คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chummy : Boissons - Part 1
Boissons - Part 1
Author: pearlinc
Rate: PG (?)
-1-
พวกเขาเปิดร้านมาได้สักระยะหนึ่ง ทุกอย่างเริ่มลงตัวเข้าที่เข้าทาง
นี่ก็เป็นอีกวัน ตอนนี้ก็หัวค่ำแล้ว เพื่อนคนอื่นกลับบ้านไปหมดเหลือเขากับซึงกวานที่กำลังนั่งรอแท็กซี่กลับหอพัก
วันนี้จองฮันต้องไปทำธุระนิดหน่อยเลยไม่ได้กลับหอพร้อมกันกับซึงกวานอย่างเคย ตอนนนี้คนที่วอนอูรอก็ยังไม่มา
หน้าเขาตอนนี้กำลังหงอยจืดชืดอยู่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าร้าน รอ...
วอนอูตั้งหน้าตั้งตารอให้ เขา มารับเหมือนทุกวัน รู้ทั้งรู้ที่เขามารับเพราะทางผู้ใหญ่บังคับมา แม่จะห่วงด้วยวิธีอื่นก็ไม่ได้ ทำไมต้องให้เด็กนั่นมารับเรากลับบ้าน เขาไม่เต็มใจที่จะมารับส่งเราด้วยซ้ำ....
มินกยู เด็กนั่นเป็นลูกชายของเพื่อนแม่ บ้านเราก็อยู่ใกล้กัน
เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ วันนึงตอนช่วงที่เขาเรียน แม่เขาเกิดไปตกลงกับคุณแม่ของเด็กนั่น
เห็นว่ามินกยูขับรถมอเตอร์ไซต์ไปกลับจากที่โรงเรียนแล้วผ่านหน้ามหาวิทยาลัยเขาพอดี
เลยถือโอกาสให้มินกยูมารับเขาหลังเลิกเรียนทุกวัน บ้านก็ไม่ได้ไกลมากเลย
ปั่นจักรยานที่บ้านมายังได้เลย จนถึงตอนนี้ก็ด้วย ร้านของเขาเปิดอยู่แถวบ้านดังเดิม
แล้วเด็กนั่นดันติดมหาวิทยาเดิมของเขา แล้วเปลี่ยนจากมอเตอร์ไซมาเป็นรถยนต์อีกต่างหาก
แต่เขาเลือกได้ที่ไหนล่ะ วอนอูเคยบอกไปแล้วนะว่าไม่ต้องมารับเขาก็ได้
สิ่งที่เขาตอบกลับมาคือไม่พูดไม่จา อีกทั้งวันต่อมารถคันเดิมก็มาจอดรออยู่อีก
ตอนมารับเขาหน้าตาก็เหมือนเขาลากให้มารับอย่างนั้นแหล่ะ พอเขาเรียนจบแล้ว
ก็นึกว่าจะได้ทำอะไรด้วยตัวเองบ้าง
“ยังไม่มาอีกหรอ เด็กนั่น…” วอนอูพยักหน้าตอบซึงกวานแบบหงอยๆ
“ยังชอบเขาอยู่อีกไหม?”
