ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( seventeen ) Chummy.

    ลำดับตอนที่ #7 : Chummy : Boissons - Part 4

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.พ. 59



    Boissons - Part 4

    Author: pearlinc

    Rate: PG (?)


     

     

     

    -4-

     

     

     

    ช่วงกลางเที่ยงของวัน ผู้คนเดินเข้าออกร้านไปมาไม่ขาด อากาศในวันนี้ค่อนข้างอึมครึมแปรปรวนแดดไม่ส่องแสงมาก ผู้คนข้างนอกต่างตัดสินใจหาร้านบรรยากาศดีๆ เข้าบรรเทาอากาศของข้างนอกให้อารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง วันนี้เหมือนฝนจะตกแต่ก็ไม่ตก ไม่ดีเลยสำหรับคนทั่วไป แต่ไม่ใช่กับคนบางคน คนที่เอาแต่ยิ้มคนเดียวบ้าง บ่นงึมงำเหมือนคุยกับใคร บ้างก็โมโหจนหน้าแดงหรือเขินอะไรแน่ ก็ไม่มีใครอาจเข้าใจ รวมถึงเพื่อนเขาด้วย หรือเปล่า...


     

    เฮ้ จองฮัน วันนี้มันมีอะไรดีนะ คนแถวๆนี้ถึงเอาแต่ยิ้มคนเดียวเนี่ย



                “นั่นสิซึงกวาน อาการแบบนี้เขาเรียกว่าอะไรน้า



                “กะ กะ ก็มีความรักไงล้า



                อั๊ยย บ้าจริง เขินจังเลย


     

                “อะ...อะไร ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย

     


                เสียงหยอกล้อจากเจ้าเพื่อนตัวดีสองคนที่เอาแต่ทำเป็นพูดถึงคนที่นั่งอยู่ที่หลังบาร์ของตัวเอง หันมาทำยิงหน้าโหดใส่กลบเกลื่อน ทำเอาเพื่อนอีกสามคนที่เห็นอาการถึงกับหัวเราะคิกคักชอบใจที่ได้แกล้งเพื่อนตัวขาว แกล้งกันไปมาจนกระทั่งลูกค้าคนใหม่ของร้านเดินเข้าร้านมาจบสงบศึกกันไว้เท่านี้ก่อน คิดไปแล้วก็ร้อนวูบวาบกับเหตุการณ์บนรถเมื่อเช้า

     

     

              อาการแบบนั้น มันน่ากลัวจริงๆ

    .

    .

    .

     


                เวลาล่วงเลยผ่านพ้นมาจนถึงช่วงหัวค่ำ เช่นเคยพวกเราเก็บข้าวของทำความสะอาดร้านกันเรียบร้อยเพื่อที่จะเตรียมตัวกลับบ้านได้ไม่ดึกมาก จีฮุนกลับบ้านไปแล้วโดยมีพี่ชายมารับไปก่อนเช่นเคย วอนอูเอ่ยบอกเพื่อนอีกสองให้กลับบ้านกันก่อนเลย เพราะวันนี้เขาว่าจะขึ้นไปดูชั้นบนของร้านเสียหน่อย พรุ่งนี้เขาต้องมานอนค้างร้านระหว่างที่แม่และน้องของเขาไม่อยู่บ้านระหว่างรอมินกยูมารับด้วย


     

                ให้ช่วยจัดไหมซึงกวานเอ่ยบอกถามกับจองฮันที่พยักหน้าเห็นด้วยว่าให้พวกเขาอยู่ช่วยไหม



    ไม่ต้องเลย กลับกันไปเถอะ เดี๋ยวขับรถดึกๆมันมืด



    แล้วมินกยูล่ะ ทำไมเดี๋ยวนี้มารับช้า ถ้าให้เดา ช่วงประมาณเดือนนี้ใช่หรือเปล่า ที่มหาลัยเราเริ่มมีกิจกรรมกัน จองฮันบอกเพราะสองสามวันนี้เป็นวอนอูที่กลับบ้านช้า



    ใช่ เดือนนี้ละมั้ง เดี๋ยวสักพักก็คงจะเสร็จ



    ไม่ให้ช่วยจริงอะ วอนอูส่ายหน้าบอกไม่เป็นไรจริงๆ เขาทำเองได้


     

    โอเค งั้นพวกฉันกลับละนะ ระวังตัวด้วยว่าพลางโบกมือลา มองเพื่อนสองคนขึ้นรถแล้วแล่นออกไปจนลับตาแล้ว ปิดประตูร้านไว้แล้วเดินขึ้นไปชั้นบน สำรวจไปรอบๆห้องสีเทาอบอุ่นที่ยังคงสภาพใหม่เพราะใช้งานไปเพียงแค่ครั้งเดียวตอนที่พวกเขาขอพ่อแม่นอนค้างในคืนแรกที่เปิดร้าน


     

