คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เพลงเพราะ เพราะเธอ
เพลงเพราะ เพราะเธอ
เสียงกดชัตเตอร์สว่างวูบวาบ แสงไฟสลัวภายในห้องโถงโรงแรมสุดหรูสาดส่องขับผิวขาวของเธอเป็นประกาย แขกเหรื่อจำนวนมากต่างจับจ้องมาที่เขาทั้งสองเป็นตาเดียว
ชายหนุ่มหันไปมองเจ้าสาวของเขา วันนี้เป็นวันที่เธอดูงดงามที่สุดราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย
แต่ทว่าในความเป็นจริง...
.................................................................................
“คุณนนท์คะ พนักงานใหม่มาพบแล้วค่ะ”
ชายหนุ่มพยักหน้า ประตูบานไม้สักเปิดออกช้า ๆ ร่างสูงโปร่งระหงเดินก้าวเข้ามาในห้องทำงานที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย
“เชิญนั่งครับ” นนท์ผายมือไปยังเก้าอี้โดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นจากแฟ้มเอกสาร
“สวัสดีค่ะ คุณวิริยนนท์”
เขาสะดุ้งเล็กน้อย น้ำเสียงที่เขาคุ้นเคยกระตุ้นมโนสำนึกเขาให้หวนย้อนคิดไปยังความทรงจำในวัยเด็ก
..
‘ไอ้แว่นหนาเตอะ ไอ้เด๋อ ไอ้หน้าจืด’
‘เธอก็กุ้งแห้ง ขี้ก้าง พยาธิไชท้อง ทุเรศ’
‘ตาบ้านี่ ชั้นสวยนะยะ เสียมารยาท’
เด็กสาวหน้ากลมผมซอยสั้นตะโกนโหวกเหวก ร่างผอมบางในชุดคลุมลานสตรอเบอร์รี่ทุบตีเด็กชายผมทรงกะลาครอบ แว่นกลมโตกรอบหนาอย่างบ้าคลั่ง
‘เฮ้ยพวกเรามาดูไอ้เด๋อนี่ดิ หน้าตาตลกเป็นบ้าเลยว่ะ’ เด็กหญิงชี้ชวนเพื่อนฝูงมารุมดูเด็กชายธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่บัดนี้กลายเป็นตัวประหลาดท่ามกลางเด็กหญิงที่รุมล้อม เขาร้องไห้จ้า
ฉันทำผิดอะไร...
..............
“คุณนนท์คะ”
เขาสะดุ้งอีกครั้ง เงยหน้าขึ้นมองหน้าหญิงสาว ใบหน้ารูปไข่ ริมฝีปากอวบอิ่ม แก้มที่ขาวผ่องและนัยน์ตากลมโตเป็นประกายมองมาที่เขา
“อ่อ สวัสดีครับ คุณนิตยา”
“สวัสดีค่ะ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
“คุณรู้ได้ไงว่าบริษัทผมรับสมัครผู้จัดการฝ่ายผลิต” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ
“ก็...บริษัทคุณออกจะมีชื่อเสียง ถึงขนาดไปตั้งเป็นกลุ่มในเฟสบุ๊คแบบนี้ มีหรือฉันจะไม่ทราบข่าว” หญิงสาวตอบฉะฉาน
เฟสบุ๊ค...
.................................
ศูนย์คอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัย
‘เฮ้ย นนท์ มึงมาดูอะไรนี่’
‘อะไรของมึงวะไอ้ต่อ กำลังทำงานยุ่ง ๆ’
‘ไอ้นิด มันเอารูปเอ็งมาแต่งเล่นว่ะ ฮ่าๆๆๆ’ ต่อตอบพลางแผดเสียงหัวเราะอย่างชอบใจ
นนท์ละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเอง มายังหน้าจอของต่อ
‘เฮ้ย!’
