คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Chummy : Sucre - Part 2
Sucre - Part 2
Author: pearlinc
Rate: PG (?)
-2-
ท้องฟ้าเฉดสีเข้มปนม่วงน่าค้นหา
ลมพัดโชยไปมาอย่างน่าสบายกับคนสี่คนที่กำลังเตรียมตัวที่จะกลับบ้าน
สองมือของแต่ละคนไม่ได้หยุดว่างและยังคงทำหน้าที่ของตัวให้เรียบร้อยในเร็วไว
จนกระทั่งทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ก็มานั่งรวมกันที่โซฟาตัวนุ่มหน้าร้านเหมือนอย่างที่ชอบทำเป็นกันประจำ
“เอาล่ะ
มาคุยเรื่องวันหยุดของเรากัน”
ซึงกวานที่คอยควบคุมความจัดการทุกอย่างภายในร้าน
เอ่ยเปิดเรื่องหรือประเด็นที่พวกเขาคุยกันค้างไว้เมื่อตอนเย็นวันนี้
เพื่อที่จะได้ลงความเห็นกันเป็นเอกฉันท์ว่าทุกคนต้องการที่จะวันไหนหรืออะไรกัน
สามคนที่เหลือพยักหน้าตอบไปว่าพูดมาเลย เดี๋ยวจะช่วยออกความเห็น
“สรุปก็คือ เราต้องการเวลาพักมากขึ้นกว่าเดิม
เราก็เลยคิดว่า จะหยุดวันนึงไปเลย หรือจะล่นเวลาปิดร้านให้เร็วขึ้นดี” ระหว่างที่ฟังประโยคที่เพื่อนตัวอวบเอ่ยบอกมา ก็นั่งขบคิดกันพักหนึ่ง
กลายเป็นจีฮุนที่เอ่ยออกความเห็นมาเป็นคนแรก
“ถ้าหยุดไปเลยวันนึงก็ดีเหมือนกันนะ
ซึงกวานกับจองฮันจะได้กลับบ้านได้บ่อยๆ”
“ใช่ ตั้งแต่เปิดร้านมา
ยังไม่ได้ไปหาย่าเลย คิดถึง”
ซึงกวานพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดเพื่อน เพราะเขาเองก็คิดถึงม๊าของเขาเหมือนกัน ซึงกวานหันไปหาวอนอูที่นั่งฟังแต่เพื่อนคุยกันไม่ได้ออกความเห็น
คำตอบที่ได้กลับมาคือ เขายังไงก็ได้ หยุดก็ดีเหมือนกัน
เพราะบ้านใกล้กว่าเพื่อนไม่มีธุระอะไร
“โอเค สรุปคือ
เราจะปิดร้านกันทุกวันอาทิตย์แล้วกันเนอะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้
ไปหากระดานมาเขียนบอกเวลากันดีกว่า เรายังไม่เคยมีกันเลย”
“โอเค…”
หลังจากที่คุยกันทุกอย่างเรื่องเกี่ยวกับวันหยุดของพวกเขาลงตัวแล้ว
ซึงกวานกับจองฮันก็เช่นเคยคือกลับไปพร้อมกัน
รวมไปถึงวอนอูที่อีกไม่นานรุ่นน้องคนคุ้ยเคยของเจ้าตัวคงมารับกลับบ้านไป
ส่วนจีฮุนก็ส่งข้อความไปบอกพี่ชายตัวเองเรียบร้อยเหลือแต่รอให้มารับอย่างเดียว
เสียงข้อความที่ดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือของตัวเองให้มือนุ่มได้กดเปิดดู
ปรากฏเป็นข้อความของพี่จินฮอนหรือพี่ชายของเขา ที่ตอบกลับมาว่า ใกล้ถึงแล้ว
รอหน่อยให้คนอ่านเข้าใจได้ตรงกัน ก่อนที่มือจะล็อคหน้าจอแล้วเก็บเข้ากระเป๋าไว้เหมือนเดิม
แต่ไม่นาน
จีฮุนก็ได้ยินเสียงข้อความโทรศัพท์มือถือของตัวเองอีกรอบ
คนตัวเล็กหยิบขึ้นมาดูอีกครั้งตอนแรกคิดว่าคงเป็นพี่ของตัวเองที่ส่งมาจะบอกอะไร