    ในห้องสีเทาควันบุหรี่มองสบายตาที่มีทุกอย่างพร้อมเพียง มีหนึ่งเตียงขนาดกลางที่มุมขวาของห้อง ถ้าถามว่าวันนั้นพวกเขานอนไปได้อย่างไง ก็แค่เอาผ้านวมกับหมอนสำรองในตู้เสื้อผ้ามาปูที่พื้นแล้วนอนกัน ส่วนเตียงก็ปล่อยให้เป็นหม้ายโดยอัตโนมัติ มีโซฟาตัวยาวใหญ่สีน้ำตาลโกโก้วางอยู่ไม่ห่างกัน มีห้องน้ำอยู่ที่มุมซ้ายของตัวห้องเสร็จสรรพ ภายในห้องถูกตกแต่งอย่างเอาใจใส่น่าอยู่


     

    วอนอูจัดการสะบัดผ้าที่คลุมเตียงอยู่ไล่ฝุ่นออก เปิดหน้าต่างบานใหญ่รับลมเย็นผสมกลิ่นฝนปลายๆจมูกเข้าระบายอากาศภายใน หาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามตู้จุดต่างๆทั่วห้อง  ปัดกวาดเช็ดถูห้องให้สะอาดเพื่อให้พร้อมสำหรับคืนพรุ่งนี้  เสร็จสิ้นวอนอูทำการปิดหน้าตางดังเดิม เอื้อมปิดไฟทุกดวงในห้องให้เรียบร้อย ก้าวเดินลงมาข้างล่างดังเดิม  ก็เห็นคนบางคนที่เข้ามาตอนไหนไม่รู้นั่งงีบหลับเงียบๆอยู่บนโซฟาสีครีมตัวยาวในร้าน


     

    สงสัยจะเหนื่อย


     

    ตาเรียวใสลอบมองดวงหน้าคมยามหลับ ไล่ลงมาตามหน้าผากตลอดจนถึงริมฝีปากสีเข้มที่มองแล้วใจหวั่น ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา เบือนหน้าหนีเตรียมหันกลับจะเดินไปตรวจความเรียบร้อยหลังร้าน แต่กลับถูกมือหนาของคนบางคนจับไว้หลวมๆ ดวงตาคมลืมตาขึ้นตื่น


     

    ทำไมไม่ล็อคประตูร้านก่อนจะไปไหน


     

    ยุ่งเสียงตอบที่ทำเอาคนฟังถึงกับหลุดยิ้มแต่ยังคงบอกเสียงนิ่งบอกอีกคน


     

    ดึกแบบนี้ก็มันเงียบ ไม่กลัวหรือ


     

    ไม่กลัวหรอก เพราะรู้ว่านายต้องมา…”



     

    อีกคนที่พูดเสร็จเตรียมจะเดินหนี ถูกฉุดรั้งให้ลงมานั่งตะแคงบนตักของอีกคนให้ได้ร้อนรนจะลุกออกแต่ติดที่แขนหนีบเกี่ยวรัดรอบเอวเขาไว้แน่นไม่ปล่อยให้หลุด ก่อนจะได้ฟังประโยคที่ทำให้อีกคนต้องสะดุ้งโหยงทำอะไรไม่ถูก


     

    พูดแบบนี้คิดดีแล้วหรือปากก็พูดพลางเริ่มไล้กดจมูกไปมาที่แก้มใสไปมาราวกับหยอกล้อ

     


    อะไรเล่า กลับบ้านได้แล้ว” 



    อีกคนที่เริ่มเปลี่ยนเรื่อง ผลักอีกคนจากการเกาะกุม ลุกขึ้นยืนเดินไปหลังร้านบอกให้คนตัวสูงออกไปสตาร์ทรถได้แล้ว อีกคนยิ้มเบาๆคนเดียวกับการกระทำแล้วลุกออกไปโดยดี ไม่นาน คนขาวก็จัดการเดินตามออกมาไม่ลืมที่จะล็อคประตูร้านแล้วเดินมายังที่นั่งฝั่งข้างคนขับตามเคย รถเก๋งคันสีดำเคลื่อนขับมาเรื่อยๆ โดยมีเสียงของอีกคนที่ชวนคุยพร้อมกับเสียงที่คุยตอบกลับมา ไม่เหมือนก่อน


     

    ทำไมเดี๋ยวนี้เลิกช้าอะเสียงใสที่เริ่มชวนคุยเหมือนทุกครั้งให้ภายในรถไม่ครอบคลุมด้วยความเงียบ


     

    มีกิจกรรมพี่น้องนิดหน่อย เหลืออีกสองวันก็จะหมดแล้ว


     

    อ๋อ ใช่จริงๆด้วย เดี๋ยววันสุดท้ายเขาจะมีฉลองใช่หรือเปล่า


     

    เขาจำได้ตอนเขาเพิ่งเข้ามหาลัยใหม่ๆ อย่างที่จองฮันบอกจริงๆด้วยว่ามีเดือนนี้ อีกคนไม่ได้ตอบกลับอะไรมาเพียงแต่พยักหน้าให้คนตัวเล็กเข้าใจแล้วพยักหน้าตาม เริ่มเปลี่ยนเรื่องชวนคุยไปเรื่อยๆจนมาถึงหน้าบ้านของเขาเตรียมจะเอื้อมเปิดประตู ก็ต้องหยุดลงแล้วหันมาหาอีกคน ขบคิดหนักว่าควรจะพูดประโยคนั้นไปดีไหม

