ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( seventeen ) Chummy.

    ลำดับตอนที่ #14 : Chummy : Sucre - Part 4

    • อัปเดตล่าสุด 25 มี.ค. 59



    Sucre - Part 4

    Author: pearlinc

    Rate: PG (?)

     

     

     

    -4-

     

     

    ในช่วงตอนเย็นของวัน พระอาทิตย์จะหยุดพักแสงหลังจากที่ส่องสว่างมาทั้งวัน แต่กลับกันที่คนสี่คนในร้านกำลังทำงานของตัวเองกันอย่างต่อเนื่อง มีพักบ้าง แต่ก็ไม่นานก็มีลูกค้าเข้าออกมาเรื่อยๆ ยิ่งเป็นวันเสาร์แบบนี้แล้ว พวกเขายังคงต้องยิ่งทำหนักกว่าเดิม เพราะได้ทำตามแพลนกันไว้แล้วว่า จะมีวันหยุดหนึ่งวันก็คือวันอาทิตย์หรือวันพรุ่งนี้ที่ใกล้จะมาถึงเร็วๆนี้แล้ว

     

     


    วันนี้เกือบจะบ่อยครั้งที่เขาพยายามโทรติดต่อเจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาล ถามเกี่ยวกับพี่ชายของเขาว่าเป็นยังไงบ้าง แถมยังฝากคุณเจ้าหน้าที่บอกไปว่า เขาอาจจะไปช้าหน่อย ช่วยบอกคุณคนป่วยที่เอาแต่ใจใจให้ช่วยทำตัวดีๆ

     

     

    กริ้ง….

     

     

     

    สวัสดีครับ

     

     

    เพื่อนอีกสามคนรวมไปถึงคนตัวเล็กที่วุ่นอยู่กับการทำน้ำแข็งใสเอง เอ่ยต้อนรับลูกค้าคนใหม่ไป ดวงหน้ากลมเงยขึ้นมามองเพราะมีใครบางคนเดินตรงมาที่หน้าเคาท์เตอร์ขนมของเขา ก่อนใบหน้ายิ้มแป้นต้อนรับจะกลับพลิกเป็นฟ้ากับเหวทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร

     

     

    ไงคนเก่ง

     

     

    มาทำไมอีก

     

     

    มาหาไรกินดิครับ ไม่น่าถามเลย

     

     

    ไอ้….”

     

     

    คนตัวเล็กทำท่าจะง้างมือเข้าไปฟาดคนตรงข้ามเสียให้ช้ำ แต่ก็ต้องยับยั้งเอาไว้ก่อน ให้คนมองยิ้มขำล้อเลียนให้เสียประสาท พยายามข่มตาลงสงบสติอารมณ์ ไม่อย่างนั้นคนในร้านได้แตกตื่น เป็นแบบนั้นไม่ดีแน่

     

     

    อยากกินเครปกล้วยจังเลย

     

     

    เชิญไปนั่งรอด้วยครับ

     

     

    ซูนยองแกล้งยิ้มตาหยีใส่คนพูด ทำท่าตื่นเต้นเกินหน้าเกินตาที่จะได้กินของที่อยาก เขายอมลงทุนวางมือจากการบ้านที่สะสมมาทั้งเทอมเอาไว้ในห้อง และขับมอเตอร์ไซต์คันใหญ่คู่ใจตรงดิ่งมาที่ร้านนี้ เพื่อมารอรับคนบางคนที่เอาแต่ปั้นหน้ามุ่ยใส่เขาไปส่งที่โรงพยาบาลซะตอนนี้เลย

     

     

    เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจำเป็นต้องทำแบบนี้ไหม ทั้งชีวิตไม่เคยทุ่มเทอะไรแบบนี้ ยอมรับว่ารู้สึกใจสั่นกับคนตัวเล็กคนนี้ตั้งแต่ครั้งแรก ในใจดวงน้อยๆของคนขี้แกล้ง ก็แอบหวังอยู่ในใจว่าจะได้มีบรรยากาศแบบเมื่อตอนเช้า สองขายาวเดินไปที่โต๊ะมุมในสุดของร้านที่ไม่ค่อยมีใครไปนั่ง

     

     

    ระหว่างที่รอ ซูนยองก็นั่งเท้าคางมองคนตัวเล็กอยู่ห่าง ใบหน้ากลมขาวที่ยิ้มแย้มให้กับเพื่อนและลูกค้าคนอื่นๆที่ไม่ใช่เขา แต่ถึงคนตัวเล็กจะหน้ามุ่ยใส่เขายังไง มันดูน่ารักแปลกๆเหมือนกัน

     

     

     

     นี่ ได้แล้ว

     

     

    ไม่รู้ว่าเขานั่งเพ้ออะไรนานขนาดไหนถึงขนาดไม่รู้ว่า คนตัวเล็กเดินมาพร้อมกับจานเครปกล้วยของเขา โดยที่เขาไม่เห็นได้ยังไง มือหนารับจานมาแล้วยิ้มแช่งกวนประสาทไปให้อีกคนได้รู้สึกหงุดหงิดจะบ้า แถมเดินตึงตังกลับไปทำเมนูใหม่ให้ลูกค้าคนอื่นต่อ

     

     

    ซูนยองยิ้มขำคนเดียวครั้งแล้วครั้งเล่า มือก็พลางตักขนมเข้าปากคำโตแล้วก็เอาแต่จ้องหน้าคนบางคนไม่วางตา จีฮุนที่รู้สึกถึงกระแสแม่เหล็กบางอย่างแผ่มาทางเขา เลยเงยไปตามทิศทาง ก็ตามคาด เด็กกวนประสาทคนเดิมที่เอาแต่จ้องเขาไม่วางแต่ แถมพอเขาเผลอสบตานิดเดียว ก็ถูกอีกฝ่ายยักคิ้วให้เป็นของแถม

     

     

    ไอ้เด็กบ้า

     

     

    กริ้ง….

     

     

    ระหว่างที่ซูนยองได้แกล้งสมใจ ก็มีมารผจญมาขัดสายตารักของเขาไปแบบไม่มีเยื่อใย เพราะคนตัวเล็กรีบหันไปมองคนที่เพิ่งเข้ามาในร้านคนใหม่ ให้เขาที่นั่งหัวโด่มองตามไป

     



     

    พี่จีฮุนครับ ขอพุดดิ้งไข่ชิ้นนึงครับ

     

    .

