คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chummy : Boissons - Part 2
Boissons - Part 2
Author: pearlinc
Rate: PG (?)
-2-
สายลมยาวค่ำพัดอ่อนๆ แสงสีสว่างของท้องฟ้าถูกแทนที่ด้วยสีเข้มมน
พวกเรากำลังจะกลับบ้านหลังทำงานกันเสร็จเรียบร้อย ตอนนี้ซึงกวานกับจองฮันขอเตรียมตัวที่จะกลับบ้านก่อนจองฮันอ้างว่าวันนี้ถ้าดึกเดี๋ยวรถติดเอา
วอนอูก็บอกให้กลับเลยเดี๋ยวเขากับเพื่อนตัวเล็กอีกคนทำได้
จีฮุนอีกคนก็กำลังรอพี่จินฮอนมารับที่ร้านเหมือนกัน ส่วนเขาก็จักรยานน่ะสิ
แต่ว่าเพียงไม่กี่นาทีต่อมาหลังจากรถของจองฮันออกตัวไปไม่นานมากแล้ว
รถเก๋งสีขาวของพี่ชายจีฮุนก็จอดเทียบท่ากับหน้าร้านพอดิบพอดี วอนอูบอกเพื่อนตัวเล็กเป็นนัยๆว่าพี่มาแล้วกลับบ้านได้แล้ว
"ยังไม่ได้ช่วยปิดประตูร้านเลย"
"ไม่ต้องห่วงน่า
เดี๋ยวจัดการทางนี้เอง" เพื่อนตัวเล็กตอบรับเสียงแล้วหยิบกระเป๋าขึ้นรถกลับบ้านไปอีกคน
เหลือแต่เขาแหล่ะ
คนตัวบางจัดการเดินสำรวจดูทั่วร้านอีกรอบหนึ่งว่าเขาปิดหมดทุกอย่างแล้ว
หยิบกระเป๋าของตัวเองและกุญแจร้านเพื่อล็อคประตูบานสุดท้าย เสร็จสิ้น สองขายาวเดินไปที่จอดจักรยานประจำของตัวเองทันที
สายตามองไปเจอรถเก๋งสีดำเงาที่ดับเครื่องอยู่ของมินกยูจอดอยู่ไม่ห่างกัน
ตัดสินใจเดินเข้าข้างประตูฝั่งคนขับ สายตาเรียวมองเข้าไปผ่านช่องของกระจกรถที่คนขับเลื่อนลงเพื่อให้มีอากาศเข้าไปถ่ายเทเพียงพอ
กำลังหลับอยู่ล่ะ
ใครจะไปสน เรื่องของเขา
ส่วนเรากลับบ้าน
ปากเรียวบางบิดๆอย่างหมั่นไส้ทำเป็นไม่สนใจคนในรถที่อยู่ในห้วงนิทรา
เดินกลับไปขึ้นคร่อมจักรยานคันเดิมของตนเตรียมตัวออกปั่นกลับบ้านอย่างที่ควรจะเป็น
ตื่นมาถ้าไม่เจอเขา เดี๋ยวก็ขับกลับบ้านเองล่ะมั้ง
นึกคิดพลางสองมือจับแฮนด์จักรยานสองปั่นออกตัว
“หวา!!”
อย่างโชคไม่ดีเมื่อปั่นตัวออกไปได้เพียงไม่ถึงคนก้าวขาสามก้าวก็เกิดเสียงดังขึ้นของพาหนะคันเล็ก
ร่างคนตัวบางในตอนนี้ล้มตะแคงจุมปุ๊กไปพร้อมจักรยาน
หน้าขาวเบ้หน้าแบะปากเหมือนจะเจ็บบริเวณก้นกบพลางลูบปอยๆปกอบกับรอยถลอกเลือดซึมออกมาตรงริมเข่าและข้างแขนขวา
ท่อนแขนกลมเรียวพยายามยันร่างของตัวเองขึ้นแต่ก็ไม่ประสบผล ปลายเท้าเจ้ากรรมดันติดเข้าไปในซี่ของล้อของจักรยาน
ลุกไม่ขึ้น รู้สึกหนักก้น ตาเรียวสำรวจดูรอบๆจักรยานหาสาเหตุของการเจ็บตัว
ยางรั่ว….. ทำไมซวยแบบนี้
เสียงดังจากการล้มตัวของจักรยานปลุกให้มินกยูตื่น
ตาคมลืมขึ้นสิ่งแรกที่เห็นคือคนบางคนที่ล้มๆลุกๆอยู่หน้ารถเขากับจักรยานคนนั้น
เกิดความรู้สึกหงุดหงิดที่เห็นภาพแบบนั้น ตัดสินใจเปิดประตูเพื่อที่จะไปช่วยพยุงคนที่ตัวเล็กกว่าให้ลุกขึ้นมาไหว
แต่คนเอาแต่ใจได้แต่ปัดป้องสะบัดหนีการเกาะกุมของมือเขาออก มันน่าโมโห
ไม่ดูสภาพตัวเองสะเลย
เปลี่ยนจากความคิดที่จะพยุงร่างบาง เปลี่ยนมาเป็นดึงจักรยานที่ปลายเท้าของคนอีกคนกำลังเกี่ยวอยู่ไป
แล้วยกให้ออกห่างไว้ที่ริมข้างร้านไม่ให้ขวางถนน
เจ้าของจักรยานเห็นการกระทำของคนตัวยักษ์ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงผ้ายีนส์สีดำสนิทแบบนั้นแล้วหันหน้าหนีไม่พูดไม่จา
มินกยูกลับมาที่วอนอูเตรียมจะพยุงเขาขึ้นอีกครั้ง
แน่นอนวอนอูดื้อและไม่ยอมท่าเดียว
ทำให้เกิดการตัดสินใจครั้งใหม่ของคนตัวสูงโดยการสอดมือหนาทั้งสองไว้ที่ใต้วงแขนเล็กและยกขึ้นอย่างไม่ต้องออกแรงมาก
และยกร่างบางขึ้นชิดหน้าอกแกร่งแล้วเปลี่ยนมือทั้งสองข้างเดิมมาเป็นสอดใต้ข้อพับขาให้พยุงได้ถนัด
