ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( seventeen ) Chummy.

    ลำดับตอนที่ #12 : Chummy : Sucre - Part 2

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.พ. 59


    Sucre - Part 2

    Author: pearlinc

    Rate: PG (?)


    -2-

     

     

                ท้องฟ้าเฉดสีเข้มปนม่วงน่าค้นหา ลมพัดโชยไปมาอย่างน่าสบายกับคนสี่คนที่กำลังเตรียมตัวที่จะกลับบ้าน สองมือของแต่ละคนไม่ได้หยุดว่างและยังคงทำหน้าที่ของตัวให้เรียบร้อยในเร็วไว จนกระทั่งทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มานั่งรวมกันที่โซฟาตัวนุ่มหน้าร้านเหมือนอย่างที่ชอบทำเป็นกันประจำ

     

     

                เอาล่ะ มาคุยเรื่องวันหยุดของเรากัน

     

     

                ซึงกวานที่คอยควบคุมความจัดการทุกอย่างภายในร้าน เอ่ยเปิดเรื่องหรือประเด็นที่พวกเขาคุยกันค้างไว้เมื่อตอนเย็นวันนี้ เพื่อที่จะได้ลงความเห็นกันเป็นเอกฉันท์ว่าทุกคนต้องการที่จะวันไหนหรืออะไรกัน สามคนที่เหลือพยักหน้าตอบไปว่าพูดมาเลย เดี๋ยวจะช่วยออกความเห็น

     

     

                สรุปก็คือ เราต้องการเวลาพักมากขึ้นกว่าเดิม เราก็เลยคิดว่า จะหยุดวันนึงไปเลย หรือจะล่นเวลาปิดร้านให้เร็วขึ้นดี ระหว่างที่ฟังประโยคที่เพื่อนตัวอวบเอ่ยบอกมา ก็นั่งขบคิดกันพักหนึ่ง กลายเป็นจีฮุนที่เอ่ยออกความเห็นมาเป็นคนแรก

     

     

                “ถ้าหยุดไปเลยวันนึงก็ดีเหมือนกันนะ ซึงกวานกับจองฮันจะได้กลับบ้านได้บ่อยๆ

     


                “ใช่ ตั้งแต่เปิดร้านมา ยังไม่ได้ไปหาย่าเลย คิดถึง

     

     

    ซึงกวานพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดเพื่อน  เพราะเขาเองก็คิดถึงม๊าของเขาเหมือนกัน ซึงกวานหันไปหาวอนอูที่นั่งฟังแต่เพื่อนคุยกันไม่ได้ออกความเห็น คำตอบที่ได้กลับมาคือ เขายังไงก็ได้ หยุดก็ดีเหมือนกัน เพราะบ้านใกล้กว่าเพื่อนไม่มีธุระอะไร

     

     

    โอเค สรุปคือ เราจะปิดร้านกันทุกวันอาทิตย์แล้วกันเนอะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ ไปหากระดานมาเขียนบอกเวลากันดีกว่า เรายังไม่เคยมีกันเลย

     


    โอเค…”

     

     

    หลังจากที่คุยกันทุกอย่างเรื่องเกี่ยวกับวันหยุดของพวกเขาลงตัวแล้ว ซึงกวานกับจองฮันก็เช่นเคยคือกลับไปพร้อมกัน รวมไปถึงวอนอูที่อีกไม่นานรุ่นน้องคนคุ้ยเคยของเจ้าตัวคงมารับกลับบ้านไป ส่วนจีฮุนก็ส่งข้อความไปบอกพี่ชายตัวเองเรียบร้อยเหลือแต่รอให้มารับอย่างเดียว

     

     

    เสียงข้อความที่ดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือของตัวเองให้มือนุ่มได้กดเปิดดู ปรากฏเป็นข้อความของพี่จินฮอนหรือพี่ชายของเขา ที่ตอบกลับมาว่า ใกล้ถึงแล้ว รอหน่อยให้คนอ่านเข้าใจได้ตรงกัน ก่อนที่มือจะล็อคหน้าจอแล้วเก็บเข้ากระเป๋าไว้เหมือนเดิม

     

     

