คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Chummy : Sucre - Part 4
Sucre - Part 4
Author: pearlinc
Rate: PG (?)
-4-
ในช่วงตอนเย็นของวัน
พระอาทิตย์จะหยุดพักแสงหลังจากที่ส่องสว่างมาทั้งวัน
แต่กลับกันที่คนสี่คนในร้านกำลังทำงานของตัวเองกันอย่างต่อเนื่อง มีพักบ้าง
แต่ก็ไม่นานก็มีลูกค้าเข้าออกมาเรื่อยๆ ยิ่งเป็นวันเสาร์แบบนี้แล้ว
พวกเขายังคงต้องยิ่งทำหนักกว่าเดิม เพราะได้ทำตามแพลนกันไว้แล้วว่า
จะมีวันหยุดหนึ่งวันก็คือวันอาทิตย์หรือวันพรุ่งนี้ที่ใกล้จะมาถึงเร็วๆนี้แล้ว
วันนี้เกือบจะบ่อยครั้งที่เขาพยายามโทรติดต่อเจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาล
ถามเกี่ยวกับพี่ชายของเขาว่าเป็นยังไงบ้าง แถมยังฝากคุณเจ้าหน้าที่บอกไปว่า
เขาอาจจะไปช้าหน่อย ช่วยบอกคุณคนป่วยที่เอาแต่ใจใจให้ช่วยทำตัวดีๆ
กริ้ง….
“สวัสดีครับ”
เพื่อนอีกสามคนรวมไปถึงคนตัวเล็กที่วุ่นอยู่กับการทำน้ำแข็งใสเอง
เอ่ยต้อนรับลูกค้าคนใหม่ไป
ดวงหน้ากลมเงยขึ้นมามองเพราะมีใครบางคนเดินตรงมาที่หน้าเคาท์เตอร์ขนมของเขา ก่อนใบหน้ายิ้มแป้นต้อนรับจะกลับพลิกเป็นฟ้ากับเหวทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร
“ไงคนเก่ง”
“มาทำไมอีก”
“มาหาไรกินดิครับ ไม่น่าถามเลย”
“ไอ้….”
คนตัวเล็กทำท่าจะง้างมือเข้าไปฟาดคนตรงข้ามเสียให้ช้ำ
แต่ก็ต้องยับยั้งเอาไว้ก่อน ให้คนมองยิ้มขำล้อเลียนให้เสียประสาท พยายามข่มตาลงสงบสติอารมณ์
ไม่อย่างนั้นคนในร้านได้แตกตื่น เป็นแบบนั้นไม่ดีแน่
“อยากกินเครปกล้วยจังเลย”
“เชิญไปนั่งรอด้วยครับ”
ซูนยองแกล้งยิ้มตาหยีใส่คนพูด
ทำท่าตื่นเต้นเกินหน้าเกินตาที่จะได้กินของที่อยาก
เขายอมลงทุนวางมือจากการบ้านที่สะสมมาทั้งเทอมเอาไว้ในห้อง
และขับมอเตอร์ไซต์คันใหญ่คู่ใจตรงดิ่งมาที่ร้านนี้
เพื่อมารอรับคนบางคนที่เอาแต่ปั้นหน้ามุ่ยใส่เขาไปส่งที่โรงพยาบาลซะตอนนี้เลย
เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจำเป็นต้องทำแบบนี้ไหม
ทั้งชีวิตไม่เคยทุ่มเทอะไรแบบนี้ ยอมรับว่ารู้สึกใจสั่นกับคนตัวเล็กคนนี้ตั้งแต่ครั้งแรก
ในใจดวงน้อยๆของคนขี้แกล้ง ก็แอบหวังอยู่ในใจว่าจะได้มีบรรยากาศแบบเมื่อตอนเช้า
สองขายาวเดินไปที่โต๊ะมุมในสุดของร้านที่ไม่ค่อยมีใครไปนั่ง
ระหว่างที่รอ ซูนยองก็นั่งเท้าคางมองคนตัวเล็กอยู่ห่าง
ใบหน้ากลมขาวที่ยิ้มแย้มให้กับเพื่อนและลูกค้าคนอื่นๆที่ไม่ใช่เขา
แต่ถึงคนตัวเล็กจะหน้ามุ่ยใส่เขายังไง มันดูน่ารักแปลกๆเหมือนกัน
“นี่ ได้แล้ว”
ไม่รู้ว่าเขานั่งเพ้ออะไรนานขนาดไหนถึงขนาดไม่รู้ว่า
คนตัวเล็กเดินมาพร้อมกับจานเครปกล้วยของเขา โดยที่เขาไม่เห็นได้ยังไง
มือหนารับจานมาแล้วยิ้มแช่งกวนประสาทไปให้อีกคนได้รู้สึกหงุดหงิดจะบ้า
แถมเดินตึงตังกลับไปทำเมนูใหม่ให้ลูกค้าคนอื่นต่อ
ซูนยองยิ้มขำคนเดียวครั้งแล้วครั้งเล่า มือก็พลางตักขนมเข้าปากคำโตแล้วก็เอาแต่จ้องหน้าคนบางคนไม่วางตา
จีฮุนที่รู้สึกถึงกระแสแม่เหล็กบางอย่างแผ่มาทางเขา เลยเงยไปตามทิศทาง ก็ตามคาด
เด็กกวนประสาทคนเดิมที่เอาแต่จ้องเขาไม่วางแต่ แถมพอเขาเผลอสบตานิดเดียว
ก็ถูกอีกฝ่ายยักคิ้วให้เป็นของแถม
ไอ้เด็กบ้า
กริ้ง….
ระหว่างที่ซูนยองได้แกล้งสมใจ
ก็มีมารผจญมาขัดสายตารักของเขาไปแบบไม่มีเยื่อใย
เพราะคนตัวเล็กรีบหันไปมองคนที่เพิ่งเข้ามาในร้านคนใหม่
ให้เขาที่นั่งหัวโด่มองตามไป
“พี่จีฮุนครับ ขอพุดดิ้งไข่ชิ้นนึงครับ”
.
