คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chummy : Boissons - Part 4
Boissons - Part 4
Author: pearlinc
Rate: PG (?)
-4-
ช่วงกลางเที่ยงของวัน
ผู้คนเดินเข้าออกร้านไปมาไม่ขาด อากาศในวันนี้ค่อนข้างอึมครึ
“เฮ้ จองฮัน วันนี้มันมีอะไรดีนะ
คนแถวๆนี้ถึงเอาแต่ยิ้มคนเดียวเนี่ย”
“นั่นสิซึงกวาน
อาการแบบนี้เขาเรียกว่าอะไรน้า”
“กะ กะ ก็มีความรักไงล้า”
“อั๊ยย
บ้าจริง เขินจังเลย”
“อะ...อะไร ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”
เสียงหยอกล้อจากเจ้าเพื่อนตัวดีสองคนที่เอาแต่ทำเป็นพูดถึงคนที่นั่งอยู่ที่หลังบาร์ของตัวเอง
หันมาทำยิงหน้าโหดใส่กลบเกลื่อน ทำเอาเพื่อนอีกสามคนที่เห็นอาการถึงกับหัวเราะคิกคักชอบใจที่ได้แกล้งเพื่อนตัวขาว
แกล้งกันไปมาจนกระทั่งลูกค้าคนใหม่ของร้านเดินเข้าร้านมาจบสงบศึกกันไว้เท่านี้ก่อน
คิดไปแล้วก็ร้อนวูบวาบกับเหตุการณ์บนรถเมื่อเช้า
อาการแบบนั้น มันน่ากลัวจริงๆ
.
.
.
เวลาล่วงเลยผ่านพ้นมาจนถึงช่วงหัวค่ำ
เช่นเคยพวกเราเก็บข้าวของทำความสะอาดร้านกันเรียบร้อยเพื่อที่จะเตรียมตัวกลับบ้านได้ไม่ดึกมาก
จีฮุนกลับบ้านไปแล้วโดยมีพี่ชายมารับไปก่อนเช่นเคย วอนอูเอ่ยบอกเพื่อนอีกสองให้กลับบ้านกันก่อนเลย
เพราะวันนี้เขาว่าจะขึ้นไปดูชั้นบนของร้านเสียหน่อย พรุ่งนี้เขาต้องมานอนค้างร้านระหว่างที่แม่และน้องของเขาไม่อยู่บ้านระหว่างรอมินกยูมารับด้วย
“ให้ช่วยจัดไหม”
ซึงกวานเอ่ยบอกถามกับจองฮันที่พยักหน้าเห็นด้วยว่าให้พวกเขาอยู่ช่วยไหม
“ไม่ต้องเลย
กลับกันไปเถอะ เดี๋ยวขับรถดึกๆมันมืด”
“แล้วมินกยูล่ะ
ทำไมเดี๋ยวนี้มารับช้า ถ้าให้เดา ช่วงประมาณเดือนนี้ใช่หรือเปล่า ที่มหาลัยเราเริ่มมีกิจกรรมกัน” จองฮันบอกเพราะสองสามวันนี้เป็นวอนอูที่กลับบ้านช้า
“ใช่ เดือนนี้ละมั้ง
เดี๋ยวสักพักก็คงจะเสร็จ”
“ไม่ให้ช่วยจริงอะ” วอนอูส่ายหน้าบอกไม่เป็
“โอเค งั้นพวกฉันกลับละนะ
ระวังตัวด้วย” ว่าพลางโบกมือลา
มองเพื่อนสองคนขึ้นรถแล้วแล่นออกไปจนลับตาแล้ว ปิดประตูร้านไว้แล้วเดินขึ้นไปชั้นบน
สำรวจไปรอบๆห้องสีเทาอบอุ่นที่ยังคงสภาพใหม่เพราะใช้งานไปเพียงแค่ครั้งเดียวตอนที่พวกเขาขอพ่อแม่นอนค้างในคืนแรกที่เปิดร้าน
ในห้องสีเทาควันบุหรี่มองสบายตาที่มีทุกอย่างพร้อมเพียง
มีหนึ่งเตียงขนาดกลางที่มุมขวาของห้อง ถ้าถามว่าวันนั้นพวกเขานอนไปได้อย่างไง ก็แค่เอาผ้านวมกับหมอนสำรองในตู้เสื้อผ้ามาปูที่พื้นแล้วนอนกัน
ส่วนเตียงก็ปล่อยให้เป็นหม้ายโดยอัตโนมัติ มีโซฟาตัวยาวใหญ่สีน้ำตาลโกโก้วางอยู่ไม่ห่างกัน
มีห้องน้ำอยู่ที่มุมซ้ายของตัวห้องเสร็จสรรพ ภายในห้องถูกตกแต่งอย่างเอาใจใส่น่าอยู่
วอนอูจัดการสะบัดผ้าที่คลุมเตียงอยู่ไล่ฝุ่นออก
