ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไดอารี่..ของ..ลีโล่น้อย

    ลำดับตอนที่ #1 : เหตุเกิดจากความเปิ่น

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ย. 53


       

    ไดอารี่ ของ ... ลีโล่น้อยย

     
                หุหุ ลีโล่น้อยหอยสังตัวนี้เห็นพวกพี่เขาเขียนไดอารี่แล้วเอามาลงกัน ลีโล่น้อย เลยอยากจะลองเขียนบ้างค่ะ

     

                ก็ไม่มีอะไรหรอค่ะ แค่อยากจะเล่าสู่กันฟังถึงความน่ารัก(เหรอ)เกินเหตุของลีโล่น้อยเองค่ะ(น่ารักแบบไหน ก็คอยดูคอยชมกันได้เลยนะคะ อิอิ)

     

                เผอิญลีโล่ตัวนี้เนี่ย ไปงานหนังสือ ถึง 3 วันแน่ะ งิงิ เผอิญไปกับหลายคน หลายกลุ่ม หลายก้อน ไปกับคนนู้นทีคนนี้ที บางทีก็เพื่อนนัด บางทีก็พี่นัด บางทีก็พาน้องสาว(ลูกของน้า)จอมซนไป  โอยย เยอะแยะ อ่า แต่ทุกๆวันก็ผ่านไปด้วยเรื่องสนุกๆซึ่งก็ไม่มีอะไรมากมายเท่าไหร่นัก แต่แล้ววันสุดท้ายเนี่ยสิคะ ลีโล่น้อยดันตกม้าตาย ฮื

     

               

    เช้าวันที่ 24 ตุลาคม 2553

                พอลีโล่ตื่นขึ้นมาเห็นโทรศัพท์มันมีแสงหน้าจอขึ้น miss call มีเบอร์แปลกโทรเข้ามา ตอนช่วงประมาณตี2 กว่าๆ และด้วยความขี้สงสัย จึงตัดสินใจโทรกลับไป

               

    และแล้วเบอร์นั้นก็คือเบอร์บ้านของพี่สาวใจดีคนหนึ่งนั่นเอง

     

    และหลังจากที่รู้แล้วว่าปลายสายคือใคร ปลายสายคนนั้นก็บอกประเด็นที่โทรมาเมื่อคืนเลย ว่า...???

     จะเอาโมเดลโคนันไหม ถ้าจะเอาเดี๋ยวพี่จะเอาติดไปให้ ให้ไปเอาช่วงบ่าย 2 นะ ไปรอที่บูธเรือนปัญญาเลย” โอวว เสียงสวรรค์หรือป่าวนะ หรือว่าเราฝันเนี่ย โอยยย แต่พอลองหยิกแขนตบหน้าตัวเองแล้ว ปรากฏว่ามันเจ็บ งั้นก็แสดงว่าไม่ใช่ความฝันน่ะสิ

                อะไรนะคะ พี่บอกเกดว่าอะไรนะคะ”ฉันถามอีกรอบเพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้หูฝาดไปจริงๆ

                วันนี้พี่เปลี่ยนแผนพาหลานๆไปงานหนังสือน่ะ  เดี๋ยวจะหยิบโคนันไปฝาก” โอ้ พระเจ้าจอร์จ ยิ่งกว่ายอดมากอีก แต่มันยอดเยี่ยมที่สุด เพราะที่ตกลงกันไว้คือไปเอาอีกทีงานหนังสือเดือนเมษายนเลยนะ เพราะพี่เขาบอกวันนี้จะทำงานน่ะ แล้วพรุ่งนี้ ลีโล่ตัวอ้วนๆเตี้ยๆดำๆคนนี้ก็จะหายตัวเองกลับมาที่โคราช ที่อยู่ในปัจจุบันแล้ว ฉะนั้น มีโอกาสแล้วต้องรีบคว้าเอาไว้ซะให้อยู่หมัด หุหุ โอกาสทองแบบนี้มีเหรอ ลีโล่ผู้นี้ซึ่งเป็นคนที่คลั่ง+บ้าโคนันอย่างมากถึงมากที่สุด จะพลาด!!!