.
.
ไอ้จีซู
……………………(10%)……………………
หลังจากที่จีซูเข้ามา
จีฮุนก็ยังคงต้อนรับเหมือนกับลูกค้าคนอื่นๆปกติ
แถมวันนี้รู้สึกจีซูจะเริ่มไม่เกร็งเวลาคุยกับเขาแล้ว
เพราะปกติจะไม่ค่อยกล้าสบตาเหมือนเด็กขี้กลัวไปสักนิด
คราวนี้กลับชวนคุยด้วยซ้ำว่าให้เขาช่วยเลือกเมนูแนะนำให้หน่อย ระหว่างที่จีซูกำลังยืนเลือกเมนูไปพลาง
จีฮุนเพิ่งนึกได้ว่ามีซูนยองอยู่ในร้าน
เพราะว่ากลัวจะเหมือนครั้งที่มีเรื่องกันในร้าน
แต่วันนี้กลับไม่เลย เพราะดูเหมือนว่า
ซูนยองไม่ได้อาละวาด แต่ก็ยังคงแปลกๆ
ตาเรียวคมของซูนยองกำลังมองไปทางเคาท์เตอร์ขนมของจีฮุนอย่างไม่วางตา
ตาเรียวกำลังจ้องดูกริยาของไอ้เด็กเมื่อวานซืนคนนั้นว่ามันจะมาที่นี่ทำไมและมาทำอะไร
สมองของเขากำลังครุ่นคิดพร้อมกับขบกรามเบาๆ เพราะรู้สึกหงุดหงิดที่มันเอาแต่ชวนจีฮุนคุยระหว่างที่ยื่นรอเลือกว่าจะกินอะไร
ซูนยองรู้สึกโมโห
เหมือนจะระเบิดออกมา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะถ้าเขาทำละก็ คนตัวเล็กได้โกรธเขาแน่ๆ
แถมตอนนี้จีซูมันอาจจะไม่เห็นด้วยซ้ำว่าอยู่เขาอยู่ที่นี่
อาจเพราะเขานั่งอยู่ที่มุมสุดร้านด้วย
ตอนนี้ก็ได้แค่เพียงมองกริยาของไอเด็กนั่นห่างๆไปก่อน
หงุดหงิด
หงุดหงิดชิบหายเลย
การที่คนตัวเล็กกำลังยิ้มให้กับทุกคน
มันเป็นธรรมดาของการต้อนรับลูกค้า แต่ไม่ใช่สำหรับซูนยอง แถมยังเป็นกับไอ้จีซู
ยิ่งไม่ได้ เขาไม่ยอม
เวลาผ่านไปนานพอสมควร
แต่ตลอดเวลาที่เขาเฝ้าดูจนลืมกินเครปในจาน มันเอาแต่มองจีฮุนของเขาไม่หยุด
รู้สึกโมโหจนหน้าร้อน แต่ที่แปลกใจคือ ทำไมเขาไม่ลุกไปเคลียร์ให้รู้เรื่อง
แต่อาจเพราะมีคนตัวเล็กบางคนกำลังแอบมองเขาเชิงระแวงหน่อยๆ ตาก็มองไป แต่ปากกับใจ
ก็บ่นผสมด่าไม่หยุด จนในที่สุดมันจะเดินไปคิดเงินแล้วเดินไปหาจีฮุนก่อนจะเดินออกจากร้านไป
ซูนยองมองตามแผ่นหลังของเป้าหมายไม่วางตาจนกระทั่งลับตาไป
ขายาวยันตัวเองขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อเดินไปคิดเงินเหมือนกัน ไม่ลืมที่จะบอกจีฮุนว่าเดี๋ยวเสร็จจะมารับ
ก่อนกำลังจะเดินออกไป ก็มีเสียงของบางคนเอ่ยขึ้นอย่างรู้ทัน
“ห้ามไปทำอะไรเขานะ”
เสียงของจีฮุนบอกก่อนที่อีกคนจะเดินพ้นประตูไป
เพราะเห็นว่าคนตัวโตกว่าแถมยังใจนักเลง กำลังจะเดินออกจากร้าน ถ้าคาดไม่ผิด
ต้องตามจีซูไปแน่ๆ เขาต้องรีบห้ามไว้ก่อน
“ทำไม
เป็นห่วงมันหรือไง? “
จู่ๆ
ซูนยองก็นึกโมโหขึ้นมามากกว่าเดิม เมื่อเขารู้สึกว่า คนตัวเล็กข้างหน้าเขา
กำลังพูดจาเข้าข้างไอ้คนที่เดินออกไปก่อนเขามากเกินไป
“นายจะไปทำเขาทำไม
มีเหตุผลหน่อยสิ“
“จะบอกไว้ให้นะ
มัน ไม่ได้เป็นอย่างที่นายเห็นหรอก“
“นายก็บอกฉันสิ
ว่าเขาทำอะไรให้นาย“
คนตัวสูงไม่ได้ตอบคำถามของจีฮุนไป
แถมยังบ่ายเบี่ยงประเด็นโดยการเมินคำถามนี้ไป ให้จีฮุนไม่เข้าใจ
แถมยังพูดตัดประโยคอีกต่างหาก
“เสร็จแล้ว เดี๋ยวมารับ“
“นี่!!!
