คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : Special: 17 Dec - Part 1 (100%)
Special – 17 Dec Part 1
Author: pearlinc
Rate: PG (?)
-1-
กลับช้าอีกแล้ว…
เสียงพึมพำออกมาในใจของคนตัวขาวดังขึ้น ในระหว่างที่กำลังนอนแผ่อยู่บนเตียงสองชั้นด้านบน ตาใสเอาแต่มองตรงไปยังเพดานอย่างเหม่อลอย เอาแต่คิดเรื่องของอีกคนที่เป็นเพื่อนร่วมห้องของเขา
ห้องทั้งห้องมีเพียงแค่เสียงของเครื่องปรับอากาศเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนวอนอูในห้องนี้ ห้องที่ก่อนหน้านี้ไม่นาน มีใครบางคนจะคอยอยู่แต่กับเขา ไม่เคยปล่อยให้เขาต้องมาอยู่แบบนี้
แต่พออีกคนที่เขาได้ยินมาว่า มีคนพิเศษ…จากปากคนอื่น ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าจริงหรือคนอื่นหลอกเขา แต่ความรู้สึกของเขาก็แปลกไป และคอยสังเกตได้จริงๆ ว่ามินกยูเริ่มปล่อยเขาห่างจากตัว อย่างที่ไม่ได้คิดเตรียมเรื่องนี้ในหัวมาก่อน
ตอนนี้ เขากับมินกยูเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันสองเทอมแล้ว และแม่ๆของเราก็ให้แบ่งห้องกันอยู่ ดีกว่าหาเพื่อนใหม่ให้วุ่นวาย ซึ่งตอนนั้นเจ้าตัวก็ดีใจมากจนออกหน้าออกตา แต่เขาก็ชอบไม่น้อย ที่อีกคนอยากอยู่ด้วยกับเขา อย่างที่เมื่อก่อนตอนเด็ก เขาก็อยากอยู่กับมินกยูด้วยเหมือนกัน
วอนอูกำลังตั้งคำถามกับตัวเองว่าความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไร แล้วเขาสามารถจับต้องมินกยูต่อไปได้หรือเปล่า หรือเขาควรที่จะออกห่างออกมาให้พื้นส่วนตัวกับมินกยูบ้าง
วอนอูก็ได้แต่คิดและตัดสินใจอยู่คนเดียวในความมืดของห้อง ก่อนที่จะสะบัดไล่ความคิดออกไปให้พ้น แล้วพลิกท่านอนคว่ำหน้ากับหมอน ไม่อยากจะมองอะไรให้เก็บมาคิด คอยฟังเสียงเงียบ เพื่อที่จะกล่อมให้ตัวเองหลับ
แต่เวลาก็ผ่านไปไม่นาน วอนอูยังไม่ทันที่จะเคลิ้มหลับ เสียงฝีเท้าจากด้านนอกประตู ค่อยๆดังขึ้นตามระยะความใกล้ ยิ่งมันดังหัวใจของวอนอูยิ่งเต้นแรงจนแทบจะกลั้นหายใจว่าจะเป็นมินกยูหรือเปล่า แต่ใจอีกด้านกลับคิดว่าถ้าเป็นคนนั้นแล้วมันมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา
จนในที่สุด จู่ๆเสียงบิดประตูห้องของเขาก็ดังขึ้น แต่เขาล็อคเอาไว้ ทำให้คนข้างนอกต้องตัดสินใจไขประตูเอาเอง วอนอูยังคงนอนคว่ำหน้าลงกับหมอน แต่ก็คอยฟังเสียงข้างนอกอย่างตั้งใจ ก่อนที่จะรีบทำตัวให้นิ่งที่สุดเพื่อที่อีกคนจะได้รู้ว่า เขานอนหลับไปแล้ว ไม่ได้รอเลย…