    แต่ไม่นาน จีฮุนก็ได้ยินเสียงข้อความโทรศัพท์มือถือของตัวเองอีกรอบ คนตัวเล็กหยิบขึ้นมาดูอีกครั้งตอนแรกคิดว่าคงเป็นพี่ของตัวเองที่ส่งมาจะบอกอะไร แต่กลับคิดผิด เมื่อเบอร์มือถือของคนที่ส่งมาบ่งบอกว่าเป็นเบอร์ของคนไม่รู้จัก และเมื่อกดเข้าไปดูก็ทำให้อดสงสัยไม่ได้เพราะเนื้อหาของข้อความ มีเพียงสิ่งที่จีฮุนคิดได้แค่เพียงว่า คนๆนั้นอาจะส่งผิดหรืออาจจะเป็นข้อความอะไรสักอย่างที่ไม่เกี่ยวกับเขา

     


    แต่ก็เลิกคิดอะไร เมื่อรถเก๋งคันสีขาวคุ้นตามาจอดอยู่เทียวท่าพอดี ก่อนที่พี่ชายตัวเองจะเปิดกรจกเรียกให้เขาขึ้นไปบนรถเพื่อกลับบ้านไปด้วยกัน ขับรถออกมาได้ซักพักก็หนึ่ง ก็ได้แต่นั่งฟังเพลงผ่าเครื่องเล่นเสียงของรถยนต์ไปเพลินๆจนคนเป็นพี่เอ่ยถามคนข้างๆ

     


    จิ๋ว รอนานไหม



    ไม่อ่ะ



    โทษที มีธุระนิดหน่อย



    อื้ม ไม่เป็นไร


     

    ประโยคสนทนาเรียบง่ายที่พวกเขามักจะคุยกันแบบนี้บ่อยๆจบลง แต่เหมือนคนเป็นพี่ยังคงอึกอักอยู่นิดหน่อย จีฮุนหันไปเอียงคอมองคนข้างที่หันมายิ้มให้แห้งๆแล้วก็รีบหันกลับไปขับรถต่อแปลกๆ เหมือนจะพูดอะไรกับคนเป็นน้องแต่ก็ไม่ยอมพูดสักที

     


    จนกลับกันมาถึงบ้าน พี่จินฮอนจัดการเอารถเข้าไปจอดในที่ข้างบ้านเรียบร้อย ทั้งคู่ลงออกมาจากรถก่อนที่จะปิดประตูล็อคแล้ว คนตัวเล็กกำลังเตรียมจะเดินเข้าบ้าน แต่คนเป็นพี่ก็เรียกไว้ก่อน แต่ก็พักนึงก็ไม่ยอมพูดสักที เป็นจีฮุนเองที่ถามขึ้นเปิดประโยคให้อีกคน


     

     

    มีอะไรจะบอกกันหรือเปล่าเนี่ย



    เอ่อ...คือ



    “…”



    คือ พรุ่งนี้ก็ต้องมารับช้าอีกแล้วอะ จิ๋วรอได้ไหม มีธุระนิดหน่อย จะไม่ว่ากันใช่ไหม

     

     

    จีฮุนหันมาจ้องหน้าคนที่ทำเสียงกระเง้ากระงอดใส่ หรี่ตามองคนเป็นพี่ที่เหมือนจะมีเลศนัย จนอีกทำหน้าตาลอกแล่กไม่ยอมสบตา

     

     

    ใช่ธุระจริงหรอ



                จริงจ้ะ



                “อย่าให้รู้นะ ไม่งั้นฟ้องแม่แน่

     

     

                คนตัวเล็กบอกประโยคจับผิดอีกคนไป ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านหลังขนาดกลางที่มีเพียงเขากับจินฮอนอยู่กันสองคน เพราะพ่อแม่ของเขาอยู่กันคนละ พ่อกับแม่เขาทำงานอยู่อีกที่หนึ่งแต่ก็แวะมาหาอยู่เรื่อย ในขณะที่เขากับจินฮอนทำงานอยู่แถวๆบ้านแต่มีหน้าที่แวะมารับเขาเพื่อกลับบ้านพร้อมกัน พี่ชายของเขาทำงานเป็นสถาปนิก ที่จะมีบางช่วงของการทำงานเสร็จหนึ่งโปรเจคก็จะมีฉลองกันเป็นช่วงๆ ซึ่งคราวนี้ก็คงเป็นแบบนั้น แต่อาจจะฉลองหลายรอบไปหน่อย