ส่วนมืออีกข้างจับไว้ที่บนสะโพกมนไม่ให้อีกคนดิ้นหนี
“เจ็บ”
เจ้าท่อนแขนตัวปัญหาดันกดไปโดนตรงจุดที่เขาทิ้งลงกระทบกับพื้นพอดี
ความเจ็บแล่นเขาไปยังกระดูกสันหลัง
มินกยูจึงเปลี่ยนเลื่อนตำแหน่งเป็นที่บริเวณเอวแทน
ร่างเล็กดิ้นเล็กน้อยก็ดันเกิดอาการบ้าจี้ให้เขารู้ซะอย่างนั้น แต่ไม่ได้หัวเราะออกไปให้คนหน้าตึงยิ้มไม่เป็นได้เห็น
มินกยูพาร่างทั้งร่างไปที่รถฝั่งข้างคนขับ มือข้างที่สอดใต้ข้อพับอยู่
ปล่อยออกมาเปิดประตูแล้วใช้มือข้างเดิมป้องหัวทุยกันไม่ให้โขกกับขอบรถระหว่างวางร่างคนเจ้าปัญหาอย่างระวัง
เสร็จสิ้นจัดการตัวการให้ไปนั่งสงบอยู่ในรถข้างคนขับ
ก็ปิดประตูให้อีกคนแล้วเดินอ้อมผ่านหน้ารถไปขึ้นนั่งประจำที่ของตัวเองบ้าง
ขึ้นรถมาได้สักพักก็สตาร์ทเครื่องออกตัวไป ต่างคนต่างเงียบมาตลอดทาง
จนรถเก๋งคันสีดำมาจอดเทียบฟุตบาทข้างทาง มินกยูตัดสินใจดับเครื่องยนต์ เปิดประตูออกไปลงจากรถปิดประตูแล้วเดินไปที่ไหนสักแห่ง
ผ่านไปไม่นานเกินรอ ร่างกำยำเดินมาจากไกลๆ
วอนอูเห็นมินกยูเดินกลับมาฝั่งที่เขานั่งพร้อมกับถุงพลาสติกสีขาว
มินกยูเปิดประตูพร้อมกับลดตัวลงนั่งกับขอบฟุตบาทพลางหันหน้าเข้าหาตัวเขา
“หันมา”
“ทำอะไร”
“หันมา”
คนตัวขาวยอมหันมาตามเสียงทุ้มบอก
เขาสองคนนั่งประจันหน้ากันไม่มีใครพูดอะไรต่อ
วอนอูเหลือบไปเห็นของในถุงนั่นมีที่ทั้งม้วนของเทปกาวติดแผล สำลี ขวดยาสักอย่างอีกขวดสองขวด
และอีกหนึ่งขวดในมือหนา
มินกยูก้มอ่านหน้าข้อมูลของขวดยาที่ซื้อมาเมื่อสักพักอย่างเงียบๆ
จัดการเปิดฝาพลางหยิบสำลีมาชุบกับน้ำในขวดแล้วมาทาไปมาบริเวณเข่าที่มีแผล
วอนอูหยีหน้าเล็กน้อยแต่ไม่ได้ส่งเสียงต่อต้านอะไร
“ทนหน่อย”
ว่าแบบนั้นแล้วตั้งใจทำแผลให้เขาต่อไป
สายตาวอนอูในตอนนี้มองเห็นเพียงแค่หัวทุยสีน้ำตาลเทาเข้มตรงหน้า มือเรียวยื่นออกไปจับเข้าที่กลุ่มผมกลุ่มนั้นอย่างเบาเหมือนถูกดึงดูด
จัดการทึ้งที่โคนผมเบาๆให้เลือดไหวเวียนอีกคนจะได้ไม่ปวดหัว มินกยูรู้สึกถึงการกระทำแบบนั้นของคนที่โตกว่าก็ไม่ได้ต่อต้านอะไร
ทำแผลที่เข่าให้เสร็จแล้ว
เปลี่ยนเป็นส่งมือจับเข้าที่ลำแขนเล็กข้างขวาพลางเขยิบตัวเข้ามาใกล้เขาขึ้นอีกนิดให้ปฏิบัติได้ถนัดขึ้น
มือหนาลูบเศษฝุ่นออกให้เบาๆแล้วทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือและแอลกอฮอล์
ปฏิบัติดังเดิมเหมือนกันกับที่เข่า
เสร็จสิ้นจาการแปะสำลีอนามัยและเทปที่แผลเรียบร้อย
มินกยูจัดการเก็บขวดยาทั้งหมดเข้าใส่ถุงพลาสติกดังเดิมแล้ววางไว้กับพื้น มือข้างซ้ายของมินกยูส่งอ้อมเข้าไปด้านหลังของวอนอู
แต่บริเวณกลางหลังและเลื่อนลงต่ำไล่ระดับมาเรื่อย แล้วถามหาจุดเจ็บของอีกคน
“ตรงไหน”
“ต่ำอีกนิด ตะ..ตรงนั้น”
กลิ่นหอมนุ่มสะอาดจากคนข้างหน้าลอยมาแตะที่จมูกเจ้ากรรมของคนตัวสูงเข้าราวกับดึงดูด
ดวงตาสองคู่สวยเข้าสบกันค้างเติ่งนิ่งอยู่แบบนั้น
ระยะห่างที่ลดลงมาเรื่อยๆลมหายใจร้อนเฉียดแก้มขาวที่ทำให้รู้สึกขนลุกทันที่จากการได้รับสัมผัสเมื่อครู่
เป็นฝ่ายพี่ที่รู้สึกตัวก่อน มินกยูถอยออกมายกมือเกาท้ายทอยแก้เก้อ
เอ่ยประโยคหนึ่งออกมาแล้วเดินไปตามที่บอก
“ไปซื้อยาแก้ปวดให้”
เมื่อเห็นล่างสูงกำยำเดินห่างออกไป
มือบางข้างซ้ายยกขึ้นทาบกับหน้าอกกึ่งตรงกลาง
อีกข้างหนึ่งยกขึ้นทาบกับแก้มใสขึ้นสีฝาด ร้อนมากแก้มของเขาร้อนมาก
หน้าขาวสะบัดไปมาเป่าลมหายใจเข้าออกไล่ความรู้สึกออก