เสียงสุดท้ายที่ได้ยินจากในห้องคือเสียงวางกระเป๋าเป้ ที่โซฟากลางห้อง ก่อนที่จะเงียบไป จนกระทั่งเขารู้สึกได้ถึงแรงขยับของเตียงสองชั้นว่า มีใครบางคนกำลังปีนขึ้นชั้นบน และชัดเจนกว่าเก่าเมื่อกลิ่นคุ้นเคยของเจ้าของห้องอีกคน ลอยมาแตะสัมผัสเขา และเหมือนกับว่าอีกคนพยายามที่จะขึ้นมานอนในที่นอนบนนี้ด้วยกัน ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ยันตัวขึ้นมาห้าม
เพียงแค่นอนนิ่งๆ อดทน และไม่สนใจ…
คนตัวโตค่อยๆออกแรงเหยียดตัวนอนข้างๆเบาๆ เหมือนกับระวัง วอนอูหลับตาแน่นเมื่อลำแขนหนึ่งของมินกยูค่อยๆสอดมาที่ลำคอของเขา วอนอูทำตัวให้เหมือนไม่ต่อต้านแรงที่จับที่หัวไหล่ เพราะเหมือนอีกคนจะบังคับให้เขาตะแคงตัวเข้าหาอกกว้างที่ยังมีเสื้อยืดกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่เขาซักให้อยู่ เหมือนกับนอนหันหน้าเข้าหากับ
มินกยูออกแรงกระชับอ้อมกอดมากกว่าเก่า และขยับตัวให้เข้าที่สักพัก ก่อนที่ทุกอย่างจะนิ่งเงียบ เหมือนกับเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
มีแต่ความรู้สึกของเขา ที่ยังไม่เข้าใจ….
.
.
.
เป็นเช้าอีกวันที่วอนอูตื่นก่อนอีกคนหนึ่งที่อยู่ด้วยกันในห้อง แต่ถ้าเป็นอย่างเมื่อวานหรือวันก่อนหน้านี้ เขาคงอาบน้ำและรีบไปเรียน แต่วันนี้เป็นวันหยุด เลยคิดว่าคงต้องหาที่ไหนสักที่หนึ่ง
เขาไม่ค่อยอยากจะอยู่ห้องสักเท่าไหร่…
คนตัวขาวที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ค่อยๆเดินไปหยิบเครื่องโน้ตบุ๊กที่โต๊ะเขียนหนังสืออย่างเบามือ และโทรศัพท์มือถือที่ชาร์ตแบตเตอร์รี่อยู่มา ไม่ลืมที่จะหยิบเยลลี่ที่เขาชอบกินติดมือมาหนึ่งห่อ
เรียวขาเล็กค่อยๆก้าวเตรียมที่จะออกจากห้องพัก เขาเดินมาใส่รองเท้าที่หน้าประตู เสร็จก็เตรียมจะยื่นมือไปจับลูกบิด แต่ตอนนี้เขาก็ทำแค่เพียงจับมันไว้ แค่ค้างเอาไว้ ทั้งที่ในความคิดตอนนี้ คิดว่าถ้าเปิดออกไป เขาจะไปไหนดี
ไม่บ่อยนักที่ต้องออกไปข้างนอกในวันหยุดแบบนี้…คนเดียว
วอนอูสะบัดหัวไล่ความคิดเหม่อลอยออกไป ก่อนที่จะเปิดประตูออกไปอย่างไม่ลังเล ขาเล็กเดินตรงมาเรื่อยๆที่ข้างหน้ามีลิฟต์รออยู่ แต่เขาก็เลือกที่จะเดินเลี้ยวซ้ายเพื่อไปเปิดประตูทางหนีไฟของตึกแทน