     

                สองขาเล็กเดินขึ้นบันไดมาเตรียมจะทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย จัดการวางข้าวของส่วนตัวไว้เข้าที่ ก่อนจะเหลือบไปมองโทรศัพท์มือถือตัวเองก็พลันอดคิดไม่ได้ เปิดข้อความปริศนาขึ้นมาดูอีกรอบหนึ่ง แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนเดิม แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าให้ปล่อยไป คงส่งผิดจริงๆ หรือระบบเครื่อข่ายรวนสักอย่างน่ะแหล่ะ


     

     

    ไม่ปรากฏชื่อของบุคคล : 756 

     

     

    ……………..(45%)……………..



    ในช่วงที่ท้องฟ้าหมดแสงแดด เมฆก้อนใหญ่เริ่มมาบดบังความความร้อนทำให้อากาศในตอนเย็นนี้ ลมพัดเย็นสบาย ในร้านตอนนี้พวกเขาต้องทำงานหนักกันอีกรอบ เพราะเป็นเวลาพักผ่อนหลังทำงานของหลายๆคนอย่างทุกวันธรรมดา ทำให้ในช่วงเช้าและช่วงเย็นคือช่วงเวลาที่ลูกค้าจะเยอะกว่าตอนกลางวัน

     

     

    พี่ครับ ขอพุดดิ้งไข่ ทานที่นี่ครับ

     

     

    การมาของลูกค้าคนใหม่พร้อมกับเดินมาสั่งขนมที่เคาท์เตอร์ของจีฮุนให้เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมายิ้มรับ ก่อนจะนึกคุ้นหน้าขึ้นมาว่าคือเด็กคนที่ถูกพวกพาลแกล้งเมื่อวาน


     

    อ้าวนายเองหรือ โอเค ไปนั่งรอก่อนนะ


     

    ครับ


     

    คนตัวเล็กหันไปเตรียมออเดอร์ใหม่ให้กับเด็กคนนั้นให้จนเสร็จเรียบร้อย มือนุ่มถือขนมที่บรรจุใส่จานเล็กๆเอาไปให้ที่โต๊ะคุณลูกค้าแล้ววางที่โต๊ะไม้ริมหน้าต่างอย่างเบามือ ให้คนรับก้มหัวขอบคุณยกใหญ่


     

    พุดดิ้งไข่ได้แล้ว


     

    ขอบคุณครับ



    ใบหน้ายิ้มแย้มดูเป็นมิตรของคนตัวเล็ก เขยิบเข้ามาใกล้ๆ ลองจ้องมองดูดีๆก็เห็นว่ามีรอยแดงช้ำที่เขาไม่ได้สังเกตในทีแรก จีฮุนก้มหน้าเข้าไปมองตรงโหนกแก้มของเด็กคนนั้น รอยแผลเหมือนถูกทำร้าย คนที่ถูกจ้องเห็นว่าถูกสังเกตขึ้นมา รีบหันหน้าภายใต้กรอบแว่นหนาหลบอีกคน จนจีฮุนต้องถามออกไปอย่างอยากรู้


     

    ไปโดนอะไรมา


     

    ปะเปล่าครับ ไม่มีอะไรเลยครับ


     

    หรือว่า พวกสองคนเมื่อวานนั้น


     

    คนที่ถูกถามเมื่อได้ยินว่าคนตัวเล็กเอ่ยถึงสองคนอันธพาลในร้านวันนั้น ก็เบิกตากว่า รีบโบกไม้โบกมือใหญ่ว่า ไม่ใช่ครับ จนจีฮุนจับพิรุธได้ง่ายๆ


     

    ทำไมเขาต้องทำนายด้วย ฉันไม่เข้าใจเลย



    อาจเพราะว่า ผมอยู่โรงเรียนคู่แค้นเขามั้งครับ



    นี่ไง นายยอมรับว่าสองคนนั้นทำแล้วใช่ไหม ปล่อยให้เขาทำอยู่ได้ยังไง แย่ที่สุด



    เปล่านะครับ

     


    จีฮุนได้แต่ถอนหายใจ เพราะในเมื่อเด็กคนนี้ยังยืนยันไปว่าไม่ใช่ เขาก็ไม่อยากเข้าอยากเซ้าซี้ ก้าวก่ายเรื่องของคนอื่น แต่มันแย่จริงๆนะ คนแบบนั้นในขณะที่คนตัวเล็กยืนหน้ามุ่ยบ่นในใจเกี่ยวกับเรื่องสองคนพาลเงียบๆ เด็กคนนั้นก็เรียกให้เขาหันมาสนใจให้เปลี่ยนเรื่องคุย


     

    เอ่อ พี่ชื่ออะไรหรือครับ



    อ๋อ พี่ชื่อจีฮุน แล้วเราล่ะ?”