“ถามอะไรอย่างนั้นล่ะ” ปากก็พูดไปหัวเราะกลบเกลื่อน แต่มีหรือซึงกวานจะหยุด
“เราปิดกันไม่มิดหรอกนะ วอนอู”
“เฮ้อ...ฉันยังชอบเขา” สีหน้ายิ้มแย้มเปลี่ยนเป็นหงอยดังเดิมทันที
“แค่นี้เอง ไม่เห็นยากเลยนี่นา”
“ไม่ยากหรอ ซึงกวาน นายก็รู้ว่าเด็กนั่นทำกับฉันยังไง ฉันชวนเขาคุยทุกวันเลยนะ แต่เขาไม่เคยตอบ เขาไม่ชอบหน้าฉันอะ” อยู่ๆอารมณ์ก็ปรี๊ดขึ้นมาเฉยๆ ทำหน้าแหยเหมือนจะร้องไห้ซะให้ได้
“นายเนี่ยนะ ก็ไม่เลิกชอบเขาเองนี่นา”
“จะเลิกได้ยังไงล่ะ ตอนแรกก็อุตส่าจะตัดใจแล้ว
ตอนที่พวกเราเปิดร้านใหม่ๆ นึกว่าจะไม่ต้องเจอหน้า ทางใครทางมันกันแล้วสะอีก
แต่แม่อะ.... จนได้อะ” วอนอูบ่นแบะปากน้อยใจทำเอาคนมองถึงกับส่ายหน้า
“เฮ้อ....วอนอู ฉันอยากให้นายลองพยายามอีกครั้ง แต่ฉันจะให้โอกาสเขาแค่สามวันนะ
ถ้าเขายังไม่คุยตอบนาย ตัดใจเถอะ ฉันจะไปคุยกับแม่นาย ฉันจะรับหน้าที่ไปส่งนายเอง
โอเคไหม?”
“ซึงกวาน” โผเข้ากอดเพื่อนพลางตบไหล่พูดให้กำลังใจ ผละออกลูบหัวเพื่อนเบาๆ ว่าไม่ต้องเครียด มีเขาเป็นเพื่อนทั้งคน ไม่ต้องคิดมาก
“เอาล่ะวันนี้เขาจะมาไหมเนี่ย นอนร้านไหมเดี๋ยวอยู่นอนเป็นเพื่อน”
“อย่างนั้นก็ได้ เดี๋ยวโทรขอมะ...เขามาแล้ว” ยังไม่ทันจบประโยค รถคันสีดำคันเดิมก็มาจอดเทียบอยู่หน้าร้าน คันเดิม คนเดิม สีหน้าเดิม
“เอาล่ะกลับได้แล้ว”
“อื้ม ดูแลตัวเองด้วย บายนะ ซึงกวาน”
สองขารีบวิ่งมาเปิดประตูรถข้างหลังเพื่อนั่งที่ประจำแต่กลับเจอข้าวของวางเต็มไปหมด เขาจะนั่งที่ไหนล่ะ หลังคารถหรือกระโปรงหลังรถ วอนอูกำลังจะยื่นมือเข้าไปจัดของให้พอมีที่นั่งให้กับตัวเอง
“ข้างหน้า”
“นั่งได้หรอ?”
“...”
ไม่มีเสียงตอบ วอนอูเดินดุ่มไปนั่งข้างหน้าอย่างเงียบๆ ปิดประตูอย่างเบามือ เบาเหมือนกลัวประตูจะพังคามือตัวเองซะอย่างนั้น มินกยูออกรถได้ไม่นาน วอนอูก็เปิดบทสนทนาแบบทุกวัน พยายามชวยคุย…
“วันนี้ทำไมมาช้าหรอ?”
“...”
“วันนี้ของอะไรเต็มรถเลยอะ”
“...”
“อะ...เอ้อ มินกยูกินข้าวมาหรือยัง”
“...” ไม่มีเสียงตอบ
เช่นเคย...
“เอ่อ...ไม่ถามแล้วก็ได้”
นี่เราบ้าคุยกับตัวเองอยู่ทำไมเนี่ย
ฮื่อออ
ซึงกวาน....ฉันว่าไม่ต้องสามวันหรอก
ต่อให้เป็นปี เขาก็ไม่อยากคุยกับฉัน
.
.
.