เขาเดินลงมาโดยใช้บันไดของตึกอย่างที่ชอบทำ ถึงแม้ที่นี่จะมีลิฟต์คอยให้ความสะดวกสบาย แต่แบบนี้ทำให้เขาได้อยู่กับตัวเองนานขึ้น เพราะทางหนีไฟที่นี่เหมือนทำมาให้คนอย่างเขาได้มาทำอะไรแบบนี้ ไม่มืดอย่างทางหนีไฟในหนัง แต่กลับยิ่งสวยกว่าวิวหน้าต่างของห้องเรียนเวลาที่เขาชอบมองออกไป
ตาใสมองแดดตอนเช้าที่รอดผ่านหน้าต่างระบายอากาศที่มีกลุ่มต้นไม้สีเขียวพัดไหว พลางก้าวลงมาตามขั้นบันได ฟังเสียงเท้าก้าวลงเป็นจังหวะที่บังคับได้ ลมพัดเย็นและแสงนวลของแดดตอนเช้าแบบนี้ ไม่ค่อยมีใครได้มาสัมผัส เพราะคนอื่นๆหนีไปมองหลอดไฟในลิฟต์กันหมด บันไดเลยกลายเป็นที่เงียบจนเหมือนเขาได้เป็นเจ้าของที่นี่ไปแล้ว
คนตัวขาวเดินลงมาจนถึงชั้นหนึ่ง และตรงไปที่จักรยานยืมฟรีของหอพัก ก่อนที่จะบอกเลขห้องกับคุณลุงที่ดูแลไปคือ ห้อง 417 และก็เดินไปคันที่คุณลุงบอก โดยวางโน้ตบุ๊กกับมือถือและซองขนมเอาไว้ที่ตะกร้าเล็กข้างหน้าจักรยาน ด่อนที่จะเริ่มออกแรงปั่นไปเรื่อยๆ รอบๆข้างของหอพักเขาเป็นสวนสารธารณะที่ตอนนี้มีคนมาวิ่งออกกำลังกายอยู่บางตา เขาคิดว่าจะปั่นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอที่นั่งถูกใจ
วอนอูชะลอความเร็วลงและตัดสินใจจอดจักรยานเอา เขาเลือกทีจะมาหยุดตรงต้นไม้ใหญ่ที่ไม่มีคนเดินมาถึง วอนอูลดตัวลงนั่งพร้อมกับของที่หยิบมาจากตะกร้าหน้าจักรยานตรงโคนต้นไม้ใหญ่ที่มีลมพัดโกรกมาให้ไม่อึดอัด
เขายืดขาออกไปสุด เพื่อที่จะให้เป็นที่รองโน้ตบุ๊กตรงหน้าก่อนที่จะเปิดเครื่อง ตาใสมองภาพข้างๆไปรอบๆเพื่อรอเครื่องเปิดให้เสร็จ ตอนนี้มองอะไรก็ไม่ค่อยซึมซับ เพราะเขารู้ว่าตัวเองฟุ้งซ่าน เพราะคนๆเดียว
ครืด…
เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นที่พื้นหญ้า ให้เจ้าของเครื่องหันไปมองก่อนที่จะหยิบขึ้นมา บนหน้าจอตอนนี้โชว์ชื่อของคนที่เขาคิดว่ายังไม่ตื่น เสียงสั่งดังขึ้นอยู่นานพอสมควร เพราะวอนอูกำลังลังเลว่าเขาควรจะไปทางไหน จะทำตัวปกติ หรือจะเมินมองข้างออกไป
แต่เขาคงทำอย่างหลังไม่ได้…
“อื้ม”
‘ตอนนี้อยู่ไหน ทำไมออกไปแต่ข้างนอกแต่เช้า’
“ออกมานั่งเล่นข้างเฉยๆ แล้วโทรมามีอะไรหรือเปล่า”
วอนอูพยายามจะพูดให้ปกติ แล้วเบี่ยงประเด็นไปเป็นเหตุผลที่มินกยูโทรมา เพราะตอนนี้ในหัวเขาไม่รู้ และไม่พร้อมจะพูดอะไรสักเท่าไหร่
‘จะบอกว่า ตอนบ่ายๆจะต้องไปข้างนอกนะ’
อีกแล้ว…
‘จะถามว่า อยากไปด้วยกันไหม’
“แค่เราสองคน…หรือเปล่า”
‘มีคนอื่นด้วย’
.
.
.