    .

    .

     

     

    ไอ้จีซู

     

     


    ……………………(10%)……………………

              

     

     


    หลังจากที่จีซูเข้ามา จีฮุนก็ยังคงต้อนรับเหมือนกับลูกค้าคนอื่นๆปกติ แถมวันนี้รู้สึกจีซูจะเริ่มไม่เกร็งเวลาคุยกับเขาแล้ว เพราะปกติจะไม่ค่อยกล้าสบตาเหมือนเด็กขี้กลัวไปสักนิด คราวนี้กลับชวนคุยด้วยซ้ำว่าให้เขาช่วยเลือกเมนูแนะนำให้หน่อย ระหว่างที่จีซูกำลังยืนเลือกเมนูไปพลาง จีฮุนเพิ่งนึกได้ว่ามีซูนยองอยู่ในร้าน เพราะว่ากลัวจะเหมือนครั้งที่มีเรื่องกันในร้าน

     

     

    แต่วันนี้กลับไม่เลย เพราะดูเหมือนว่า ซูนยองไม่ได้อาละวาด แต่ก็ยังคงแปลกๆ

     

     

    ตาเรียวคมของซูนยองกำลังมองไปทางเคาท์เตอร์ขนมของจีฮุนอย่างไม่วางตา ตาเรียวกำลังจ้องดูกริยาของไอ้เด็กเมื่อวานซืนคนนั้นว่ามันจะมาที่นี่ทำไมและมาทำอะไร สมองของเขากำลังครุ่นคิดพร้อมกับขบกรามเบาๆ เพราะรู้สึกหงุดหงิดที่มันเอาแต่ชวนจีฮุนคุยระหว่างที่ยื่นรอเลือกว่าจะกินอะไร

     

     

    ซูนยองรู้สึกโมโห เหมือนจะระเบิดออกมา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะถ้าเขาทำละก็ คนตัวเล็กได้โกรธเขาแน่ๆ แถมตอนนี้จีซูมันอาจจะไม่เห็นด้วยซ้ำว่าอยู่เขาอยู่ที่นี่ อาจเพราะเขานั่งอยู่ที่มุมสุดร้านด้วย ตอนนี้ก็ได้แค่เพียงมองกริยาของไอเด็กนั่นห่างๆไปก่อน

     

     

    หงุดหงิด หงุดหงิดชิบหายเลย

     

     

    การที่คนตัวเล็กกำลังยิ้มให้กับทุกคน มันเป็นธรรมดาของการต้อนรับลูกค้า แต่ไม่ใช่สำหรับซูนยอง แถมยังเป็นกับไอ้จีซู ยิ่งไม่ได้ เขาไม่ยอม

     

     

    เวลาผ่านไปนานพอสมควร แต่ตลอดเวลาที่เขาเฝ้าดูจนลืมกินเครปในจาน มันเอาแต่มองจีฮุนของเขาไม่หยุด รู้สึกโมโหจนหน้าร้อน แต่ที่แปลกใจคือ ทำไมเขาไม่ลุกไปเคลียร์ให้รู้เรื่อง แต่อาจเพราะมีคนตัวเล็กบางคนกำลังแอบมองเขาเชิงระแวงหน่อยๆ ตาก็มองไป แต่ปากกับใจ ก็บ่นผสมด่าไม่หยุด จนในที่สุดมันจะเดินไปคิดเงินแล้วเดินไปหาจีฮุนก่อนจะเดินออกจากร้านไป

     

     

    ซูนยองมองตามแผ่นหลังของเป้าหมายไม่วางตาจนกระทั่งลับตาไป ขายาวยันตัวเองขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อเดินไปคิดเงินเหมือนกัน ไม่ลืมที่จะบอกจีฮุนว่าเดี๋ยวเสร็จจะมารับ ก่อนกำลังจะเดินออกไป ก็มีเสียงของบางคนเอ่ยขึ้นอย่างรู้ทัน

     

     

    ห้ามไปทำอะไรเขานะ

     

     

    เสียงของจีฮุนบอกก่อนที่อีกคนจะเดินพ้นประตูไป เพราะเห็นว่าคนตัวโตกว่าแถมยังใจนักเลง กำลังจะเดินออกจากร้าน ถ้าคาดไม่ผิด ต้องตามจีซูไปแน่ๆ เขาต้องรีบห้ามไว้ก่อน

     


    ทำไม เป็นห่วงมันหรือไง? “


     

    จู่ๆ ซูนยองก็นึกโมโหขึ้นมามากกว่าเดิม เมื่อเขารู้สึกว่า คนตัวเล็กข้างหน้าเขา กำลังพูดจาเข้าข้างไอ้คนที่เดินออกไปก่อนเขามากเกินไป


     

    นายจะไปทำเขาทำไม มีเหตุผลหน่อยสิ

     

    จะบอกไว้ให้นะ มัน ไม่ได้เป็นอย่างที่นายเห็นหรอก

     

    นายก็บอกฉันสิ ว่าเขาทำอะไรให้นาย

     

     

    คนตัวสูงไม่ได้ตอบคำถามของจีฮุนไป แถมยังบ่ายเบี่ยงประเด็นโดยการเมินคำถามนี้ไป ให้จีฮุนไม่เข้าใจ แถมยังพูดตัดประโยคอีกต่างหาก

     

     

    เสร็จแล้ว เดี๋ยวมารับ



    นี่!!! ซูนยอง กลับมาเดี๋ยวนี้ ไอ้บ้า

     

     

    พอซูนยองพูดจบ ก็เดินออกมาจากร้าน โดยไม่สนใจคนตัวเล็กที่พยายามห้ามเอาไว้เลย ขายาวก้าวฉับเดินตามเป้าหมายที่เดินนำหน้าเขาไปไม่มากนัก เดินทิ้งห่างระยะทางไว้มาเรื่อยๆจนเข้ามาที่ซอยหนึ่งซอยที่ปราศจากคน เมื่อเห็นแบบนั้น ซูนยองจึงเร่งฝีเท้าเล็กน้อยให้ทันคนข้างหน้าและประชิดตัวไว้ 