     


    มะ...มินกยูเรียกชื่อให้อีกคนที่มองอยู่เงียบขานรับเขาเบาๆ

     

     

    ขอเบอร์ติดต่อหน่อย เอ่อ เผื่อมีอะไรฉุกเฉินจะได้บอกกันได้เอ่ยเสียงรนให้อีกคนอมยิ้มบาง มือเรียวหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาปลดล็อคหน้าจอให้อีกคนได้พิมพ์เลขลงไป ยื่นส่งไปให้ตรงหน้าแล้วแต่คนบางคนไม่ยอมหยิบไป ทำหน้าสงสัยเหมือนกับว่ามีอะไร จนอีกคนต้องพูดประโยคให้เขาได้หน้าร้อนอย่างโกรธปนเขินอาย


     

    หอมก่อน” 



    เสียงทุ้มที่ยื่นข้อเสนอให้อย่างไร้ยางอาย ทำหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไร ให้อีกคนได้ทำกระฟัดกระเฟียดเตรียมเก็บโทรศัพท์มือถือลงที่เดิม แต่ไม่ทันมือของอีกคนที่ต้องยอมให้โดยไม่ได้ของรางวัลตอบ นิ้วเรียวจิ้มไปมาตามเลขที่คุ้นเคย จัดการพิมพ์ชื่อเจ้าของให้เรียบร้อย ยื่นส่งคืนให้อีกคนเตรียมรับ แต่ก็โดนข้อเสนออีกระรอก


     

    ให้หอมก่อน


     

    ไม่!! อื้อ คิมมินกยู เสียงแย้งขึ้นทันที่อีกฝ่ายของอย่างไม่อายปาก แต่ก็ไม่ทันริมฝีปากที่เร็วกว่า กดจูบลงหน้าผากมนผ่านเส้นผมสีเข้ม เสร็จพร้อมส่งของที่ต้องการคืนไป พร้อมกับแรงฝ่ามือฟาดเข้าที่ลำแขนหนึ่งที ที่เอาแสบพอควร คนหน้าไม่อายยังมีน่ามาขอขอเบอร์โทรศัพท์เขาบ้าง มีหรือจะให้ รีบเปิดประตูเดิมดุ่มๆเข้าบ้านไม่สนใจอีกคนที่นึกขำแต่ก็แอบเสียดายเล็กๆ 



    ไว้คราวหลังจะแอบขโมยก็แล้วกัน

     


    ………………..(20%)…………………



                ขาเล็กก้าวเข้ามาในบ้านหลังจากปิดประตูบานใหญ่ลง ก็พบคุณนายจอนที่กำลังวุ่นกับกองเสื้อผ้าข้างกายปกอบกับอุปกรณ์ของใช้จำเป็น กับเจ้าอ้วนอูจองที่เอาแต่นั่งขยำเสื้อตัวใหญ่ในมือเล่นไปมาสนุกมือ คนเป็นแม่เอ่ยถามลูกชายว่าให้มานั่งข้างกัน วอนอูจัดการช่วยจัดเสื้อผ้า

               


                วอนอู สรุปพรุ่งนี้ใครค้างที่ร้านกับลูกบ้าง



                อะ...เอ่อ ซึงกวานครับ ซึงกวาน



                “แน่ใจหรือ



                “แน่สิ ถ้าไม่เชื่อลองโทรไปถามเลย




    มีเพื่อนนอนด้วยแม่ก็หายห่วงคนตัวขาวได้แต่ยิ้มแห้งกลบเกลื่อนพยายามเปลี่ยนเรื่องคุยไปเรื่อยๆระหว่างช่วยแม่จัดกระเป๋า จนเสร็จสิ้นวอนอูก็ขอตัวไปจัดกระเป๋าของตัวเองบ้างเพราะพรุ่งนี้เขาก็ต้องไปนอนที่ร้านเหมือนกัน มือเรียวจัดการหยิบกระเป๋าใบใหญ่ในตู้เสื้อผ้าออกมา เลือกหยิบเสื้อผ้าจำนวนให้พอกับใช้ในสามวัน พับลงกระเป๋าเป็นระเบียบ หยิบของใช้จำเป็นส่วนตัวลงประเป๋าตามไปจนเสร็จ


     

    คนตัวขาวเตรียมตัวอาบน้ำพักผ่อนจากการทำงานมาทั้งวัน อาบน้ำสระผมเป่าให้แห้งสวมเสื้อผ้าในชุดนอนที่เหลืองขายาว คว้าโทรศัพท์มือถือของตัวเองแล้วเดินมาที่เตียงนุ่มสอดตัวเข้าใต้ผ้านวมผืนหนา พลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูปกอบกับมองภาพพื้นหลังหน้าจอก็รู้สึกยิ้มออกมาอย่างบอกไม่ถูก กดเลื่อนดูรายชื่ออัพเดทใหม่ล่าสุด ก็เจอชื่อที่ทำให้ใจเต้นแรง กดล็อคหน้าจอวางมันลงข้างหมองนอนตะแคงหันหน้าเข้า รู้สึกวันนี้เขารักมือถือเครื่องนี้ของเขามาเป็นพิเศษ

     

     

    เพ้อเจ้อน่า ก็แค่เบอร์ติดต่อเอง ฮื่ออออ

               

    .