“วันนี้เด็กคนนั้นมาส่งช้าจังวอนอู เกือบเกินเวลาซื้อของไปแหน่ะ" จองฮันว่าหลังจากที่รถคันสีดำจอดส่งวอนอู วันนี้มินกยูเด็กข้างบ้านของเพื่อนเขามาส่งช้ากว่าทุกวัน ดูเจ้าตัวก็หน้าไม่มีอารมณ์ร่วมเลย สองคนนี้ จริงๆเลยเนอะ
“ไม่รู้สิ สงสัยไม่รีบมั้ง ขี้เกียจมาส่งมั้ง
หน้าอย่างกับมีภาระนั่งอยู่ข้างๆ”
“อย่าทำหน้างี้สิ เขาอาจจะปวดท้องก็ได้นา ใครจะไปยิ้มทั้งวันล่ะ”
“เป็นอะไรกัน” จีฮุนเดินเข้ามาถามเห็นว่าสองคนนี้กำลังคุยกันบรรยากาศไม่ค่อยดี
“ก็เมื่อเช้าเด็กนั่นของวอนอูมาส่งช้า เจ้าตัวเขางอนแหล่ะว่าไม่ใส่ใจ
คิก!”
จองฮันว่าอย่างขำๆ
หัวเราะคิกคัก ทำเอาวอนอูหน้าบูดตามไป ยืดตัวตรงเชิดหน้าขาเตรีมเถียงขั้นสุด
“ไม่ได้งอนนะ แล้วเด็กนั่นก็ไม่ใช่ของฉันด้วย”
“ปากแข็งจริง”
“ฮึ่ย!! จองฮัน”
“พอเลยทั้งคู่ จะเปิดร้านแล้ว ไปกันได้แล้ว" ยังไม่วายจองฮันยังหันมาเยาะเย้ยแลบลิ้นใส่วอนอูปิดท้าย เจ้าตัวทำท่าว่าจะเข้าไปตีสักป้าบ
เล่นกันมาได้สักพักก็ถึงเวลาทำงานลูกค้าเข้าร้านมาแล้ว ตอนนี้ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ใครหน้าที่มัน ทำกันทั้งวันเหมือนทุกๆวันที่ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ วันนี้ทั้งวันที่ร้านมีลูกค้าพอสมควร ทั้งคนที่มาใหม่รวมไปถึงขาประจำ บ้างก็นั่งสบายๆคนเดียว บ้างก็เป็นกลุ่มนักศึกษาที่นัดกันมาติวหนังสือโดยจุดรวมตัวคือที่นี่ ทำงานกันขยันขันแข็งจนถึงตกหัวค่ำก็ได้เวลาเตรียมปิดร้าน เก็บข้าวของจามเคยหลังลูกค้าคนสุดท้ายของวันออกไปแล้ว จู่ๆก็มีเสียงรถยนต์มาจอดเทียบอยู่หน้าร้าน
“วอนอูอาาาาา" จองฮันเรียกเสียงยาว พอรู้ว่ารถของใครมาแล้วบวกกับเจ้าของรถที่กำลังเดินมาในตัวร้าน วันนี้มาเร็วกว่าปกติแหะ
“อะไรจองฮัน เรื่องเมื่อเช้ายังไม่หายงอนนะ ฮึ่!!! ” ปากก็พูดมือก็ก้มเก็บข้าวของไปด้วย แล้วเข้าครัวสะบัดก้นไปแล้ว
ไม่ได้รู้เลยว่าใครมา
“สวัสดีครับ” มินกยู พูดทักทายแล้วก้มหัวให้พี่ๆเป็นมารยาท
“อ้าว สวัสดีมินกยู” จีฮุนได้ยินก็ทักทายกลับ ชี้ไปไมชี้มือไปที่ครัวว่า
วอนอูอยู่หลังร้านน่ะ
“ครับ วันนี้ผมมีธุระ ขอพาเขากลับก่อนได้ไหมครับ”
“ได้เลย เอาไปเลย” จองฮันบอกทันทีเมื่อเห็นวอนอูเดินมาพอดี แล้วก็ดันหลังคนหน้าหยิ่งที่อยู่ไม่ไกลให้กับเขาให้ไป กลับบ้านเลย เขาไม่ขัด
“มีธุระก็ไปเลย ฉันกลับเองได้” พูดหน้าเสียงนิ่ง ไม่มองหน้าคนมาขอพากลับก่อน แถมยังสะบัดตัวเดินดุ่มไปเก็บของต่อ จะมาทำไม ไม่ไปหรอก
“กระเป๋าวอนอูสีขาวตรงนั้นนะ เอาไปเลย”
“ซึงกวาน!!! ”
“ผมลาแล้วครับ” มือหนาหยิบกระเป๋าสีขาวแล้วพาให้คนที่จัดของอยู่บนโต๊ะตามเขามา รั้งกันไปมาอยู่นาน สุดท้ายก็ต้องมานั่งอยู่บนรถข้างคนขับจนได้ ก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ วอนอูกำลังจเอื้อมมือไปเปิดประตูออกไป เขาไม่นั่งหน้าหรอก นี่ไม่ใช่ที่ของเขา
“ไปไหน”
“จะไปนั่งหลัง!!!”