     

    ตอนนี้ในซอยเล็กๆมีเพียงซูนยองกับจีซูเท่านั้น คนมาที่เดินตามหลังอย่างควอนซูนยอง เดินมาหยุดอยู่ตรงข้างหน้า ก่อนจะหันมายิ้มบางๆให้ จนอีกคนต้องทำหน้าตื่นตกใจแต่กลับไม่ได้คิดจะวิ่งหนีไปไหน

     

     

    ไง

     

    พะ..พี่ครับ อย่าทำผมเลยครับ

     

    เลิกแสดงละครซะทีเหอะว่ะ กูเอียน

     


    ซูนยองเบ้หน้าให้กับความสมบทบาท ที่สามารถตบตาคนรอบข้างรวมถึงจีฮุนให้หลงเชื่อว่ามันดีนักหนา ท่าทางที่ดูเหมือนคนโดนรังแกตลอดเวลาแบบนี้ ใบหน้าที่ซ่อนเอาไว้ภายใต้กรอบแว่นนั่นที่สามารถปกปิดมันมิดชิดจนคนหลงเชื่อกันไปหมด

     

     

    จีซูที่ในตอนแรกทำท่ายกแขนขึ้นป้องกันตัวเองเอาไว้เหมือนคนกลัวโดนทำร้ายอย่างมาก ค่อยๆคลายแขนออกพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมายืนปกติต่อหน้าเขา พร้อมทั้งยิ้มให้เขา ยิ้มที่ดูดีและมีอะไรซ่อนอยู่

     

     

    ผมว่ามันก็สนุกดีนะครับ

     

    คิดว่ามึงเป็นคนดีมากหรือไงวะ

     

     

    ก็ลองถามพี่จีฮุนดูสิครับ ซูนยองรู้สึกกำลังเดือดเป็นน้ำต้มสุก ที่สามรถราดคนตรงหน้าให้สุกดิ้นได้ แต่เขายังคงต้องเก็บอาการ เพราะถ้าแสดงออกไป หรือทำอะไรลงไป มันจะยิ่งได้ใจ

     

     

    กูขอเตือนมึง ถ้ามึงยุ่งกับจีฮุน กูไม่ไว้มึงแน่

     

    ตอนนั้นกับชิลิน พี่ก็พูดแบบนี้นี่ครับ

     

    มึง!!!!

     

     

    หลังจากได้ยินชื่อของน้องสาวตัวเอง ออกจากปากไอ้คนที่ไม่ควรจะพูดด้านหน้า มือหนาก็จัดการเอื้อมมือไปคว้ายึดเข้าที่เสื้อยืดของคู่กรณี ซูนยองจับกำแน่นมันจนเหมือนเนื้อผ้าจะแหลกติดมือ ดวงตาคมจ้องเขม่งมองดวงตาภายใต้กรอบแว่นที่ยากจะคาดเดา ว่าคนๆนี้มันคิดจะทำอะไรอีก

     

    ก่อนซูนยองจะปล่อยมือออกมา แต่ดวงตายังคงจ้องเขม่งสู้กับตายิ้มดูสุภาพของตรงหน้าที่ดูไม่ขึ้ขลาดอย่างที่คนอื่นแล้วจีฮุนเห็น 

     

     

    พี่ไม่ดีใจหรอครับ ผมอุตส่าได้คนใหม่แล้วแท้ๆ

     

     

    จีซูพูดจบก็ยิ้มออกมา รอยยิ้มที่ดูดีและน่ามองถ้าไม่รวมกับแววตาที่ที่ตรงข้ามคู่นั้น ซูนยองกำมือแน่นจนห้อเลือดเมื่อพอจะนึกออกว่า คนๆนี้มันกำลังหมายถึงใคร ใครบางคนที่เขาไม่อยากให้ใครแตะต้อง

     

     

    มึง...จะยุ่งกับจีฮุนไม่ได้

     

    ทำไมละครับ ผมว่าพี่เขาน่ารักดี ว่าไหมครับ

     

    กูจะขอเตือนมึงครั้งสุดท้าย เลิกทำแบบนี้

     

     

    ซูนยองพูดเตือนพร้อมกับจ้องจีซูอย่างเอาเรื่อง ในใจก็นึกหวั่นอย่างบอกไม่ถูก เขากำลังรู้สึกไม่ดีที่จีฮุนถูกดึงมาในเรื่องแบบนี้ 

     

     

    ใบหน้าอ่อนโยนของจีซูยิ้มสู้ ความคิดของจีซูพอจะดูท่าทีออกว่าซูนยองกำลังให้ความสนใจในพี่จีฮุนนั่น ตั้งแต่ที่มีเรื่องในร้านครั้งนั้น คนอย่างควอนซูนยองจะสงบลงได้ง่ายๆแบบนั้นได้ยังไง มันผิดปกติ

     

     

    และนั่น คือสิ่งที่เขาต้องการ

     

     

    ผมไม่รับปากดีกว่าครับ

     

     

    เมื่อได้ยินแบบนั้น ซูนยองรู้สึกหัวใจเขากำลังเต้นรัวแรง ความโกรธที่มีก็เพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ จึงจัดการดับมันด้วยการจบบทสนทนาเอาไว้จะดีที่สุด

     

     

    กูจะจับตาดูมึง จำไว้

     

     

    ซูนยองเอ่ยประโยคสุดท้ายออกมาด้วยอารมณ์ที่พล่านในอก ก่อนที่จะหันหลังกลับ และเดินห่างออกมาจากตรงนั้นเรื่อยๆ ในขณะที่อีกคนอย่างจีซู ยังคงยืนอยู่ที่เดิม มองแผ่นหลังของคู่สนทนาเมื่อครู่อยู่แบบนั้น ใบหน้าที่ปราศจากรอยยิ้มไปแล้วถูกแทนที่ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ยากจะคาดเดา 

     

     

    ผมก็จะจับตาดูพี่เหมือนกัน พี่ซูนยอง

    .

    .

    .

    .