    .

    .

     

                เป็นเวลาเช้าขึ้นวันใหม่อีกครั้ง เสียงนาฬิกาปลุกให้เขาตื่นเวลาเดิมตามเคย ท้องฟ้ายังคงประดับด้วยสีม่วงเข้มสลัวตา อากาศข้างนอกมีลมพัดเบาๆอบชื้นแปรปรวนเหมือนฝนจะตก ร่างบางยันตัวลุกขึ้นจัดการทำกิจธุระส่วนตัวเสร็จสรรพ จัดการหยิบกระเป๋าใบที่ใส่ของใช้เสื้อผ้าเขาเตรียมไว้เมื่อคืน เดินลงมาชั้นล่าง หากุญแจไขบ้านสำรองพบแล้วเปิดประตูบานใหญ่


     

    ก้าวออกมาหน้าบ้านก็เห็นคนบางคนที่นั่งอยู่ในรถรออยู่ ตาคมหันมามองตามต้นเสียงฝีเท้าที่ก้าวใกล้เข้ารถฝั่งข้างคนขับด้านหลังเปิดประตูวางกระเป๋าใบใหญ่ไว้ด้านหลังแล้วปิดประตูเดินมานั่งที่เดิมประจำด้านหน้า แล้วเริ่มออกสตาร์ทรถยนต์สีดำ ขับเคลื่อนมาเรื่อยตามทาง จนมาถึงที่หมายร้านของคนที่นั่งฝั่งคนขับ คนตัวเล็กกว่าเปิดประตูไปก้าวไปยังประตูด้านหลังเพื่อหยิบกระเป๋าใบใหญ่ของเขา ก่อนจะเดินเข้าร้าน เสียงของเด็กตัวสูงก็เรียกให้เขาหันมามองผ่านกระจกที่คนบางคนกดมันเลื่อนลง


     

    ได้เบอร์ไปแล้ว โทรหากันบ้างนะพูดพร้อมยักคิ้วไปมากวนประสาทให้อีกคนได้โมโหปนเขินยู่ปากอย่างไม่ชอบใจ วอนอูตัดสินใจเดินเข้าไปไขประตูร้านที่ยังไม่มีคนมาเข้าไป จัดการขึ้นไปวางกระเป๋าไว้ที่ชั้นบน ก็เพิ่งนึกได้ว่าลืมบอกให้คนบางคนไม่ต้องมารับเขาเพราะวันนี้เขาไม่กลับบ้าน วิ่งไปที่หน้าต่างดูรถเก๋งสีดำที่ในตอนนี้เคลื่อนตัวออกไปแล้ว


     

    ไว้ค่อยบอกก็ได้มั้ง

    .

    .

    .

     

                หนึ่งทุ่มครึ่งแล้วเป็นเวลาที่พวกเขาเก็บของปิดร้าน กันเรียบร้อย วอนอูจัดการเดินไปส่งเพื่อนสามคนกลับบ้านกันหมดแล้ว เพื่อนก็เอาแต่ถามว่าอยู่คนเดียวได้แน่หรือ ถ้าเขาตอบว่าไม่ได้จะอยู่เป็นเพื่อนเขากันได้ยังไงล่ะ คนตัวขาวได้แต่ส่ายหน้าไปมายิ้มกับตัวเอง แล้วเดินไปที่บาร์ของตนหยิบอุปกรณ์มาทำทีหลังครัวของร้านจะได้ไม่เลอะเทอะ เพื่อหาอะไรดื่มเงียบๆ คืนนี้ไม่หนาวเลย กลับร้อนอ้าวเหมือนฝนจะตกมาหลายวันแล้ว แต่ก็ไม่ตกเสีย คนตัวขาวขบคิดเงียบปกอบกับมือเรียวที่ค่อยๆชงคาราเมลนมสดในมือ กลิ่นหอมที่ลอยแตะจมูกทำเขารู้สึกผ่อนคลายขึ้น


     

                ขณะเดียวกันก็นึกขึ้นได้ว่าเขาต้องโทรบอกคนบางคนว่าไม่ต้องมารับเขาวันนี้ วางช้อนเล็กลงไว้ข้างแก้ว แล้วล้วงหยิบมือถือเครื่องเดิมขึ้นมาไล่หาชื่อเพื่อติดต่อ พลางเดินมาที่ประตูร้าน ขาเรียวขาวก้าวฉับมาที่หน้าร้านมองไปรอบๆ เห็นคนบางคนที่กำลังเตรียมโทรหา กำลังเดินมาทางในร้านพอดี


     

                กำลังโทรหาเลย จะบอกว่าไม่ต้องมารับ เพราะวันนี้มะ….”