ทางด้านของอีกคนเดินมาที่ร้านขายยาอย่างเงียบ
เดินตรงเข้าไปที่คุณเภสัชกรประจำร้าน
เตรียมบอกข้อมูลอีกอย่างเพื่อที่จะซื้อไปให้คนในรถแก้ปวดตรงนั้น
อธิบายให้ฟังพลางทำท่าทางชี้ไปที่บริเวณที่กดเจอจุดเจ็บของวอนอูให้คุณเภสัชกรจัดยาได้ถูก
คุณเภสัชพยักหน้าเข้าใจเดินไปหยิบขวดยาให้ตามที่จะจัดเตรียม
เสร็จสิ้นก็หยิบซองยาใส่ถุงพลาสติกพลางอธิบายให้มินกยูฟังเพื่อที่จะไปใช้ถูก
จ่ายเงินเตรียมออกจากร้าน แต่ก็ต้องตัดสินใจเดินกลับไปหาคุณเภสัชกรอีกระรอก
แล้วเอ่ยประโยคคาใจของตัวเองให้ฟัง
“คุณเภสัช
ผมหน้าร้อนแล้วก็เจ็บหัวใจมันขยับแรงมาก ผมจะเป็นโรคหัวใจไหมครับ”
ออกจากร้านมาพร้อมกับถุงพลาสติกสองใบ
ใบแรกเป็นถุงใส่ยาของคนในรถ
อีกใบหนึ่งเป็นถุงเป็นถุงของเขาที่ข้างในมีแค่ยาดมหนึ่งหลอด คุณเภสัชกรบอกว่า
อาการของเขาแค่ยาดมก็เอาอยู่ ขายาวก้าวฉับๆไปที่รถ
หัวใจของเขายังไม่หยุดเต้นแรงสักที ยิ่งเข้าไปใกล้รถยิ่งเต้นแรงมากๆ รถเขาโดนรังสีอะไรมาทำไมเขาเป็นแบบนี้
วอนอูที่นั่งอยู่ในรถจัดท่าทางนั่งเรียบร้อยพร้อมกับถุงยาที่เข้าวางไว้ที่ฟุตบาทเช่นกัน
เห็นแบบนั้นมินกยูจึงเดินไปฝั่งที่ของตัวเอง
สอดตัวเข้าไปในรถดังเดิม จัดการสตาร์ทรถออกตัวไปยังบ้านของพวกเขา
บรรยากาศในรถเงียบสนิทมีเพียงเสียงของเครื่องประอากาศปล่อยลมออกมาเบาๆ
ท้ายสุดรถเก๋งสีดำจอดเข้าเทียบกับบ้านของวอนอูเรียบร้อย นิ่งเงียบกับพักเล็กๆ
“ขอบคุณนะ สำหรับ…แผล” สองขาเตรียมก้าวออกจากรถแต่ก็มีมือของบางคนฉุดไว้ก่อน
สบตากับสักพักหนึ่ง เหมือนจะบอกอะไร
“เอายาไปกินด้วย” บอกพลางยื่นถุงพลาสติกบรรจุซองยาเม็ดให้ไปและลุกออกปิดประตู
วอนอูหันกลับมาถามอีกทีหนึ่ง
“แล้วที่ทำแผลล่ะ”
“เดี๋ยวทำให้”
“……..”
“พรุ่งนี้” เพียงแค่คำไม่กี่พยางค์ที่ออกจากปากของเด็กนั่น
ทำเอาวอนอูแทบหยุดหายใจ
ตามองตามรถที่แล่นออกไปเพียงนิดเดียวไปจอดอยู่หน้าบ้านข้างบ้านเขา
มองอีกคนที่ดับเครื่องยนต์แล้วก้าวออกมาจากรถ
คนตัวสูงหันกลับมามองที่คนเป็นพี่ช่วงหนึ่ง เล่นเอาอีกคนตั้งตัวรีบหันขวับแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านแทบไม่ทัน
โดยไม่ได้เห็นรอยยิ้มบางๆของคนที่ยืนมองแผ่นหลังเล็กที่วิ่งจ้อนเข้าบ้านแบบติดจรวจอยู่ไกล
ตลกชะมัด
…………….(25%)………………
คิม มินกยูพาร่างของตัวเองเดินเข้าบ้านเชื่องช้า
วันเขารู้สึกอากาศอบอ้าวปนกับอีกความรู้สึกที่หนาวๆอยู่เหมือนกัน
มือหนาเปิดประตูบ้านเดินเข้าไปปกติเหมือนทุกๆวัน
“อมยิ้มอะไรของเราหื๊ม?. คุณนายคิมถามขึ้นเมื่อวันนี้ลูกชายตัวโตของเขาท่าทีแปลกๆ สงสัยไปเจออะไรดีๆมา
“เดี๋ยวมินกยูไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
ไม่ว่าเปล่า หันตัวเดินขึ้นบันใดไป
ก้าวฉับๆมายังห้องฝั่งมุมขวาของบ้าน
หลังจากปิดประตูลงก็เดินมานั่งที่โซฟาตัวนุ่มที่ปลายเตียงของเอง
มินกยูไม่ได้ขึ้นมาอาบน้ำอย่างที่บอกแม่ไป เขาอยากคิดอะไรเพลินๆก่อน คืนนี้รู้สึกจิตใจตัวเองเหมือนลอยไปไหนก็ไม่อาจรู้เลย
มินกยูยังคงรู้สึกถึงรอยสัมผัสและกลิ่นหอมนุ่มเหมือนเด็กน้อยของคนตัวบาง
ยังคงติดอยู่ที่ปลายจมูกของเขา
ความอุ่นที่ถูกส่งผ่านเสื้อตัวบางของวอนอูยังรู้สึกได้มาจนถึงตอนนี้ที่ปลายนิ้วมือของเขา
วอนอูที่เขารู้สึกน่ารำคาญหายไปไหน
ก่อนหน้านี้ สมัยที่มินกยูอยู่มัธยมปลาย
ความรู้สึกที่เขาตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าจะได้ไปโรงเรียนโดยไม่ต้องพึ่งพารถประจำทางอีกต่อไป