“วันนี้ก็จะไปข้างนอกเหมือนกัน”
เสียงพูดเบาผ่านโทรศัพท์มือถือคำสุดท้าย ก่อนที่จะรีบวางหูก่อนที่จะได้ฟังไรเพิ่มจากปากของมินกยู เพราะรู้ว่าตัวเองยังไม่ชินกับอะไรแบบนี้ เขาแค่อาจจะหวงมินกยูเท่านั้นเอง แต่การที่ชวนเขาออกไปด้วยแบบนี้ มันคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าไปอยู่คั่นกลางให้น่ากวนใจ คนพิเศษของอีกคนเขาก็ไม่รู้ ไม่แม้แต่จะเคยเห็นหน้า
เขาควรถอยห่างออกมา….ออกมามากๆ
บางที เขาก็ควรจะให้พื้นที่ส่วนตัวกับอีกคน เพราะตอนนี้เขายอมรับว่า ตอนคุยโทรศัพท์เมื่อสักพัก ความรู้สึกเหมือนคุยกับคนแปลกหน้าที่ต้องคอยลุ้นว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อ และเขาไม่เคยคิดคำตอบโต้มินกยูนานขนาดนี้
ตาใสมองตรงไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย ก่อนที่สักพักจะหลุบลงมองหน้าจอโน้ตบุ๊ก ที่เป็นพื้นหลังภาพเขากับมินกยูเมื่อก่อนตอนอนุบาล เด็กสองคนไหนไม่รู้ที่ดูอยากอยู่ใกล้กันตลอดเวลา เด็กคนที่ตัวโตกว่าพิงไหล่แคบๆของเด็กอีกคนข้างๆ พร้อมกับหลับตาพริ้มในขณะที่ยังยิ้มไม่หุบ จนเขาที่มองตอนนี้ก็อดยิ้มตามไม่ได้
วอนอูมองภาพนี้สักพักก่อนที่จะหยิบซองเยลลี่ยี่ห้อโปรดขึ้นมาแล้วแกะ นิ้วเรียวหยิบเยลลี่ชิ้นหนึ่งขึ้นมา ส่งเข้าปากของตัวเองไป แล้วอมค้างเอาไว้แบบนั้นอย่างที่ชอบทำบ่อยๆ อมเหมือนเยลลี่ทุกชิ้นคือลูกอมของเขา จนยุ่ย พลางยื่นมือไปพับหน้าจอโน้ตบุ๊กให้ปิดลง
เขาคุยต่อไปไม่ได้
.
.
.
วอนอูนั่งอยู่ที่เดิมมาจนถึงบ่ายสามโมง โชคดีที่วันนี้ไม่ร้อน และแดดส่องมาไม่ถึงตรงที่เขานั่ง วอนอูไม่ได้ปล่อยให้เวลาเสียเปล่าเพราะเขานั่งทำงานเสร็จไปหลายวิชาอยู่เหมือนกัน จนตอนนี้เขายังไม่ได้กินอะไรไปเลยนอกจากเยลลี่หนึ่งห่อข้างๆ
คงไปแล้วล่ะมั้ง…
คนตัวขาวเก็บของทุกอย่างรอบๆตัวก่อนที่จะลุกขึ้นไปที่จักรยาน เพื่อที่จะปั่นกลับที่พักที่ตอนนี้คงไม่มีใครอยู่ห้อง
วอนอูออกแรงปั่นไปเรื่อยๆ รับลมที่ต้านมาตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงและจอดเข้าที่เดิม ก็เดินเข้ามาในตัวหอพักแบบปกติ
แต่จู่ๆขาเรียวที่กำลังก้าวตรงไปเพื่อที่จะขึ้นไปที่ชั้นสี่ ระหว่างนั้นจู่ๆเสียงลิฟต์ที่เขายังเดินไปไม่ถึงก็ดังขึ้นพร้อมกับใครบางคนที่เขายังไม่พร้อมจะสนทนา ออกมากับใครที่เขาไม่เคยเห็นอีกคนหนึ่ง
“เห้!...วอนอูเดี๋ยว”