     

    ตอนนี้ทั้งสี่คนก็เก็บร้านกันหมดเรียบร้อยแล้ว และกำลังจะกลับบ้านกัน แถมพรุ่งนี้ยังเป็นวันหยุดวันแรกอีกต่างหาก ต่างคนต่างก็แพลนในหัวเป็นของตัวเอง แต่จีฮุนคนนี้ คงต้องไปนอนแอ้งแม้งอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมของโรงพยาบาลแน่ๆ คิดแล้วก็เซ็งไม่น้อย แถมวันนี้ยังมีเรื่องให้น้อยใจไม่น้อยอยู่เหมือนกัน ก็คนบางคนไม่ยอมเชื่อฟังเขาวันนี้ แถมก็ตั้งนานแล้ว หายไปไหนก็ไม่รู้

     

     

    จีฮุนเห็นซูนยองครั้งล่าสุดของวันนี้ ก็ตอนที่คนตัวโตหัวดื้อมาเอารถมอเตอร์ไซต์คู่ใจของตัวเองแล้วขับออกไปไหนไม่รู้ จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มา ไม่คิดจะสนใจเขาเลย

     

     

    คิดอะไรอยู่จีฮุน เขาก็แค่ใครไม่รู้

     

     

    ในขณะที่จีฮุนกำลังคิดอะไรเพลิน เพื่อนอีกสามคนที่กำลังคุยกันก่อนกลับบ้านก็แอบสังเกตอยู่ห่างๆ ตั้งแต่ตอนที่เด็กนักเลงมัธยมที่มีเรื่องวันนั้น เดินเข้ามาในร้านวันนี้ พวกเขาก็ตกใจอยู่ไม่น้อย ตอนแรกก็กะว่าจะไปขอร้องให้ว่าอย่ามาเอาเรื่องจีฮุนเพื่อนเขาเลย เพราะเจ้าตัวเดินตรงมาที่เคาท์เตอร์ขนมขนาดนั้น

     

    แต่ดูเหมือนสองคนนั้นจะคุยกันปกติ แถมพวกเขาได้ยินประโยคที่เด็กนักเงคนนั้นบอกว่า จะมารับอะไรสักอย่าง ดูๆแล้วเหมือนจะไปทำความรู้จักกันตอนไหน และ

     

     

    โดยที่พวกเขาไม่รู้ ได้ยังไง….

     

     

    เห้ บี1 นายคิดเหมือนฉันหรือเปล่า เกี่ยวกับเด็กนักเลงนั้น

               

                ‘ฉันว่าต้องมีอะไร บี2

     

                ‘งั้นวันนี้กลับกันดึกหน่อยล่ะ ถ้านายอยากจะรู้

     

                “อยากรู้

     

                ‘วอนอู!!!’


     

                สองสหายกลิ่นกล้วยหอมหันขวับมามองเพื่อนตัวขาว ที่นั่งอยู่ตรงโซฟาฝั่งเดียวกับจีฮุน สายตาคาดโทษสองคู่ถูกส่งไปยังกลางหน้าผากมนของวอนอู ตีตราว่าเจ้าได้ทำผิดพลาดอย่างรุนแรง เพราะอยู่ๆก็พูดแบบออกเสียงออกมาระหว่างสนทนาสายตาได้ยังไง


     

                อยากรู้อะไรหรอ วอนอู

     

                “แหะๆ เปล่า ไม่มีอะไรเลย

     

     

                วอนอูได้โบกมือไปมาบอกว่าไม่มีอะไรจริงๆ แถมยิ้มแห้งส่งกลับไปให้จีฮุนได้หายสงสัย จู่ๆ เสียงมือถือของจีฮุนก็ดังขึ้นให้คนตัวเล็กกดรับ

     

     

    ฮัลโหลครับ...ได้ครับ...จะรีบไปครับ

     

     

    มือนิ่มกดปุ่มวางสายจากทางโรงพยาบาล ที่โทรมาบอกอาการของจินฮอนว่า มีบางอย่างเกิดขึ้นกับจินฮอนจากอุบัติเหตุที่เกิดจากความซุ่มซ่ามของพี่ชายตัวเองอีกแล้ว ให้เขามาช่วยรับรู้อาการด้วย เพื่อนอีกสามคนที่ยังคงสงสัย ก็อยากจะถาม แต่ดูเหมือนจีฮุนจะไม่เปิดโอกาสเลย

     

    พวกนายกลับเลยไหมอะ

     

                “อะ...เอ้อ กลับเลยๆๆ

     

    ถ้างั้น พวกนายไปกันก่อนเลยนะ เดี๋ยวนี่ต้องไปเอาชุดข้างบน ไว้เปลี่ยนโรงบาล กลับดีๆนะจีฮุนลาเพื่อนเสร็จ ก็ขึ้นไปเก็บของเพื่อที่จะเตรียมไปนอนเฝ้าจินฮอนอีก แถมวันนี้ต้องเรียกรถแท็กซี่ไปเองอีก ก็ไม่มีคนไปส่งอย่างนั้น

     

     

    ไปเองก็ได้

     

     

    เสียงสตาร์ทของเพื่อนข้างล่าง ก็คงจะเดาออกว่ากลับกันไปแล้วจริงๆ ส่วนวอนอู มินกยูก็คงมารับวอนอูไปแล้วเพราะเขาได้ยินเหมือนอีกคันนึงหลังจากนั้นมาจอดแล้วขับไป ก็เหลือแต่เขาคนเดียว วันนี้รู้สึกแปลกๆ จนต้องพองลมปากในขณะที่เดินลงบันไดมาพร้อมกระเป๋าสะพายหลัง

     

     

    คนตัวเล็กจัดการปิดประตูร้านเพราะเป็นคนสุดท้ายที่ออก จากนั้นก็เดินมารอที่โต๊ะม้าหินอ่อน แต่ไม่นานเหมือนรู้ใจเขา เสียงมอเตอร์ไซต์คันที่เขาเคยนั่ง ก็ขับมาจอดเทียบข้างหน้าร้านพอดี ซูนยองมองคนตัวเล็กที่ม้าหินอ่อนที่เอาแต่นั่งนิ่ง ไม่ยอมมองเขา และไม่มากับเขา

     

     

                ขึ้นรถ

     

              “…”

     

                “จีฮุน

     

                “…”

     

                “จีฮุน

     

                “…”

     

                “ขึ้นรถ

     

                “โอ๊ย ประสาท!!!”

