คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : > The 1st Part
ภายในสนามบินที่มีผู้คนเดินสวนกันขวักไขว่
คนตัวเล็กๆคนหนึ่งเดินออกมาจากช่องผู้โดยสารขาออก
สายตามองหาใครสักคนรอบๆกาย
เมื่อหาใครไม่เจอแล้วจึงหยุดยืนนิ่งอยู่เสียตรงนั้น
ทันทีที่คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
เสียงใครบางคนที่ไกลออกไปก็ตะโกนเรียกเขา
เมื่อกำลังจะหันมองไปตามเสียง อะไรบางอย่างก็มาปิดจมูกเขาเอาไว้
ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะดูเลือนราง แล้วสติดับหายไป..
The 1st Part
ร่างบางลืมตาโพลงท่ามกลางความเงียบสนิท
ทันทีที่รู้สึกตัว ก็พบว่าแขนข้างหนึ่งก็ถูกตรึงไว้กับหัวเตียงกว้าง
แสงจากโคมไฟสีส้มสลัวจากหัวเตียงทำให้เขามองเห็นทุกอย่างเพียงลางๆ
ภายในห้องสีดำสนิทที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีขาวราคาแพงลิบลิ่วบ่งบอกถึงรสนิยมของเจ้าของ
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม..
สิ่งเดียวที่เขาต้องทำในตอนนี้คือการ ‘หนี’
“ตื่นเร็วดีนี่ ว่ายังไงล่ะคุณหนู”
ร่างสูงเดินออกมาจากโซฟาสีขาวที่มุมห้อง
มือหนึ่งถือแก้วทรงสูงที่บรรจุวิสกี้ชั้นดีไว้เพียงค่อนแก้ว
อีกมือก็ไล้ไปตามใบหน้าขาวเนียนรูปไข่
“นายเป็นใคร?”
คำพูดเดียวที่ผุดออกจากสมองของร่างเล็ก
แม้หน้าตาท่าทางของคนๆนี้จะดูคุ้นบ้าง
แต่ต่อให้นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกสักที
“ไม่เจอกันแค่ 7 ปี จำกันไม่ได้แล้วหรือ?”
ใบหน้าหล่อเหลายื่นหน้าเข้ามาใกล้
คนตัวเล็กพยายามบ่ายเบี่ยงหน้าหนีอย่างสุดกำลัง
ข้อมือที่ถูกพันธนาการไว้กับโซ่แกร่งพยายามกระแทกให้หลุด
แต่ผลลัพธ์มันกลับเป็นรอยแผลที่มีโลหิตสีแดงข้นไหลย้อยตามลงมา
“วิสกี้แก้วนี้รสชาติไม่เลว...แต่มันก็อาจจะดีกว่านี้ ถ้าผมได้รับรสมันบนร่างกายของคุณ”
“ฉันเป็นผู้ชาย!”
“เหอะ...ก็แค่มีไอ้นั่นเท่านั้นแหละที่ทำให้พอดูแตกต่างจากผู้หญิงทั่วไป”
มือหยาบยาวเชยคางมนขึ้นมามองให้เต็มหน้าเต็มหน้า
แสยะยิ้มให้เมื่อเห็นใบหน้าสวยเนียนนั้นจนพอใจ
วิสกี้ในมือถูกสาดเข้าที่ใบหน้านั้น...ของเหลวไหลย้อยลงมาถึงต้นคอระหง
“แกต้องการอะไร ตอนนี้...ฉันไม่มีอะไรจะให้แกหรอกนะ”
“มีสิ อี ซองมิน... ก็มาเป็นตัวรีดน้ำให้ผมไง หึ”
ลิ้นหยาบไล้เลียไปทั่วใบหน้าเนียนนั้นเพื่อรับรสวิสกี้ราคาแพงลิ่ว
ริมฝีปากอุ่นรุกดูดที่ริมฝีปากล่างของคนตัวเล็กทันทีก่อนที่อีกฝ่ายจะร้องห้าม
มือบางทั้งผลักทั้งทุบคนตัวใหญ่กว่าอยู่นานสองนานแต่กลับไม่เป็นผล
ก็มีอยู่แค่มือเดียวเท่านั้นที่ใช้ได้ ก็ในเมื่ออีกมือหนึ่งถูกตรึงไว้กับหัวเตียงเสียแล้ว
“ร้องห้ามไปเถอะ อีกสักพักคุณจะร้องหา โจ คยูฮยอน คนนี้ไม่หยุดแน่”
โจ คยูฮยอน!
“ระยำที่สุด!”
ลิ้นร้อนไล้เลียลงมาจนถึงต้นคอระหง
ทั้งดูดทั้งเม้มฝากรอยนูนสีแดงสดเอาไว้จนทั่วลำคอ
ก่อนที่จะแหวกเสื้อของคนตัวเล็กจนมันร่นไปกองอยู่กับเอว
“..ฮึก...อย่าา...คยูฮยอน....อึก...อย่า....”