     

                รู้แล้วคนตัวขาวยังพูดไม่ทันจบประโยค อีกคนก็พูดขึ้นมาให้เขาได้สงสัย ทำหน้าฉงนว่ารู้อะไร มือหนาจับข้อมือเล็กให้เข้ามานั่งบนโซฟาสีครีมตัวยาวในร้านด้วยกันวางโทรศัพท์มือถือของตัวเขาแล้วของอีกคนวางไว้บนโต๊ะตัวเล็กใกล้โซฟา คุยกันให้เข้าใจว่าเรื่องมันเป็นยังไง


     

                “…”



                แม่บอกแล้ว และก็ให้นอนเป็นเพื่อนที่นี่ เพราะคุณน้ารู้ว่าไม่ได้มีเพื่อมานอนด้วย


     

              นี่แม่เขารู้เรื่องตั้งแต่ต้นเลยหรือ


     

                “ละ...แล้ว



                “แม่ก็เลยสั่งให้มานอนค้างเป็นเพื่อน

     


              แม่สั่งมา อีกแล้ว

               


    ไม่ต้องก็ได้นะ นี่อยู่คนเดียวได้ เดี๋ยวนายจะลำบากใจ คุณน้าไม่อยู่ไม่ใช่หรอ เดี๋ยวเราบอกให้ก็ได้ว่า มินกยูมานอนเป็นเพื่อนแล้ว แต่กลับไปนอนบ้านนายเถอะ


     

    สีหน้าที่ไม่สู้ดีที่ปนความน้อยใจเล็ก ๆ แต่ก็พอจะรู้ว่าตัวเองไม่ควรไปคาดหวังอะไรที่อีกคนจะทำให้โดยที่คุณน้าไม่ได้สั่ง เลยบอกไปแบบนั้นว่าไม่ต้องทำตามคำสั่งคุณน้าก็ได้ถ้าไม่เต็มใจ บอกไปทั้งที่ดวงตาใสหลบตาไม่มองหน้ากัน เตรียมลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหลังบ้าน แต่อีกคนที่พอจะรู้ทันอีกคนที่กำลังคิดเล็กคิดน้อย ฉุดรั้งอีกคนให้กลับมานั่งที่โซฟาตัวนุ่มตัวเดิมจับดวงหน้าขาวให้หันมามองกัน ให้เขาได้เอ่ยประโยคความจริงในทีแรกจนใจเต้นแรง


     

    ถึงแม่ไม่สั่ง ก็มาอยู่เป็นเพื่อนอยู่แล้ว



    “…”



    ไม่อยากให้อยู่คนเดียว


     

    ตากลมใสสบเข้าไปในนัยน์ตาที่มองมาอย่างหาความจริง ใบหน้าคมคายเริ่มเขยิบเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆจนต้องยกสองมือเข้าปิดปากเจ้าเล่ห์ให้หยุดกลางทาง ดันหน้าอีกคนออกให้ห่าง ลุกขึ้นยืนมองไปรอบๆร้านอย่างทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าร้อนผ่าว ตัดสินใจถามอีกคนเผื่ออยากได้อะไร

     

     

    ยะ...อยากดื่มอะไรไหม เดี๋ยวไปทำให้


     

    คาราเมลร้อน


     

    ขาเรียวรีบก้าวฉับไปจนลับตา เขาคิดอะไรดีๆออกหยิบมือถือของคนบางคนขึ้นมาหน้าจอก่อนปลดล็อคที่เป็นรู้ของคนตัวขาวของเขากับพี่ๆอีกสามคนที่คุ้นตามถ่ายกันตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนมหาลัยเดียวกับเขาในตอนนี้ช่างดูสดใส นิ้วเรียวยาวเลือนนิ้วเบาๆทำการปลดล็อค 


    ใบหน้าคมเริ่มขมวดคิ้วก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างที่ได้เห็นรูปหน้าจอหลัก เป็นรูปที่แอบถ่ายคนสวมหมวกกันน็อคคุ้นตาสมัยตอนเขามัธยมจากด้านหลัง ชื่นชมรูปอยู่นาน จัดการกดเบอร์มือถือของตัวแล้วโทรออกสักพักก็ขึ้นแสดงอยู่อีกเครื่องพร้อมกดวางแล้วไปจัดการบันทึกลงเป็นชื่อของคนบางคน

     

    ไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินมาพร้อมกับแก้วสีขาวสองใบในมือปกอบกับกลิ่นหอมๆที่คลุ้งไปทั่ว สองคนต่างนั่งจิบของตัวเองไปเรื่อยของวอนอูในตอนนี้ที่ใกล้หมดแล้วเพราะชงไว้เสร็จก่อนของใครบางคนที่มาทีหลัง ตาใสเหลือบไปมองแก้วเล็กของคนข้างที่มี่ท่าทีว่าจะไม่หมดเร็วๆนี้แน่


     

    เป่าสิ


     

    เสียงใสเอ่ยบอกอีกคนแล้วทำท่าทางประกอบให้คนตัวสูงพยักหน้าแล้วทำตามอย่างว่าง่าย ถ้ากินร้อนมันยากทำไมไม่สั่งแบบเย็นเล่า หลังจากเป่าได้สักพักลองยกขึ้นจิบก็ต้องเบ้หน้าเบาๆเพราะความร้อนยังคงอยู่ไม่จาง ดวงหน้าขาวส่ายหน้าไปมาจับแก้วของอีกคนมาให้เขาแล้วเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง 