ซูนยอง กลับมาเดี๋ยวนี้ ไอ้บ้า“
พอซูนยองพูดจบ
ก็เดินออกมาจากร้าน โดยไม่สนใจคนตัวเล็กที่พยายามห้ามเอาไว้เลย ขายาวก้าวฉับเดินตามเป้าหมายที่เดินนำหน้าเขาไปไม่มากนัก
เดินทิ้งห่างระยะทางไว้มาเรื่อยๆจนเข้ามาที่ซอยหนึ่งซอยที่ปราศจากคน
เมื่อเห็นแบบนั้น ซูนยองจึงเร่งฝีเท้าเล็กน้อยให้ทันคนข้างหน้าและประชิดตัวไว้
ตอนนี้ในซอยเล็กๆมีเพียงซูนยองกับจีซูเท่านั้น คนมาที่เดินตามหลังอย่างควอนซูนยอง
เดินมาหยุดอยู่ตรงข้างหน้า ก่อนจะหันมายิ้มบางๆให้ จนอีกคนต้องทำหน้าตื่นตกใจแต่กลับไม่ได้คิดจะวิ่งหนีไปไหน
“ไง“
“พะ..พี่ครับ
อย่าทำผมเลยครับ“
“เลิกแสดงละครซะทีเหอะว่ะ
กูเอียน“
ซูนยองเบ้หน้าให้กับความสมบทบาท
ที่สามารถตบตาคนรอบข้างรวมถึงจีฮุนให้หลงเชื่อว่ามันดีนักหนา
ท่าทางที่ดูเหมือนคนโดนรังแกตลอดเวลาแบบนี้ ใบหน้าที่ซ่อนเอาไว้ภายใต้กรอบแว่นนั่นที่สามารถปกปิดมันมิดชิดจนคนหลงเชื่อกันไปหมด
จีซูที่ในตอนแรกทำท่ายกแขนขึ้นป้องกันตัวเองเอาไว้เหมือนคนกลัวโดนทำร้ายอย่างมาก
ค่อยๆคลายแขนออกพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมายืนปกติต่อหน้าเขา พร้อมทั้งยิ้มให้เขา
ยิ้มที่ดูดีและมีอะไรซ่อนอยู่
“ผมว่ามันก็สนุกดีนะครับ“
“คิดว่ามึงเป็นคนดีมากหรือไงวะ“
“ก็ลองถามพี่จีฮุนดูสิครับ“ ซูนยองรู้สึกกำลังเดือดเป็นน้ำต้มสุก
ที่สามรถราดคนตรงหน้าให้สุกดิ้นได้ แต่เขายังคงต้องเก็บอาการ เพราะถ้าแสดงออกไป หรือทำอะไรลงไป
มันจะยิ่งได้ใจ
“กูขอเตือนมึง
ถ้ามึงยุ่งกับจีฮุน กูไม่ไว้มึงแน่“
“ตอนนั้นกับชิลิน พี่ก็พูดแบบนี้นี่ครับ“
“มึง!!!! “
หลังจากได้ยินชื่อของน้องสาวตัวเอง
ออกจากปากไอ้คนที่ไม่ควรจะพูดด้านหน้า มือหนาก็จัดการเอื้อมมือไปคว้ายึดเข้าที่เสื้อยืดของคู่กรณี
ซูนยองจับกำแน่นมันจนเหมือนเนื้อผ้าจะแหลกติดมือ
ดวงตาคมจ้องเขม่งมองดวงตาภายใต้กรอบแว่นที่ยากจะคาดเดา ว่าคนๆนี้มันคิดจะทำอะไรอีก
ก่อนซูนยองจะปล่อยมือออกมา
แต่ดวงตายังคงจ้องเขม่งสู้กับตายิ้มดูสุภาพของตรงหน้าที่ดูไม่ขึ้ขลาดอย่างที่คนอื่นแล้วจีฮุนเห็น
“พี่ไม่ดีใจหรอครับ ผมอุตส่าได้คนใหม่แล้วแท้ๆ“
จีซูพูดจบก็ยิ้มออกมา
รอยยิ้มที่ดูดีและน่ามองถ้าไม่รวมกับแววตาที่ที่ตรงข้ามคู่นั้น
ซูนยองกำมือแน่นจนห้อเลือดเมื่อพอจะนึกออกว่า คนๆนี้มันกำลังหมายถึงใคร
ใครบางคนที่เขาไม่อยากให้ใครแตะต้อง
“มึง...จะยุ่งกับจีฮุนไม่ได้“
“ทำไมละครับ ผมว่าพี่เขาน่ารักดี
ว่าไหมครับ“
“กูจะขอเตือนมึงครั้งสุดท้าย
เลิกทำแบบนี้“
ซูนยองพูดเตือนพร้อมกับจ้องจีซูอย่างเอาเรื่อง
ในใจก็นึกหวั่นอย่างบอกไม่ถูก เขากำลังรู้สึกไม่ดีที่จีฮุนถูกดึงมาในเรื่องแบบนี้
ใบหน้าอ่อนโยนของจีซูยิ้มสู้ ความคิดของจีซูพอจะดูท่าทีออกว่าซูนยองกำลังให้ความสนใจในพี่จีฮุนนั่น
ตั้งแต่ที่มีเรื่องในร้านครั้งนั้น
คนอย่างควอนซูนยองจะสงบลงได้ง่ายๆแบบนั้นได้ยังไง มันผิดปกติ
และนั่น คือสิ่งที่เขาต้องการ
“ผมไม่รับปากดีกว่าครับ“
เมื่อได้ยินแบบนั้น
ซูนยองรู้สึกหัวใจเขากำลังเต้นรัวแรง ความโกรธที่มีก็เพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ
จึงจัดการดับมันด้วยการจบบทสนทนาเอาไว้จะดีที่สุด
“กูจะจับตาดูมึง
จำไว้“
ซูนยองเอ่ยประโยคสุดท้ายออกมาด้วยอารมณ์ที่พล่านในอก
ก่อนที่จะหันหลังกลับ และเดินห่างออกมาจากตรงนั้นเรื่อยๆ ในขณะที่อีกคนอย่างจีซู
ยังคงยืนอยู่ที่เดิม มองแผ่นหลังของคู่สนทนาเมื่อครู่อยู่แบบนั้น
ใบหน้าที่ปราศจากรอยยิ้มไปแล้วถูกแทนที่ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ยากจะคาดเดา
“ผมก็จะจับตาดูพี่เหมือนกัน พี่ซูนยอง“
.
.
.
.