แม่ของเขาซื้อรถมอเตอร์ไซต์คลาสสิคให้เขาได้ขับไปเรียนด้วยตัวเอง ไม่ต้องเจอแบบทุกครั้งที่มินกยูไปรถประจำทางที่หน้าซอยของหมู่บ้าน
อึดอัดไม่ชอบการแย่งชิงเบียดเสียดกันบนรถคันใหญ่ แต่เมื่อพอรู้ว่าคนอย่างคุณนายคิมนั้นมีข้อแม้มาเสนอให้เขาที่ทำให้ใจต้องเหี่ยวลง
‘ถ้าแม่ให้หนูแล้ว
หนูต้องไปส่งพี่วอนอูเขาที่มหาลัยด้วยนะ ตกลงไหม?”
‘ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะครับ’
‘คุณแม่ของพี่เขาขอแม่มา
แม่ก็ว่ามันควรที่จะเป็นแบบนั้น ทางขากลับของหนู
ก็ผ่านหน้ามหาลัยพี่เข้าอยู่แล้วนะลูก จะได้มาด้วยกันพอดี’
‘แต่มินกยูอยากไปคนเดียวนี่ครับ’
‘ถ้าแบบนั้น
หนูก็คงต้องกลับไปขึ้นรถเมลล์แบบเดิมแล้วกันนะ’
‘ยอมก็ได้’ ยอมข้อตกลงแบบไม่ได้แสดงสีหน้าแบบที่ชอบทำ
หมดกันที่จะได้ขับมอเตอร์ซ์รับลมคนเดียวเงียบๆ
เพราะจอนวอนอูคนเดียว
จากนั้นมา
เขาก็อคติกับคนที่อายุมากกว่าที่อยู่ข้างบ้านของเขามาตลอด พึ่งพาตัวเองไม่ได้หรือ
โตจนป่านนี้แล้ว ทำไมไม่ไปรถประจำทางอย่างที่เคยไป มินกยูเอาแต่ตั้งคำถามแบบนี้ ส่งผลทุกครั้งที่มินกยูต้องไปรับไปส่งวอนอูทุกวัน
เป็นงานที่ต้องไปซื้อหมวดกันน็อคให้เจ้าตัวเพิ่มอีก
ถึงปากบางนั่นจะไม่ได้เอ่ยขยับคุยกับเขาระหว่างบนรถมอเตอร์ไซต์
แต่พอถึงที่หมายทุกครั้งโบกมือลาให้เขาตลอดเป็นเด็กๆไปได้ ถึงขนาดบางที
เพื่อนโรงเรียนมาเห็นเขากับวอนอูเข้า ก็เอาแต่ล้อทักกัน
‘มินกยู มึงเล่นเด็กมหาลัยเลยหรอวะ’
‘บ้ะ!! ไม่ธรรมดา
คนนี้ใช้ได้เลยนะเว้ยเพื่อน’
มันอาจจะเรียกได้ว่าหงุดหงิด….
วอนอูส่งผลกับชีวิตมัธยมปลายของเขาตลอดสามปีนั้น
มีแต่คำว่า เป็นแฟนกันหรือ รวมไปถึง คบกันยาวจัง อยู่กับเขาไปนานๆเลยนะ
เกือบทุกเวลาของเขาเอาแต่คิดเรื่องนี้เกี่ยวกับวอนอูว่าควรจะจัดการอย่างไร
ซึ่งจริงๆแล้วสาเหตุของเรื่องนี้เกิดจากอะไรเขาก็ไม่อาจรู้เลย
แต่ท้ายที่สุดเวลาก็ได้ทำให้เกิดอีกหนึ่งเหตุการณ์
รางวัลชิ้นใหม่ของมินกยูคือรถเก๋งรุ่นที่เขาเคยมองๆไว้เป็นชิ้นที่สองจากพ่อของเขาที่ทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัด
ให้เป็นรางวัลกับการสอบติดมหาวิทยาลัย และช่วงนั้น
พอดีกับที่เขาขึ้นไปเป็นนักศึกษาเต็มตัวพร้อมกับคนบางคนที่เรียนจบมหาวิทยาลัยพอดี
ความดีใจบังเกิดขึ้นอีกระรอก
เมื่อคิดได้อีกครั้งในหลายปีว่า เขาจะได้ขับรถสบายๆคนเดียวสักที เพราะเขาคิดไว้แล้วว่า
แน่นอนวอนอูจะต้องไปหางานทำที่อื่น
ไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะตัดสินใจเปิดร้านของเขากับเพื่อนของเขาที่รู้จักตอนไปรับไปส่งที่ตั้งอยู่ใกล้บ้านและ
เป็นทางผ่านกลับบ้านอีกเช่นเคย
ข้อเสนอเดิมที่คุณนายคิมคิดยื่นให้เขาและไม่สามารถปฏิเสธได้อีกเช่นกัน
คือไปรับไปส่งคนตัวขาวไปรับไปส่งที่ร้าน ไม่ต่างอะไรจากตอนนั้นเลย
ทุกครั้งหลังเลิกเรียนจากมหาวิทยาลัย
เพื่อนเขาที่มาจากโรงเรียนเดียวกันก็ตามมารังความสอบติดที่เดียวกัน
และยังคงแซวเขาไม่หยุดกับเรื่องนี้
แซวทุกครั้งก่อนที่จะมารับคนที่นั่งรออยู่ที่หน้าร้านของตัวเอง
ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด
ความหงุดหงิดที่ยังคงเหลืออยู่ตลอดการขับรถ
ทำให้เขาพาลโมโหคนที่นั่งในรถมาด้วยกัน
ปากบางนั่นเอาแต่เอ่ยเจื้อยแจ้วมาตลอดทางถามเขาไม่หยุด เขาไม่อยากตอบ
เขาหงุดหงิดอยู่… จนมาวันนั้นที่จู่ๆวอนอูก็ระเบิดใส่เขา