เปิดหน้าต่างบานใหญ่รับลมเย็นผสมกลิ่นฝนปลายๆจมูกเข้าระบายอากาศภายใน หาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามตู้จุดต่างๆทั่วห้อง
ปัดกวาดเช็ดถูห้องให้สะอาดเพื่อให้พร้อมสำหรับคืนพรุ่งนี้ เสร็จสิ้นวอนอูทำการปิดหน้าตางดังเดิม
เอื้อมปิดไฟทุกดวงในห้องให้เรียบร้อย ก้าวเดินลงมาข้างล่างดังเดิม ก็เห็นคนบางคนที่เข้ามาตอนไหนไม่รู้นั่งงีบหลับเงียบๆอยู่บนโซฟาสีครีมตัวยาวในร้าน
สงสัยจะเหนื่อย
ตาเรียวใสลอบมองดวงหน้าคมยามหลับ
ไล่ลงมาตามหน้าผากตลอดจนถึงริมฝีปากสีเข้มที่มองแล้วใจหวั่น ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา เบือนหน้าหนีเตรียมหันกลับจะเดินไปตรวจความเรียบร้อยหลังร้าน
แต่กลับถูกมือหนาของคนบางคนจับไว้หลวมๆ ดวงตาคมลืมตาขึ้นตื่น
“ทำไมไม่ล็อคประตูร้านก่อนจะไปไหน ”
“ยุ่ง” เสียงตอบที่ทำเอาคนฟังถึงกับหลุดยิ้มแต่ยังคงบอกเสียงนิ่งบอกอีกคน
“ดึกแบบนี้ก็มันเงียบ ไม่กลัวหรือ”
“ไม่กลัวหรอก
เพราะรู้ว่านายต้องมา…”
อีกคนที่พูดเสร็จเตรียมจะเดินหนี
ถูกฉุดรั้งให้ลงมานั่งตะแคงบนตักของอีกคนให้ได้ร้อนรนจะลุกออกแต่ติดที่แขนหนีบเกี่ยวรัดรอบเอวเขาไว้แน่นไม่ปล่อยให้หลุด
ก่อนจะได้ฟังประโยคที่ทำให้อีกคนต้องสะดุ้งโหยงทำอะไรไม่ถูก
“พูดแบบนี้คิดดีแล้วหรือ” ปากก็พูดพลางเริ่มไล้กดจมูกไปมาที่แก้มใสไปมาราวกับหยอกล้อ
“อะไรเล่า กลับบ้านได้แล้ว”
อีกคนที่เริ่มเปลี่ยนเรื่อง
ผลักอีกคนจากการเกาะกุม
ลุกขึ้นยืนเดินไปหลังร้านบอกให้คนตัวสูงออกไปสตาร์ทรถได้แล้ว
อีกคนยิ้มเบาๆคนเดียวกับการกระทำแล้วลุกออกไปโดยดี ไม่นาน คนขาวก็จัดการเดินตามออกมาไม่ลืมที่จะล็อคประตูร้านแล้วเดินมายังที่นั่งฝั่งข้างคนขับตามเคย
รถเก๋งคันสีดำเคลื่อนขับมาเรื่อยๆ โดยมีเสียงของอีกคนที่ชวนคุยพร้อมกับเสียงที่คุยตอบกลับมา
ไม่เหมือนก่อน
“ทำไมเดี๋ยวนี้เลิกช้าอะ” เสียงใสที่เริ่มชวนคุยเหมือนทุกครั้งให้ภายในรถไม่ครอบคลุมด้วยความเงียบ
“มีกิจกรรมพี่น้องนิดหน่อย เหลืออีกสองวันก็จะหมดแล้ว”
“อ๋อ ใช่จริงๆด้วย เดี๋ยววันสุดท้ายเขาจะมีฉลองใช่หรือเปล่า”
เขาจำได้ตอนเขาเพิ่งเข้ามหาลัยใหม่ๆ
อย่างที่จองฮันบอกจริงๆด้วยว่ามีเดือนนี้ อีกคนไม่ได้ตอบกลับอะไรมาเพียงแต่พยักหน้าให้คนตัวเล็กเข้าใจแล้วพยักหน้าตาม
เริ่มเปลี่ยนเรื่องชวนคุยไปเรื่อยๆจนมาถึงหน้าบ้านของเขาเตรียมจะเอื้อมเปิดประตู
ก็ต้องหยุดลงแล้วหันมาหาอีกคน ขบคิดหนักว่าควรจะพูดประโยคนั้นไปดีไหม
“มะ...มินกยู” เรียกชื่อให้อีกคนที่มองอยู่เงียบขานรับเขาเบาๆ
“ขอเบอร์ติดต่อหน่อย เอ่อ เผื่อมีอะไรฉุกเฉินจะได้บอกกันได้” เอ่ยเสียงรนให้อีกคนอมยิ้มบาง
มือเรียวหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาปลดล็อคหน้าจอให้อีกคนได้พิมพ์เลขลงไป ยื่นส่งไปให้ตรงหน้าแล้วแต่คนบางคนไม่ยอมหยิบไป
ทำหน้าสงสัยเหมือนกับว่ามีอะไร
จนอีกคนต้องพูดประโยคให้เขาได้หน้าร้อนอย่างโกรธปนเขินอาย
“หอมก่อน”
เสียงทุ้มที่ยื่นข้อเสนอให้อย่างไร้ยางอาย
ทำหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไร
ให้อีกคนได้ทำกระฟัดกระเฟียดเตรียมเก็บโทรศัพท์มือถือลงที่เดิม
แต่ไม่ทันมือของอีกคนที่ต้องยอมให้โดยไม่ได้ของรางวัลตอบ
นิ้วเรียวจิ้มไปมาตามเลขที่คุ้นเคย จัดการพิมพ์ชื่อเจ้าของให้เรียบร้อย
ยื่นส่งคืนให้อีกคนเตรียมรับ แต่ก็โดนข้อเสนออีกระรอก
“ให้หอมก่อน”
“ไม่!! อื้อ คิมมินกยู” เสียงแย้งขึ้นทันที่อีกฝ่ายของอย่างไม่อายปาก แต่ก็ไม่ทันริมฝีปากที่เร็วกว่า กดจูบลงหน้าผากมนผ่านเส้นผมสีเข้ม เสร็จพร้อมส่งของที่ต้องการคืนไป พร้อมกับแรงฝ่ามือฟาดเข้าที่ลำแขนหนึ่งที ที่เอาแสบพอควร คนหน้าไม่อายยังมีน่ามาขอขอเบอร์โทรศัพท์เขาบ้าง มีหรือจะให้ รีบเปิดประตูเดิมดุ่มๆเข้าบ้านไม่สนใจอีกคนที่นึกขำแต่ก็แอบเสียดายเล็กๆ
ไว้คราวหลังจะแอบขโมยก็แล้วกัน
………………..(20%)…………………
ขาเล็กก้าวเข้ามาในบ้านหลังจากปิดประตูบานใหญ่ลง
ก็พบคุณนายจอนที่กำลังวุ่นกับกองเสื้อผ้าข้างกายปกอบกับอุปกรณ์ของใช้จำเป็น
กับเจ้าอ้วนอูจองที่เอาแต่นั่งขยำเสื้อตัวใหญ่ในมือเล่นไปมาสนุกมือ
คนเป็นแม่เอ่ยถามลูกชายว่าให้มานั่งข้างกัน วอนอูจัดการช่วยจัดเสื้อผ้า
“วอนอู สรุปพรุ่งนี้ใครค้างที่ร้านกับลูกบ้าง”
“อะ...เอ่อ ซึงกวานครับ ซึงกวาน”
“แน่ใจหรือ”
“แน่สิ ถ้าไม่เชื่อลองโทรไปถามเลย”
“มีเพื่อนนอนด้วยแม่ก็หายห่วง” คนตัวขาวได้แต่ยิ้มแห้งกลบเกลื่อนพยายามเปลี่ยนเรื่องคุยไปเรื่อยๆระหว่างช่วยแม่จัดกระเป๋า
จนเสร็จสิ้นวอนอูก็ขอตัวไปจัดกระเป๋าของตัวเองบ้างเพราะพรุ่งนี้เขาก็ต้องไปนอนที่ร้านเหมือนกัน
มือเรียวจัดการหยิบกระเป๋าใบใหญ่ในตู้เสื้อผ้าออกมา
เลือกหยิบเสื้อผ้าจำนวนให้พอกับใช้ในสามวัน พับลงกระเป๋าเป็นระเบียบ
หยิบของใช้จำเป็นส่วนตัวลงประเป๋าตามไปจนเสร็จ
คนตัวขาวเตรียมตัวอาบน้ำพักผ่อนจากการทำงานมาทั้งวัน
อาบน้ำสระผมเป่าให้แห้งสวมเสื้อผ้าในชุดนอนที่เหลืองขายาว คว้าโทรศัพท์มือถือของตัวเองแล้วเดินมาที่เตียงนุ่มสอดตัวเข้าใต้ผ้านวมผืนหนา
พลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูปกอบกับมองภาพพื้นหลังหน้าจอก็รู้สึกยิ้มออกมาอย่างบอกไม่ถูก
กดเลื่อนดูรายชื่ออัพเดทใหม่ล่าสุด ก็เจอชื่อที่ทำให้ใจเต้นแรง
กดล็อคหน้าจอวางมันลงข้างหมองนอนตะแคงหันหน้าเข้า
รู้สึกวันนี้เขารักมือถือเครื่องนี้ของเขามาเป็นพิเศษ
เพ้อเจ้อน่า
ก็แค่เบอร์ติดต่อเอง ฮื่ออออ
.
.
.