แต่กลับคิดผิด เมื่อเบอร์มือถือของคนที่ส่งมาบ่งบอกว่าเป็นเบอร์ของคนไม่รู้จัก
และเมื่อกดเข้าไปดูก็ทำให้อดสงสัยไม่ได้เพราะเนื้อหาของข้อความ มีเพียงสิ่งที่จีฮุนคิดได้แค่เพียงว่า
คนๆนั้นอาจะส่งผิดหรืออาจจะเป็นข้อความอะไรสักอย่างที่ไม่เกี่ยวกับเขา
แต่ก็เลิกคิดอะไร
เมื่อรถเก๋งคันสีขาวคุ้นตามาจอดอยู่เทียวท่าพอดี ก่อนที่พี่ชายตัวเองจะเปิดกรจกเรียกให้เขาขึ้นไปบนรถเพื่อกลับบ้านไปด้วยกัน
ขับรถออกมาได้ซักพักก็หนึ่ง
ก็ได้แต่นั่งฟังเพลงผ่าเครื่องเล่นเสียงของรถยนต์ไปเพลินๆจนคนเป็นพี่เอ่ยถามคนข้างๆ
“จิ๋ว รอนานไหม”
“ไม่อ่ะ”
“โทษที มีธุระนิดหน่อย”
“อื้ม ไม่เป็นไร”
ประโยคสนทนาเรียบง่ายที่พวกเขามักจะคุยกันแบบนี้บ่อยๆจบลง
แต่เหมือนคนเป็นพี่ยังคงอึกอักอยู่นิดหน่อย
จีฮุนหันไปเอียงคอมองคนข้างที่หันมายิ้มให้แห้งๆแล้วก็รีบหันกลับไปขับรถต่อแปลกๆ เหมือนจะพูดอะไรกับคนเป็นน้องแต่ก็ไม่ยอมพูดสักที
จนกลับกันมาถึงบ้าน พี่จินฮอนจัดการเอารถเข้าไปจอดในที่ข้างบ้านเรียบร้อย
ทั้งคู่ลงออกมาจากรถก่อนที่จะปิดประตูล็อคแล้ว คนตัวเล็กกำลังเตรียมจะเดินเข้าบ้าน
แต่คนเป็นพี่ก็เรียกไว้ก่อน แต่ก็พักนึงก็ไม่ยอมพูดสักที เป็นจีฮุนเองที่ถามขึ้นเปิดประโยคให้อีกคน
“มีอะไรจะบอกกันหรือเปล่าเนี่ย”
“เอ่อ...คือ”
“…”
“คือ
พรุ่งนี้ก็ต้องมารับช้าอีกแล้วอะ จิ๋วรอได้ไหม มีธุระนิดหน่อย จะไม่ว่ากันใช่ไหม”
จีฮุนหันมาจ้องหน้าคนที่ทำเสียงกระเง้ากระงอดใส่
หรี่ตามองคนเป็นพี่ที่เหมือนจะมีเลศนัย จนอีกทำหน้าตาลอกแล่กไม่ยอมสบตา
“ใช่ธุระจริงหรอ”
“จริงจ้ะ”
“อย่าให้รู้นะ
ไม่งั้นฟ้องแม่แน่”
คนตัวเล็กบอกประโยคจับผิดอีกคนไป
ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านหลังขนาดกลางที่มีเพียงเขากับจินฮอนอยู่กันสองคน
เพราะพ่อแม่ของเขาอยู่กันคนละ พ่อกับแม่เขาทำงานอยู่อีกที่หนึ่งแต่ก็แวะมาหาอยู่เรื่อย
ในขณะที่เขากับจินฮอนทำงานอยู่แถวๆบ้านแต่มีหน้าที่แวะมารับเขาเพื่อกลับบ้านพร้อมกัน
พี่ชายของเขาทำงานเป็นสถาปนิก
ที่จะมีบางช่วงของการทำงานเสร็จหนึ่งโปรเจคก็จะมีฉลองกันเป็นช่วงๆ
ซึ่งคราวนี้ก็คงเป็นแบบนั้น แต่อาจจะฉลองหลายรอบไปหน่อย
สองขาเล็กเดินขึ้นบันไดมาเตรียมจะทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย
จัดการวางข้าวของส่วนตัวไว้เข้าที่
ก่อนจะเหลือบไปมองโทรศัพท์มือถือตัวเองก็พลันอดคิดไม่ได้
เปิดข้อความปริศนาขึ้นมาดูอีกรอบหนึ่ง แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนเดิม
แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าให้ปล่อยไป คงส่งผิดจริงๆ
หรือระบบเครื่อข่ายรวนสักอย่างน่ะแหล่ะ
ไม่ปรากฏชื่อของบุคคล : 756
……………..(45%)……………..