ในขณะที่เขากำลังจะเดินเบี่ยงไปทางประตู เพื่อเข้าไปยังบันได จู่ๆเสียงที่เขารู้ว่าใครหรือคนที่เพิ่งออกจากลิฟต์ ก็ก้าวยาวมาทางเขา มือหนาจับเข้าที่ต้นแขนเขาแล้วหมุนให้หันมาคุยกัน
“ไหนบอกกันว่าจะอยู่ข้างนอกไง”
วอนอูที่ยังไม่ได้หันหน้าไป พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วหันไปเผชิญหน้ากับคนที่เขาสนิทที่สุด ก่อนที่จะตีหน้าปกติพร้อมกับตาใสที่มองผู้หญิงคนเดิมกำลังเดินตรงมาทางนี้ และมาหยุดข้างๆมินกยู พร้อมกับสายตาไม่ค่อยดี ที่เขาเองก็เดาไม่ออก
“อ๋อ กำลังไปเปลี่ยนชุดน่ะ”
“จะไม่ไปด้วยกันหรอ”
ไม่ใช่แค่เขาที่ตอนนี้มองหน้ามินกยูที่ถาม แต่เป็นผู้หญิงคนข้างๆด้วยที่มองคนตั้งคำถามเหมือนไม่คิดว่ามินกยูจะชวนเขาให้ไปด้วยกัน แล้วถ้ามันเป็นแบบนี้แล้ว เขายังควรที่จะไปด้วยอยู่อีกหรือเปล่า
“ไม่เป็นไร ไปเถอะ” วอนอูพูดเสียงสดใสพร้อมกับยิ้มออกมาให้ อย่างที่ชอบทำทุกครั้งเวลาคุยกับคนตรงหน้า
“คนนี้หรอ ที่ชื่อวอนอู”
ก่อนที่มินกยูจะได้ตื๊อให้เขาได้ไป ผู้หญิงคนข้างๆที่หน้าตาดูไม่มีพิษภัยกับใคร ก็พูดถามขึ้นมาเกี่ยวกับเขา แต่ตอนนี้เขาก็ไม่ค่อยอยากรู้เรื่องอะไรแบบนี้เลยเบี่ยงประเด็นออกห่างจากตรงนี้จะดีกว่า
“คือว่า ฉันรีบน่ะ ไว้ค่อยคุยกันนะ”
คนตัวขาวรีบพูดประโยคสุดท้าย ก่อนที่จะตัดสินใจเดินตรงไปยังลิฟต์ของตึกแทนเพราะเขาคิดว่ามันน่าจะไปจากตรงนี้ได้เร็วกว่า คนตัวขาวเดินเข้ามาในลิฟต์ที่เปิดอยู่พอดีพร้อมรีบรีบใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้หิ้วโน้ตบุ๊ก รีบกดปิดให้เร็วที่สุด เขาไม่กล้ามองภาพข้างนอกลิฟต์เพราะกลัวว่ามินกยูจะเดินออกไป ไม่เหลียวหลังมามองเขาตรงนี้ จะทำยังไง
ติ๊ง…
มันเป็นการขึ้นลิฟต์จากชั้นหนึ่งมาชั้นสีที่นานที่สุด ในหัวเขาว่างจนมองพื้นก็ไม่รู้ว่าเป็นสีไร วอนอูเดินออกมาจากลิฟต์เรื่อยๆ ไม่ได้เหม่อลอย แต่มันไม่มีอะไรเลยต่างหาก
เขาค่อยๆล้วงหยิบกุญแจห้องในกระเป๋ากางเกงออกมาไข แล้วเข้าไป ก่อนที่จะวางสัมภาระทุกอย่างลงบนโต๊ะหนังสือ วอนอูยืนตรงอยู่กับที่แล้วมองไปรอบๆห้อง และมีเพียงคำถามๆเดียว ที่ไม่ต้องมีใครมาตอบ เมื่อกี้ก็ชัดเจอยู่แล้ว
เขาพาผู้หญิงคนนั้นมาในห้อง…
วอนอูกลังคิดว่า ควรจะทำอะไรสักอย่าง เพราะอยู่ที่นี่ แบบนี้ทุกวันไม่ได้ เลยจัดการเดินตรงไปยังเตียงของตัวเอง แล้วปีนขึ้นไปหยิบกระเป๋าตังค์ใต้หมอนมา แล้วเดินออกไปจากห้อง เขากดลิฟต์รอเพื่อที่จะลงไปที่ชั้นหนึ่งอีกครั้งของวัน และเข้าไปติดต่อที่เคาท์เตอร์