เป็นเวลาเช้าขึ้นวันใหม่อีกครั้ง
เสียงนาฬิกาปลุกให้เขาตื่นเวลาเดิมตามเคย ท้องฟ้ายังคงประดับด้วยสีม่วงเข้มสลัวตา
อากาศข้างนอกมีลมพัดเบาๆอบชื้นแปรปรวนเหมือนฝนจะตก ร่างบางยันตัวลุกขึ้นจัดการทำกิจธุระส่วนตัวเสร็จสรรพ
จัดการหยิบกระเป๋าใบที่ใส่ของใช้เสื้อผ้าเขาเตรียมไว้เมื่อคืน เดินลงมาชั้นล่าง
หากุญแจไขบ้านสำรองพบแล้วเปิดประตูบานใหญ่
ก้าวออกมาหน้าบ้านก็เห็นคนบางคนที่นั่งอยู่ในรถรออยู่
ตาคมหันมามองตามต้นเสียงฝีเท้าที่ก้าวใกล้เข้ารถฝั่งข้างคนขับด้านหลังเปิดประตูวางกระเป๋าใบใหญ่ไว้ด้านหลังแล้วปิดประตูเดินมานั่งที่เดิมประจำด้านหน้า
แล้วเริ่มออกสตาร์ทรถยนต์สีดำ ขับเคลื่อนมาเรื่อยตามทาง จนมาถึงที่หมายร้านของคนที่นั่งฝั่งคนขับ
คนตัวเล็กกว่าเปิดประตูไปก้าวไปยังประตูด้านหลังเพื่อหยิบกระเป๋าใบใหญ่ของเขา
ก่อนจะเดินเข้าร้าน
เสียงของเด็กตัวสูงก็เรียกให้เขาหันมามองผ่านกระจกที่คนบางคนกดมันเลื่อนลง
“ได้เบอร์ไปแล้ว โทรหากันบ้างนะ” พูดพร้อมยักคิ้วไปมากวนประสาทให้อีกคนได้โมโหปนเขินยู่ปากอย่างไม่ชอบใจ วอนอูตัดสินใจเดินเข้าไปไขประตูร้านที่ยังไม่มีคนมาเข้าไป จัดการขึ้นไปวางกระเป๋าไว้ที่ชั้นบน ก็เพิ่งนึกได้ว่าลืมบอกให้คนบางคนไม่ต้องมารับเขาเพราะวันนี้เขาไม่กลับบ้าน วิ่งไปที่หน้าต่างดูรถเก๋งสีดำที่ในตอนนี้เคลื่อนตัวออกไปแล้ว
ไว้ค่อยบอกก็ได้มั้ง
.
.
.
หนึ่งทุ่มครึ่งแล้วเป็นเวลาที่พวกเขาเก็บของปิดร้าน กันเรียบร้อย
วอนอูจัดการเดินไปส่งเพื่อนสามคนกลับบ้านกันหมดแล้ว
เพื่อนก็เอาแต่ถามว่าอยู่คนเดียวได้แน่หรือ
ถ้าเขาตอบว่าไม่ได้จะอยู่เป็นเพื่อนเขากันได้ยังไงล่ะ
คนตัวขาวได้แต่ส่ายหน้าไปมายิ้มกับตัวเอง แล้วเดินไปที่บาร์ของตนหยิบอุปกรณ์มาทำทีหลังครัวของร้านจะได้ไม่เลอะเทอะ
เพื่อหาอะไรดื่มเงียบๆ คืนนี้ไม่หนาวเลย กลับร้อนอ้าวเหมือนฝนจะตกมาหลายวันแล้ว
แต่ก็ไม่ตกเสีย คนตัวขาวขบคิดเงียบปกอบกับมือเรียวที่ค่อยๆชงคาราเมลนมสดในมือ กลิ่นหอมที่ลอยแตะจมูกทำเขารู้สึกผ่อนคลายขึ้น
ขณะเดียวกันก็นึกขึ้นได้ว่าเขาต้องโทรบอกคนบางคนว่าไม่ต้องมารับเขาวันนี้
วางช้อนเล็กลงไว้ข้างแก้ว
แล้วล้วงหยิบมือถือเครื่องเดิมขึ้นมาไล่หาชื่อเพื่อติดต่อ พลางเดินมาที่ประตูร้าน ขาเรียวขาวก้าวฉับมาที่หน้าร้านมองไปรอบๆ
เห็นคนบางคนที่กำลังเตรียมโทรหา กำลังเดินมาทางในร้านพอดี
“กำลังโทรหาเลย จะบอกว่าไม่ต้องมารับ เพราะวันนี้มะ….”