     

     

                จีฮุนที่นั่งฟังชื่อตัวเองอยู่นาน เด้งตัวลุกขึ้นเดินปึงปังมาที่รถ   ก่อนที่คนตัวโตจะยื่นหมวกกันน็อคสีเขียวมิ้นอันใหม่ให้ เพราะอันเมื่อตอนเช้าที่ซูนยองขับมาส่งอีกคนกำลังใส่อยู่ คนตัวเล็กมองหน้าอีกคนด้วยความบูดบึ้งให้รู้ว่าเขาโกรธอยู่

     

     

                ใส่ดิ อุตส่าซื้อมาให้วันนี้

     

     

                คนตัวเล็กยอมใส่แต่โดยดี แต่ก็ยังคงไม่ยอมปีนขึ้นไปบนมอเตอร์ไซต์คันใหญ่สักที คนตัวเล็กกำลังประมวลเหตุการณ์ว่าที่ซูนยองหายไปเมื่อเย็นเพราะไปซื้อสิ่งนี้ แล้วก็คิดค้านออกมาว่า แล้วทำไมไม่บอกเขา จนต้องเกิดโมโหอีกรอบ

     


                ปั่ก!!!


     

                “เห้ย ตกใจหมด

     


                ซูนยองบ่นโวยวายออกมา เพราะจู่ๆคนตัวเล็กก็ก็โดดเด้งตัวขึ้นจน หมวกกันน็อคใบใหม่กับใบเก่ากระแทกกัน เล่นเอาซูนยองหน้าสั่นอยู่พัก กำลังจะโวยวายต่อว่าทำเขาทำไม คู่กรณีก็ชิ่งไปปีนมอเอตร์ไซต์เขาสะก่อน

     

     

    พออีกคนขึ้นเสร็จ จู่ๆคนข้างหลังก็เอ่ยเสียงออกมาให้เขาแอบบขำ

     

     

                ที่ยอมไปด้วย เพราะขี้เกียจฟังเสียงนาย เข้าใจเปล่า ฉันไม่ได้อยากไปเลย!!”

     

                “เออๆ ครับๆ ไม่ได้อยากไปด้วยครับ

     

     

    พอตอบให้อีกคนสบายใจก็เริ่มเร่งขัดบิดออกตัวไปที่โรงพยาบาลตามที่คนขับเคยไป โดยที่สองคนไม่ได้รู้ตัวเลย ว่ามีสายตาสี่คู่กำลังเฝ้าสถานการณ์อย่างใกล้ชิดยิ่งกว่าข่าวร้อน

     

    พวกเขาพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไง จีฮุนแอบไปกิ๊กก๊อกกับเด็กคนนั้นได้ยังไง แล้วไหนบอกไปกับพี่วินมอเตอร์ไซต์ที่ว่า นี่ใช่คันนี้หรือเปล่า นี่พวกเขาอุตส่าลงทุนขยับรถมาที่มุมมืดตรงข้ามของร้านเลยนะ ในขณะที่กำลังนั่งคุยและตั้งคำถามกันหลังจากที่จีฮุนไปแล้ว ก็มีอีกเสียงหนึ่งแทรกมาถาม

     

     

    วอนอูกับพวกพี่ เราจะไม่กลับบ้านกันหรือครับ

     

     

    มีเพียงคนสามคนเท่านั้นที่สงสัยนิดหน่อย ส่วนอีกคนที่มาใหม่คือคนไม่รู้เรื่องเลยอย่างมินกยู ที่ถูกบังคับให้มาจอดรถหลบๆตอนมารับวอนอู แถมให้ลงมานั่งยองๆแอบอยู่ข้างรถเหมือนหลบ มินกยูรู้แค่ว่า สิ่งที่เขากำลังดูก็คือพี่จีฮุนกับใครอีกคน แล้วทำไมต้องมาแอบๆดูแบบนี้

     

    .

    .

    .

     

    ตอนนี้ซูนยองก็ขับมาถึงที่โรงพยาบาลแล้ว และเลี้ยวเข้าไปจอดในที่สำหรับจอดมอเตอร์ไซต์ก่อนที่จะดับเครื่องยนต์ลง จีฮุนค่อยๆลงมาจากรถมอเตอร์ไซต์อย่างทุลักทุเลนิดหน่อย ก่อนทั้งคู่จะถอดหมวกันน็อค แล้วยื่นให้ซูนยองเก็บ

     

    ในขณะเดียวกัน ซูนยองก็ค่อยๆก้าวลงและใช่กุญแจไขตรงเบาะเพื่อเอากระเป๋าของตัวเองออกมา ให้จีฮุนเห็นว่าข้างในเป็นเสื้อผ้า ของเจ้าตัว เลยทำหน้าสงสัย

     

     

    จะนอนนี่ มีไรไหม

     

    ไม่ต้อง!!”

     

     

    ซูนยองยิ้มขำ เมื่อแกล้งอีกคนได้สำเร็จ ก่อนจะเดินตามคนตัวป้อมที่เดินตุ๊บป่องไปที่ห้องคนป่วยที่จะมาเยี่ยม จีฮุนเดินเข้าไปในห้องหาพี่ชายตัวเองให้เขาตามหลังเข้ามา

     

    ตอนนี้คุณพี่ชายกำลังหลับไป แถมยังเปลี่ยนปลอกคอลลาร์อันใหม่ที่ดูเหมือนอันนี้จะช่วยเรื่องที่คุณหมอบอกเพิ่มขึ้นหรือเปล่า ไม่ทันได้สงสัยนาน คุณหมอคนเดิมก็เดินเข้ามาทักทายพร้อมบอกอาการ

     

     

    ตอนนี้คนไข้ต้องเปลี่ยนปลอกคอลลาร์เป็นแบบแข็งนะคะ เพราะเมื่อกลางวันคนไข้เผลอหันคอตัวเองแรงเกินไป กระดูเลยยิ่งเคลื่อนหนัก ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย ทางบริษัทของตัวคนไข้จ่ายให้เรียบร้อยแล้วนะคะ