ชายหนุ่มหน้าเปลี่ยนสีด้วยความเดือดดาล เขารีบกลับไปที่เครื่อง เชื่อมต่อเข้าเฟสบุ๊คและพิมพ์ข้อความส่งหานิตยา
[นิด สนุกมากใช่ไหมที่แกล้งกันแบบนี้ คุณคิดจะแกล้งผมไปจนวันตายใช่ไหม ผมไปทำอะไรให้คุณ คุณรู้ไหมว่า คุณเป็นผู้หญิงที่ทุเรศมาก]
เขากดส่งข้อความทันที เพียงไม่นานก็มีข้อความตอบกลับมา
[ก็แกล้งคุณสนุกดีนี่ อย่าเจ๋อ เงียบปากไปซะ]
นนท์โกรธจัดเมื่อเห็นข้อความ เขาจะพิมพ์ตอบกลับ ทว่าเธอบล็อกเขาแล้ว!
นนท์เข้าไปในหน้าเฟสบุ๊คของเพื่อนนิดที่เขาแอดไว้เช่นกัน สิ่งที่เขาพบคือการคอมเม้นนินทาเขาอย่างสนุกปากของสาว ๆ กลุ่มนั้น
‘นิตยา!!’ ชายหนุ่มคำรามในลำคอ
...........................
นนท์ขับรถกลับบ้านด้วยสีหน้าอันเคร่งเครียด เขากำลังจะได้รับข่าวร้ายยิ่งกว่าการมาทำงานที่บริษัทนี้ของนิตยา เขาได้แต่ภาวนาให้มันไม่เป็นจริง
ฮอนด้าซิตี้คันงามเคลื่อนเข้าไปในตัวบ้านอย่างช้า ๆ ก่อนจะจอดสนิท นนท์เปิดประตูก้าวลงจากรถอย่างเหนื่อยอ่อน ยังไม่ทันที่เท้าของเขาจะก้าวพ้นธรณีประตูเสียงแจ๋ว ๆ ก็ลอยมากระทบหู
“นนท์ กลับมาแล้วเหรอจ๊ะลูก แม่กำลังรออยู่เลย”
“รอ? รอทำไมครับ แม่นอนก่อนผมอยู่แล้วนี่” นนท์ขมวดคิ้วถาม
“ที่แม่รอนนท์ เพราะมีเรื่องสำคัญจะบอกน่ะจ้ะ”
“อ้อมค้อมทำไมกันคุณ บอก ๆ มันไปเลยสิ”
เสียงทุ้มกังวานมีอำนาจดังแทรกขึ้นมา
“มีอะไรครับพ่อ” นนท์เปลี่ยนเป้าหมายการยิงคำถามไปที่ผู้เป็นบิดา
“เรื่องงานแต่งงานของลูกกับนิตยา”
นนท์เบิกตาโพลง
“พ่อ! พ่อว่าไงนะครับ”
“พ่อไม่เข้าใจว่าแกจะมีปัญหาอะไรหนักหนา แกสองคนรู้จักกันตั้งแต่เด็ก ฐานะทางบ้านก็พอกัน การศึกษาของยัยนิดก็ดีมีปริญญาตั้งสองใบ แถมล่าสุดก็ยังได้ร่วมงานกับแกอีก”
“แต่พ่อครับ...”
“ไม่ต้องแต่ ไม่ว่ายังไง แกก็ต้องแต่งกับนิตยา ฉันคุยกับผู้ใหญ่ทางฝ่ายโน้นเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้แค่รอฤกษ์เท่านั้น”
ผู้มีพระคุณทั้งสองก้าวขึ้นบ้านไปอย่างเงียบ ๆ ทิ้งชายหนุ่มให้ยืนเคว้งท่ามกลางคำประกาศิตที่ลอยซ้ำไปซ้ำมาในอากาศ
............................................................................................................
“เรียกนิตยาเข้ามาพบฉัน”
นนท์ควงปากการอที่โต๊ะด้วยโทสะที่พลุ่งพล่าน ในที่สุดประตูห้องก็เปิดออก
“คุณนนท์เรียกนิดมีอะไรหรือคะ?”
นนท์ลุกขึ้นฉุดร่างบางของหญิงสาวสุดแรงแล้วดันเธอไปติดกำแพง
“คุณนนท์! คุณจะทำอะไรน่ะ”
“ไหน ๆ เราก็จะแต่งงานกันแล้ว งั้นถ้าผมจะทำอะไรคุณตอนนี้คงไม่ผิดสินะ!”