    จีซูครับ



    อื้ม โอ๊ะ เดี๋ยวพี่ไปทำงานก่อนนะ ยืนนานแล้ว กินให้อร่อยนะ


     

    ครับในขณะที่คนตัวเล็กวิ่งไปรับออเดอร์ใหม่ ก็เหลือเพียงแต่พุดดิ้งไข่บนโต๊ะกับคนที่สั่งมาทานที่นั่งยิ้มอยู่คนเดียวพลางนั่งส่งขนมหวานเข้าปากเรื่อยๆไม่หยุด ทุกการกระทำของเด็กคนนี้อยู่ในสายตาของเพื่อนอีกสามคนทั้งหมด จนพลาดไม่ได้ที่จะสนทนาการอย่างที่ทำกันเงียบ ไม่ให้คนที่ถูกพูดถึงได้รู้


     

    บี2 นายเห็นปะ



    ไม่พลาดอยู่แล้วบี1 ยิ้มแบบนั้น



    ฉันว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรนะ



    มีแน่ล่ะ คิก!’



    ขอคุยด้วยคนสิ

     

     

    .

    .

    .

     

    ตกตอนค่ำ ท้องฟ้าที่สว่างของวันนี้ก็หายลับหมดไปแล้ว คนสี่คนกำลังเก็บข้าวของให้เข้าที่ จัดเก็บของให้เป็นระเบียบ ปัดกวาดทั้งพื้นและเคาท์เตอร์หลังจากผ่านศึกมาทั้งวันให้สะอาดอย่างที่ควรเป็น  แล้วก็ถึงเวลาเตรียมตัวกันกลับบ้านไปพักผ่อนเพื่อเริ่มทำงานกันใหม่ในวันพรุ่งนี้ต่อไปอีก


     

    จีฮุน พี่จินฮอนยังไม่มาหรือ


     

    ยังหรอก ไปงานเลี้ยงนิดหน่อย


     

    ซึงกวานคนถามพยักหหน้าเข้าใจ ก่อนจะบอกเพื่อนไปว่าให้อยู่เป็นเพื่อนก่อนไหม แต่คนตัวเล็กก็ยังคงยืนยำคำเดียวว่าอยู่ได้ เดี๋ยวพี่จินฮอนก็กลับแล้ว ไม่ต้องห่วงเลย จนซึงกวานกับจองฮันขึ้นรถกันขับออกไปจนลับตา เลยตัดสินใจเดินเข้าไปรอคุณพี่ชายในร้านดีกว่าจะมานั่งตากน้ำค้างอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนข้างหน้า


     

     จีฮุนเดินไปที่ตู้เย็นใกล้ๆกับเคาท์เตอร์ขนมของเขา มือกลมเปิดดูเพื่อที่จะหาอะไรทานว่างๆไปพลางรอให้คนของเขามารับกลับ แต่ก่อนจะเจอขนม จู่เสียงรถมอเตอร์ไซค์ดังทุ้มอยู่ที่หน้า ก็ไม่เอะใจอะไร คงเป็นรถที่ผ่านมาแถวๆนี้ก็ได้ ตาใสไล่หาขนมไปทั่วทั้งชั้นล่างชั้น แต่ก็ไม่มีอะไรที่ทานได้เลย มีแต่เนยแข็ง วิปครีมสด สารพัดวัตถุดิบที่ต้องทำใหม่ จะไปหยิบของในตู้สำหรับขายมาทานก็ไม่ใช่เรื่องจนต้องล้มเลิกความคิดไป


     

    เสียงกระดิ่งหน้าปะตูร้านดังขึ้น ถ้าเป็นตอนนี้คงเป็นลูกค้าคนใหม่ แต่ถ้าเป็นตอนนี้คงไม่ใช่ จนคนตัวเล็กต้องลุกขึ้นมาจากก้มหาของในตู้เย็น หันมาดูว่าใครมา พอได้เห็นว่าเป็นใคร ก็ต้องตกใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ต้องเก็บการไว้ไม่ให้อีกคนรู้


     

    ไง คนเก่ง มีไรให้กินบ้างเนี่ยหื๊ม?”