     


    ขอบคุณมากๆครับ

     

     

    พอคุณหมอออกไปแล้ว จีฮุนก็เดินไปหาคนไข้ที่เตียงที่กำลังหลับสนิท มือนุ่มลูบไปตามผมของพี่ชายอย่างแอบสงสารนิดหน่อย แต่ก็ขำกับความซุ่มซ่ามของพี่ชายตัวเอง ยืนคิดอยู่สักพักจนลืมไปว่าไม่ได้มีแค่เขา ยังมีมารอยู่อีกคนยืนอยู่ไม่ห่าง และดูท่าว่าจะไม่ไปไหนด้วย จนจีฮุนต้องยอม


     

                “ยืนทำไม ไปนอนสิ

     

                “ครับ

     


    ซูนยองเกิดเป็นคนเชื่อฟังตั้งแต่ตอนไหน  เพราะเจ้าตัวยอมเดินไปนอกห้องอย่างง่ายดายเพื่อที่จะไปนอนโซฟายาวข้างหน้าห้อง เหมือนซูนยองจะรู้ว่า โซฟาตัวในเอาไว้ให้จีฮุนนอน แต่ในใจเขาก็แอบคิดว่าถ้าได้นอนโซฟาเดียวกับจีฮุน คงนอนหลับสบายแน่ๆ แต่ติดอยู่ตรงที่มีคุณพี่ชายนอนอยู่เนี่ย ไม่ไหว ไม่เสี่ยงดีกว่า

     

     

                เวลาผ่านไปไม่นานมาก จีฮุนก็เดินออกมาจากห้องน้ำสำเร็จที่มีห้องอาบน้ำให้ในตัวหลังอาบเสร็จ พร้อมกับชุดนอนเสื้อยืดตัวโครงสีขาวกับกางเกงยืดตัวยาวสีดำ


     

    จีฮุนกำลังลังเลว่าจะไปดูคนข้างนอกดีไหม จะหนาวตายหรือเปล่า เพราะผ้าห่มมีแค่ผืนเดียว คนตัวเล็กเลยตัดสินใจ เดินไปหยิบเสื้อไหมพรมตัวหนาที่เขาหยิบติดมือมาจากห้องของร้าน ค่อยๆเปิดประตูออกไปเจอคนที่เขาเพิ่งสังเกตว่าเหมือนเจ้าตัวจะอาบน้ำมาจากบ้านแล้ว ก่อนจะค่อยๆปิดประตูลง


     

    โซฟาที่ยาวพอประมาณแต่ปลายเท้าของอีกคนก็เกินออกไปอยู่ดี จีฮุนเดินมาหยุดอยู่ข้างๆคนที่นอนอยู่ เสียงลมหายใจพ่นออกมาเบาก็น่าจะเดาออกว่าหลับจริง มือเล็กค่อยหยิบเสื้อไหมพรมของเขาคลุมบริเวณไหล่ให้ โชคดีที่ขนาดมันค่อนข้างใหญ่

     

     

    จีฮุนคิดว่าตอนนี้ก็ดึกแล้ว แถมข้างนอกก็ไม่มีใครเลยนอกจากเขากับซูนยอง เลยคิดว่าเขาควรไปนอนบ้าง คนตัวเล็กเตรียมหันเดินจะเข้าห้อง


     

    แต่จู่ๆมือหนาของคนที่นอนอยู่ก็คว้าเข้าที่ข้อมือเขา ซูนยองออกแรงกระตุกจนจีฮุนเซล้มทับตัวซูนยองอย่างจัง แขนแข็งแรงจัดการใช้มือซ้ายล็อคลำคอนุ่มไว้ในขณะที่ตายังหลับอยู่ จีฮุนพยายามยันตัวเองขึ้นแต่ก็ไม่สำเร็จ

     

     

    ฮื้อ ซูนยอง ปล่อย อื้อ

     

     

    เสียงท้วงถูกปิดไปโดยไม่มีข้อแม้ เมื่อมือหนาจัดการกดหัวทุยลงมาจนริมฝีปากของพวกเขาชิดกัน จีฮุนหลับตาแน่นประกอบกับเม้มปากแน่ กลีบปากบางของซูนยองค่อยๆค่อยเริ่มขยับหลังจากที่กดลงไปเพียงแค่เฉยๆ จูบย้ำๆลงไปในขณะที่คนตัวเล็กกำลังจะเงยหน้าร้องท้วงอีกครั้ง จนซูนยองได้โอกาส จัดการดูดคลึงกลีบปากอิ่มไปมาจนเกิดเสียง นานเข้าจีฮุนเริ่มเกิดคล้อยตาม ลมหายใจเริ่มถี่ขึ้นเพราะซูนยองไม่ให้เขาได้หายใจ


     

    มือหนาอีกข้างค่อยๆลูบไปตามแผ่นหลังนุ่มเพลินมือ ริมฝีกปากยังคงบดคลึงไม่หยุด ขบเม้มอย่างหลงใหล มือหนาค่อยๆเลื่อนลงต่ำเรื่อยๆ ตัดสินใจสอดเข้าไปใต้เสื้อตัวหนาที่บดบังเอวเล็กเอาไว้ จีฮุนผละใบหน้าออกมาเบี่ยงหันหนีไปอีกทาง เพราะเริ่มใจไม่ดี แต่ก็ไม่พ้นริมฝีปากบางกดจูบไปตามแก้มนุ่ม ไปจนถึงกกหู


     

    อือ...หยุด


     

    คนที่จีฮุนคิดว่าละเมอยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง มือหนาลูปวนไปมา บีบเค้นเอวบางเบาให้จีฮุนได้หายใจหอบ ก่อนที่ซูนยองจะค่อยส่งมือลงต่ำไปเรื่อยๆ จนมาหยุที่สะโพกมน และอดไม่ได้ที่บีบลงไปเต็มมือ ให้จีฮุนสะดุ้ง ใช้แรงทั้งหมดผละตัวออกมาจะสำเร็จ 

     

     

    คนตัวยืนเล็กหายใจหอบหนัก ใบร้านผ่าวๆ แดงก่ำแบบที่น่าจะรู้สาเหตุ ก่อนที่มือเล็กจะจัดการดึงผมของคนที่นอนอยู่แถมฉวยโอกาสให้แรง ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในห้องและขบคิดกับตัวเองว่า เมื่อกี้ใช่เขาคล้อยตามหรือเปล่า  แล้วแบบนั้นมันคืออะไร แล้วคืนนี้เขาต้องใจวายแน่ๆ ฮื่ออออ มันน่าให้หนาวตายอยู่ข้างนอก

     

     

                ไอ้คนลามก !! ฮื่อออ




    ....................................(80%)................................