“นั่งนี่” ดึงตัวคนดื้อให้นั่งท่าเดิม
เอื้อมไปปิดประตูไว้อย่างเดิม แล้วออกรถ
“มีธุระทำไมไม่รีบไป มารับทำไม”
“....”
“หรือถ้าคุณแม่ของนายสั่งมา ไม่ต้องทำตามก็ได้
ก็บอกแม่ไปซิว่ามาส่งแล้ว เดี๋ยวนี่ก็จะแสร้งบอกแม่ให้เหมือนกันว่ามินกยูมาส่งเอง แบบนี้โอเคเนอะว่าไหม”
“....”
“คิม มินกยู”
“....”
“นี่ เป็นใบ้หรือไง เวลาอยู่กับคนอื่นนายเงียบใส่คนอื่นแบบนี้หรือเปล่า
เย็นชาใส่เขาแบบนี้หรือเปล่า นี่เห็นฉันเป็นอะไร บางวันก็หงุดหงิด บางวันก็บื่อนิ่งใส่
ฉันไม่ใช่อะไรที่รองรับอารมณ์นายนะ เห็นฉันโง่คุยคนเดียวแล้วตลกมากหรอ ทุกครั้งที่ฉันชวนคุย
ใส่ใจกันบ้างสิ หรือถ้ารำคาญกัน ก็เลิกยุ่งกันไปเลยสิ”
หน่วยตาเรียวใสเริ่มรื้นชื้นคลอบวกกับความรู้สึกอึดอัดบริเวณต้นคอ
เบือนหน้าหนีออกทางหน้าต่างรถไม่มองหน้าคนข้างๆ เขาควรพูดตั้งนานแล้ว
แต่เขาเป็นคนอารมณ์ไม่ได้ฉุนเฉียว แต่ครั้งนี้เขาไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวจริงๆ
“....”
ตลอดระยะทาง เขาพยายามหายใจเข้าออก
รอว่าเด็กใบ้นี่จะพูดตอบไหม แต่ท้ายที่สุดล้อรถเก๋งสีดำก็ขับมาถึงบ้านพอดี วอนอูก็รีบคว้ากระเป๋าลงจากรถไป ไม่สนใจอะไรแล้วรวมทั้งมินกยูที่มองตามแผ่นหลังบางที่วิ่งเข้าบ้าน
ดี ทีนี้ก็อย่ามาคุยกันอีกเลย คิมมินกยู....
“วอนกลับมาแล้ววว”
อูจองเด็กตัวกลมตะโกนบอกคนเป็นแม่ว่า
วอนอูของเขาถึงบ้านปลอดภัยแล้ว แต่ตาดำใสเห็นพี่ชายตัวเองตาแดงระเรื่อระหว่างที่เรียวแขนเล็กกำลังยกอุ้มตัวเองขึ้น
สองมือกลมจับใบหน้าของวอนอูให้เผชิญหน้า มือซ้ายยกขึ้นจิ้มเบาๆที่ส่วนปลายของตาเรียว
เสียงเล็กเอ่ยถามเบาๆว่าเป็นอะไร ไม่ให้แม่ได้ยินเดี๋ยวแม่รู้
คนหน้าขาวส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร
กอดก้อนกลมๆในอกแน่น ก่อนจะฝากอูจองให้บอกแม่ว่าตัวเขาขอไปอาบน้ำ ทำงานมาทั้งวัน
เหม็นเหงื่อจะแย่ จากนั้นไม่นานก็ขึ้นมาถึงห้องนอน พร้อมฟุบหน้าลกับหมอน ไม่
เขาจะไม่ร้องไห้ เข้มแข็งไว้วอนอู ทำตัวให้ปกติแล้วคิดว่าพร่งนี้จะทำยังไงให้พ้นหน้ามินยูก็พอ
จักรยาน…..