ระบายอะไรยาวๆออกมาให้เขาแอบหวั่นใจเมื่อแผ่นหลังบางหายลับออกจากรถของเขาไปวันนั้น
ทำให้เขานอนไม่หลับไปคืนนั้น
คิดว่าตื่นเช้ามาจะไปส่ง แต่รอนานเอาเรื่อง
เขาจึงลองขับไปที่หน้าร้านของคนบางคน
มีจักรยานที่คุ้นตาเหมือนเคยเห็นที่หน้าบ้านของคนในร้านนั่น จอดอยู่หลบๆแถวข้างทาง
เขาจึงจะพอเดาถูกว่าคนตัวเล็กกว่าอาจจะงอนเขาแน่ๆ
เมื่อเห็นว่าถึงร้านแล้วเขาก็ไปเรียนของตัวเองบ้านเพราะเห็นว่าสายแล้ว
ตกค่ำวันนี้เขาเลิกเร็วกว่าปกติ
เตรียมมารอรับที่ร้านโดยจอดรถของตัวเองไว้ถัดจากจักรยานมานิดเดียว
สิ่งที่เขาเห็นคือเพื่อนของคนบางบนที่ทยอยออกมาเตรียมกลับบ้าน
พี่ซึงกวานหันมาเห็นเขาอยู่ในรถ
ทำปากขยุกขยิกชี้มือไปที่ในร้านบอกเขาว่าวอนอูอยู่ข้างใน
จนกระทั่งเพื่อนๆเขากลับกันหมด
สุดท้ายคือคนตัวขาวที่พอเดินออกมาเจอเขาอยู่ ก็เชิดหน้าใส่ซะอย่างนั้น
ท่าทางเย่อหยิ่งพลางขึ้นคร่อมจักรยานเตรียมปั่นออกไปปล่อยเขากลั้นขำอยู่คนเดียวในรถ
แล้วตัดสินใจขับตามเจ้าตัวไปช้าแต่ทิ้งระยะห่างไว้พอสมควร
ความจริงข้างทางก็ไม่ได้เปลี่ยว แต่ไม่มีคนเดินพลุกพล่าน
ถึงบ้านในที่สุดมินกยูแอบคิดโล่งใจเบา ทำให้สงสัยว่าเขาต้องโล่งใจขนาดนี้
นับไปได้สามถึงสี่วันที่เขาทำการแบบเดียวกันซ้ำๆแบบนี้
ขับตามไปเงียบๆ ไม่ขัดคนตัวบางข้างหน้าที่ขับจักรยานอย่าเอาเรื่อง
เข้าวันใหม่ที่เขารู้มาจากเพื่อนที่มหาลัยว่าอาจารย์ยกเลิกเวลาเรียนช่วงบ่ายทั้งหมด
ทำให้วันนี้เขาไปมหาลัยแค่ครึ่งวัน ตัดสินใจหาอะไรทำแก้เซ็งโดยการขับรถไปที่ร้านของใครบางคน
มือหนาเปิดประตูเข้าไปในร้านสีครีมกลางๆกลิ่มหอมอบอวลไปทั่วร้าน
บรรยากาศดีกว่าที่เขาคิด นี่เป็นครั้งที่สองที่เข้ามาที่นี่
ครั้งแรกที่เข้ามาคือขออนุญาตพี่ๆพาคนกลับบ้านก่อนเพราะเขามีธุระที่ต้องทำแล้วกลับดึก
ส่วนวันนี้คือครั้งที่สอง เพิ่งตั้งใจสังเกตร้านแบบจริงจัง
เสียงแรกที่ได้ยินคือเสียงกระดิ่งปกอบกับเสียงเดิมคุ้นเคยที่ไม่ได้ยินมาหลายวันเอ่ยถาม
‘สวัสดีครับ รับอะไรดีเอ่ย’
‘บราวน์นี่’
‘สักครู่นะครับ จีฮุนลูกค้าคนนี้เขาขะ…มาทำอะไร’ เขาเกือบหลุดขำออกมากับหน้าตาของคนถาม
‘ลูกค้า’ เท่านั้นแปลกใจที่ไม่มีการต่อกรใดจากคนตัวขาวหลังบาร์นั่น
เขาจึงตัดสินใจยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ไปไหน
กำลังต่อสู้กับใจตัวเองว่าเขาควรจะถามคนตรงนั้นดีไหมว่า เป็นอะไร
ทำไมไม่ยอมกลับบ้านกับเขา อีกใจหนึ่งก็รู้สาเหตุดีอยู่แล้ว แต่เขาก็แค่
อยากคุยละมั้ง…
‘คุณลูกค้า เชิญไปรอด้านอาหารหวานนะครับ’
เสียงที่เอ่ยขึ้นอาจเป็นเพราะเห็นว่าเขาไม่ยอมไหน
แต่เขาจะไปไหนล่ะ ยืนมันตรงนี้แหล่ะ จนกระทั่งพี่จีฮุนทำบราวน์นี่ของเขาเสร็จก็ตัดสินในเดินไปคิดเงินกับพี่ซึงกวานที่แอบขยิบตาให้เขาเหมือนเป็นสัญญาณอะไรสักอย่าง
เสร็จสิ้นก็หันเข้าไปในร้านก้มหัวลาพวกพี่ๆแล้วเดินออกมาขึ้นไปที่รถ
คิดในใจว่าวันนี้เขาจะรอเหมือนกับทุกๆวันพลางกินบราวน์นี่ฝีมือพี่จฮุนไปด้วย
กินเสร็จก็เผลอหลับไป
จนกระทั่งตื่นมาได้ยินเสียงโครมของอะไรสักอย่างขึ้นตื่นหรือเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดวันนี้
นึกหวนกลับไปก็เกิดอาการใจเต้นอีกระรอก นั่นทำให้เขากำลังคิดว่า
การที่เขาโมโหเพื่อนเขาตั้งแต่ตอนมัธยมจนถึงตอนนี้ที่มหาลัยนั้นว่า
เขาโมโหที่เพื่อนที่แซวเขาบ่อยๆ หรือว่า
เขาโมโหที่เพื่อนที่ชอบพูดถึงคนที่กลับบ้านกับเขา กันแน่…..