นนท์คำรามพลางเอียงคอลงหมายจะซุกไซ้ซอกคอขาวผ่องของหญิงสาว
“ไม่! คุณนนท์ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ปล่อย อย่า! อุ๊บ!”
นิดพยายามดิ้นสุดชีวิตเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุม
เพียะ!
รอยแดงจากฝ่ามือของนิดปรากฏขึ้นที่แก้มขวาของชายหนุ่ม
“เลวที่สุด!”
นิดรีบเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้นนท์ลูบรอยตบที่เพิ่งได้รับด้วยความเจ็บปวด
“เป็นอะไรคะพี่นิด เกิดอะไรขึ้น หนูได้ยินเสียงโหวกเหวกในห้องผู้จัดการ”
“ไม่มีอะไรหรอกเปิ้ล ทำงานต่อเถอะ...โอ๊ย!”
จู่ ๆ หญิงสาวก็ทรุดลงไปกองกับพื้น ใบหน้างามบัดนี้เปลี่ยนเปลี่ยนเป็นซีดขาวเหยเก เหงื่อผุดเต็มหน้า
“พี่นิด พี่นิดเป็นอะไรคะ?”
“ปวด.....ปวดไปหมดทั้งตัว โอ๊ย!”
..........................
‘เสียใจด้วยนะครับคุณนิตยา ผลการตรวจพบว่า คุณเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย’
‘ฉันจะอยู่ได้นานแค่ไหนคะคุณหมอ’
‘เรื่องนั้นหมอเองก็บอกไม่ได้ ขึ้นอยู่กับการรักษาและกำลังใจของคุณ’
‘แล้ว.....ถ้าทำคีโมล่ะคะ?’
หมอถอนหายใจยาว
‘ร่างกายคุณอ่อนแอเกินกว่าจะรับไหว ถ้าหมอให้คีโมในสภาพนี้ จะยิ่งเป็นการเร่งวันตายเปล่า ๆ’
นิตยาอึ้งไปพักใหญ่ เธอไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาประสบชะตากรรมเช่นนี้
...................................
แฟ้มเอกสารปึกใหญ่กระแทกลงบนโต๊ะทำงานของนิตยา เธอถอนหายใจ มือซ้ายที่เริ่มเหี่ยวแห้งจนแทบเป็นหนังหุ้มกระดูกกุมอยู่ที่หน้าผากซึ่งผมเริ่มร่วงเป็นกระจุก
“ยอดสั่งวัตถุดิบของเดือนหน้า กับอัพเดทรายชื่อลูกค้า ทำให้เสร็จภายในคืนนี้”
“นี่มันสามทุ่มกว่าแล้วนะคะ ฉันว่าไว้ทำพรุ่งนี้...”
“ผมสั่งให้คุณทำ คุณก็ทำไปเถอะน่า”
“ค...ค่ะ”
นิตยาพยักหน้า ระบายลมหายใจ หญิงสาวนั่งทำงานจนเวลาล่วงเลยไป...
นิตยาสลบฟุบลงบนโต๊ะ ร่างบางค่อย ๆ เลื่อนไถลหล่นลงไปกองกับพื้น เสียงหายใจหอบถี่กระชั้น ใบหน้าขาวซีดปราศจากสีเลือด เหงื่อไหลชื้นท่วมตัว มือเล็กเหี่ยวแห้งพยายามไขว่คว้าไปในอากาศ
นนท์เปิดประตูห้องทำงานของเธอเข้ามา
“นิตยา รปภ. จะปิดประตูใหญ่แล้ว ผมให้คุณกลับ...”
ชายหนุ่มเหลือบไปเห็นร่างที่ไร้สติของนิด เขารีบถลาเข้าไปประคองเธอทันที
“นิตยา นิตยา! นิด!!”