………………(50%)......................
.
.
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตามที่เขาได้ติดตั้งไว้เมื่อคืน วันนี้วอนอูตื่นตั้งแต่ฟ้ายังคงเป็นสีเข้มสลัว
ตอนนี้ตีห้าครึ่ง ปกติทุกทีเขาตื่นหกโมงเช้าแล้วออกจากบ้านพร้อมมินกยูตอนไปมหาวิทยาลัย
ออกจากบ้านไปส่งเขาที่ร้าน ตามที่แม่ของเราทั้งคู่บอก...
อากาศยามเช้าลมหนาวอ่อนๆ สองขาเรียวปั่นจักรยานมาตามทางสำหรับจักรยาน ผู้คนไม่เยอะเท่าที่ควรทำให้เขาสามารถปั่นมาได้ตลอดทาง จนมาถึงที่หมาย ในร้านตอนนี้ไฟกำลังเปิดอยู่ เห็นซึงกวานกับจีฮุนที่มาถึงร้านก่อนเขา สงสัยจองฮันกำลังตามมา
“อ้าว ทำไมวันนี้มาเร็วจัง" จีฮุนถาม เพราะเห็นว่าตอนนี้เพิ่งจะตีห้ากว่าๆ ปกติเพื่อนเขาจะมาหกโมงเช้ากับอีกนิดหน่อยแถมวันนี้ไม่ได้ยินเสียงรถเก๋งสีดำคันเดิมของรุ่นน้องด้วย ก่อนจะได้รู้คำตอบชัดเจนจากปากเจ้าตัว
“ปั่นจักรยานมาน่ะ”
“เด็กนั่นไม่มาส่งแล้วหรอ?” ซึงกวานที่เดินตามจีฮุนมาทีหลัง ถามเสียงปกติเลิกคิ้วถามอย่างฉงน แปลกชอบกล มีไรหรือเปล่า มีแน่ๆล่ะ
วอนอูไม่เคยเป็นแบบนี้
“ก็แค่ถึงเร็วๆ อากาศดีจะตาย เอ๊ะ ไม่ได้ ฉันเคืองเรื่องเมื่อวานอยู่นะ”
“แล้วกัน เคืองไว้ทีหลัง เอาเรื่องจักรยานก่อน”
ซึงกวานถามพาดไหล่วอนอูก่อนจะพาเดินเข้าร้านนั่งบนโซฟาสีเทาตัวยาวตรงด้านมุม
จัดการวางข้าวของกระเป๋าส่วนตัวของวอนอูใบไว้ให้เข้าที่ ก่อนจะเข้าประเด็น ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้
“เดี๋ยวมานะ” จีฮุนเดินไปตรวจสอบความเรียบร้อยในร้านรอจองฮันมาก่อนที่จะไปซื้อของที่ประจำด้วยกัน
“ไหน...มีอะไรเล่ามา เดี๋ยวนี้เลย”
“เปล่า ฉันแค่เบื่อเฉยๆ ไม่มีอะไร จริงๆนะ”
“เอาเถอะเนอะ มีอะไรบอกกันนะ ถ้าฉันไม่อยู่บอกคนอื่นก็ได้ เนอะจีฮุน” ในเมื่อเพื่อนยังไม่พร้อมที่จะเล่า ก็รอพร้อมแล้วกัน บางทีคนเราก็อยากจะเก็บอะไรไว้ เก็บไว้คิดคนเดียว
“ฮะ..เอ้ออ ช่ายยย โอ๊ะ จองฮันมาแล้ว ไปกัน”