“รู้แล้ว” คนตัวขาวยังพูดไม่ทันจบประโยค
อีกคนก็พูดขึ้นมาให้เขาได้สงสัย ทำหน้าฉงนว่ารู้อะไร มือหนาจับข้อมือเล็กให้เข้ามานั่งบนโซฟาสีครีมตัวยาวในร้านด้วยกันวางโทรศัพท์มือถือของตัวเขาแล้วของอีกคนวางไว้บนโต๊ะตัวเล็กใกล้โซฟา
คุยกันให้เข้าใจว่าเรื่องมันเป็นยังไง
“…”
“แม่บอกแล้ว และก็ให้นอนเป็นเพื่อนที่นี่
เพราะคุณน้ารู้ว่าไม่ได้มีเพื่อมานอนด้วย”
นี่แม่เขารู้เรื่องตั้งแต่ต้นเลยหรือ
“ละ...แล้ว”
“แม่ก็เลยสั่งให้มานอนค้างเป็นเพื่อน”
แม่สั่งมา อีกแล้ว
“ไม่ต้องก็ได้นะ นี่อยู่คนเดียวได้ เดี๋ยวนายจะลำบากใจ
คุณน้าไม่อยู่ไม่ใช่หรอ เดี๋ยวเราบอกให้ก็ได้ว่า มินกยูมานอนเป็นเพื่อนแล้ว
แต่กลับไปนอนบ้านนายเถอะ”
สีหน้าที่ไม่สู้ดีที่ปนความน้อยใจเล็ก
ๆ แต่ก็พอจะรู้ว่าตัวเองไม่ควรไปคาดหวังอะไรที่อีกคนจะทำให้โดยที่คุณน้าไม่ได้สั่ง
เลยบอกไปแบบนั้นว่าไม่ต้องทำตามคำสั่งคุณน้าก็ได้ถ้าไม่เต็มใจ
บอกไปทั้งที่ดวงตาใสหลบตาไม่มองหน้ากัน เตรียมลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหลังบ้าน
แต่อีกคนที่พอจะรู้ทันอีกคนที่กำลังคิดเล็กคิดน้อย
ฉุดรั้งอีกคนให้กลับมานั่งที่โซฟาตัวนุ่มตัวเดิมจับดวงหน้าขาวให้หันมามองกัน
ให้เขาได้เอ่ยประโยคความจริงในทีแรกจนใจเต้นแรง
“ถึงแม่ไม่สั่ง ก็มาอยู่เป็นเพื่อนอยู่แล้ว”
“…”
“ไม่อยากให้อยู่คนเดียว”
ตากลมใสสบเข้าไปในนัยน์ตาที่มองมาอย่างหาความจริง
ใบหน้าคมคายเริ่มเขยิบเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆจนต้องยกสองมือเข้าปิดปากเจ้าเล่ห์ให้หยุดกลางทาง
ดันหน้าอีกคนออกให้ห่าง ลุกขึ้นยืนมองไปรอบๆร้านอย่างทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าร้อนผ่าว
ตัดสินใจถามอีกคนเผื่ออยากได้อะไร
“ยะ...อยากดื่มอะไรไหม เดี๋ยวไปทำให้”
“คาราเมลร้อน”
ขาเรียวรีบก้าวฉับไปจนลับตา เขาคิดอะไรดีๆออกหยิบมือถือของคนบางคนขึ้นมาหน้าจอก่อนปลดล็อคที่เป็นรู้ของคนตัวขาวของเขากับพี่ๆอีกสามคนที่คุ้นตามถ่ายกันตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนมหาลัยเดียวกับเขาในตอนนี้ช่างดูสดใส นิ้วเรียวยาวเลือนนิ้วเบาๆทำการปลดล็อค
ใบหน้าคมเริ่มขมวดคิ้วก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างที่ได้เห็นรูปหน้าจอหลัก
เป็นรูปที่แอบถ่ายคนสวมหมวกกันน็อคคุ้นตาสมัยตอนเขามัธยมจากด้านหลัง
ชื่นชมรูปอยู่นาน
จัดการกดเบอร์มือถือของตัวแล้วโทรออกสักพักก็ขึ้นแสดงอยู่อีกเครื่องพร้อมกดวางแล้วไปจัดการบันทึกลงเป็นชื่อของคนบางคน
ไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินมาพร้อมกับแก้วสีขาวสองใบในมือปกอบกับกลิ่นหอมๆที่คลุ้งไปทั่ว
สองคนต่างนั่งจิบของตัวเองไปเรื่อยของวอนอูในตอนนี้ที่ใกล้หมดแล้วเพราะชงไว้เสร็จก่อนของใครบางคนที่มาทีหลัง