……………....(75%)………………
จริงๆเลย ทำไมเขาหยุดยิ้มไม่ได้
วอนอูที่เข้ามาในบ้านหนีคนข้างนอกมาได้สักพักหนึ่ง
ยืนพิงประตูบ้านหลังปิดลงได้ไม่นาน หยิบถุงพลาสติกบรรจุซองยาแก้ปาดสองห่อสีขาวแล้วยิ้มออกมาอยู่เงียบๆคนเดียว
อยู่ๆก็นึกอยากกอดเจ้าถุงนี้ขึ้นมาสะอยากนั้น รวมถึงอีกถุงหนึ่งที่อยู่กับใครบางคน
คิดอะไรอยู่
นี่กำลังโกรธอยู่นะ
แต่วันนี้รู้สึกดีจริงๆนะ……
“วอนนนนนนนนน ทำไมยืนตรงนี้อ่า แล้วสีขาวๆตรงนั้นแปะไว้ทำไมอ่า”
เสียงของเด็กอ้วนดังมาแต่ไกลปกอบกับวิ่งแจ้นกระโดดเข้ากอดขาของพี่ชายตัวขาวอย่างกับเจ้าลูกหมีโคอาล่าขอใบยูคาลิปตัสจากคุณเจ้าหน้าที่สวนสัตว์
ปากเอ่ยเจื้อยแจ้วถามเขาว่าทำอะไรอยู่ กินข้าวหรือยัง แม่ทำมื้อค่ำรอเขาอยู่นะ พลางสังเกตที่ปิดแผลของเขาเงียบๆ
ขณะที่คุณนายจอนเดินมาพร้อมหม้อซุปหอมๆในมือ
“วอนอู ลูกมาพอดีเลย กินข้าวกัน แม่มีเรื่องจะคุยด้วย อะนั่นไปทำอะไรมา”
“หกล้มนิดหน่อยอะครับ ไม่ต้องห่วงนะ นิดเดียวเอง”
คนเป็นแม่ไม่ได้ถามไถ่อะไรต่อ คุณลูกชายคนโตจัดการช่วยยกอุปกรณ์เพื่อมื้อค่ำคืนนี้เรียบร้อย
ตักซุปร้อนให้ที่ชามของแม่กับอูจองแล้วหันกลับมาตักใส่ชามของตัวเองบ้าง ระหว่างลงมือทานเหลือบไปเห็นอูจองเป่าฟู่ๆในชามเล็กของตัวเอง
เห็นแบบนั้นจะได้กินไหมวันนี้เจ้าอ้วนเอ้ย
“วอนอู”
“ครับ” ขานรับขณะยังก้มลงไปให้ซุปของน้องชายที่ยังไม่เย็นลง
“อีกสองวัน แม่จะไม่อยู่บ้านนะลูก
มีกิจกรรมเข้าค่ายระหว่างเด็กและผู้ปกครองของอูจองที่โรงเรีนอนุบาลของน้องจัดไว้
อยู่คนเดียวได้ใช่ไหมเรา?”
“ได้สิ แล้วแม่กับน้องไปกี่วันเนี่ย”
“สามวัน สองคืน!!!!” เสียงเล็กข้างๆเขาเอ่ยบอกพร้อมชูช้อนของตัวเองขึ้นอย่างตื่นเต้น
อะไรจะพร้อมออกรบขนาดนั้น
“ตามเขาแหล่ะ อยู่ได้ใช่ไหม”
“ครับ เดี๋ยวไปนอนที่ร้านก็ได้ เดี๋ยวชวนเพื่อนมานอนด้วย แม่จะได้ไม่ห่วง”
“ค่อยโล่งใจหน่อย ตอนแรกคิดว่าจะให้ไปนอนที่บ้านเพื่อนแม่
แต่รายนั้นเขาก็ว่าจะไปหาที่รักของเขาเหมือนกัน จริงๆเลย”
“ดะ…ดีแล้วครับแม่ อย่าไปรบกวนเขาเลยเนอะ” พูดเสียงแห้งกลั้วขำกลบเกลื่อน ถ้าเป็นแบบนั้น เขานี่แย่เลยนะ
“เนอะ เราก็ด้วย เตรียมตัวไว้ อย่าประมาททุกที่ก็อันตรายหมดนะรู้ไหม
ที่ร้านก็ด้วยต้องมีคนนอนเป็นเพื่อนนะวอนอู”
“คร้าบบบ”
“เข้าใจไหม วอน!!”