    คนตัวเล็กจัดการหยิบน้ำแข็งก้อนเล็กมาพอประมาณ แล้วใส่คาราเมลเพิ่มเข้าไปนิดหนึ่งเพื่อเวลาใส่ลงในน้ำแข็งจะได้ไม่จางลง จัดการตีฟองนมใส่ให้อีกทีหนึ่ง แล้วเดินกลับไปให้อีกคนที่โต๊ะ คนตัวสูงรับแก้วใบใหญ่กว่าเดิมมาเงียบ


     

    แล้วทั้งคู่ก็กลับมานั่งจิบกันเงียบๆอีกที วอนอูเหลือบกันไปมองอีกคนที่กินเลอะเป็นเด็ก มือเรียววางแก้วใบเล็กวางไว้เอื้อมไปหยิบกระดาษทิชชูในกล่องมา จับดวงหน้าคมให้หันมาให้เขาเช็ดได้สะดวกบริเวณรอบๆปาก เสร็จหน้าคมแอบรอบยิ้มคิดแผนชั่วร้ายเงียบ ใช้ฟองนมเป็นตัวช่วยในการทำให้ปากเลอะอีกระรอก คนตัวเล็กเห็นแบบนั้นก็ทำแบบเดิมเช่นเคยแต่มีดวงหน้าคมเจ้าเล่ห์กับมือหนาบังคับให้คนหน้าขาวกดเข้ามาประทับจูบเขาให้ตรงกับบริเวณที่เลอะตรงมุมปากของเขา

     


    คนบางคนที่ขัดขืนพยายามผลักออกเล็กน้อยในคราแรก เริ่มนิ่งลงใช้ริมฝีปากอิ่มจรดลงซับฟองนมทั่วๆรอบริมฝีปากเข้ม จากจูบซับเบาๆ เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นดูดดึงไปมาละเลียดอย่างไม่ประสา คนตัวสูงปล่อยให้ปากอิ่มเป็นควบคุมสถานการณ์ที่ค่อยเป็นค่อยไปปนความอุ่นร้อนทั่วกาย มือเล็กเปลี่ยนจากการกุมหน้าคมเลื่อนลงจับไหล่แกร่งขยำเสื้อเชิ้ตสีขาวแน่นมือไปตามแรง ค่อยๆผละออกมาช้าๆ สบตากันไปมาปากสีเข้มกดจูบลงไปตรงหน้าผากมนทีนึงให้ได้เขินอาย


     

    กะ...กินเลย น้ำแข็งจะละลายแล้ว

     


    ระหว่างนั่งจิบเงียบไม่มีใครพูดอะไรหลังจากนั้น คนตัวสูงลอบมองดวงหน้าขาวสีฝาดเลือดอย่างเงียบๆปกอบกับหน้าขาวที่พอจะรู้ตัวยกมือข้างหนึ่งดันหน้าให้หันไปดื่มของตัวเองให้หมดๆเสียทีให้ได้อมยิ้ม จนทั้งคู่ดื่มเสร็จวอนอูจัดการเก็บแก้วของเขาทั้งคู่ ถือไปที่หลังครัวเพื่อทำความสะอาด ปล่อยให้อีกคนนั่งนิ่งอยู่อย่างนี้หรือ


     

    เสียงน้ำที่ไหลลงในอ่างซิงค์เรื่อย มือบางถูๆทำความสะอาดแก้วจนเสร็จปิดน้ำ แล้วเอื้อมไปหยิบผ้าผืนเล็กสีขาวมาเช็ดน้ำออกเตรียมคว่ำ ระหว่างที่เช็ด จู่ๆก็ได้ยินเสียงคนที่เดินเข้ามาใกล้ไม่ทันได้หันไปดู ก็พอจะรู้ว่าเป็นคนบางคนที่สอดมาโอบรอบเอวหลวมๆ วงคางไว้ที่ลาดไล้เล็กไว้เบา หลับตาสูดกลิ่นหอมของอีกคนเข้าเต็มปอด คนตัวเล็กที่ชะงักมือในตอนแรกรู้สึกร้อนผ่าววูบๆ แต่ก็ต้องพยายามทำตัวให้ปกติจัดการเช็ดแก้วเล็กต่อไป


     

    คนตัวสูงที่ในทีแรกคิดว่าเดินตามมาเพียงแค่จะแกล้ง แต่กลับสูดกลิ่มหอมจากกายคนข้างหน้าอย่างจริงจังเสียอย่างนั้น  กลิ่นที่สามารถปลุกอารมณ์ดิบเขาได้อย่างง่าย ตัดสินใจเริ่มอยู่ไม่นิ่ง กดจูบลงไปบนกลุ่มผมนุ่มนิ่มราวกับหลงใหล ต่ำลงมาเรื่อยๆตามท้ายทอย ปัดป่ายจมูกโด่งไปมาตามไรผมอ่อนหอมนุ่มน่าสัมผัส หอมดมตามใจชอบให้อีกคนเริ่มหายใจเข้าออกแรงขึ้นแต่ก็ยังคงเช็ดแก้วในมือต่อไป ถึงแม้ว่าใจตอนนี้จะไปอยู่กับจมูกสันซุกซนที่เริ่มทำเขาหวั่นใจ