ตาใสเหลือบไปมองแก้วเล็กของคนข้างที่มี่ท่าทีว่าจะไม่หมดเร็วๆนี้แน่
“เป่าสิ”
เสียงใสเอ่ยบอกอีกคนแล้วทำท่าทางประกอบให้คนตัวสูงพยักหน้าแล้วทำตามอย่างว่าง่าย ถ้ากินร้อนมันยากทำไมไม่สั่งแบบเย็นเล่า หลังจากเป่าได้สักพักลองยกขึ้นจิบก็ต้องเบ้หน้าเบาๆเพราะความร้อนยังคงอยู่ไม่จาง ดวงหน้าขาวส่ายหน้าไปมาจับแก้วของอีกคนมาให้เขาแล้วเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง
คนตัวเล็กจัดการหยิบน้ำแข็งก้อนเล็กมาพอประมาณ แล้วใส่คาราเมลเพิ่มเข้าไปนิดหนึ่งเพื่อเวลาใส่ลงในน้ำแข็งจะได้ไม่จางลง
จัดการตีฟองนมใส่ให้อีกทีหนึ่ง แล้วเดินกลับไปให้อีกคนที่โต๊ะ คนตัวสูงรับแก้วใบใหญ่กว่าเดิมมาเงียบ
แล้วทั้งคู่ก็กลับมานั่งจิบกันเงียบๆอีกที
วอนอูเหลือบกันไปมองอีกคนที่กินเลอะเป็นเด็ก
มือเรียววางแก้วใบเล็กวางไว้เอื้อมไปหยิบกระดาษทิชชูในกล่องมา
จับดวงหน้าคมให้หันมาให้เขาเช็ดได้สะดวกบริเวณรอบๆปาก เสร็จหน้าคมแอบรอบยิ้มคิดแผนชั่วร้ายเงียบ
ใช้ฟองนมเป็นตัวช่วยในการทำให้ปากเลอะอีกระรอก
คนตัวเล็กเห็นแบบนั้นก็ทำแบบเดิมเช่นเคยแต่มีดวงหน้าคมเจ้าเล่ห์กับมือหนาบังคับให้คนหน้าขาวกดเข้ามาประทับจูบเขาให้ตรงกับบริเวณที่เลอะตรงมุมปากของเขา
คนบางคนที่ขัดขืนพยายามผลักออกเล็กน้อยในคราแรก
เริ่มนิ่งลงใช้ริมฝีปากอิ่มจรดลงซับฟองนมทั่วๆรอบริมฝีปากเข้ม จากจูบซับเบาๆ
เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นดูดดึงไปมาละเลียดอย่างไม่ประสา
คนตัวสูงปล่อยให้ปากอิ่มเป็นควบคุมสถานการณ์ที่ค่อยเป็นค่อยไปปนความอุ่นร้อนทั่วกาย
มือเล็กเปลี่ยนจากการกุมหน้าคมเลื่อนลงจับไหล่แกร่งขยำเสื้อเชิ้ตสีขาวแน่นมือไปตามแรง
ค่อยๆผละออกมาช้าๆ สบตากันไปมาปากสีเข้มกดจูบลงไปตรงหน้าผากมนทีนึงให้ได้เขินอาย
“กะ...กินเลย น้ำแข็งจะละลายแล้ว”
ระหว่างนั่งจิบเงียบไม่มีใครพูดอะไรหลังจากนั้น
คนตัวสูงลอบมองดวงหน้าขาวสีฝาดเลือดอย่างเงียบๆปกอบกับหน้าขาวที่พอจะรู้ตัวยกมือข้างหนึ่งดันหน้าให้หันไปดื่มของตัวเองให้หมดๆเสียทีให้ได้อมยิ้ม
จนทั้งคู่ดื่มเสร็จวอนอูจัดการเก็บแก้วของเขาทั้งคู่
ถือไปที่หลังครัวเพื่อทำความสะอาด ปล่อยให้อีกคนนั่งนิ่งอยู่อย่างนี้หรือ
เสียงน้ำที่ไหลลงในอ่างซิงค์เรื่อย
มือบางถูๆทำความสะอาดแก้วจนเสร็จปิดน้ำ
แล้วเอื้อมไปหยิบผ้าผืนเล็กสีขาวมาเช็ดน้ำออกเตรียมคว่ำ ระหว่างที่เช็ด
จู่ๆก็ได้ยินเสียงคนที่เดินเข้ามาใกล้ไม่ทันได้หันไปดู
ก็พอจะรู้ว่าเป็นคนบางคนที่สอดมาโอบรอบเอวหลวมๆ วงคางไว้ที่ลาดไล้เล็กไว้เบา
หลับตาสูดกลิ่นหอมของอีกคนเข้าเต็มปอด
คนตัวเล็กที่ชะงักมือในตอนแรกรู้สึกร้อนผ่าววูบๆ
แต่ก็ต้องพยายามทำตัวให้ปกติจัดการเช็ดแก้วเล็กต่อไป