    กินให้หมดสิ

     


    ก็เวลากลืนแล้วมันเจ็บนี่

     


    พี่จินฮอน

     


    ครับ

     

     


    ตอนนี้คนตัวเล็กก็กำลังถูกคนเป็นพี่วอแวไม่เลิก นู่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่เอา จนจีฮุนต้องใช้การส่งสายตาดุๆไปปราบมารยา บวกกับพูดเสียงเข้มไป คนป่วยจึงจะยอมกินอาหารเช้าจนหมด เสร็จแล้วคนตัวเล็กก็เอาจานชามไปวางไว้ที่รถเข็น แล้วจัดการเข็นไปไว้หน้าห้องรอคุณพยาบาลมาเก็บไป

     


                แต่ ก่อนจะเปิดประตูห้องออกไป จีฮุนก็ได้ยินเสียงซูนยองที่หน้าห้อง เหมอนกำลังคุยโทรศัพท์มือือกับใคร

     

     

                อยู่กับเพื่อนตอนนี้โอเคขึ้นแล้วใช่ไหม

     

             

    อืม พี่เป็นห่วงเรานะ ชิลิน

     

     

              คุยกับผู้หญิงหรอ

     

     

              หลังจากที่รู้ว่าคนข้างนอกกำลังคุยกับใคร ใจดวงน้อยของจีฮุนก็รู้สึกเต้นแรง ใบหน้าขาวเริ่มขึ้นสีด้วยความโกรธ เลยตัดสินใจล้มเลิกความคิดที่จะเอารถเข็นไปคืนด้วยตัวเอง แล้ววางไว้เพียงตรงประตูห้อง จีฮุนเลิกแอบฟังคนข้างนอกที่กำลังไม่ว่าง คนตัวเล็กกำลังหวนกลับไปนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ตอนที่ซูนยองทำแบบนั้นกับเขา เพราะคิดว่าเขาเป็นผู้หญิงคนนั้นงั้นหรอ

     


                จีฮุนกำลังรู้สึกหน้าร้อนวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ต้องสะบัดหน้าเลิกคิดฟุ้งซ่านว่า เมื่อวานก็แค่คนละเมอ คนๆนั้นไม่ได้คิดอะไรกับเขา แล้วทำไมเขาต้องโมโหด้วย แต่นั่นมันจูบเลยนะ จูบของเขา ไอ้คนบ้าข้างนอกมันจะรู้ไหมว่าทำอะไรเมื่อคืน

     


                ยิ่งคิดก็ยิ่งของขึ้น แต่ก็ตัดใจไม่ไปต่อยหน้าซุนยอง หันเดินเข้ามาหาพี่ชายที่กำลังนอนดูทีวีอย่างสบายใจ ด้วยความที่ใจของตัวเองกำลังรุ่มร้อน แต่พี่ชายตัวเองดันทำตัวนอนสบายใจเฉิ่ม แล้วเกิดอาการหมั่นไส้ ก็ใช้กำปั้นทุบเข้าที่อกคนป่วยหนึ่งทีดังปัก ให้คนรับแรงทำหน้าไม่เข้าใจ

     



                จิ๋ว เป็นอะ.. โอ๊ย

     

                “นอนได้แล้ว!!”

     

                แต่ยะครับ

     

     


                เมื่อคนป่วยที่เห็นสายตาที่ฟาดมาอย่างแรงแต่นิ่ง แถมรังสีอำมหิตที่แผ่รอบกายของน้องชายตัวเองดูแรงยิ่งนัก เลยยอมจำนนต่อคำสั่งโดยไม่โต้เถียงอะไรอีก รีบข่มตานอนทั้งๆที่ไม่ได้รู้สึกง่วงเลยก็ตามที

     

    .

    .

    .



                ในช่วงสายของวัน ตอนนี้อารมณ์ของจีฮุนค่อนข้างปกติแล้วกลับสู่สภาพเดิม ได้แต่นั่งอยู่ที่โซฟาในห้องคนไข้เฉยๆ คิดอะไรทั่วไป รวมไปถึงเรื่องคนบางคน ที่ตั้งแต่เช้ายังไม่คิดจะเข้ามาทักทายเขาด้วยซ้ำ จนเขาป้อนข้าวให้จินฮอนก็แล้ว อาบน้ำก็แล้ว ก็ยังไร้เงาของซูนยอง จนเขาคิดว่าเจ้าตัวคงกลับบ้านไปแล้ว

     

     

                จีฮุนตัดสินใจเลิกคิดเรื่องนั้นอีกรอบของวัน เพราะตอนนี้เขาก็เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมา คนตัวเล็กเดินไปหยิบกระเป๋าตังกับของมีค่าติดตัวไป แล้วเดินออกมานอกห้องก็เห็นคนบางคนที่ไม่น่านั่งอยู่ที่โซฟาหน้าอีก กำลังนอนเขียนๆอะไรสักอย่าง

     

     

                พอซูนยองได้ยินเสียงคนเดินออกมาจึงเงยหน้ามาก็พบว่าเป็นคนตัวเล็กที่มองหน้าเขาเพียงแปปเดียว แล้วก็เดินไปไม่พูดกับเขา จนถามว่าจะไปไหนไม่ทัน ซูนยองต้องวางมือจากการบ้านแล้วรีบวิ่งตามคนตัวเล็กที่อยู่ห่างไป

     

     