ตอนนี้ทั้งสี่คนก็เก็บร้านกันหมดเรียบร้อยแล้ว
และกำลังจะกลับบ้านกัน แถมพรุ่งนี้ยังเป็นวันหยุดวันแรกอีกต่างหาก
ต่างคนต่างก็แพลนในหัวเป็นของตัวเอง แต่จีฮุนคนนี้
คงต้องไปนอนแอ้งแม้งอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมของโรงพยาบาลแน่ๆ คิดแล้วก็เซ็งไม่น้อย แถมวันนี้ยังมีเรื่องให้น้อยใจไม่น้อยอยู่เหมือนกัน
ก็คนบางคนไม่ยอมเชื่อฟังเขาวันนี้ แถมก็ตั้งนานแล้ว หายไปไหนก็ไม่รู้
จีฮุนเห็นซูนยองครั้งล่าสุดของวันนี้
ก็ตอนที่คนตัวโตหัวดื้อมาเอารถมอเตอร์ไซต์คู่ใจของตัวเองแล้วขับออกไปไหนไม่รู้
จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มา ไม่คิดจะสนใจเขาเลย
คิดอะไรอยู่จีฮุน
เขาก็แค่ใครไม่รู้
ในขณะที่จีฮุนกำลังคิดอะไรเพลิน
เพื่อนอีกสามคนที่กำลังคุยกันก่อนกลับบ้านก็แอบสังเกตอยู่ห่างๆ
ตั้งแต่ตอนที่เด็กนักเลงมัธยมที่มีเรื่องวันนั้น เดินเข้ามาในร้านวันนี้
พวกเขาก็ตกใจอยู่ไม่น้อย
ตอนแรกก็กะว่าจะไปขอร้องให้ว่าอย่ามาเอาเรื่องจีฮุนเพื่อนเขาเลย
เพราะเจ้าตัวเดินตรงมาที่เคาท์เตอร์ขนมขนาดนั้น
แต่ดูเหมือนสองคนนั้นจะคุยกันปกติ
แถมพวกเขาได้ยินประโยคที่เด็กนักเงคนนั้นบอกว่า จะมารับอะไรสักอย่าง ดูๆแล้วเหมือนจะไปทำความรู้จักกันตอนไหน
และ
โดยที่พวกเขาไม่รู้
ได้ยังไง….
‘เห้ บี1 นายคิดเหมือนฉันหรือเปล่า
เกี่ยวกับเด็กนักเลงนั้น’
‘ฉันว่าต้องมีอะไร บี2’
‘งั้นวันนี้กลับกันดึกหน่อยล่ะ
ถ้านายอยากจะรู้’
“อยากรู้”
‘วอนอู!!!’
สองสหายกลิ่นกล้วยหอมหันขวับมามองเพื่อนตัวขาว
ที่นั่งอยู่ตรงโซฟาฝั่งเดียวกับจีฮุน สายตาคาดโทษสองคู่ถูกส่งไปยังกลางหน้าผากมนของวอนอู
ตีตราว่าเจ้าได้ทำผิดพลาดอย่างรุนแรง เพราะอยู่ๆก็พูดแบบออกเสียงออกมาระหว่างสนทนาสายตาได้ยังไง
“อยากรู้อะไรหรอ วอนอู”
“แหะๆ
เปล่า ไม่มีอะไรเลย”
วอนอูได้โบกมือไปมาบอกว่าไม่มีอะไรจริงๆ
แถมยิ้มแห้งส่งกลับไปให้จีฮุนได้หายสงสัย จู่ๆ
เสียงมือถือของจีฮุนก็ดังขึ้นให้คนตัวเล็กกดรับ
“ฮัลโหลครับ...ได้ครับ...จะรีบไปครับ”
มือนิ่มกดปุ่มวางสายจากทางโรงพยาบาล
ที่โทรมาบอกอาการของจินฮอนว่า
มีบางอย่างเกิดขึ้นกับจินฮอนจากอุบัติเหตุที่เกิดจากความซุ่มซ่ามของพี่ชายตัวเองอีกแล้ว
ให้เขามาช่วยรับรู้อาการด้วย เพื่อนอีกสามคนที่ยังคงสงสัย ก็อยากจะถาม
แต่ดูเหมือนจีฮุนจะไม่เปิดโอกาสเลย
“พวกนายกลับเลยไหมอะ”
“อะ...เอ้อ
กลับเลยๆๆ”
“ถ้างั้น
พวกนายไปกันก่อนเลยนะ เดี๋ยวนี่ต้องไปเอาชุดข้างบน ไว้เปลี่ยนโรงบาล กลับดีๆนะ”
จีฮุนลาเพื่อนเสร็จ
ก็ขึ้นไปเก็บของเพื่อที่จะเตรียมไปนอนเฝ้าจินฮอนอีก
แถมวันนี้ต้องเรียกรถแท็กซี่ไปเองอีก ก็ไม่มีคนไปส่งอย่างนั้น
ไปเองก็ได้
เสียงสตาร์ทของเพื่อนข้างล่าง
ก็คงจะเดาออกว่ากลับกันไปแล้วจริงๆ ส่วนวอนอู
มินกยูก็คงมารับวอนอูไปแล้วเพราะเขาได้ยินเหมือนอีกคันนึงหลังจากนั้นมาจอดแล้วขับไป
ก็เหลือแต่เขาคนเดียว วันนี้รู้สึกแปลกๆ จนต้องพองลมปากในขณะที่เดินลงบันไดมาพร้อมกระเป๋าสะพายหลัง
คนตัวเล็กจัดการปิดประตูร้านเพราะเป็นคนสุดท้ายที่ออก
จากนั้นก็เดินมารอที่โต๊ะม้าหินอ่อน แต่ไม่นานเหมือนรู้ใจเขา
เสียงมอเตอร์ไซต์คันที่เขาเคยนั่ง ก็ขับมาจอดเทียบข้างหน้าร้านพอดี
ซูนยองมองคนตัวเล็กที่ม้าหินอ่อนที่เอาแต่นั่งนิ่ง ไม่ยอมมองเขา และไม่มากับเขา
“ขึ้นรถ”
“…”
“จีฮุน”
“…”
“จีฮุน”
“…”
“ขึ้นรถ”
“โอ๊ย
ประสาท!!!”