     

    ไม่ขาย ร้านปิดแล้วครับ


     

    คนตัวเล็กว่าเสียงแข็งบอกอีกคนที่ที่ยังคงก้มๆมองๆในตู้แช่ขนมของเขาที่เอามือจับคางตัวเองทำท่าครุ่นคิดว่าจะกินอะไรดี ท่าทางที่กวนประสาทจนจีฮุนรู้สึกร้อนหน้ากับคนก้าวร้าวในวันนั้นและคนที่มาก่อนกวนเขาในวันนี้อย่างโมโห


     

    เอาเครปกล้วยดีกว่า นี่ๆ เอาชินนี้


     

    ปิดแล้ว!! ร้านปิดแล้ว!!!!!”

     


    ก็จะกิน มีไรไหม!!!


     

    โฮ้ย!!!!” สติของจีฮุนของแตกเป็นเสี่ยง ใบหน้าขาวนุ่มนิ่มตอนนี้แดงฝาดลามไปถึงหูด้วยความโมโห ไม่เคยมีใครทำเขาเป็นแบบนี้ ปกติเขาค่อนข้างใจเย็น แต่ครั้งนี้กลับทนไม่ได้เลย ได้แต่จ้องหน้าคนอันธพาลอย่างเคืองๆ หลังจากที่ร้องแต่จะกินอย่างเดียว


     

    มือกลมหันไปเก็บข้าวของกลับที่หลังจากรื้อหาของกินเมื่อครู่ให้เข้าที่ แล้วเดินไปหยิบกระเป๋ากับกุญแจร้านเพื่อที่จะล็อค คนกวนประสาทเหมือนจะรู้ตัวรีบเดินตัดหน้าคนตัวสั้นชิ่งออกไปข้างนอกร้านก่อนะโดนขังลืมอยู่ในนี้ มองยืนดูอีกคนไขประตูร้านจนเสร็จแล้วเดนตามอีกคนไปนั่งที่ม้าหินอ่อนตัวเดียวกัน จนจีฮุนมองว่าตัวอื่นไม่มีให้นั่งหรือไง แต่ถ้าพูดไปคนกวนประสาทคงไม่ฟัง คนแบบนี้ต้องตามใจถึงจะดีใช่ไหม


     

    นายชื่อไร นี่ซูนยอง


     

    คนถูกถามไม่ยอมตอบ ได้แต่เพิกเฉยและตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรหาจินฮอนเพราะเห็นว่าน่าจะคงเสร็จงานเลี้ยงแล้วหรือเปล่า แต่กลับได้ยินเพียงเสียงสัญญาณบ่งบอกว่าอีกคนปลายสายไม่ยอมกดรับโทรศัพท์เขา ระหว่างรอก็โดนแต่คนข้างเอาแต่จ้องหน้าเขานิ่งแถมเอาแต่นั่งเบียด จนเขาต้องล้มเลิกการโทรไว้ก่อน


     

    อะไรของนาย!! ไปนั่งอีกตัวนึงสิ


     

    “…”


     

    ไม่มีเสียตอบรับกลับมา มีเพียงแต่การจ้องหน้าเขาและตีหน้าขรึมใส่ จนต้อสะบัดหน้าหนีคนกวนประสาท เขาไม่อยากวุ่นวายกับคนก้าวร้าวที่ทำเรื่องเมื่อวาน แถมวันนี้ยังเห็นแผลที่หน้าของจีซูอีก จีฮุนเลยคิดว่าควรเลิกยุ่งจะดีกว่า นิ่งใส่เดี๋ยวก็คงเบื่อแล้วไปเองนั่นล่ะ จนจู่ๆเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นให้หันมาสนใจให้เขาได้กดรับทันทีที่เห็นว่าเป็นเบอร์ของจินฮอนโทรมา


     

    ฮัลโหลเสร็จหรือยัง ระ…”


     