ในช่วงที่ท้องฟ้าหมดแสงแดด
เมฆก้อนใหญ่เริ่มมาบดบังความความร้อนทำให้อากาศในตอนเย็นนี้ ลมพัดเย็นสบาย
ในร้านตอนนี้พวกเขาต้องทำงานหนักกันอีกรอบ เพราะเป็นเวลาพักผ่อนหลังทำงานของหลายๆคนอย่างทุกวันธรรมดา
ทำให้ในช่วงเช้าและช่วงเย็นคือช่วงเวลาที่ลูกค้าจะเยอะกว่าตอนกลางวัน
“พี่ครับ ขอพุดดิ้งไข่
ทานที่นี่ครับ”
การมาของลูกค้าคนใหม่พร้อมกับเดินมาสั่งขนมที่เคาท์เตอร์ของจีฮุนให้เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมายิ้มรับ
ก่อนจะนึกคุ้นหน้าขึ้นมาว่าคือเด็กคนที่ถูกพวกพาลแกล้งเมื่อวาน
“อ้าวนายเองหรือ โอเค ไปนั่งรอก่อนนะ”
“ครับ”
คนตัวเล็กหันไปเตรียมออเดอร์ใหม่ให้กับเด็กคนนั้นให้จนเสร็จเรียบร้อย
มือนุ่มถือขนมที่บรรจุใส่จานเล็กๆเอาไปให้ที่โต๊ะคุณลูกค้าแล้ววางที่โต๊ะไม้ริมหน้าต่างอย่างเบามือ
ให้คนรับก้มหัวขอบคุณยกใหญ่
“พุดดิ้งไข่ได้แล้ว”
“ขอบคุณครับ”
ใบหน้ายิ้มแย้มดูเป็นมิตรของคนตัวเล็ก
เขยิบเข้ามาใกล้ๆ ลองจ้องมองดูดีๆก็เห็นว่ามีรอยแดงช้ำที่เขาไม่ได้สังเกตในทีแรก จีฮุนก้มหน้าเข้าไปมองตรงโหนกแก้มของเด็กคนนั้น
รอยแผลเหมือนถูกทำร้าย คนที่ถูกจ้องเห็นว่าถูกสังเกตขึ้นมา รีบหันหน้าภายใต้กรอบแว่นหนาหลบอีกคน
จนจีฮุนต้องถามออกไปอย่างอยากรู้
“ไปโดนอะไรมา”
“ปะ…เปล่าครับ
ไม่มีอะไรเลยครับ”
“หรือว่า พวกสองคนเมื่อวานนั้น”
คนที่ถูกถามเมื่อได้ยินว่าคนตัวเล็กเอ่ยถึงสองคนอันธพาลในร้านวันนั้น
ก็เบิกตากว่า รีบโบกไม้โบกมือใหญ่ว่า ไม่ใช่ครับ จนจีฮุนจับพิรุธได้ง่ายๆ
“ทำไมเขาต้องทำนายด้วย
ฉันไม่เข้าใจเลย”
“อาจเพราะว่า ผมอยู่โรงเรียนคู่แค้นเขามั้งครับ”
“นี่ไง
นายยอมรับว่าสองคนนั้นทำแล้วใช่ไหม ปล่อยให้เขาทำอยู่ได้ยังไง แย่ที่สุด”
“เปล่านะครับ”
จีฮุนได้แต่ถอนหายใจ เพราะในเมื่อเด็กคนนี้ยังยืนยันไปว่าไม่ใช่
เขาก็ไม่อยากเข้าอยากเซ้าซี้ ก้าวก่ายเรื่องของคนอื่น แต่มันแย่จริงๆนะ คนแบบนั้น… ในขณะที่คนตัวเล็กยืนหน้ามุ่ยบ่นในใจเกี่ยวกับเรื่องสองคนพาลเงียบๆ
เด็กคนนั้นก็เรียกให้เขาหันมาสนใจให้เปลี่ยนเรื่องคุย
“เอ่อ พี่ชื่ออะไรหรือครับ”
“อ๋อ พี่ชื่อจีฮุน แล้วเราล่ะ?”