                ขายาวก้าวเดินตามมาเรื่อยๆและไม่ได้พูดอะไร จนได้รู้ว่าคนตัวเล็กลงมาซื้ออะไรกินที่ชั้นล่าง ตรงร้านสะดวกซื้อเล็กๆ เดินตามคนที่เอาแต่เงียบใส่ตั้งแต่ ยืนเลือกซื้อ จนกระทั่งจ่ายเงิน แล้วเดินตาม คนตัวเล็กที่เลือกเดินมานั่งที่โคดหินข้างๆบ่อน้ำของโรงพยาบาล ซูนยองยืนมองจีฮุนที่นั่งหันหลังให้เขาเงียบๆ

     

     

                นี่

     

                “…”

     

                “กินมั่งดิ

     

     

                มือหนาเอื้อมไปสะกิดไหล่คนตัวเล็กไม่หยุด ถ้าเป็นปกติเขาคงโดนค้อนก้อนโตขว้างกลับมาแล้ว แต่เหมือนครั้งนี้เขาจะโดนโกรธเข้าแล้ว เมื่อเห็นท่าไม่ดีที่คนข้างหน้าไม่ยอมหันมาคุยกับเขา เลยตัดสินใจเดินไปนั่งยองตรงหน้าคนที่กำลังนั่งอยู่ไม่ยอมสบตา พยายามกวนโดยการจ้องหน้าขาวไปมาไม่หยุด แต่เหมือนว่าอีกคนจะไม่เล่นด้วย

     

     

                งอนหรอ

     

     

                พอคนตัวเล็กได้ยินคำถามจี้จุด คนตัวเล็กเลยตัดสินใจลุกขึ้นยืน เตรียมเดินหนี ไม่อยากเสวนากับคนข้างหน้า แต่ซูนยองที่ไวกว่าลุกขึ้นมาคว้ามือคนตัวเล็กไว้ทัน มือหนาจับไหล่เล็กให้หันมามองหน้ากัน แต่อีกคนไม่ยอมแม้แต่จะสบตาเขาด้วยซ้ำ

     

     

                เป็นอะไร ทำไมไม่ยอมคุยตอบ

     

                “…”

     

                พูดเดี๋ยวนี้

     

               

                ซูนยองพยายามไล่ไปจ้องตาคนที่พยายามหันหน้าหนี แถมไม่ยอมพูดไม่ยอมจากัน  พยายามหนีเขาและแกะมือปลาหมึกที่เกาะแน่นไม่ปล่อยออก คนกวนประสาทเห็นว่าดูเหมือนจะไม่ได้ผล เลยตัดสินใจลองวิธีใหม่ที่น่าจะเรียกการตอบสนองของคนตัวเล็กได้

     

     

                “ถ้าไม่พูด จะจูบ

     

     

              พลั่ก!!!!

     

     

                หลังจากที่ได้ฟังประโยคจี้จุดจากคนหน้าไม่อาย ก็เกิดอาการโมโหขึ้นอีกรอบ ผลักคนฉวยโอกาสจนล้มลงไปกองที่พื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว

     

     

                จูบเมื่อคืน มันไม่พอหรือไง นายมีแฟนแล้ว และมายุ่งกับฉันทำไม นายมันทำอะไรไม่คิดถึงใจคนอื่น อย่ามาให้เห็นหน้าอีกนะ จะไปไหนก็ไป

     

     

     

                จีฮุนพูดออกมายาวกับความคิดในหัวที่กำลังตีกันมั่วไปหมด พร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีแดงและเหนื่อยหอบหายใจ จนซูนยองรู้จนหมดเปลือกเกี่ยวกับสาเหตุครั้งนี้  มือหนารีบคว้าขาของจีฮุนเอาไว้ก่อนที่คนตัวเล็กเดินหนีไป

     

     

     

                เออ จูบเมื่อคืนมันไม่พอ อยากจูบอีก แล้วนี่ก็จะไม่ไปไหนด้วย จะเกาะขาไว้จนกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง!!”

     

     

                นายมันประสาท!!”

     

     

                “เออประสาท แล้วแฟนมีที่ไหนวะ ควอนซูนยองกำลังโสด โสดมากๆด้วย!!”

     

     

                “แล้วที่คุยมือถือหน้าห้องเมื่อเช้า คุยกับใคร!!”

     

     

                “น้องสาวครับ!!”

     

     

     

                กึก

     

     

     

                คนตัวเล็กชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโมโห ถูกแทนที่ด้วยแววตาที่เริ่มมีความสงสัย เกิดขึ้น จีฮุนยอมหันมามองหน้าตัวปัญหาที่นั่งกอดขาเขาอยู่ตรงพื้นหญ้าไว้แน่น กำลังยิ้มกลับมาให้เขาเหมือนกวนประสาท

     


     

                แอบฟังเขาหรอ หึงเขาหรอ

     

     


                ซูนยองทำท่าทางออดอ้อนเหมือนหนุ่มวัยวัยแรกรุ่น กำลังเอาใบหน้าถูไถไปมากับต้นขาสั้นของจีฮุน พลางว่าประโยคที่ทำให้ใจคนตัวเล็กเต้นแรงอย่างไม่รู้สาเหตุ  และตอนนี้จีฮุนกำลังรู้สึกอยากแทงเข่าเข้าไปที่หน้าของซูนยองแรงๆหนึ่งที

     

     

                มาถึงขนาดนี้แล้ว บอกเลยแล้วกัน ฉันชอบนาย ถึงจะเร็วไป แต่อีกนิดก็รักกันได้ มาเป็นของซูนยองเถอะ มามะ

     

     

     

                ยังไม่ทันได้ฉวยโอกาสอะไรต่อ จีฮุนก็พลักใบหน้ากวนประสาทออก และแงะมือจอมปัญหาออกไปจนได้ ขาเล็กรีบเดินให้ไวที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ โดยไม่สนใจ ปล่อยให้ซูนยองนั่งขำกับตัวเองว่าพูดบ้าอะไรออกไป แถมตะโกนไล่หลังไปให้คนตัวเล็กได้ยินอีกหนึ่งประโยคปิดท้าย

     

     

                นี่ อย่ามาเมินคำสารภาพรักกันดิ กำลังโรแมนติกเลยเนี่ย!!“

     

     

     

    ……………….(100%)……………..


    ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ

    #always17chummy

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×