    จากทางโรงพยาบาลCMLนะคะ เจ้าของมือถือเครื่องนี้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ คุณญาติคนไข้กรุณามาติดต่อที่โรงพยาบาลด้วยค่ะ


     

    ครับ…

     

     

    เสียงใสที่คุยกับปลายสายก็เงียบลงกะทันหันจนซูนยองได้แต่มองคนข้างที่นิ่งไปเป็นหิน โทรศัพท์มือถือในมือนิ่ม ล่วงลงจนงงไปหมดหันมาเอ่ยถามอีกคนว่าเป็นอะไรให้คนตัวเล็กหันมาหาซูนแล้วมองหน้านิ่งแล้วค่อยๆแบะปากเหมือนจะร้องไห้ ลุกขึ้นยืนพลางดึงมือของซูนยองให้ลุกขึ้นตามมา


     

    ไปฮึกไปเร็ว


     

    เห้ยอย่าร้องไห้ดิ  ฮึ๊บไว้ ค่อยๆพูด

     


    ฮึก พาไปโรงบาลหน่อย ฮึก ขอร้อง


     

    จีฮุนรีบดึงมืออีกคนไปที่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ ให้เจ้าของรถขึ้นคร่อมแล้วสตาร์ทเครื่อง ตามมาด้วยคนตัวเล็กนั่งข้างหลัง คนตัวใหญ่กว่าที่นั่งหน้าขับไปตามทางที่คนตัวเล็กที่ซ้อนอยู่ข้างหลังบอก ประกอบกับเสียงสะอื้นไม่หยุดพลางกอดเอวสอบไว้แน่นซบหน้ากับไหล่กว้างแล้วส่ายหัวไปมาพลางพูดว่าไม่ จนเขารู้สึกได้ถึงความชื้นเปียกไปตามเสื้อนักเรียนตัวหนา

     


    รถแล่นขับกันมาถึงที่หมายแล้ว ซูนยองจัดการจอดเข้าไปสำหรับที่ของมอเตอร์ไซค์ และไม่รอช้า จีฮุนรีบลงจากด้านหลังแล้วรีบวิ่งตาตื่นไปด้านในของโรงพยาบาล ให้อีกคนหยิบกระเป๋าของคนตัวเล็กติดมือมาและต้องรีบวิ่งตามไปติดๆที่เคาท์เตอร์สำหรับติดต่อสอบถาม


     

    จินฮอนครับ อีจินฮอน


     

    สักครู่ค่ะ


     

    พนักงานจัดการคีย์ข้อมูลลงไปจนเจอแล้วบอกตำแหน่งของห้องคนไข้เป้าหมาย ขึ้นลิฟต์แล้วเดินมาตามทางที่ป้ายบอก ไล่ดูเลขหน้าห้องด้วยความระวนกระวายใจ ซูนยองก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองว่างงานช่วยมองหาห้องด้วอีกแรง จนมาถึงห้องตามที่คุณเจ้าหน้าที่บอก ก็พบกับคุณหมอเจ้าขอไข้พอ


     

    หมอครับ พี่ผมอยู่ไหน เป็นอะไรมากไหม แล้วเป็นยัง เข้าไปหาได้ไหมครับ ละ…”


     

    หยุด ใจเย็นๆก่อน คุณหมอ เขาเป็นไงบ้างครับ


     

    ไม่เป็นอะไรมากค่ะ โชคดีที่คนไข้คาดเข็มขัดนิรภัย เลยทำให้ศีรษะไม่กระแทกกับอะไรเลย แต่ด้วยการรั้งของเข็มขัด ตอนขับชนแล้วเด้งกลับไปตามแรงทำให้กระดูกบริเวณลำคอเคลื่อน เราเลยจำเป็นต้องใส่ปลอกคอลละดามไว้ไม่ให้เคลื่อนขัดนะคะ และโชคดีอีกครั้งที่มีคนผ่านไปมาแถวนั้นเห็นชนอยู่กับต้นไม้ข้างทางแล้วรีบมาส่งโรงพยาบาล


     