กลับมาจากซื้อของกันเสร็จไม่นาน พวกเขาก็เปิดร้านกันจัดเตรียมทุกอย่างให้เข้าที่ต้อนรับลูกค้าคนแรกของวัน ต่างคนต่างก็ทำหน้าใครหน้าที่มัน ตกเย็นตอนนี้ลูกค้าเริ่มบางตาลงบ้าง
เวลาบ่ายๆคนจะไม่หนาแน่นเหมือนตอนเช้าๆที่นักเรียนและคนที่ต้องไปทำงาน ควรหาอะไรรองท้องก่อนไปทำภารกิจ
เวลานี้เลยมีคนบ้าง
“เป็นอะไร ทำไมมองแต่โทรศัพท์อยู่นั่น” จองฮันที่อยู่ข้างเห็นว่าเพื่อนมัวแต่มองมาที่โทรศัพท์มือถือข้างตัว
ขณะรับออเดอร์ที่บาร์ตัวเองก็ยังมองไม่ห่าง เห็นหน้ากังวลมาตั้งแต่เริ่มขายวันนี้
“แม่โทรมาอะ”
“แล้วทำไมไม่รับล่ะหรือไปทำผิดอะไรมาครับ คุณวอนอู”
นึกคิดแล้วก็ทำท่าทางกังวล
ถ้ารับแล้วแม่เขาเกิดรู้เรื่องตอนเช้าล่ะ เขาจะตอบคำถามแม่ยังไง ถ้าเด็กนั่นไปฟ้องแม่เขาล่ะ ว่าเขาไม่ได้มาด้วย
วอนอูเงียบต่อสู้กับความคิดของตัวเองอยู่นาน จองฮันเมื่อเห็นแบบนั้นก็หรี่ตามองเพื่อนจับผิดคาดโทษ
“ก็แค่แอบปั่นจักรยานมาที่ร้านคนเดียวเอง กลัวแม่จะโทรมาว่าฉันเรื่องที่ไม่ยอมมากับมินกยู” ว่าไปก็จิ้มโทรศัพท์เล่นแรงๆ แรงจนจองฮันกลัวหน้าจอจะแหลกคามือวอนอูซะตอนนั้น
“แล้วทำไมไม่มากับมินกยูอย่างทุกวันล่ะ เฮ้อ...ทำใจลำบากสินะ
เจอหน้าเขาทุกวันเนี่ย”
“รู้ไปหมดเลยนะ” ความจริงเพื่อนเขาทุกคนรู้ทุกอย่างกับเรื่องนี้ รู้ว่าเขาชอบมินกยูมาตั้งแต่ไหนแต่ไร วอนอูไปชอบเด็กนั่นได้ยังไง เพียงเพราะแค่เหตุการณ์ตอนนั้นหรือ คงไม่ใช่หรอก ทำไมใจง่ายแบบนี้นะ
แสงแห่งความสว่างของท้องฟ้าในวันนี้หมดไปอีกครั้ง ตอนนี้ก็หัวค่ำแล้ว
ทุกคนกำลังตั้งใจจัดการร้านให้เข้าที่ ทำความสะอาด ปิดประตูหน้าต่าง และเตรียมตัวกำลังจะกลับกัน ซึงกวานและจองฮันอยู่ห้องพักใกล้ๆกันแต่คนละที่เลยกลับพร้อมกัน ดีนะที่จองฮันมีรถ ก็มีเขากับจีฮุนเนี่ยแหล่ะที่อยู่บ้าน
“ฉันกลับและนะ บายนะ จีฮุนกลับดีๆล่ะ” ซึงกวานและจองฮัน โบกมือจากหน้าต่างรถเก๋งของจองฮันบอกลาจีฮุนกับวอนอูกลับบ้าน
“วอนอู ทำไมไม่กลับบ้านล่ะ เอาจักรยานมาไม่ใช่หรอ?”