“ตอนนี้มีห้องว่างเหลือบ้างไหมครับ”
“ขอเช็คดูก่อนนะคะ”
วอนอูขานรับพนักงานของหอพักไป ก่อนที่จะรอให้เขาคีย์ข้อมูลเพื่อหาห้องว่ามีห้องเหลือหรือเปล่า
“มีห้อง 416 อยู่ค่ะ และมีชั้น 5กับ6 ที่สำรองเอาไว้ให้กับเด็กปีหนึ่งที่จะเข้ามาใหม่น่ะค่ะ”
วอนอูอยากจะกุมขมับเพราะห้องที่ว่างอยู่คือห้องที่ติดกับห้องปัจจุบันของเขา แต่มันคงดีกว่าที่จะอยู่แบบนั้นต่อในช่วงนี้ เขายอมรับว่าฟุ้งซ่านแบบไม่ทันตั้งตัว แต่แค่ขอเวลาปรับตัวเท่านั้น แล้วเขาจะเป็นแบบเดิม
“ตกลงครับ”
โชคดีที่หอพักของเขาเปิดให้สำหรับรายอาทิตย์ คุณพนักงานเลยจัดการเรื่องกุญแจและข้อมูลผู้พักให้เรียบร้อย และห้องตอนนี้ก็พร้อมอยู่ เลยคิดว่าจะขอหลบไปอยู่คนเดียวสักพัก ส่วนเวลาเรียน เราก็ไม่ได้เรียนคณะเดียวกันอยู่แล้ว ทุกวันของเมื่อก่อนเลยเจอกันแค่เช้าและเย็นเท่านั้นเอง
พอทุกอย่างเรียบร้อย วอนอูจึงต้องขึ้นไปชั้นสี่อีกครั้ง ตอนนี้เขาเริ่มเวียนหัวกับลิฟต์มาก แต่ถ้าเดินขึ้นบันได มีสิทธิเป็นลมได้ จนมาถึงชั้นสี่อีกครั้ง ตาใสเดินมาเรื่อยๆเพื่อหาห้องพักใหม่ของตัวเอง ก่อนที่จะพบว่าห้อง 416 ถึงก่อนห้องเก่าถ้านับจากลิฟต์มา
เขาหยิบกุญแจพวงใหม่ขึ้นมาไข แต่ไมได้เข้าไปในห้องใหม่ วอนอูเดินกลับมาที่ห้องข้างๆเพื่อไปเก็บของๆเขา แต่ไม่ได้ทั้งหมดเหมือนย้ายออก เพียงแค่เหมือนว่าเขาจะไปนอนพักที่ห้องของซูนยองเพื่อนที่เรียนด้วยกันบ่อย วอนอูค่อยๆทยอยยกของมาที่ห้องนี้ ทั้งของใช้จำเป็นบางชิ้น โน้ตบุ๊ก หนังสือเรียน เสื้อผ้า และหมอนกับผ้าห่ม ดูๆแล้ว ไม่มากจนน่าเกลียด
พอทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว วอนอูจึงจัดการปิดล็อคห้อง417 จนเหมือนว่าเขาไปอยู่ที่ห้องของซูนยองจริงๆ วอนอูเดินกลับเข้ามาในห้องใหม่ที่ยังคงไม่ได้จัดเรียงของ แต่ก่อนอื่นคือต้องโทรไปหาซูนยองให้เข้าใจกัน ก่อนที่จะความแตกโดยการหยิบมือถือมาต่อสายหาเจ้าตัว ให้วอนอูถือสายรอสักพัก ก่อนที่ปลายสายจะกดรับให้เขาสบายใจ
‘ฮัลโหล ว่าไง’
“มีเรื่องให้ช่วย”
.......................(100%)....................….
ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
ขอให้ทุกคนมีแต่ความขยัน
มีเซเว่นทีนไปด้วยกันนานๆ
ไม่มีคัทเป็นของขวัญปีใหม่นะ
บุ๋มๆ
ความคิดเห็น