“จีซูครับ”
“อื้ม โอ๊ะ เดี๋ยวพี่ไปทำงานก่อนนะ
ยืนนานแล้ว กินให้อร่อยนะ”
“ครับ” ในขณะที่คนตัวเล็กวิ่งไปรับออเดอร์ใหม่
ก็เหลือเพียงแต่พุดดิ้งไข่บนโต๊ะกับคนที่สั่งมาทานที่นั่งยิ้มอยู่คนเดียวพลางนั่งส่งขนมหวานเข้าปากเรื่อยๆไม่หยุด
ทุกการกระทำของเด็กคนนี้อยู่ในสายตาของเพื่อนอีกสามคนทั้งหมด
จนพลาดไม่ได้ที่จะสนทนาการอย่างที่ทำกันเงียบ ไม่ให้คนที่ถูกพูดถึงได้รู้
‘บี2 นายเห็นปะ’
‘ไม่พลาดอยู่แล้วบี1 ยิ้มแบบนั้น’
‘ฉันว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรนะ’
‘มีแน่ล่ะ คิก!’
‘ขอคุยด้วยคนสิ’
.
.
.
ตกตอนค่ำ ท้องฟ้าที่สว่างของวันนี้ก็หายลับหมดไปแล้ว
คนสี่คนกำลังเก็บข้าวของให้เข้าที่ จัดเก็บของให้เป็นระเบียบ
ปัดกวาดทั้งพื้นและเคาท์เตอร์หลังจากผ่านศึกมาทั้งวันให้สะอาดอย่างที่ควรเป็น แล้วก็ถึงเวลาเตรียมตัวกันกลับบ้านไปพักผ่อนเพื่อเริ่มทำงานกันใหม่ในวันพรุ่งนี้ต่อไปอีก
“จีฮุน พี่จินฮอนยังไม่มาหรือ”
“ยังหรอก ไปงานเลี้ยงนิดหน่อย”
ซึงกวานคนถามพยักหหน้าเข้าใจ
ก่อนจะบอกเพื่อนไปว่าให้อยู่เป็นเพื่อนก่อนไหม
แต่คนตัวเล็กก็ยังคงยืนยำคำเดียวว่าอยู่ได้ เดี๋ยวพี่จินฮอนก็กลับแล้ว
ไม่ต้องห่วงเลย จนซึงกวานกับจองฮันขึ้นรถกันขับออกไปจนลับตา
เลยตัดสินใจเดินเข้าไปรอคุณพี่ชายในร้านดีกว่าจะมานั่งตากน้ำค้างอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนข้างหน้า
จีฮุนเดินไปที่ตู้เย็นใกล้ๆกับเคาท์เตอร์ขนมของเขา
มือกลมเปิดดูเพื่อที่จะหาอะไรทานว่างๆไปพลางรอให้คนของเขามารับกลับ
แต่ก่อนจะเจอขนม จู่เสียงรถมอเตอร์ไซค์ดังทุ้มอยู่ที่หน้า ก็ไม่เอะใจอะไร
คงเป็นรถที่ผ่านมาแถวๆนี้ก็ได้ ตาใสไล่หาขนมไปทั่วทั้งชั้นล่างชั้น
แต่ก็ไม่มีอะไรที่ทานได้เลย มีแต่เนยแข็ง วิปครีมสด สารพัดวัตถุดิบที่ต้องทำใหม่
จะไปหยิบของในตู้สำหรับขายมาทานก็ไม่ใช่เรื่องจนต้องล้มเลิกความคิดไป
เสียงกระดิ่งหน้าปะตูร้านดังขึ้น
ถ้าเป็นตอนนี้คงเป็นลูกค้าคนใหม่ แต่ถ้าเป็นตอนนี้คงไม่ใช่
จนคนตัวเล็กต้องลุกขึ้นมาจากก้มหาของในตู้เย็น หันมาดูว่าใครมา
พอได้เห็นว่าเป็นใคร ก็ต้องตกใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ต้องเก็บการไว้ไม่ให้อีกคนรู้
“ไง คนเก่ง มีไรให้กินบ้างเนี่ยหื๊ม?”