น่าหยิกตัวเองให้เนื้อหลุด
เอาจักรยานทำไมลืม
“อะ…เอ้อ ฉันรอให้นายกลับก่อนไง
บ้านฉันอยู่ใกล้”
“รอมินกยูจนเคยล่ะซิไม่ว่า” จีฮุนพูดพึมพำคนเดียวกับความปากแข็งของวอนอู
“พูดว่าอะไรนะ ฉันไม่ได้ยิน”
“เปล่านะ ฉันเปล่าพูด” จีฮุนปฎิเสธโบกไม้โบกมือไปมาว่าไม่ได้พูดอะไรเลยจริงๆ
“โอ๊ะ จินฮอนมาแล้ว วอนอูฉันกลับนะ”
“อื้มบาย เดินทางปลอดภัย พี่จินฮอนขับรถดีๆนะฮะ”
“โอเค” พี่ชายเพื่อนตะโกนบอกผ่านประตูอีกฝั่งคนขับตอบวอนอูว่าวางใจได้เลย จีฮุนได้บอกต่อก่อนรถออกตัวว่าให้รีบกลับบ้านจะสองทุ่มแล้ว รถของพี่ชายเพื่อนลับตาไปสักพัก รถคันสีดำคันคุ้นตาก็มาจอดหน้าร้านถัดจากที่จอดจักรยานของวอนอูนิดเดียว คนตัวเขามองหน้าคนในรถผ่านกระจกรถ
มาทำไม ไม่ไปด้วยหรอก มีจักรยานมา
ไม่ง้อ!!!
คิดในใจแล้วเชิดหน้าใส่ เดินไปยังจักรยานตัวเองไม่สนใจอีกคน ปั่นออกไปอย่างรวดเร็ว จะรออะไรล่ะ สองขาเรียวออกแรงปั่นมาเรื่อยๆ กว่าจะถึงหน้าบ้านเล่นเอาหายใจหอบหนักเอาเรื่อง และได้ยินเสียงรถคันดำที่แล่นตามแต่เขาไม่ได้สนใจอะไร อ้อมตัวลงจากจักรยานแล้วจูงเข้าบ้านอย่างเงียบที่สุด แล้วจัดท่าทางเดินเข้าบ้านให้ดูเหมือนตัวเองมากับมินกยู่นั่นล่ะ ทำเหมือนไม่มีอะไรก็พอ
นี่เข้าวันที่สี่แล้วกับการที่เขาปั่นจักรยานมาที่ร้านด้วยตัวเอง ต้องหลบแม่ตัวเองกลัวเจอคำถามแล้วจะตอบไม่ได้ ไม่รู้แม่เขาจะจับพิรุธได้หรือเปล่า คอยหลบหน้าเด็กนั่นด้วย ไม่อยากจะเจอ เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
ตลอดสี่วันที่ผ่านมา เขานึกว่ามินกยูรำคาญแล้วเลิกมารับเขา แต่ผิดคาด
กลับมารอหน้าร้านทุกวันเหมือนเคย แต่เขาจะไปแคร์อะไร
ก็แค่ทำเป็นไม่สนใจปั่นจักรยานกลับบ้านทุกวันเหมือนเดิมอยู่ดี สบายใจ
กรุ้งกริ้ง…….