แสงไฟสี่เหลี่ยมบนเพดานวิ่งไปทีละดวงเป็นลำดับ เตียงผู้ป่วยกำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปยังห้องฉุกเฉิน นนท์วิ่งตามไปดูอย่างใกล้ชิด
“เข้าไม่ได้นะคะ”
พยาบาลโบกมือห้าม ประตูห้องฉุกเฉินปิดสนิท นนท์ทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ มือกุมขมับ คิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน สีหน้าตึงเครียด
....................................
ร่างผอมบางซีดขาวนอนนิ่งบนเตียงผู้ป่วย สายน้ำเกลือ เครื่องช่วยหายใจ และสายท่อต่าง ๆ ระโยงรยางค์เต็มไปทั่ว เสียงเครื่องวัดสัญญาณชีพดังก้องในห้องอันเงียบสงัด เป็นจังหวะไม่คงที่
ประตูห้องเปิดออก
“ตายแล้ว!! นี่หรือยัยนิด..”
“อ้าว แม่!”
“นนท์ มาช่วยกันประคองแม่แกหน่อย”
ชายหนุ่มวิ่งเข้าไปรับร่างของแม่ที่เป็นลมเมื่อได้เห็นภาพน่าเวทนาตรงหน้า พ่อพาแม่ออกไปปฐมพยาบาลนอกห้องและเรียกเขาให้ตามไปด้วย
“ฉันรู้นะว่าแกทำอะไรยัยนิด แกต้องรับผิดชอบ อาทิตย์หน้าถึงวันแต่งงานแล้ว ไม่ว่ายังไงงานก็ต้องจัดให้ได้ แกจะทำยังไง?”
ชายหนุ่มนิ่งอึ้ง หัวสมองของเขาว่างเปล่า เขาหันกลับไปมองนิตยา
ทำไม....ทำไมคุณไม่บอกผม...
...............................................
เสียงกดชัตเตอร์สว่างวูบวาบ แสงไฟสลัวภายในห้องโถงโรงแรมสุดหรูสาดส่องขับผิวขาวของเธอ
เป็นประกาย แขกเหรื่อจำนวนมากต่างจับจ้องมาที่เขาทั้งสองเป็นตาเดียว
ชายหนุ่มหันไปมองเจ้าสาวของเขา วันนี้เป็นวันที่เธอดูงดงามที่สุดราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย แม้ว่าถังออกซิเจนที่แขวนอยู่ด้านหลังรถเข็นจะหนักอึ้งก็ตาม ไหนจะสายท่อที่ร้อยรยางค์ไปทั่วทั้งแขนขาดูน่าเกะกะรำคาญตานั้นอีก
“เอ้า เข็นดี ๆ ล่ะ”
นิตยายกมือทักทายแขกไปรอบงาน ใครจะรู้ว่าภายใต้ถุงมือสีขาวสะอ้านนั้นมือที่เหี่ยวจนแทบจะเหลือแต่กระดูกซุกซ่อนอยู่ ใบหน้าอ่อนล้าแอบอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้าผ้าแพรสีสวย ผิวที่ซีดขาวและเป็นรอยยับย่นของเธอถูกปกปิดด้วยเครื่องสำอางชั้นดี ผมที่เคยยาวสลวยนั้นแทบไม่เหลืออีกต่อไป สิ่งที่เห็นอยู่บนศีรษะฟูฟ่องสลวยนั้นเป็นเพียงวิกที่สั่งมาเป็นพิเศษเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
“นนท์ นนท์” นิตยาส่งเสียงแหบแห้งออกมาจากใต้ผ้าคลุม
“โอเคครับ ใจเย็น ๆ นะ คุณไปพักก่อน”
นนท์รีบเข็นรถเข็นพาหญิงสาวไปพักในห้องด้านหลัง นิตยาถอดผ้าคลุมออกให้ชายหนุ่มใช้เช็ดหน้าซับเหงื่อที่ผุดพราย มือหนาของเขาจับมือของนิตยาไว้หลวม ๆ
“คุณต้องไม่เป็นไรนะ”
ในที่สุดพิธีการก็เสร็จสิ้นลง ถึงเวลาส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอ นนท์อุ้มร่างผอมบางแห้งเหี่ยวของเธอขึ้นไปบนเตียง
“นนท์....ฉันกำลังจะตาย ฉันรู้ตัวดี” หญิงสาวพูดไปหอบไป ลมหายใจเบาบางรวยริน
“คุณต้องอยู่กับผมนิตยา อย่าเพิ่งไปไหน นี่คือคำสั่งคุณได้ยินไหม”
หญิงสาวหัวเราะแห้ง ๆ ตามด้วยเสียงไอดังนานต่อเนื่อง หยาดเลือดกระเซ็นซ่านหยดลงเปรอะผ้าปูที่นอนสีขาว
“นนท์คะ....ฉันดีใจ...ฉัน.....”