“ไม่ขาย ร้านปิดแล้วครับ”
คนตัวเล็กว่าเสียงแข็งบอกอีกคนที่ที่ยังคงก้มๆมองๆในตู้แช่ขนมของเขาที่เอามือจับคางตัวเองทำท่าครุ่นคิดว่าจะกินอะไรดี
ท่าทางที่กวนประสาทจนจีฮุนรู้สึกร้อนหน้ากับคนก้าวร้าวในวันนั้นและคนที่มาก่อนกวนเขาในวันนี้อย่างโมโห
“เอาเครปกล้วยดีกว่า นี่ๆ
เอาชินนี้”
“ปิดแล้ว!! ร้านปิดแล้ว!!!!!”
“ก็จะกิน มีไรไหม!!!”
“โฮ้ย!!!!” สติของจีฮุนของแตกเป็นเสี่ยง
ใบหน้าขาวนุ่มนิ่มตอนนี้แดงฝาดลามไปถึงหูด้วยความโมโห ไม่เคยมีใครทำเขาเป็นแบบนี้
ปกติเขาค่อนข้างใจเย็น แต่ครั้งนี้กลับทนไม่ได้เลย
ได้แต่จ้องหน้าคนอันธพาลอย่างเคืองๆ หลังจากที่ร้องแต่จะกินอย่างเดียว
มือกลมหันไปเก็บข้าวของกลับที่หลังจากรื้อหาของกินเมื่อครู่ให้เข้าที่
แล้วเดินไปหยิบกระเป๋ากับกุญแจร้านเพื่อที่จะล็อค
คนกวนประสาทเหมือนจะรู้ตัวรีบเดินตัดหน้าคนตัวสั้นชิ่งออกไปข้างนอกร้านก่อนะโดนขังลืมอยู่ในนี้
มองยืนดูอีกคนไขประตูร้านจนเสร็จแล้วเดนตามอีกคนไปนั่งที่ม้าหินอ่อนตัวเดียวกัน
จนจีฮุนมองว่าตัวอื่นไม่มีให้นั่งหรือไง แต่ถ้าพูดไปคนกวนประสาทคงไม่ฟัง
คนแบบนี้ต้องตามใจถึงจะดีใช่ไหม
“นายชื่อไร นี่ซูนยอง”
คนถูกถามไม่ยอมตอบ ได้แต่เพิกเฉยและตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรหาจินฮอนเพราะเห็นว่าน่าจะคงเสร็จงานเลี้ยงแล้วหรือเปล่า
แต่กลับได้ยินเพียงเสียงสัญญาณบ่งบอกว่าอีกคนปลายสายไม่ยอมกดรับโทรศัพท์เขา
ระหว่างรอก็โดนแต่คนข้างเอาแต่จ้องหน้าเขานิ่งแถมเอาแต่นั่งเบียด จนเขาต้องล้มเลิกการโทรไว้ก่อน
“อะไรของนาย!! ไปนั่งอีกตัวนึงสิ”
“…”
ไม่มีเสียตอบรับกลับมา
มีเพียงแต่การจ้องหน้าเขาและตีหน้าขรึมใส่ จนต้อสะบัดหน้าหนีคนกวนประสาท
เขาไม่อยากวุ่นวายกับคนก้าวร้าวที่ทำเรื่องเมื่อวาน
แถมวันนี้ยังเห็นแผลที่หน้าของจีซูอีก จีฮุนเลยคิดว่าควรเลิกยุ่งจะดีกว่า
นิ่งใส่เดี๋ยวก็คงเบื่อแล้วไปเองนั่นล่ะ จนจู่ๆเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นให้หันมาสนใจให้เขาได้กดรับทันทีที่เห็นว่าเป็นเบอร์ของจินฮอนโทรมา
“ฮัลโหลเสร็จหรือยัง ระ…”
“จากทางโรงพยาบาลCMLนะคะ เจ้าของมือถือเครื่องนี้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ คุณญาติคนไข้กรุณามาติดต่อที่โรงพยาบาลด้วยค่ะ”
“ครับ…”
เสียงใสที่คุยกับปลายสายก็เงียบลงกะทันหันจนซูนยองได้แต่มองคนข้างที่นิ่งไปเป็นหิน