     

     

    "มินกยู"


    เสียงสั่นเอ่ยขึ้นพร่าเมื่อจมูกสันสูดกลิ่นหอมช่วงท้ายทอยไล้ไปมาหลับตาเก็บเกี่ยวสัมผัสตรงหน้า เรียวปากเริ่มกดจูบลงไปทั่วๆลำคอเรียวกดเน้นย้ำ เริ่มออกแรงขบเม้นให้คนตรงหน้าได้หายใจติดขัด ส่งเสียงอืออึงที่ทำปลุกอารมณ์ร้อนของร่างสูงให้ลุกพล่าน มือซุกซนที่ล้อมรอบเอวบางในคราแรกหลวม เริ่มโอบรัดแน่นดึงรวบคนตรงหน้าให้ร่างกายได้บดเบียดความอุ่นร้อนแนบชิดอกแกร่งกับแผ่นหลังให้หมดช่องว่างระหว่างกัน



    ผ้าขนหนูเช็ดจานผืนเล็กในมือถูกปล่อยไว้บนพื้นเคาท์เตอร์เย็น กำมือแน่นไม่หยุดพร้อมหลับตาพริ้มรับสัมผัสที่อีกคนส่งมา มือหนาเริ่มอยู่ไม่นิ่งถกดึงเสื้อตัวบางขึ้นรับสอดมือเข้าไปแตะเนื้อนุ่มนิ่มใต้ร่มผ้าให้หน้าท้องขาวได้หดเกร็งอย่างกลั้นหายใจ สองมือหนาลากผ่านกลางหน้าท้องลูบไล้ไปมา ปลุกอารมณ์ให้อีกคนรู้สึกวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก เลื่อนต่ำลงจับหมับเข้าที่ข้างลำเอว ขย้ำไปมาด้วยอารมณ์ที่มีและเหมือนจะก่อตัวขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่อาจหยุดยั้ง



     

    ร้อน

    .

    .

    .


    ………………..(70%)…………………




    1st Cut Scene (Just Click)


    PASSWORD

    (Full Size)


    .

    .

    .


    ลำแขนแกร่งจับขาเรียวให้เกี่ยวรอบเอวสอบเขาไว้ไม่ให้หล่นยามที่เขาพาร่างสองร่างไปที่ห้องน้ำพร้อมๆกัน วางคนตัวเล็กกว่าไว้บนกระเบื้องอ่างล้างหนเอย่างเบามือ จัดการรูดซิบกางเกงยีนสีเข้มของตัวเอง ติดกระดุมเข้าไว้อย่างเดิม แต่กลับจะดึงรูดกางเกงเขาออก ให้อีกคนดิ้นไปมาไม่ยอมท่าเดียวว่าไม่เอาจนไม่สำเร็จ อีกคนคิดแกล้งต่อเอ่ยประโยคหน้าด้านออกไปไม่อายฟ้าดิน

     


    เดี๋ยวอาบน้ำให้


     

    ไม่!!”


     

    แรงฟาดเต็มฝ่ามือลงที่ข้างลำแขน ผลักอีกคนให้ออกมาจากห้องน้ำแล้วกดล็อคประตูเรียบไม่ยอมให้ใครเข้า มินกยูยิ้มขำกับการกระทำน่ารักที่ต่างจากเทื่อครู่ที่ดูยั่วยวนจนเขานึกใจเต้นอีกครั้งไม่หยุด คนตัวสูงตัดสินใจหยิบกุญแจรถเดินลงไปข้างล่างของร้าน เปิดประตูออไปที่รถแล้วหยิบกระเป๋าสัมภาระของตัวเองที่เตรียมไว้เมื่อเช้าหลังจากที่แม่เขาบอกให้เตรียมเพื่อวันนี้  กดปิดรถแล้วเดินกลับเข้ามากดล็อคประตูบานใหญ่ คว้ามือถือของพวกเขาติดมือมาด้วยแล้วก้าวขึ้นไปชั้นบนไป


     

    มะ...มินกยู หยิบผ้าเช็ดตัวให้หน่อย ในกระเป๋าอะอีกคนในห้องน้ำที่ได้ยินเขาเดินขึ้นบันไดมา เอ่ยขอความช่วยเหลือ มินกยูจัดการตามคำเรียกร้อง ก้าวไปที่ประตูห้องน้ำเรียกเคาะอีกคนเปิดประตูหยิบไป

     


    ไม่ให้อาบให้จริงๆหรือ

     


                “ไม่!!”


     

              ปังงงง!!!