จีฮุนที่นั่งฟังชื่อตัวเองอยู่นาน
เด้งตัวลุกขึ้นเดินปึงปังมาที่รถ ก่อนที่คนตัวโตจะยื่นหมวกกันน็อคสีเขียวมิ้นอันใหม่ให้
เพราะอันเมื่อตอนเช้าที่ซูนยองขับมาส่งอีกคนกำลังใส่อยู่
คนตัวเล็กมองหน้าอีกคนด้วยความบูดบึ้งให้รู้ว่าเขาโกรธอยู่
“ใส่ดิ อุตส่าซื้อมาให้วันนี้”
คนตัวเล็กยอมใส่แต่โดยดี
แต่ก็ยังคงไม่ยอมปีนขึ้นไปบนมอเตอร์ไซต์คันใหญ่สักที
คนตัวเล็กกำลังประมวลเหตุการณ์ว่าที่ซูนยองหายไปเมื่อเย็นเพราะไปซื้อสิ่งนี้
แล้วก็คิดค้านออกมาว่า แล้วทำไมไม่บอกเขา จนต้องเกิดโมโหอีกรอบ
ปั่ก!!!
“เห้ย ตกใจหมด”
ซูนยองบ่นโวยวายออกมา
เพราะจู่ๆคนตัวเล็กก็ก็โดดเด้งตัวขึ้นจน หมวกกันน็อคใบใหม่กับใบเก่ากระแทกกัน
เล่นเอาซูนยองหน้าสั่นอยู่พัก กำลังจะโวยวายต่อว่าทำเขาทำไม
คู่กรณีก็ชิ่งไปปีนมอเอตร์ไซต์เขาสะก่อน
พออีกคนขึ้นเสร็จ
จู่ๆคนข้างหลังก็เอ่ยเสียงออกมาให้เขาแอบบขำ
“ที่ยอมไปด้วย เพราะขี้เกียจฟังเสียงนาย เข้าใจเปล่า ฉันไม่ได้อยากไปเลย!!”
“เออๆ
ครับๆ ไม่ได้อยากไปด้วยครับ”
พอตอบให้อีกคนสบายใจก็เริ่มเร่งขัดบิดออกตัวไปที่โรงพยาบาลตามที่คนขับเคยไป
โดยที่สองคนไม่ได้รู้ตัวเลย
ว่ามีสายตาสี่คู่กำลังเฝ้าสถานการณ์อย่างใกล้ชิดยิ่งกว่าข่าวร้อน
พวกเขาพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไง
จีฮุนแอบไปกิ๊กก๊อกกับเด็กคนนั้นได้ยังไง แล้วไหนบอกไปกับพี่วินมอเตอร์ไซต์ที่ว่า
นี่ใช่คันนี้หรือเปล่า นี่พวกเขาอุตส่าลงทุนขยับรถมาที่มุมมืดตรงข้ามของร้านเลยนะ
ในขณะที่กำลังนั่งคุยและตั้งคำถามกันหลังจากที่จีฮุนไปแล้ว
ก็มีอีกเสียงหนึ่งแทรกมาถาม
“วอนอูกับพวกพี่
เราจะไม่กลับบ้านกันหรือครับ”
มีเพียงคนสามคนเท่านั้นที่สงสัยนิดหน่อย
ส่วนอีกคนที่มาใหม่คือคนไม่รู้เรื่องเลยอย่างมินกยู ที่ถูกบังคับให้มาจอดรถหลบๆตอนมารับวอนอู
แถมให้ลงมานั่งยองๆแอบอยู่ข้างรถเหมือนหลบ มินกยูรู้แค่ว่า สิ่งที่เขากำลังดูก็คือพี่จีฮุนกับใครอีกคน
แล้วทำไมต้องมาแอบๆดูแบบนี้…
.
.
.
ตอนนี้ซูนยองก็ขับมาถึงที่โรงพยาบาลแล้ว
และเลี้ยวเข้าไปจอดในที่สำหรับจอดมอเตอร์ไซต์ก่อนที่จะดับเครื่องยนต์ลง จีฮุนค่อยๆลงมาจากรถมอเตอร์ไซต์อย่างทุลักทุเลนิดหน่อย
ก่อนทั้งคู่จะถอดหมวกันน็อค แล้วยื่นให้ซูนยองเก็บ
ในขณะเดียวกัน ซูนยองก็ค่อยๆก้าวลงและใช่กุญแจไขตรงเบาะเพื่อเอากระเป๋าของตัวเองออกมา
ให้จีฮุนเห็นว่าข้างในเป็นเสื้อผ้า ของเจ้าตัว เลยทำหน้าสงสัย
“จะนอนนี่ มีไรไหม”
“ไม่ต้อง!!”