ร่างสูงใช้ฟันขบกัดยอดอกสีสวยนั้นจนเป็นรอยเขี้ยว
เม็ดบัวสีหวานเริ่มแข็งขึ้นเป็นไตด้วยแรงอารมณ์ แผ่นอกบางกระเพื่อมไม่เป็นจังหวะ
คยูฮยอนใช้ลิ้นดุนมันไปมาราวกับของเล่นชิ้นหนึ่ง ส่วนมือก็สะกิดส่วนอ่อนไหวของอีกฝ่ายจนแข็งขืนสู้มือ
เผียะ!!!
ฝ่ามือบางฟาดฟัดลงที่หน้าของอีกฝ่ายจนขึ้นเป็นรอยมือแดงฉาน
ร่างเล็กผลักคนตัวใหญ่กว่าออกห่างก่อนที่จะมองร่องรอยดูดเม้มนั้นอย่างรังเกียจ
“ครั้งนี้ของฉันต้องไม่ใช่นาย”
“พูดอย่างกับว่าผมจะอยากได้คุณเสียจนตัวสั่นอย่างนั้นแหละ”
ใบหน้าหล่อเหลาปาดคราบเลือดที่มุมปากออกช้าๆ
จิกสายตามองอย่างน่าสมเพช คนตัวเล็กรวบคอเสื้อปกปิดท่อนบนที่เปลือยเปล่า
“ไว้คืนไหนผมเบื่อพวกอีตัวคงต้องใช้บริการคุณสักหน่อย เตรียมใจไว้ก่อนก็แล้วกัน”
“แล้วนายคิดว่าฉันจะยอมง่ายๆหรอ?”
เสียงหวานพูดอย่างเคียดแค้น
ร่างสูงแสยะยิ้มมุมปากเพราะความอวดเก่งของคุณหนูตัวดี
ขายาวก้าวออกจากห้องโดยทิ้งให้คนตัวเล็กถูกล่ามกับโซ่ที่หัวเตียงไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยง
ไม่มีอะไรทำให้ซองมินหวาดกลัวได้อีกต่อไป..
หลังจากเหตุการณ์ที่ถือว่าเลวร้ายที่สุดในชีวิต
ความทรงจำของเขาก็สูญเสียไปพร้อมกับอุบัติเหตุ
--------------------------------------------------------------------------
“พวกตระกูลโจงั้นหรอ?”
ใครบางคนที่อยู่ในชุดสูทสีดำกัดฟันกรอด
เหล่าลูกน้องล้วนก้มหน้าก้มตายืนนิ่งท่ามกลางความเงียบสนิท
“จะให้ทำอย่างไรต่อไปครับ คุณคิบอม”
คิมจงอุนเอ่ยถามตามประสาลูกน้องคนสนิท
ร่างสูงมองด้วยนัยตากร้าวเชิงขัดใจ
“ออกไปให้หมด!”
สิ้นเสียงคำสั่งเด็ดขาดนั้นแล้ว
จากห้องที่เดิมมีคนในเครื่องแบบเดียวกันยืนเรียงรายเป็นตับ
ก็ต่างหายวับไปราวกับถูกเสก ส่งผลให้ห้องทำงานนั้นดูกว้างขึ้นทันตา
“ไม่ต้องห่วงนะครับนายท่าน คุณ อี ซองมินจะต้องปลอดภัย”
คิบอมทอดมองไปยังรูปถ่ายสีขาวดำที่ติดอยู่ข้างฝา
รูปของชายวัยกลางคนที่ทอดยิ้มให้บางๆเมื่อสมัยยังมีชีวิต
ผู้ที่มอบชีวิตใหม่ให้แก่เขา..
ผู้ที่มีพระคุณมากที่สุด..
Knock! Knock!
ประตูไม้บานใหญ่ถูกเปิดออกอย่างถือวิสาสะ
บุคคลร่างผอมบางในชุดแต่งกายสีดำสนิททั้งตัวเดินเข้ามาในห้องทำงานอย่างไม่เกรงกลัว
ถอดแว่นกันแดดออกสักพักจึงนั่งลงตรงหน้า
“หาพี่ซองมินให้เจอเดี๋ยวนี้ นี่คือคำสั่ง”
“คุณหนูทงเฮก็รู้นี่ครับว่านี่มันเวลาทำงาน ควรจะเคาะประตูก่อนที่จะเข้ามาในห้องของผม”
ร่างสูงพูดเสียงเย็นพลางปิดแฟ้มเอกสารลงแล้วมองอย่างหน่ายๆ
ใบหน้าสวยราวกับผู้หญิงถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจ
“นั่นนายตำหนิฉันหรือ คิมคิบอม?”