หญิงสาวแน่นิ่งไป นัยน์ตาปิดสนิท ผิวกายขาวซีดของเธอไร้ซึ่งสีเลือด ร่างเย็นเฉียบ
“นิตยา!! นิตยา!!!”
นนท์เขย่าร่างหญิงสาวอย่างบ้าคลั่ง
“ไม่!! คุณอย่าเพิ่งทิ้งผมไป! คุณยังไม่ทันบอกเลยว่าคุณรักผม!! ผมอยากฟังจากปากคุณ
. ไม่......”
น้ำตาลูกผู้ชายรินหลั่งทะลักทลายออกมาจากทำนบดวงตา นนท์ปล่อยเสียงโฮลั่นอย่างไม่อายใคร...เหมือนที่เขาเคยร้องไห้เมื่อโดนแกล้งในวัยเด็ก แต่บัดนี้คนที่เคยแกล้งเขาตลอดมา จากเขาไปเสียแล้ว...
...............................................................
ดอกไม้จันทน์กองย่อม ๆ วางประดับอยู่หน้าเมรุ แขกในชุดสีดำค่อย ๆ ทยอยเดินห่างออกไป เหลือเพียงชายหนุ่มและครอบครัว นนท์ก้มหน้านิ่งเก็บซ่อนน้ำตาที่มันไม่เคยหยุดหลั่งนับตั้งแต่วันที่เธอจากไป
“นนท์”
มือข้างหนึ่งสะกิดเขาจากด้านหลัง ชายหนุ่มหันกลับไปมองก็พบกับชายผอมบางคนหนึ่ง
“อ้าว ต่อ มีอะไรหรอ”
“นิดฝากสิ่งนี้ไว้ให้แก”
ชายหนุ่มรับของชิ้นหนึ่งจากมือเพื่อน มันคือสมุดไดอะรี่ปกสีฟ้าสวยขนาดย่อม เขาเปิดอ่านใจความด้านใน
10 มกราคม 2537
แกล้งตาบ้านนท์สนุกดีจัง ผู้ชายอะไรไม่รู้โคตรเด๋ออะ แว่นก็หนา ตาก็โต เอ...แต่เราก็ชอบเขานะ รู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่ไม่เหมือนใคร เวลาได้แกล้งเขา เรามีความสุขจัง
ชายหนุ่มพลิกอ่านไปเรื่อย ๆ ข้ามผ่านบันทึกเรื่องราววัยเด็ก มาสู่วัยรุ่น จนสะดุดเข้ากับอีกหน้าหนึ่ง...
12 กันยายน 2548
ฮาโคตรอะ.....รูปในเฟสบุ๊คนั่น คิดว่าหล่อเต็มประดาหรือไง เลยจัดให้ซะ บิดหน้า เติมหนวด ใส่แว่นดำเติมขนจมูกนิดหน่อย แต้มสิวอีกนิด....ฮาว่ะ....
แต่เขาโกรธเราแฮะ...ก็พอเข้าใจอะนะ ไอ้ที่บล็อกแกน่ะ ชั้นไม่ได้โกรธแกหรอก แต่ชั้นแค่อยากให้แกสงบสติอารมณ์มากกว่านี้หน่อย เข้าใจมั้ยจ๊ะ
นนท์เม้มริมฝีปากแน่น แข็งใจพลิกต่อไป...