     

              มินกยูส่ายหัวไปมานึกขำกับการกระทำของอีกคน เดินมานั่งรอที่เตียง เหลือบไปเห็นผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่ไม่เป็นท่าจากฝ่ามือเล็กของอีกคน ใจก็พาลเต้นแรงอีกครั้งชวนวูบไหวในออก ภาพของคนบางคนที่มันติดตาแน่ในสมอง ไหนจะท่าทางการกระทำที่แสดงกับเขา มันน่ามองและหลงใหล แววตาใสยามที่ส่งมาระหว่างนั้น มันใสซื่อปนยั่วยวนเล็กๆที่อีกคนส่งมาแบบไม่รู้ตัว มันตราตรึงอยู่ในหัวและปลายสัมผัสไปทั่วตัวเขา


     

    นั่งคิดเรื่องใต้สะดืออยู่สักพัก คนบางคนก็เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียว รังสีบางอย่างที่ทำเอาวอนอูขนลุกซู่กับสายตาที่จ้องมา จนเจ้าตัวต้องรับห้ามปรามยกมือขึ้นปกกันตัวเองอย่างหวาดระแวง


     

    เลิกมองสักที ปะ...ไปอาบน้ำได้แล้ว



    ครับด้วยความว่านอนสอนง่าย มินกยูยอมทำตาม หยิบผ้าเช็ดตัวพร้อมกับชุดนอนในกระเป๋าของตัวเองจะเดินไปที่ห้องน้ำ แต่ก็แวะข้างทางหอมเข้าที่หน้าผากมนแรงๆทีนึง ให้อีกคนได้โมโหปิดความเขินอายไม่ให้อีกคนรู้


     

    วอนอูรีบจัดการตัวเองใส่ชุดนอนสีเหลืองตัวบาง เสร็จแล้วรีบจ้ำอ้าวไปปิดไฟให้เหลือแค่ที่หัวเตียง แล้วสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่ม เขยิบนอนชิดนอนตะแคงหันหน้าเข้ากำแพง พยายามข่มตาให้หลับหนีอีกคน จนกระทั่งอีกคนเดินออกมาจากห้องน้ำรีบแกล้งหลับทำเป็นว่านอนแล้ว ให้คนรู้ทันเดินเข้าไปที่เตียงขนาดนอนสองคนได้สบาย ทิ้งตัวนั่งลงอีกฝั่งจนฟูกยวบตัว เห็นอีกคนแอบสะดุ้ง แอบเขยิบเข้าไปใกล้อีกคน สงสัยอยู่เหมือนกัน จะหลบหน้าเขาทำไม


     

    เป็นอะไรเอ่ยเสียงเบาชิดใบหูอีกคน ให้ได้รีบส่ายหน้าไปมาบอกไม่ได้เป็นอะไร แต่เขาก็รู้ทันอีกคนอยู่ดี เอ่ยถามซ้ำๆไปมาหลายรอบ จับอีกคนให้พลิกหันมามองกัน มินกยูทิ้งตัวนอนราบหัวหน้าตะแคงข้างมองสบตากับอีกคนในระดับเดียวกัน นิ้วยาวเกลี่ยปลายนิ้วจัดผมสีดำขลับผิดไม่ให้โดนตาใสเลื่อนลงเกลี่ยแก้มไปมา ราวกับกังวลบางอย่าง แต่กลับส่ายหน้าไปมาว่าไม่ได้มีอะไร ตาคมจ้องมองอีกคนเงียบไม่เค้นถามให้อีกคนอึดอัด สุดท้ายเป็นวอนอูเองที่ทนไม่ไหว เอ่ยประโยคที่ค้างคาใจให้อีกคนฟัง

     


    เราทำแบบนี้ได้หรือเสียงสั่นเอ่ยออกมาให้อีกคนฟังต่อเงียบๆ



    ...



    แบบที่เป็นอยู่...แบบที่คนไม่ได้รักกันเขาไม่ทำกัน



    “…”



    แล้วเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกะ...อื้อ

     

    มินกยูหยุดคำพูดไม่สร้างสรรค์ของอีกคนลง กดจูบแรงๆย้ำความเป็นจริงให้อีกคนได้รู้สึกตัว ว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่วอนอูคิดอยู่ฝ่ายเดียว กดแนบแน่นไม่มีการล่วงล้ำอะไร จูบที่สามรถช่วงชิงลมหายใจของอีกคนได้อย่างง่ายดาย มินกยูพยายามส่งความหายทุกๆอย่างผ่านสัมผัสตรงนี้ ผละหน้าออกกดจูบที่หน้าผากมนอีกระรอกให้อีกคนได้เชื่อมั่นในตัวเขา เอ่ยประโยคคำถามให้อีกคนได้คิดตาม


     

    วอนอูอยากอยู่กับมินกยูหรือเปล่า พยักหน้าหงึกหงักช้าๆตอบกลับให้อีกคนได้ใจชื้นขึ้น



    มินกยูก็ด้วย 



              “…”



                “อยากอยู่ด้วยตลอดไป

     

     


    ………………..(100%)………………….

     

     

    ไม่เข้าไปอ่านฉากนั้น ก็สามารถเข้าใจเรื่องได้ค่ะ #ยักคิ้ว


    พบกันอีกที ปีหน้านะคะ

    สุขสันต์วันพี่ฮงโจชัวร์ และ สุขสันต์วันปีใหม่ค่ะ

    สุดท้าย ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ

    #always17chummy


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×