“รู้แล้วล่ะน่า” หมั่นเขี้ยวจริง
มื้อดึกดำเนินไปเรื่อยปกอบด้วยบรรยากาศคุยกันหัวเราะคิกคักกับเจ้าตัวตลกกลมๆหัวโต๊ะที่สร้างเสียงหัวเราะให้ที่บ้านเสมอ
เสร็จสิ้นวอนอูเป็นคนรับหน้าที่เคลียร์ถ้วยชามหลังกินเสร็จเพราะเห็นว่าแม่เขาทำเหนื่อยแล้ว
เสร็จจากหน้าที่จัดการเดินไปหยิบซองใสบรรจุเม็ดยาสองซองบนโต๊ะกินข้าว
ทานเรียบร้อยตามที่มีเขียนบอกไว้พอเข้าใจ ขอตัวขึ้นไปบนห้องของตนพร้อมกับถุงยาทำกิจธุระส่วนตัวที่วันนี้ต้องระมัดระวังค่อนข้างมากกว่าทุกวัน
ปกอบกับที่บ้านมีเครื่องมือทำแผลติดไว้ จัดการลงมือทำเองได้ด้วยตัวเอง ความจริงเขาเองก็ทำได้
แต่ทำไมไม่บอกให้เด็กนั่นหยุดทำแทน ไม่รู้ว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่
แต่ใจมันไม่อยู่กับตัว คนตัวขาวคิดเพลิน จัดการท่าให้สบายสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มหนากันความหนาวเย็น
พยายามข่มตาลงแต่ก็ดิ้นไปมาเบาๆ
ฮื่ออออ
คืนนี้เขาจะนอนหลับไหมเนี่ย
.
.
.
เสียงปลุกตอนหกโมงเช้าจากนาฬิกาเรือนเล็กข้างหัวเตียวดังขึ้นส่งเสียงราวกับเรียกให้คนที่นอนคุ้ดคู้ตื่นจากนิทราร่างบางฮึดฝืนลุกยันตัวขึ้นยืน
ขยี้ตาไปมาราวกับต้องการไล่ความง่วงหาวออกไป เดินเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวตามขั้นตอน
เดินออกมาแต่งตัวให้เหมาะสมที่จะไปทำงานด้วยเสื้อยืดสีครีมแขนสั้นบวกกับกางเกงสามส่วนสีน้ำเงินที่ไม่โดนจุดที่เป็นแผลเมื่อวาน
โดยไม่ลืมที่จะหยิบกล่องอุปกรณ์ทำแผลขึ้นมา แต่คิดได้ว่า มีคนสัญญาเอาไว้
พลางยืนสำรวจตัวเองหน้ากระจกไม่นาน
ก็คิดขึ้นได้ว่าวันนี้เขาไม่ได้ไปทำงานแบบเหมือนวันก่อนหน้านี้ จักรยานเขายางรั่ว
ผลที่ตามมาก็คือวันนี้เขาก็ไปกับมินกยูอย่างเคย พลันจำไปตอนเมื่อคืนวานนี้ ใจเจ้ากรรมก็เต้นตึกตักจนเขากลัวว่ามันจะเด้งหนีไปแบบนั้น มองพลางสะบัดหน้าบอกกับตนว่าทำตัวปกติ ผ่อนคลาย
ไม่ได้มีอะไร….สักหน่อย
คว้ากระเป๋าใบเดิมก้าวฉับๆลงมายังชั้นล่างของบ้าน
เปิดประตูแล้วปิดอย่างเบามือกลัวว่าจะเสียงดังทำให้ไปปลุกแม่และน้องเขาตื่นเอา
ปิดลงเสร็จก็หันตัวมาหน้าบ้านเจอกับรถเก๋งสีดำเงาคนคุ้นตาที่ตอนนี้มีคุณคนข้างบ้านยืนพิงนิ่งๆก้มหน้า
หลับ?
สองขาเรียวก้าวอย่างเบาๆเข้าไปมองอีกคนใกล้ว่าหลับท่านี้จริงหรอ
ใกล้ๆแล้วเห็นจมูกสันคมที่รับกับเปลือกตาที่ปิดสนิทในตอนนี้
ตอนหลับก็น่ามองเอาเรื่องเหมือนกันนะ แต่ก็ต้องตื่นจากภวังค์
จู่ๆคนที่งีบหลับเงียบๆลืมตามองเขา
วอนอูทำอะไรไม่ถูก
เดินอ้อมไปฝั่งที่นั่งข้างคนขับแทนแก้เก้อ มินกยูไม่ได้เอ่ยอะไรเพียงสอดตัวเข้ารถพลางเอื้อมมือคาดเข็มขัดนิรภัย
ตาคมหันมามองคนหน้าขาวที่ตอนนี้ทำได้เพียงหันหน้าตรงออกไปยังถนนของหมู่บ้าน เอี้ยวตัวไปใช้มือหนาเอื้อมดึงสายเข็มขัดนิรภัยคาดหวังจะคาดให้อีกคน
แต่ก็แสร้งทำเป็นหยิบไม่ติดมือ
วอนอูที่เกร็งตัวตั้งแต่ทีแรกที่คนตัวหนาเอี้ยวตัวมาอยู่แล้วก็รู้สึกสะดุ้งเบาๆ
จู่เสียงทุ้มก็เอ่ยขอความช่วยเหลือจากเขา
“ช่วยหน่อย”
มือขาวที่ร้อนรน
ดันมือหนาสีผิวแทนออกแล้วจัดการคาดสายนั่นด้วยตัวเองแล้วหันกลับไปมองถนนตรงหน้าดังเดิมราวกับหุ่นยนต์ที่ติดตั้งข้อมูลมาตามขั้นตอน
โดยที่พลาดที่จะเห็นรอยยิ้มนึกขำบางๆของคนขับรถ
เหลือบไปเห็นแผลถลอกที่ยังไม่ได้รับการใด เอื้อมมือเปิดลิ้นชักด้านหน้าวอนอู