    จบเสียงของคุณหมอ จีฮุนก็ต้องโล่งใจออกมาเป็นปลิดทิ้งพยักหน้าเข้าใจเรื่องที่คุณหมอพูด  ก่อนจะก้มหัวขอบคุณและเอ่ยขออนุญาตเข้าไปหาคนไข้ โดยที่มีอีกคนถือวิสาสะเข้ามาทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกับคนไข้เลย ซูนยองที่เดินตามเข้ามาก็เจอกับคนที่นอนตัวตรงเอนไปตาองศาของเตียง ใบหน้าที่คล้ายคลึงกับคนตัวเล็กนี่ แต่ขนาดตัวกลับต่างกันลิบลับและสีผมสีน้ำตาลเข้มดูเป็นคนใจดี ท่าทางคงไม่ใช่คนรัก


     

    จิ๋ว โอะโอ๊ย

     


    อยู่นิ่งๆไปเลย!


     

    ครับ


     

    ซูนยองเลิกสังเกตคนไข้บนเตียง ก่อนจะตัดสินใจหันมาแอบดูคนสองคนเขาคุยกันเงียบๆ คนไข้ที่เหมือนจะหันมาหาคนมาเยี่ยมร้องโอดโอยออกมาจนคนตัวเล็กต้องร้องห้ามเสียงดุจนต้องกลับไปนอนนิ่งๆเหมือนเดินที่ควรจะเป็น


     

    ทำไมถึงไปชนข้างทางแบบนั้น ฮึก กลัวจะแย่


     

    จีฮุนที่ตอนแรกหยุดร้องไห้ไปแล้วรอบหนึ่ง ก็กลับมาฟูมฟายอีกครั้ง เดินเข้าไปทุบที่แขนของคนเป็นพี่หนึ่งทีแรงๆเป็นการทำโทษ จนซูนยองที่แอบมองแอบนึกขำอยู่ห่างๆ ที่คนตัวเล็กทำร้ายคนเจ็บ


     

    มันมีหมาวิ่งตัดหน้านี่ ตกใจ เลยเผลอหักหลบอะ ไม่เอาไม่ร้องสิ


     

    อือก่อนที่จะได้คุยอะไรไปมากกว่านี้ จู่ๆคุณหมอก็กลับเข้ามาอีกครั้งให้สนทนาให้จบลงเสียก่อน


     

    ขอโทษที่ขัดจังหวะนะคะ เราลืมแจ้งกับญาติคนไข้อีกเรื่องหนึ่ง คือคนไข้จำเป็นจะต้องแอ็ดมิทเป็นเวลาสองถึงสามคืนนะคะ เพื่อรอตรวจดูกระดูกบริเวณลำคอก่อน คุณญาติคนไข้สามารถค้างคืนในห้องได้หนึ่งคน แต่ถ้าต้องการเพิ่มอีกคน เก้าอี้ด้านนอกห้องยังว่างค่ะ เป็นเบาะนิ่มยาว สามารถนอนหลับได้นะคะ


     

    ขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆ


     

    ยินดีค่ะ หลังจากที่ฟังคุณหมอบอกทุกอย่างหมดและเดินออกไปแล้ว จีฮุนก็ต้องหันมามองคนที่เอาแต่ถอนหายใจอยู่บนเตียงเบา บ่นออกมาไม่หยุด โทษหมาตัวนั้นที่ตัดหน้ารถเขาจนต้องเป็นแบบนี้


     

    แล้วใครจะพาจิ๋วกลับบ้าน เฮ้อ



    ไม่กลับหรอก เดี๋ยวมานอนเฝ้านี่ไง



    แล้วจะมายังไง



    มาได้อยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก


     

    จีฮุนพยายามพูดให้คนไข้ที่กำลังงอแงคิดมาสบายใจขึ้น พลางลูบหัวคนเป็นพี่ไปมา ให้คนที่แอบดูอยู่เงียบๆมองแล้วรู้สึกก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายกระตุกสั่นไปมาอย่างบอกไม่ถูกกับการกระทำนั้น มองนิ่งเพลินแล้วจู่ๆคนบนเตียงคนป่วยก็หันมามองเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว สีหน้ายิ้มแย้มที่คุยกับคนตัวเล็กในตอนแรก แปรเปลี่ยนเป็นหน้านิ่งเหมือนหวงของอย่างรวดเร็ว

     

     

    จิ๋ว ไอ้เด็กนั่นใคร


     

    ขอตัวกลับก่อนครับ

     

     

     

    ………………….(100%)……………...



    ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ

    #always17chummy

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×