ซูนยองยิ้มขำ
เมื่อแกล้งอีกคนได้สำเร็จ ก่อนจะเดินตามคนตัวป้อมที่เดินตุ๊บป่องไปที่ห้องคนป่วยที่จะมาเยี่ยม
จีฮุนเดินเข้าไปในห้องหาพี่ชายตัวเองให้เขาตามหลังเข้ามา
ตอนนี้คุณพี่ชายกำลังหลับไป
แถมยังเปลี่ยนปลอกคอลลาร์อันใหม่ที่ดูเหมือนอันนี้จะช่วยเรื่องที่คุณหมอบอกเพิ่มขึ้นหรือเปล่า
ไม่ทันได้สงสัยนาน คุณหมอคนเดิมก็เดินเข้ามาทักทายพร้อมบอกอาการ
“ตอนนี้คนไข้ต้องเปลี่ยนปลอกคอลลาร์เป็นแบบแข็งนะคะ
เพราะเมื่อกลางวันคนไข้เผลอหันคอตัวเองแรงเกินไป กระดูเลยยิ่งเคลื่อนหนัก
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย ทางบริษัทของตัวคนไข้จ่ายให้เรียบร้อยแล้วนะคะ”
“ขอบคุณมากๆครับ”
พอคุณหมอออกไปแล้ว
จีฮุนก็เดินไปหาคนไข้ที่เตียงที่กำลังหลับสนิท มือนุ่มลูบไปตามผมของพี่ชายอย่างแอบสงสารนิดหน่อย
แต่ก็ขำกับความซุ่มซ่ามของพี่ชายตัวเอง ยืนคิดอยู่สักพักจนลืมไปว่าไม่ได้มีแค่เขา
ยังมีมารอยู่อีกคนยืนอยู่ไม่ห่าง และดูท่าว่าจะไม่ไปไหนด้วย จนจีฮุนต้องยอม
“ยืนทำไม
ไปนอนสิ”
“ครับ”
ซูนยองเกิดเป็นคนเชื่อฟังตั้งแต่ตอนไหน
เพราะเจ้าตัวยอมเดินไปนอกห้องอย่างง่ายดายเพื่อที่จะไปนอนโซฟายาวข้างหน้าห้อง
เหมือนซูนยองจะรู้ว่า โซฟาตัวในเอาไว้ให้จีฮุนนอน
แต่ในใจเขาก็แอบคิดว่าถ้าได้นอนโซฟาเดียวกับจีฮุน คงนอนหลับสบายแน่ๆ
แต่ติดอยู่ตรงที่มีคุณพี่ชายนอนอยู่เนี่ย ไม่ไหว ไม่เสี่ยงดีกว่า
เวลาผ่านไปไม่นานมาก
จีฮุนก็เดินออกมาจากห้องน้ำสำเร็จที่มีห้องอาบน้ำให้ในตัวหลังอาบเสร็จ
พร้อมกับชุดนอนเสื้อยืดตัวโครงสีขาวกับกางเกงยืดตัวยาวสีดำ
จีฮุนกำลังลังเลว่าจะไปดูคนข้างนอกดีไหม
จะหนาวตายหรือเปล่า เพราะผ้าห่มมีแค่ผืนเดียว คนตัวเล็กเลยตัดสินใจ
เดินไปหยิบเสื้อไหมพรมตัวหนาที่เขาหยิบติดมือมาจากห้องของร้าน ค่อยๆเปิดประตูออกไปเจอคนที่เขาเพิ่งสังเกตว่าเหมือนเจ้าตัวจะอาบน้ำมาจากบ้านแล้ว
ก่อนจะค่อยๆปิดประตูลง
โซฟาที่ยาวพอประมาณแต่ปลายเท้าของอีกคนก็เกินออกไปอยู่ดี
จีฮุนเดินมาหยุดอยู่ข้างๆคนที่นอนอยู่ เสียงลมหายใจพ่นออกมาเบาก็น่าจะเดาออกว่าหลับจริง
มือเล็กค่อยหยิบเสื้อไหมพรมของเขาคลุมบริเวณไหล่ให้ โชคดีที่ขนาดมันค่อนข้างใหญ่
จีฮุนคิดว่าตอนนี้ก็ดึกแล้ว
แถมข้างนอกก็ไม่มีใครเลยนอกจากเขากับซูนยอง เลยคิดว่าเขาควรไปนอนบ้าง
คนตัวเล็กเตรียมหันเดินจะเข้าห้อง
แต่จู่ๆมือหนาของคนที่นอนอยู่ก็คว้าเข้าที่ข้อมือเขา
ซูนยองออกแรงกระตุกจนจีฮุนเซล้มทับตัวซูนยองอย่างจัง แขนแข็งแรงจัดการใช้มือซ้ายล็อคลำคอนุ่มไว้ในขณะที่ตายังหลับอยู่
จีฮุนพยายามยันตัวเองขึ้นแต่ก็ไม่สำเร็จ
“ฮื้อ ซูนยอง
ปล่อย อื้อ”
เสียงท้วงถูกปิดไปโดยไม่มีข้อแม้
เมื่อมือหนาจัดการกดหัวทุยลงมาจนริมฝีปากของพวกเขาชิดกัน
จีฮุนหลับตาแน่นประกอบกับเม้มปากแน่
กลีบปากบางของซูนยองค่อยๆค่อยเริ่มขยับหลังจากที่กดลงไปเพียงแค่เฉยๆ
จูบย้ำๆลงไปในขณะที่คนตัวเล็กกำลังจะเงยหน้าร้องท้วงอีกครั้ง จนซูนยองได้โอกาส
จัดการดูดคลึงกลีบปากอิ่มไปมาจนเกิดเสียง นานเข้าจีฮุนเริ่มเกิดคล้อยตาม
ลมหายใจเริ่มถี่ขึ้นเพราะซูนยองไม่ให้เขาได้หายใจ
มือหนาอีกข้างค่อยๆลูบไปตามแผ่นหลังนุ่มเพลินมือ
ริมฝีกปากยังคงบดคลึงไม่หยุด ขบเม้มอย่างหลงใหล มือหนาค่อยๆเลื่อนลงต่ำเรื่อยๆ
ตัดสินใจสอดเข้าไปใต้เสื้อตัวหนาที่บดบังเอวเล็กเอาไว้ จีฮุนผละใบหน้าออกมาเบี่ยงหันหนีไปอีกทาง
เพราะเริ่มใจไม่ดี แต่ก็ไม่พ้นริมฝีปากบางกดจูบไปตามแก้มนุ่ม ไปจนถึงกกหู
“อือ...หยุด”
คนที่จีฮุนคิดว่าละเมอยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง
มือหนาลูปวนไปมา บีบเค้นเอวบางเบาให้จีฮุนได้หายใจหอบ
ก่อนที่ซูนยองจะค่อยส่งมือลงต่ำไปเรื่อยๆ จนมาหยุที่สะโพกมน และอดไม่ได้ที่บีบลงไปเต็มมือ
ให้จีฮุนสะดุ้ง ใช้แรงทั้งหมดผละตัวออกมาจะสำเร็จ
คนตัวยืนเล็กหายใจหอบหนัก
ใบร้านผ่าวๆ แดงก่ำแบบที่น่าจะรู้สาเหตุ
ก่อนที่มือเล็กจะจัดการดึงผมของคนที่นอนอยู่แถมฉวยโอกาสให้แรง
ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในห้องและขบคิดกับตัวเองว่า เมื่อกี้ใช่เขาคล้อยตามหรือเปล่า แล้วแบบนั้นมันคืออะไร
แล้วคืนนี้เขาต้องใจวายแน่ๆ ฮื่ออออ มันน่าให้หนาวตายอยู่ข้างนอก
ไอ้คนลามก !! ฮื่อออ
....................................(80%)................................