“ไม่มีใครกล้าตำหนิคุณหนูขี้โมโหหรอกครับ”
พูดเชิงประชดประชันยั่วโทสะ
แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีอารมณ์ร่วมแต่อย่างใด
ความอึดอัดคับแน่นใจไปหมด ห่วง... ห่วงพี่ชายที่แสนดีของเขา
“นายก็รู้ว่าพี่ซองมินสูญเสียความทรงจำเกือบทั้งหมด”
“...”
“ฉันจะรอนายในห้องนี้จนกว่าจะมีความคืบหน้าเกี่ยวกับพี่ซองมิน”
“เชิญครับ”
คิบอมผายมือไปยังโซฟาที่มุมห้อง
ร่างบางมองอย่างไม่พอใจแต่ก็ยอมนั่งในที่นั้นโดยดี
--------------------------------------------------------------------------
กว่าคยูฮยอนจะกลับมาก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืนแล้ว
ร่างบางนั่งมองเข็มนาฬิกาที่เดินอย่างเชื่องช้าตลอดวัน
รอยแผลที่ข้อมือก็ดูเหมือนจะยิ่งฉกรรจ์มากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
อยากร้องไห้...แต่ร้องไม่ออก
คิดถึงบ้านที่จากมานาน คิดถึงน้องชายสุดที่รักของเขา...อี ทงเฮ
แกร๊กก.. .
เสียงดังมาจากลูกบิดประตูที่มีคนไขจากด้านนอก
ใบหน้าหวานมองตามแต่กลับไม่ได้นึกสงสัยแต่อย่างใด
ตอนเด็กๆก็เจอแบบนี้ออกบ่อยไป..
ก็แค่กลับมาเจอสถานการณ์เดิมๆ เหมือนกับว่าย้อนเวลากลับไปก็เท่านั้น
“นั่งเรียบร้อยดีนี่ เป็นยังไงล่ะคุณหนู? คิดถึงพวกฝรั่งมังค่าที่เป็นคู่ขาอยู่หรือไง?”
“สมองของนายก็คงคิดได้แต่เรื่องพันนี้สินะ”
ซองมินโต้ตอบเสียงเรียบ
ใบหน้าและท่าทางที่เก็บอาการไว้อย่างดีทำให้ดูน่าเกรงขามขึ้นสักหน่อย
ในสายตาของศัตรูคนนี้แล้ว เขาก็ยังคงเป็นแค่ผู้ชายตัวเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้น
มือหยาบไล้ไปตามใบหน้าสวยได้รูป
แย้มยิ้มอย่างพอใจในความงดงาม หมดจด ของคนตรงหน้า
“ปากเก่งแบบนี้ อยากกินอย่างอื่นแทนข้าวหรือเปล่า...หืม....”
“คนทุเรศ! อย่ามาทำอะไรต่ำๆแบบนี้กับคนอย่างฉัน”
“คุณเองก็เหมือนกันแหละซองมิน ที่เอาแต่คิดถึงเรื่องพันนั้น”
ร่างสูงหัวเราะในลำคอเบาๆ
กระชากแขนข้างหนึ่งของคนตัวเล็กขึ้นมาแต่กลับไม่เป็นผล
เมื่อข้อมืออีกข้างถูกล่ามเอาไว้ทำให้ร่างกายนั้นไม่สามารถหลุดออกมาตามแรงได้เลยสักนิด
“ปล่อยไว้อีกสักหน่อยมือคุณต้องขาดออกแน่ๆ คงเจ็บมากล่ะสิ”
“รู้แล้วก็ปล่อยฉันซะ!”
“ฝันไปก่อนเถอะ เท่านี้มันยังไม่พอกับสิ่งที่ครอบครัวของผมได้รับสักนิด”
“งั้นก็ฆ่ากันซะเลยสิ”
ร่างเล็กพูดเชิงท้าทาย
แววตาไม่แสดงออกถึงความหวาดกลัวแม้แต่น้อย
ร่างสูงผลักคนตัวเล็กกว่าไปนอนลงไปตามแนวเตียงราบ
ใช้ข้อเข่ากดทับร่างนั้นไว้ ยกปืนขึ้นจ่อศีรษะคนตัวเล็กนั้นทันที
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าไอ้ที่คุณความจำเสื่อมนี่มันลืมอะไรไปบ้าง
แต่คุณก็น่าจะรู้เอาไว้...ว่าปากเก่งแบบนี้พี่ชายคุณก็ตายมาแล้วคนหนึ่ง”
“พี่ฮยอกแจเขาตายด้วยศักดิ์ศรี!”
“ ”
“เขายิงตัวตายเพราะไม่อยากทนให้พวกสวะอย่างพวกนายยิงทิ้งต่างหาก!”
“ฟังดีๆนะคุณหนู ซองมิน”
“...”