โทรศัพท์มือถือในมือนิ่ม ล่วงลงจนงงไปหมดหันมาเอ่ยถามอีกคนว่าเป็นอะไรให้คนตัวเล็กหันมาหาซูนแล้วมองหน้านิ่งแล้วค่อยๆแบะปากเหมือนจะร้องไห้
ลุกขึ้นยืนพลางดึงมือของซูนยองให้ลุกขึ้นตามมา
“ไป…ฮึก…ไปเร็ว”
“เห้ยอย่าร้องไห้ดิ ฮึ๊บไว้ ค่อยๆพูด”
“ฮึก พาไปโรงบาลหน่อย ฮึก ขอร้อง”
จีฮุนรีบดึงมืออีกคนไปที่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ ให้เจ้าของรถขึ้นคร่อมแล้วสตาร์ทเครื่อง
ตามมาด้วยคนตัวเล็กนั่งข้างหลัง คนตัวใหญ่กว่าที่นั่งหน้าขับไปตามทางที่คนตัวเล็กที่ซ้อนอยู่ข้างหลังบอก
ประกอบกับเสียงสะอื้นไม่หยุดพลางกอดเอวสอบไว้แน่นซบหน้ากับไหล่กว้างแล้วส่ายหัวไปมาพลางพูดว่าไม่
จนเขารู้สึกได้ถึงความชื้นเปียกไปตามเสื้อนักเรียนตัวหนา
รถแล่นขับกันมาถึงที่หมายแล้ว ซูนยองจัดการจอดเข้าไปสำหรับที่ของมอเตอร์ไซค์
และไม่รอช้า จีฮุนรีบลงจากด้านหลังแล้วรีบวิ่งตาตื่นไปด้านในของโรงพยาบาล ให้อีกคนหยิบกระเป๋าของคนตัวเล็กติดมือมาและต้องรีบวิ่งตามไปติดๆที่เคาท์เตอร์สำหรับติดต่อสอบถาม
“จินฮอนครับ อีจินฮอน”
“สักครู่ค่ะ”
พนักงานจัดการคีย์ข้อมูลลงไปจนเจอแล้วบอกตำแหน่งของห้องคนไข้เป้าหมาย
ขึ้นลิฟต์แล้วเดินมาตามทางที่ป้ายบอก ไล่ดูเลขหน้าห้องด้วยความระวนกระวายใจ
ซูนยองก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองว่างงานช่วยมองหาห้องด้วอีกแรง
จนมาถึงห้องตามที่คุณเจ้าหน้าที่บอก ก็พบกับคุณหมอเจ้าขอไข้พอ
“หมอครับ พี่ผมอยู่ไหน
เป็นอะไรมากไหม แล้วเป็นยัง เข้าไปหาได้ไหมครับ ละ…”
“หยุด ใจเย็นๆก่อน คุณหมอ
เขาเป็นไงบ้างครับ”
“ไม่เป็นอะไรมากค่ะ
โชคดีที่คนไข้คาดเข็มขัดนิรภัย เลยทำให้ศีรษะไม่กระแทกกับอะไรเลย
แต่ด้วยการรั้งของเข็มขัด
ตอนขับชนแล้วเด้งกลับไปตามแรงทำให้กระดูกบริเวณลำคอเคลื่อน
เราเลยจำเป็นต้องใส่ปลอกคอลละดามไว้ไม่ให้เคลื่อนขัดนะคะ
และโชคดีอีกครั้งที่มีคนผ่านไปมาแถวนั้นเห็นชนอยู่กับต้นไม้ข้างทางแล้วรีบมาส่งโรงพยาบาล”
จบเสียงของคุณหมอ
จีฮุนก็ต้องโล่งใจออกมาเป็นปลิดทิ้งพยักหน้าเข้าใจเรื่องที่คุณหมอพูด ก่อนจะก้มหัวขอบคุณและเอ่ยขออนุญาตเข้าไปหาคนไข้
โดยที่มีอีกคนถือวิสาสะเข้ามาทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกับคนไข้เลย
ซูนยองที่เดินตามเข้ามาก็เจอกับคนที่นอนตัวตรงเอนไปตาองศาของเตียง
ใบหน้าที่คล้ายคลึงกับคนตัวเล็กนี่
แต่ขนาดตัวกลับต่างกันลิบลับและสีผมสีน้ำตาลเข้มดูเป็นคนใจดี ท่าทางคงไม่ใช่คนรัก
“จิ๋ว โอะ…โอ๊ย”
“อยู่นิ่งๆไปเลย!”