“กินให้หมดสิ”
“ก็เวลากลืนแล้วมันเจ็บนี่”
“พี่จินฮอน”
“ครับ”
ตอนนี้คนตัวเล็กก็กำลังถูกคนเป็นพี่วอแวไม่เลิก
นู่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่เอา จนจีฮุนต้องใช้การส่งสายตาดุๆไปปราบมารยา บวกกับพูดเสียงเข้มไป
คนป่วยจึงจะยอมกินอาหารเช้าจนหมด เสร็จแล้วคนตัวเล็กก็เอาจานชามไปวางไว้ที่รถเข็น
แล้วจัดการเข็นไปไว้หน้าห้องรอคุณพยาบาลมาเก็บไป
แต่
ก่อนจะเปิดประตูห้องออกไป จีฮุนก็ได้ยินเสียงซูนยองที่หน้าห้อง
เหมอนกำลังคุยโทรศัพท์มือือกับใคร
“อยู่กับเพื่อนตอนนี้โอเคขึ้นแล้วใช่ไหม”
“อืม พี่เป็นห่วงเรานะ
ชิลิน”
คุยกับผู้หญิงหรอ
หลังจากที่รู้ว่าคนข้างนอกกำลังคุยกับใคร
ใจดวงน้อยของจีฮุนก็รู้สึกเต้นแรง ใบหน้าขาวเริ่มขึ้นสีด้วยความโกรธ
เลยตัดสินใจล้มเลิกความคิดที่จะเอารถเข็นไปคืนด้วยตัวเอง
แล้ววางไว้เพียงตรงประตูห้อง จีฮุนเลิกแอบฟังคนข้างนอกที่กำลังไม่ว่าง คนตัวเล็กกำลังหวนกลับไปนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
ตอนที่ซูนยองทำแบบนั้นกับเขา เพราะคิดว่าเขาเป็นผู้หญิงคนนั้นงั้นหรอ
จีฮุนกำลังรู้สึกหน้าร้อนวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก
แต่ก็ต้องสะบัดหน้าเลิกคิดฟุ้งซ่านว่า เมื่อวานก็แค่คนละเมอ
คนๆนั้นไม่ได้คิดอะไรกับเขา แล้วทำไมเขาต้องโมโหด้วย แต่นั่นมันจูบเลยนะ จูบของเขา
ไอ้คนบ้าข้างนอกมันจะรู้ไหมว่าทำอะไรเมื่อคืน
ยิ่งคิดก็ยิ่งของขึ้น
แต่ก็ตัดใจไม่ไปต่อยหน้าซุนยอง หันเดินเข้ามาหาพี่ชายที่กำลังนอนดูทีวีอย่างสบายใจ
ด้วยความที่ใจของตัวเองกำลังรุ่มร้อน แต่พี่ชายตัวเองดันทำตัวนอนสบายใจเฉิ่ม
แล้วเกิดอาการหมั่นไส้ ก็ใช้กำปั้นทุบเข้าที่อกคนป่วยหนึ่งทีดังปัก
ให้คนรับแรงทำหน้าไม่เข้าใจ
“จิ๋ว เป็นอะ.. โอ๊ย”
“นอนได้แล้ว!!”
“แต่ยะ…ครับ”
เมื่อคนป่วยที่เห็นสายตาที่ฟาดมาอย่างแรงแต่นิ่ง
แถมรังสีอำมหิตที่แผ่รอบกายของน้องชายตัวเองดูแรงยิ่งนัก
เลยยอมจำนนต่อคำสั่งโดยไม่โต้เถียงอะไรอีก
รีบข่มตานอนทั้งๆที่ไม่ได้รู้สึกง่วงเลยก็ตามที
.
.
.