“สวัสดีครับ รับอะไรดีเอ่ย” พูดขึ้นขณะที่ยังก้มๆจัดของที่บาร์ให้เข้าที่เมื่อได้ยินเสียงประตูของร้าน
นั่นคือสัญญาณการมาเยือนของลูกค้าคนใหม่
“บราวน์นี่”
“สักครู่นะครับ จีฮุนลูกค้าคนนี้เขาขะ…มาทำอะไร” เสียงพูดพร้อมเงยหน้าขึ้นยังไม่ทันจบประโยค ก็ชะงักกะทันหัน เมื่อคนตัวขาวเงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่ไม่อยากจะเจอด้วย
“ลูกค้า”
“อะไรหรือวอนอู อ้าวมินกยู” จีฮุนเห็นการมาเยือนของลูกค้าคนใหม่เป็นเด็กคนเดิมของวอนอูเลยเอ่ยทักตามธรรมดา
“ลูกค้าคนนี้ ขอบราวน์นี่น่ะ”
“โอเค” จีฮุนรับคำแล้วพยักหน้าหงึกๆ
วอนอูก้มลงเก็บข้าวของของเขาต่อ
แต่รู้สึกได้ว่าคุณลูกค้าบราวน์นี่คนนี้ก็ไม่ยอมเดินไปจากหน้าบาร์ของเขา
แถมยังรู้สึกถึงแรงสายตาของคุณลูกค้าจะมองมาตรงเขาอยู่แบบนั้น ตัดสินใจบอกกล่าวให้ควรไปยืนตรงที่ที่ควรจะยืน
ที่ที่ไม่ใช่ตรงนี้น่ะ
“คุณลูกค้า เชิญไปรอด้านอาหารหวานนะครับ”
“…”
“…”
วอนอูปล่อยเลยตามเลย
เขาขี้เกียจที่จะพูดคุยคนเดียว จนที่สุดจีฮุนทำเสร็จคุณลูกค้านั่นถึงได้เดินไปรับบราวน์นี่แบบเงียบๆแล้วคิดเงินตามขั้นตอน
กล่าวขอบคุณก้มหัวให้จีฮุนและเพื่อนเขาอีกสองคนเป็นการขอบคุณ เดินออกไปจากร้านเงียบๆ
ไปได้ก็ดี
เมื่อกี้อึดอัดจะแย่ ทำอะไรไม่ถูกเลย ฮื่ออออ
ทางด้านของเพื่อนอาหารคาวและฝ่ายการเงิน
พร้อมใจส่งสัญญาณให้กันปกอบกับมุดไปคุยกันผ่านใต้เคาท์เตอร์ ทำการปฏิบัติการสนทนาทางสายตาเงียบๆสองคน
‘จองฮันเรียกซึงกวานๆ นายรู้สึกเหมือนฉันไหมบี1’
‘ซึงกวานรับแล้ว ฉันรับรู้มันนะบี2’
‘เห็นสายตาของมินกยูนั่นใช่ไหม’
‘ชัดเจนอย่างปิดไม่มิดเลยล่ะ’
‘เมเด เมเด เป้าหมายกำลังมุ่งมาที่นี่ จบการสนทนาชั่วคราว’
“ทำอะไรกัน” วอนอูเดินมายังตรงจุดเกิดเหตุ
เห็นเพื่อนเขาสองคนก้มมุดลงไปมองพื้นกัน ทำอะไรหกหรือเปล่า แปลกชอบกล
“อะ เอ้อ เปล่า เมื่อกี้นี้เหรียญหล่นหาไม่เจอ โอ๊ะ เจอพอดีเลย แฮะๆ”
ซึงกวานหาข้ออ้างตัวทันควัน มือควานหาเหรียญไปทั่วสรุปแล้วหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงสีดำ
รีบแสดงยืนยันให้กับคนถาม แล้วมองไปที่จองฮันที่เดินจากไปอย่างเงียบ
ไม่ช่วยกันเลยนะบี2 วอนอูเลิกคิ้วแบบงงๆ ตกพื้นไม่ใช่หรือ
ทำไมหยิบออกมาจากกระเป๋าสะได้
“งั้นหรือ โอเค เจอก็เจอ”
.
.
.
หลังจากเพื่อนเป้าหมายเดินออกไปไม่นาน
สองนักวางแผนก็หันฟึบมากันโดยไม่ต้องส่งสัญญาณเป็นอันรู้กันและเริ่มปฏิบัติการสนทนาสายตากันอีกระรอก
‘บี1 เราว่าเรามีแผน’
‘จัดไป
บี2 อย่าทำให้พี่ต้องผิดหวัง’
........................(100%)........................
ความคิดเห็น