คนตัวสูงที่ในทีแรกคิดว่าเดินตามมาเพียงแค่จะแกล้ง แต่กลับสูดกลิ่มหอมจากกายคนข้างหน้าอย่างจริงจังเสียอย่างนั้น กลิ่นที่สามารถปลุกอารมณ์ดิบเขาได้อย่างง่าย ตัดสินใจเริ่มอยู่ไม่นิ่ง กดจูบลงไปบนกลุ่มผมนุ่มนิ่มราวกับหลงใหล ต่ำลงมาเรื่อยๆตามท้ายทอย ปัดป่ายจมูกโด่งไปมาตามไรผมอ่อนหอมนุ่มน่าสัมผัส หอมดมตามใจชอบให้อีกคนเริ่มหายใจเข้าออกแรงขึ้นแต่ก็ยังคงเช็ดแก้วในมือต่อไป ถึงแม้ว่าใจตอนนี้จะไปอยู่กับจมูกสันซุกซนที่เริ่มทำเขาหวั่นใจ
"มินกยู"
เสียงสั่นเอ่ยขึ้นพร่าเมื่อจมูกสันสูดกลิ่นหอมช่วงท้ายทอยไล้ไปมาหลับตาเก็บเกี่ยวสัมผัสตรงหน้า
เรียวปากเริ่มกดจูบลงไปทั่วๆลำคอเรียวกดเน้นย้ำ
เริ่มออกแรงขบเม้นให้คนตรงหน้าได้หายใจติดขัด
ส่งเสียงอืออึงที่ทำปลุกอารมณ์ร้อนของร่างสูงให้ลุกพล่าน
มือซุกซนที่ล้อมรอบเอวบางในคราแรกหลวม
เริ่มโอบรัดแน่นดึงรวบคนตรงหน้าให้ร่างกายได้บดเบียดความอุ่นร้อนแนบชิดอกแกร่งกับแผ่นหลังให้หมดช่องว่างระหว่างกัน
ผ้าขนหนูเช็ดจานผืนเล็กในมือถูกปล่อยไว้บนพื้นเคาท์เตอร์เย็น
กำมือแน่นไม่หยุดพร้อมหลับตาพริ้มรับสัมผัสที่อีกคนส่งมา
มือหนาเริ่มอยู่ไม่นิ่งถกดึงเสื้อตัวบางขึ้นรับสอดมือเข้าไปแตะเนื้อนุ่มนิ่มใต้ร่มผ้าให้หน้าท้องขาวได้หดเกร็งอย่างกลั้นหายใจ
สองมือหนาลากผ่านกลางหน้าท้องลูบไล้ไปมา
ปลุกอารมณ์ให้อีกคนรู้สึกวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก เลื่อนต่ำลงจับหมับเข้าที่ข้างลำเอว
ขย้ำไปมาด้วยอารมณ์ที่มีและเหมือนจะก่อตัวขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่อาจหยุดยั้ง
ร้อน
.
.
.
………………..(70%)…………………
1st Cut Scene (Just Click)
PASSWORD
.
.
.
ลำแขนแกร่งจับขาเรียวให้เกี่ยวรอบเอวสอบเขาไว้ไม่ให้หล่นยามที่เขาพาร่างสองร่างไปที่ห้องน้ำพร้อมๆกัน
วางคนตัวเล็กกว่าไว้บนกระเบื้องอ่างล้างหนเอย่างเบามือ
จัดการรูดซิบกางเกงยีนสีเข้มของตัวเอง ติดกระดุมเข้าไว้อย่างเดิม
แต่กลับจะดึงรูดกางเกงเขาออก ให้อีกคนดิ้นไปมาไม่ยอมท่าเดียวว่าไม่เอาจนไม่สำเร็จ
อีกคนคิดแกล้งต่อเอ่ยประโยคหน้าด้านออกไปไม่อายฟ้าดิน
“เดี๋ยวอาบน้ำให้”
“ไม่!!”
แรงฟาดเต็มฝ่ามือลงที่ข้างลำแขน
ผลักอีกคนให้ออกมาจากห้องน้ำแล้วกดล็อคประตูเรียบไม่ยอมให้ใครเข้า มินกยูยิ้มขำกับการกระทำน่ารักที่ต่างจากเทื่อครู่ที่ดูยั่วยวนจนเขานึกใจเต้นอีกครั้งไม่หยุด
คนตัวสูงตัดสินใจหยิบกุญแจรถเดินลงไปข้างล่างของร้าน
เปิดประตูออไปที่รถแล้วหยิบกระเป๋าสัมภาระของตัวเองที่เตรียมไว้เมื่อเช้าหลังจากที่แม่เขาบอกให้เตรียมเพื่อวันนี้ กดปิดรถแล้วเดินกลับเข้ามากดล็อคประตูบานใหญ่
คว้ามือถือของพวกเขาติดมือมาด้วยแล้วก้าวขึ้นไปชั้นบนไป
“มะ...มินกยู หยิบผ้าเช็ดตัวให้หน่อย ในกระเป๋าอะ” อีกคนในห้องน้ำที่ได้ยินเขาเดินขึ้นบันไดมา
เอ่ยขอความช่วยเหลือ มินกยูจัดการตามคำเรียกร้อง
ก้าวไปที่ประตูห้องน้ำเรียกเคาะอีกคนเปิดประตูหยิบไป
“ไม่ให้อาบให้จริงๆหรือ”
“ไม่!!”
ปังงงง!!!