ในช่วงสายของวัน
ตอนนี้อารมณ์ของจีฮุนค่อนข้างปกติแล้วกลับสู่สภาพเดิม ได้แต่นั่งอยู่ที่โซฟาในห้องคนไข้เฉยๆ
คิดอะไรทั่วไป รวมไปถึงเรื่องคนบางคน ที่ตั้งแต่เช้ายังไม่คิดจะเข้ามาทักทายเขาด้วยซ้ำ
จนเขาป้อนข้าวให้จินฮอนก็แล้ว อาบน้ำก็แล้ว ก็ยังไร้เงาของซูนยอง จนเขาคิดว่าเจ้าตัวคงกลับบ้านไปแล้ว
จีฮุนตัดสินใจเลิกคิดเรื่องนั้นอีกรอบของวัน
เพราะตอนนี้เขาก็เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมา คนตัวเล็กเดินไปหยิบกระเป๋าตังกับของมีค่าติดตัวไป
แล้วเดินออกมานอกห้องก็เห็นคนบางคนที่ไม่น่านั่งอยู่ที่โซฟาหน้าอีก
กำลังนอนเขียนๆอะไรสักอย่าง
พอซูนยองได้ยินเสียงคนเดินออกมาจึงเงยหน้ามาก็พบว่าเป็นคนตัวเล็กที่มองหน้าเขาเพียงแปปเดียว
แล้วก็เดินไปไม่พูดกับเขา จนถามว่าจะไปไหนไม่ทัน ซูนยองต้องวางมือจากการบ้านแล้วรีบวิ่งตามคนตัวเล็กที่อยู่ห่างไป
ขายาวก้าวเดินตามมาเรื่อยๆและไม่ได้พูดอะไร
จนได้รู้ว่าคนตัวเล็กลงมาซื้ออะไรกินที่ชั้นล่าง ตรงร้านสะดวกซื้อเล็กๆ
เดินตามคนที่เอาแต่เงียบใส่ตั้งแต่ ยืนเลือกซื้อ จนกระทั่งจ่ายเงิน แล้วเดินตาม
คนตัวเล็กที่เลือกเดินมานั่งที่โคดหินข้างๆบ่อน้ำของโรงพยาบาล
ซูนยองยืนมองจีฮุนที่นั่งหันหลังให้เขาเงียบๆ
“นี่”
“…”
“กินมั่งดิ”
มือหนาเอื้อมไปสะกิดไหล่คนตัวเล็กไม่หยุด
ถ้าเป็นปกติเขาคงโดนค้อนก้อนโตขว้างกลับมาแล้ว
แต่เหมือนครั้งนี้เขาจะโดนโกรธเข้าแล้ว
เมื่อเห็นท่าไม่ดีที่คนข้างหน้าไม่ยอมหันมาคุยกับเขา
เลยตัดสินใจเดินไปนั่งยองตรงหน้าคนที่กำลังนั่งอยู่ไม่ยอมสบตา พยายามกวนโดยการจ้องหน้าขาวไปมาไม่หยุด
แต่เหมือนว่าอีกคนจะไม่เล่นด้วย
“งอนหรอ”
พอคนตัวเล็กได้ยินคำถามจี้จุด
คนตัวเล็กเลยตัดสินใจลุกขึ้นยืน เตรียมเดินหนี ไม่อยากเสวนากับคนข้างหน้า
แต่ซูนยองที่ไวกว่าลุกขึ้นมาคว้ามือคนตัวเล็กไว้ทัน
มือหนาจับไหล่เล็กให้หันมามองหน้ากัน แต่อีกคนไม่ยอมแม้แต่จะสบตาเขาด้วยซ้ำ
“เป็นอะไร ทำไมไม่ยอมคุยตอบ”
“…”
“พูดเดี๋ยวนี้”
ซูนยองพยายามไล่ไปจ้องตาคนที่พยายามหันหน้าหนี
แถมไม่ยอมพูดไม่ยอมจากัน พยายามหนีเขาและแกะมือปลาหมึกที่เกาะแน่นไม่ปล่อยออก
คนกวนประสาทเห็นว่าดูเหมือนจะไม่ได้ผล เลยตัดสินใจลองวิธีใหม่ที่น่าจะเรียกการตอบสนองของคนตัวเล็กได้
“ถ้าไม่พูด
จะจูบ”
พลั่ก!!!!
หลังจากที่ได้ฟังประโยคจี้จุดจากคนหน้าไม่อาย
ก็เกิดอาการโมโหขึ้นอีกรอบ ผลักคนฉวยโอกาสจนล้มลงไปกองที่พื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
“จูบเมื่อคืน มันไม่พอหรือไง นายมีแฟนแล้ว และมายุ่งกับฉันทำไม
นายมันทำอะไรไม่คิดถึงใจคนอื่น อย่ามาให้เห็นหน้าอีกนะ จะไปไหนก็ไป”
จีฮุนพูดออกมายาวกับความคิดในหัวที่กำลังตีกันมั่วไปหมด
พร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีแดงและเหนื่อยหอบหายใจ จนซูนยองรู้จนหมดเปลือกเกี่ยวกับสาเหตุครั้งนี้
มือหนารีบคว้าขาของจีฮุนเอาไว้ก่อนที่คนตัวเล็กเดินหนีไป
“เออ จูบเมื่อคืนมันไม่พอ อยากจูบอีก แล้วนี่ก็จะไม่ไปไหนด้วย จะเกาะขาไว้จนกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง!!”
“นายมันประสาท!!”
“เออประสาท
แล้วแฟนมีที่ไหนวะ ควอนซูนยองกำลังโสด โสดมากๆด้วย!!”
“แล้วที่คุยมือถือหน้าห้องเมื่อเช้า
คุยกับใคร!!”
“น้องสาวครับ!!”
กึก…
คนตัวเล็กชะงักไปครู่หนึ่ง
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโมโห ถูกแทนที่ด้วยแววตาที่เริ่มมีความสงสัย เกิดขึ้น จีฮุนยอมหันมามองหน้าตัวปัญหาที่นั่งกอดขาเขาอยู่ตรงพื้นหญ้าไว้แน่น
กำลังยิ้มกลับมาให้เขาเหมือนกวนประสาท
“แอบฟังเขาหรอ หึงเขาหรอ”
ซูนยองทำท่าทางออดอ้อนเหมือนหนุ่มวัยวัยแรกรุ่น
กำลังเอาใบหน้าถูไถไปมากับต้นขาสั้นของจีฮุน พลางว่าประโยคที่ทำให้ใจคนตัวเล็กเต้นแรงอย่างไม่รู้สาเหตุ
และตอนนี้จีฮุนกำลังรู้สึกอยากแทงเข่าเข้าไปที่หน้าของซูนยองแรงๆหนึ่งที
“มาถึงขนาดนี้แล้ว บอกเลยแล้วกัน ฉันชอบนาย ถึงจะเร็วไป
แต่อีกนิดก็รักกันได้ มาเป็นของซูนยองเถอะ มามะ”
ยังไม่ทันได้ฉวยโอกาสอะไรต่อ
จีฮุนก็พลักใบหน้ากวนประสาทออก และแงะมือจอมปัญหาออกไปจนได้
ขาเล็กรีบเดินให้ไวที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ โดยไม่สนใจ
ปล่อยให้ซูนยองนั่งขำกับตัวเองว่าพูดบ้าอะไรออกไป แถมตะโกนไล่หลังไปให้คนตัวเล็กได้ยินอีกหนึ่งประโยคปิดท้าย
“นี่ อย่ามาเมินคำสารภาพรักกันดิ กำลังโรแมนติกเลยเนี่ย!!“
……………….(100%)……………..
ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ
#always17chummy
ความคิดเห็น