4 กรกฎาคม 2551
ฉันไม่รู้จะทำอย่างไร สับสนไปหมด มะเร็งระยะสุดท้ายนี่มันน่ากลัวขนาดไหนกันนะ เคยเห็นแต่คนอื่นเค้าเป็นกัน ไม่คิดว่าเราจะเป็นไปกับเขาด้วย....
เรากำลังจะตายหรือนี่...
24 เมษายน 2552
ไอ้ผู้ชายหยาบคาย ฉันไปทำอะไรให้แก ตาบ้านนท์ แกนี่เป็นผู้ชายที่โคตรจะงี่เง่าเลยรู้ตัวไหม? แกไม่เคยรู้หรอกว่าฉันรู้สึกยังไง เวลาอยู่กับแก แล้วแกทำแบบนี้กับฉันทำไม ทำไมฉันต้องดั้นด้นหาทางมาทำงานที่บริษัทนี้ด้วยกันกับแก แกเคยคิดบ้างไหม
จะแต่งงานกันอยุ่แล้วนะโว้ย! ไอ้ผู้ชายซื่อบื้อ!
22 พฤษภาคม 2552
อีกไม่กี่วันจะถึงวันแต่งงานแล้ว ตื่นเต้นจัง ตาบ้านนท์ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าเรารู้สึกยังไง จะบื้อไปถึงไหน...ช....
อะ...อืม หายใจไม่ออก ต่อ ๆ แกไม่มีวันรู้ หรอก ว่าชั้นประทับใจแก แกแค่ไหน
ชั้ นรู้สดี ก แก ม
นนท์เหลือบเห็นรอยเปื้อนเลือดเป็นดวงด้านล่างข้อความในหน้ากระดาษหน้านั้น เขาพยายามพลิกหาข้อความในหน้าต่อไปแต่ก็ไม่พบอีกเลย จนกระทั่งหน้าสุดท้าย เขาพบข้อความลายมือโย้เย้แทบอ่านไม่ออกอีก 2-3 บรรทัด
30 พฤษภาคม 2552 (วันแต่งงาน)
ชั้ น ดีจ ดี ดีใจเหลือ เกิน
นนท์
ชั้น รัก แก......
นนท์ปิดสมุด ควันจากเมรุเผาศพกำลงพวยพุ่งขึ้นฟ้า สวนทางกับหยาดน้ำตามากมายของเขาที่ร่วงลงสู่พื้นดิน...
“นนท์ เขาไปสบายแล้วลูก เขาไปอยู่ในภพภูมิที่ดีแล้ว”
“แม่ครับ นนท์ขออะไรสักอย่างได้ไหม”
.
ร่างสูงโปร่งเดินเท้าเปล่ามาอย่างช้า ๆ ผ่านกำแพงวัดที่เรียงรายไปด้วยช่องบรรจุอัฐิธาตุ ศีรษะเกลี้ยงเกลาส่องกระทบแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้า ใบไม้ร่วงหล่นปกคลุมพื้นลานวัดเป็นกระจุก
ปลายจีวรถกรั้งขึ้นมาเล็กน้อย พระรูปหนึ่งล้วงหยิบของบางสิ่งออกมาจากอังสะ วางลงในช่องบรรจุอัฐิ
นางสาวนิตยา นรเชษฐ์ภักดี
ชาตะ ..............................
มรณะ ...............................
“ไปสู่สุคตินะ โยมนิด ชาติหน้าอาตมาขอเกิดมาร่วมบุญกับโยมอีก”
ดอกกุหลาบสีดำส่องกระทบแสงแดด
.
เมื่อเธอเปิดฟังเพลงนี้ ฉันอาจไม่อยู่ข้างเธอ
ไม่เห็นแววตาของเธอ ตอนที่ฟังรู้สึกเช่นไร
ก็มีท่อนหนึ่งในเพลงนี้ ที่อยากให้ฟังมากมาย
คือฉันรักเธอหมดทั้งหัวใจ เก็บเอาไว้ไม่กล้าบอกมาแสนนาน...
ได้รับแรงบันดาลใจจากเพลง “เพลงเพราะ เพราะเธอ”
Flavour
ความคิดเห็น