หยิบถุงใส่อุปกรณ์ออกมา เอ่ยสั่งคนบางคนให้หันมานิดหนึ่งเขาจะทำแผลได้ถนัด
มือหนาเอื้อมจับแขนขวามาอย่างเบามือ
ลูบดูที่รอบๆแผลถลอกก็พบว่าเริ่มแห้งแล้ว
คุณเภสัชกรบอกว่าถ้าแผลแห้งให้ทาเพียงเบตาดีนแล้วแปะสำลีก็พอ มินกยูปฏิบัติตามขั้นตอนที่รับมอบหมายมาเงียบ
ปกอบกับดวงตาใสลอบมองหน้าคมข้างกายอย่างไม่ให้อีกคนรู้ เขาจะดูสำออยไปไหมนะ
ทำเสร็จที่แขนรวมถึงแผลที่เข่าแล้วเก็บอุปกรณ์เข้าที่
มือเปลี่ยนไปจับกุญแจรถแล้วสตาร์ทเครื่องเมื่อเห็นว่าควรจะไปได้แล้วโดยไม่รู้ว่าใครสองคนจากบ้านสองหลังติดกันกำลังยืนมองการกระทำของคนในรถกันเงียบๆ
พอรถแล่นออกไปก็หันมาสบตากันยิ้มพลางเลิกคิ้วนัยๆถามคำถามเดียวกัน
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันละเนี่ย
ลูกพวกเรา
พาหนะขับเคลื่อนเล่นมาจนถึงหน้าร้านแล้ว
ปรากฏว่ายังไม่มีใครมาถึงเลยหรือ มือเรียวกำลังจะเอื้อมไปเปิดประตูรถก็ถูกขัดไว้บอกว่าเขาว่าเดี๋ยวก่อนจึงกลับมานั่งอยู่แบบเดิม
นั่งเงียบกันอยู่พักหนึ่ง มือหนาจู่ก็เอื้อมไปเตะเบาๆตรงจุดที่เคยสัมผัสเมื่อวานไปมา
“ดีขึ้นไหม”
“อื้ม”
“เมื่อคืนกินยาหรือเปล่า”
“อื้ม”
“เมื่อคืนแผล ใครทำให้”
“ทำเอง”
“ละ…”
“มินกยูพูดมาก”
มินกยูชะงักลงหยุดพูดประโยคเตือนให้อีกคนกินยาด้วย
หันมามองอีกคนข้างๆที่ตอนนี้เม้มปากกลั้นขำกับการกระทำที่ขัดกับคำพูดของเขาเอง
มือหนาจัดการปลดล็อคหัวเข็มขัดนิรภัยข้างตัวออกให้เอื้อมไปปล่อยสายให้รูดเข้าไปกลับที่เดิม
ในขณะที่ระยะห่างของเขากับอีกคนข้างที่มีห่างกันเพียงลมผ่าน ตาใสเงยขึ้นก็เผลอสบเข้ากับตาคมตรงหน้าเข้า
อีกแล้ว
กลิ่นแบบนี้
เหมือนมีเชือกล่องหนผูกกับใจของเขาให้เข้าไปตามหากลิ่นต้นตอ
ตรงไหนสักแห่งของคนบางคนข้างๆเขา
หน้าคมคายเริ่มลดระยะห่างของทางผ่านลมให้เหลือน้อยลงเรื่อยๆ
ใกล้เข้าไปจนวอนอูหันหน้าหนีเล็กๆ หดคอหนีลมร้อนข้างหน้าที่พร้อมจะตรงดิ่งมาที่เขา
แต่ก็ไม่พ้นลมหายใจอุ่นร้อนที่เริ่มเข้ามาสัมผัสเข้าที่สันกรามเป็นมนขาว
จมูกรูปสันกดเข้าบริเวณนั้นต่อจากลมร้อน
กดย้ำสูดดมกลิ่มหอมอ่อนเข้าไปลึก ปลายจมูกโด่งไล้ไปมาและไต่ขึ้นยังไรผมอ่อนสีดำเข้มข้างกกหู
ริมฝีปากสีแดงเข้มน้ำตาลจัดการกดจูบลงไปย้ำสองสามครั้งให้ใจอีกคนไหวหวั่น
รู้สึกร้อนวูบไปทั่วหน้าถึงลำคอ ส่งเสียงอืออึงในลำคอ หลับตาแน่น ท่อนแขนเล็กจับยึดไหล่แข็งแกร่งของคนข้างๆ
ออกแรงบีบแน่นอย่างอดกลั้น
“อือออ”
ไม่มีการลดละใดๆ
ปลายจมูกโด่งเลื่อนเปลี่ยนจุดไปยังข้างปลายคาง ไล้จมูกไปมา หลับตาพริ้มหากลิ่นหอมนั้นอย่างไม่หยุดยั้ง
ครืดดดดด
คนตัวเล็กสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ที่เล่นมาไม่ไกลจากนี้
หันไปมองปรากกฎว่าเป็นรถของพี่ชายเพื่อนเขา รีบดันร่างคนตรงหน้าออก หน้าขาวหันหน้าซ้ายขวาเลิ่กลั่กทำอะไรต่อไม่ถูก
ใบหน้าร้อนผ่าวไม่หาย มือเล็กร้อนรนหยิบจับนู่นนี่ทั่ว
สุดท้ายก็จับเข้าที่สายกระเป๋าของตัวเองได้ถูก เอื้อมมือไปจับเปิดประตูรถเปิดออก
ตัดสินใจหันมาเอ่ยบอกอีกคนให้ได้ใจชื้อ นึกว่าจะโกรธกัน
“อะ…...เอ่อ”
“……”
“สะ…เสร็จแล้วจะรอที่หน้าร้าน……
มะ…เหมือนเดิมนะ”
.................(100%)..................
ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ
ความคิดเห็น