้ยกขึ้นคล้องรอบคอของตัวเองไว้ แล้วกลับมายกสวมกอดไว้รอบเอวนุ่มนิ่ม ซุกหน้าเข้ากับหน้าท้องแบนราบ สูดดมกลิ่มหอมจางๆจากชุดนอนตัวบาง แล้วเริ่มกดจูบลงไปเบาๆให้คนตัวเล็กกว่าได้รู้สึกขนลุกซู่กอดรอบคอไว้แน่นแล้วก้มลงซุกหน้าไว้ข้างกกหูมินกยูส่งเสียงครางหวานออกมาเบาๆที่มินกยูได้ยินอย่างชัดเจน
“ของมินกยู ไม่ให้ใคร....”
.......................(80%).....................
2nd Cut Scene (Just Click)
PASSWORD
.
.
.
มินกยูทิ้งร่างกายลงข้างกายอีกคนจัดการยกคนตัวเล็กกว่าที่หมดแรงขึ้นมานอนทับบนตัวเขา
โดยที่ไม่ได้ขัดขืน กดหอมเข้าที่ข้างขมับเป็นการปลอบโยน เกลี่ยปอยผมที่ปกคลุมหน้าออกไม่ให้เข้าตา
กอดเข้าที่เอวคอดแน่น
มินกยูรู้สึกถึงแรงลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอของคนด้านบนว่าเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว
คนตัวสูงลุกขึ้นยืนทั้งที่ยังคงอุ้มอีกคนไว้ ดึงผ้าห่มคลุมเตียงแล้ววางคนขี้เซาไว้
เดินเข้าไปอาบน้ำชำระล้างตัวเองเสร็จออกมาเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงนอนตัวหนาเพียงตัวเดียว
แล้วเดินไปหยิบชุดนอนชุดใหม่ให้คนที่นอนหลับไปใส่ให้ จัดการห่มผ้าเรียบร้อย
มือหนาเดินเก็บหลักฐานทั่วห้องก่อนที่พรุ่งนี้จะมีใครมาเห็นเข้า
เสร็จสิ้นก็ถึงคราวที่เขาต้องนอนบ้าง สอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มข้างๆคนบางคน ดึงคนเจ้าดื้อเข้ามากอดแน่นหอมหัวทุยหนึ่งทีอย่างรักใคร
เอ่ยราตรีสวัสดิ์อีกคน ก่อนจะข่มตานอนเสียงเบาก็เอ่ยออกมาเหมือนละเมอ ให้เขาได้ใจเต้นอยู่คนเดียว
คืนนี้เขาจะนอนหลับไหม
“ของวอนอู ไม่ให้ใคร”
.......................(100%)......................
ไม่อ่านฉากนั้นก็สามารถเข้าใจเรื่องได้
สุดท้าย ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ
#always17chummy
ความคิดเห็น