มินกยูส่ายหัวไปมานึกขำกับการกระทำของอีกคน
เดินมานั่งรอที่เตียง เหลือบไปเห็นผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่ไม่เป็นท่าจากฝ่ามือเล็กของอีกคน
ใจก็พาลเต้นแรงอีกครั้งชวนวูบไหวในออก ภาพของคนบางคนที่มันติดตาแน่ในสมอง
ไหนจะท่าทางการกระทำที่แสดงกับเขา มันน่ามองและหลงใหล
แววตาใสยามที่ส่งมาระหว่างนั้น มันใสซื่อปนยั่วยวนเล็กๆที่อีกคนส่งมาแบบไม่รู้ตัว
มันตราตรึงอยู่ในหัวและปลายสัมผัสไปทั่วตัวเขา
นั่งคิดเรื่องใต้สะดืออยู่สักพัก
คนบางคนก็เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียว
รังสีบางอย่างที่ทำเอาวอนอูขนลุกซู่กับสายตาที่จ้องมา
จนเจ้าตัวต้องรับห้ามปรามยกมือขึ้นปกกันตัวเองอย่างหวาดระแวง
“เลิกมองสักที ปะ...ไปอาบน้ำได้แล้ว”
“ครับ” ด้วยความว่านอนสอนง่าย มินกยูยอมทำตาม
หยิบผ้าเช็ดตัวพร้อมกับชุดนอนในกระเป๋าของตัวเองจะเดินไปที่ห้องน้ำ
แต่ก็แวะข้างทางหอมเข้าที่หน้าผากมนแรงๆทีนึง
ให้อีกคนได้โมโหปิดความเขินอายไม่ให้อีกคนรู้
วอนอูรีบจัดการตัวเองใส่ชุดนอนสีเหลืองตัวบาง
เสร็จแล้วรีบจ้ำอ้าวไปปิดไฟให้เหลือแค่ที่หัวเตียง แล้วสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่ม
เขยิบนอนชิดนอนตะแคงหันหน้าเข้ากำแพง พยายามข่มตาให้หลับหนีอีกคน
จนกระทั่งอีกคนเดินออกมาจากห้องน้ำรีบแกล้งหลับทำเป็นว่านอนแล้ว
ให้คนรู้ทันเดินเข้าไปที่เตียงขนาดนอนสองคนได้สบาย
ทิ้งตัวนั่งลงอีกฝั่งจนฟูกยวบตัว เห็นอีกคนแอบสะดุ้ง แอบเขยิบเข้าไปใกล้อีกคน
สงสัยอยู่เหมือนกัน จะหลบหน้าเขาทำไม
“เป็นอะไร” เอ่ยเสียงเบาชิดใบหูอีกคน
ให้ได้รีบส่ายหน้าไปมาบอกไม่ได้เป็นอะไร แต่เขาก็รู้ทันอีกคนอยู่ดี
เอ่ยถามซ้ำๆไปมาหลายรอบ จับอีกคนให้พลิกหันมามองกัน
มินกยูทิ้งตัวนอนราบหัวหน้าตะแคงข้างมองสบตากับอีกคนในระดับเดียวกัน
นิ้วยาวเกลี่ยปลายนิ้วจัดผมสีดำขลับผิดไม่ให้โดนตาใสเลื่อนลงเกลี่ยแก้มไปมา
ราวกับกังวลบางอย่าง แต่กลับส่ายหน้าไปมาว่าไม่ได้มีอะไร ตาคมจ้องมองอีกคนเงียบไม่เค้นถามให้อีกคนอึดอัด
สุดท้ายเป็นวอนอูเองที่ทนไม่ไหว เอ่ยประโยคที่ค้างคาใจให้อีกคนฟัง
“เราทำแบบนี้ได้หรือ” เสียงสั่นเอ่ยออกมาให้อีกคนฟังต่อเงียบๆ
“...”
“แบบที่เป็นอยู่...แบบที่คนไม่ได้รักกันเขาไม่ทำกัน”
“…”
“แล้วเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกะ...อื้อ”
มินกยูหยุดคำพูดไม่สร้างสรรค์ของอีกคนลง
กดจูบแรงๆย้ำความเป็นจริงให้อีกคนได้รู้สึกตัว
ว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่วอนอูคิดอยู่ฝ่ายเดียว กดแนบแน่นไม่มีการล่วงล้ำอะไร
จูบที่สามรถช่วงชิงลมหายใจของอีกคนได้อย่างง่ายดาย
มินกยูพยายามส่งความหายทุกๆอย่างผ่านสัมผัสตรงนี้ ผละหน้าออกกดจูบที่หน้าผากมนอีกระรอกให้อีกคนได้เชื่อมั่นในตัวเขา
เอ่ยประโยคคำถามให้อีกคนได้คิดตาม
“วอนอูอยากอยู่กับมินกยูหรือเปล่า” พยักหน้าหงึกหงักช้าๆตอบกลับให้อีกคนได้ใจชื้นขึ้น
“มินกยูก็ด้วย”
“…”
“อยากอยู่ด้วยตลอดไป”
………………..(100%)………………….
ไม่เข้าไปอ่านฉากนั้น ก็สามารถเข้าใจเรื่องได้ค่ะ #ยักคิ้ว
พบกันอีกที ปีหน้านะคะ
สุขสันต์วันพี่ฮงโจชัวร์ และ สุขสันต์วันปีใหม่ค่ะ
สุดท้าย ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ
#always17chummy
ความคิดเห็น