“ครับ”
ซูนยองเลิกสังเกตคนไข้บนเตียง ก่อนจะตัดสินใจหันมาแอบดูคนสองคนเขาคุยกันเงียบๆ
คนไข้ที่เหมือนจะหันมาหาคนมาเยี่ยมร้องโอดโอยออกมาจนคนตัวเล็กต้องร้องห้ามเสียงดุจนต้องกลับไปนอนนิ่งๆเหมือนเดินที่ควรจะเป็น
“ทำไมถึงไปชนข้างทางแบบนั้น ฮึก
กลัวจะแย่”
จีฮุนที่ตอนแรกหยุดร้องไห้ไปแล้วรอบหนึ่ง
ก็กลับมาฟูมฟายอีกครั้ง เดินเข้าไปทุบที่แขนของคนเป็นพี่หนึ่งทีแรงๆเป็นการทำโทษ จนซูนยองที่แอบมองแอบนึกขำอยู่ห่างๆ
ที่คนตัวเล็กทำร้ายคนเจ็บ
“มันมีหมาวิ่งตัดหน้านี่ ตกใจ
เลยเผลอหักหลบอะ ไม่เอาไม่ร้องสิ”
“อือ” ก่อนที่จะได้คุยอะไรไปมากกว่านี้
จู่ๆคุณหมอก็กลับเข้ามาอีกครั้งให้สนทนาให้จบลงเสียก่อน
“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะคะ เราลืมแจ้งกับญาติคนไข้อีกเรื่องหนึ่ง
คือคนไข้จำเป็นจะต้องแอ็ดมิทเป็นเวลาสองถึงสามคืนนะคะ เพื่อรอตรวจดูกระดูกบริเวณลำคอก่อน
คุณญาติคนไข้สามารถค้างคืนในห้องได้หนึ่งคน แต่ถ้าต้องการเพิ่มอีกคน เก้าอี้ด้านนอกห้องยังว่างค่ะ
เป็นเบาะนิ่มยาว สามารถนอนหลับได้นะคะ”
“ขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆ”
“ยินดีค่ะ” หลังจากที่ฟังคุณหมอบอกทุกอย่างหมดและเดินออกไปแล้ว
จีฮุนก็ต้องหันมามองคนที่เอาแต่ถอนหายใจอยู่บนเตียงเบา บ่นออกมาไม่หยุด โทษหมาตัวนั้นที่ตัดหน้ารถเขาจนต้องเป็นแบบนี้
“แล้วใครจะพาจิ๋วกลับบ้าน เฮ้อ”
“ไม่กลับหรอก เดี๋ยวมานอนเฝ้านี่ไง”
“แล้วจะมายังไง”
“มาได้อยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก”
จีฮุนพยายามพูดให้คนไข้ที่กำลังงอแงคิดมาสบายใจขึ้น
พลางลูบหัวคนเป็นพี่ไปมา
ให้คนที่แอบดูอยู่เงียบๆมองแล้วรู้สึกก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายกระตุกสั่นไปมาอย่างบอกไม่ถูกกับการกระทำนั้น
มองนิ่งเพลินแล้วจู่ๆคนบนเตียงคนป่วยก็หันมามองเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว
สีหน้ายิ้มแย้มที่คุยกับคนตัวเล็กในตอนแรก
แปรเปลี่ยนเป็นหน้านิ่งเหมือนหวงของอย่างรวดเร็ว
“จิ๋ว ไอ้เด็กนั่นใคร”
ขอตัวกลับก่อนครับ…
………………….(100%)……………...
ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ
#always17chummy
ความคิดเห็น