“ฮยอกแจ มันก็แค่ไอ้ขี้ขลาด!”
“ไอ้หน้าตัวเมีย”
คำสบถด่าดังลั่นอย่างชัดถ้อยชัดคำ
เส้นคิ้วหน้าขมวดหากันด้วยอารมณ์โกรธจัด
ร่างสูงโยนกระบอกปืนในมือทิ้งทันทีพลางกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายขึ้นมา
ก็แค่แรงน้อยนิดสำหรับเขาที่หยิบยื่นให้แล้ว..
ก็พอจะทำให้ร่างทั้งร่างของอีกฝ่ายนั้นปลิวตามไปเลยก็ได้
“ชักอยากจะรู้ซะแล้วสิ ว่าไอ้คำว่า หน้าตัวเมีย หนะ...มันเหมาะสมกับคนอย่างผมซักแค่ไหน”
“ปล่อยฉันนะ! ปล่อยเดี๋ยวนี้!”
“ตัวก็เท่าลูกแมว มีสิทธิ์อะไรมาสั่งผมไม่ทราบ?”
ใบหน้าหวานจ้องอีกฝ่ายตาเขม็ง
คยูฮยอนมองหยั่งเข้าไปในดวงตาคู่นั้นอย่างท้าทาย
มือใหญ่ปล่อยกึ่งผลักคอเสื้อนั้นอย่างแรง
“คิดว่ามองอย่างนั้นแล้วผมจะกลัวคุณหรือไง?”
“...”
“เมื่อก่อนคุณหนูอีซองมินไม่ใช่แบบนี้นี่นา ความจำเสื่อมทีเดียวถึงกลับเปลี่ยนไปเลยหรือครับ?”
“พูดบ้าอะไรของนาย...แล้วเมื่อก่อนฉันเป็นยังไง?”
เพราะเขาเองก็จำไม่ได้เหมือนกัน
ว่าเมื่อก่อนเขาเป็นคนยังไง...มีนิสัยยังไง
จำได้แต่เพียงว่าเขามีพี่ชายชื่อฮยอกแจะและน้องชายชื่อทงเฮ
เขาเป็นศัตรูกับครอบครัวตระกูลโจทั้งหมด...และฮยอกแจยิงตัวตายเมื่อ 7 ปีก่อน
“เมื่อก่อนคุณก็เป็นหนึ่งในบรรดาเมียผมอยู่ดีนั่นแหละ!”
“...”
“แค่ผมเดินไปหา ก็นอนอ้าซ่าให้เสียบเข้าไปได้สบายๆ”
“โกหก! แกมันไอ้โรคจิต”
ตั้งแต่พบกันมาตั้งแต่เช้ายันค่ำ
ก็ยังไม่มีวี่แววจะพูดคุยกันดีๆเสียง่ายๆ
ต่างฝ่ายก็ต่างแรงใส่กัน เหมือนกับน้ำมันที่วางใกล้กองไฟ
ปล่อยเอาไว้มันก็ลุกโชน..
“คิดว่าหน้าตาดีแล้วผมจะปรานีงั้นหรือ? คิดผิดซะหละ”
“แกมันก็สนใจแต่รูปกายภายนอก ดีแต่มั่วผู้หญิงไปวันๆ เสียชาติเกิดเสียจริง!”
“นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ!”
เผียะ!!!!
ฝ่ามือบางตบกระแทกลงบนผิวหน้าหยาบนั้นดังฉาด
รอบมือแดงฉานขึ้นเป็นตำหนิ ร่างสูงมองจิกคนตัวเล็กด้วยตาเขม็ง
“ไม่มีอะไรมากเกินไปสำหรับคนอย่างนายหรอก ...มันยังจะน้อยไปเสียด้วยซ้ำ”
“ปากดี!”
“แล้วนายจะทำไม? ปากฉัน ฉันจะพูดอะไรก็เรื่องของฉัน!”
------------------------------------------------------------------
TO BE CONTINUE ON THE 2nd PART
THANKS FOR YOUR COMMENTS
HOPE YOU ENJOY THIS FICTION SO FAR
Postscript ..,
สวัสดีค่ะ แฟนฟิคทุก ๆ คน
เป็นอย่างไรบ้างคะ? พาร์ทแรกพอจะไปไหวหรือเปล่า ?
ขอกำลังใจให้ไรเตอร์ด้วยการคอมเม้นท์หน่อยแล้วกันน้า..
เรื่องนี้คยูมินจะเป็นคู่หลักค่ะ..รองมาก็คงใฝ่ฝันกันให้เป็นคิเฮใช่มั้ยหละ?
คิดถูกแล้วค่ะ ฮ่า ๆ
เมื่อไรที่ครบ 20 คอมเม้นท์ กี้จะมาอัพตอนต่อไปนะคะ!!!
ความคิดเห็น