     

    หึหึ หลังจากที่วางสายเสร็จแล้ว ลีโล่ซึ่งกำลังหัวฟูเพราะเพิ่งลุกจากที่นอน ก็สาละวนกับการอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปงานหนังสือ ไปตามหาความฝันของตัวเอง ฮ่าๆๆ เย้ๆๆ(นอกเรื่องละ) ผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่าๆเห็นจะได้ ในที่สุด ลีโล่ตัวนี้ก็ทำทุกอย่างเสร็จและพร้อมที่จะมุ่งหน้าไปยัง งานมหกรรมหนังสือที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติ สิริกิติ์

     

                 บ่ายโมงกว่าๆ ลีโล่น้อยได้มายืนอยู่ ณ สถานที่ ซึ่งได้นัดเอาไว้ และระหว่างที่รอนั้นลีโล่ตัวนี้ก็คุยๆเล่นๆกับพวกพี่ๆที่อยู่ในบูธเรือนปัญญา พลางคุยโทรศัพท์ไปด้วย กับพี่สาวแสนใจดีไปด้วย

     

                พี่ถึงไหนแล้วเหรอคะ” นี่คือเสียงที่ลีโล่ถามพี่สาวออกไปด้วยความตื่นเต้น แทบจะบอกว่า นับเวลาถอยหลังคร่าวๆรอเลยล่ะ

                อีกไม่นานก็ถึงแล้ว” นี่คือเสียงพี่สาวแสนใจดี  ที่ตอบกลับมา ทำให้ความรู้สึกตื่นเต้นมันพรุ่งปรี๊ดดดดด ในใจสรรหาคำพูดมากมายที่จะบอกพี่สาวตอนที่เขาให้โคนัน จะพูดไงดี โอยย คิดไม่ออก ขอบคุณค่ะ หรือ ว้าวว น่ารักจังเลย ขอบคุณนะคะ เอ หรือจะพูดญี่ปุ่นดี ก็โคนันมันญี่ปุ่นนี่ อาริกาโตะ โกไซมัต ดีมั๊ย??? ฮืออ คิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะพูดอะไรดี ความรู้สึกตีกันยุ่งเหยิงไปหมด

               

                และแล้วการคิดอะไรมากมายนั้น มันก็เกิดอาการทำพิษขึ้นมาอย่างรุนแรง คือเริ่มยืนไม่ค่อยจะอยู่แล้ว ประมาณว่า โอวววว ช่างเป็นอะไรที่เรา ลอยคอ เอ้ย รอคอยมานานมากกก แล้ว(1คืน) พอยิ่งคิดก็เหมือนว่าจะยิ่งทรงตัวยืนไม่อยู่จริงๆ ฉันเลยทรุดตัวนั่งลงไปแบบเขย่งๆเก้ๆกังๆ ซึ่งมันก็ทรงตัวไม่ค่อยจะอยู่สักเท่าไหร่นัก เลยตัดสินใจหาที่ยึดเหนี่ยว หึหึ จากนั้นสมองน้อยๆของฉันก็ออกคำสั่งไปที่มือให้ไปเกาะกับพี่คนหนึ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ภายในบูธ แต่ในขณะเดียวกันนั้นพี่คนนั้นดั๊นนนนน ขยับตัวหันไปอีกทางหนึ่ง ทำให้จังหวะที่ลีโล่กำลังจะยึดเหนี่ยวไปตรง...เอ่อ ขาของพี่เขานั้น เสียหลักลงอย่างจังๆ 

     

                โครมมมมม!!!” เสียงร่างน้อยๆ(น้อยมากเกินอ่ะนะ แบบว่าน้อยไปหมด)ของลีโล่ล้มทับฉากหลังของบูธเต็มๆ ทำให้ฉากของบูธนั้น พังไปกว่าครึ่ง

                จากนั้นตามด้วยเสียงพี่ชายเจ้าของบูธด้วยความเข้าใจผิดนึกว่าพี่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นั้นเป็นคนทำ(คนที่ฉันไปเกาะอ่านะ 555+)จึงโพล่งออกมาเสียงดังอย่างรวดเร็วภายใน เสี้ยววินาทีเลยก็ว่าได้(เว่อร์ๆ) “อิน ทำอะไรน่ะ”

                แต่ด้วยความที่พี่คนนั้นรักลีโล่มากเกินไปสักหน่อย เขาเลยพูดออกไปอย่างเต็มปากเต็มคำและเสียงดังไม่แพ้พี่ชายเจ้าของบูธเลย ว่า “ไม่ใช่ซะหน่อย เกดต่างหาก” พูดเสียงดังไม่พอ นิ้วของพี่สาวคนนั้นชี้มาหาลีโล่น้อยอย่างเต็มที่  T^T

               

     โอยย พูดแบบนี้ ลีโล่ก็โดนอย่างจังเลยสิคะ พี่ขา~ เหมือนมีอะไรหนักๆ มาฟาดเข้าที่หน้าเลยทีเดียว ประมาณว่า ฟาดให้หน้ายุบเลยก็ว่าได้

     

    ไม่นานหลังจากที่เสียงพี่เขาหยุดลง ทุกสายตาทั้งในบูธ นอกบูธ หรือแม้แต่บูธข้างๆก็พาลจับจ้องมาที่...........เอ่อ หวังว่าคงไม่มีคำอธิบายใดๆมาเขียนบรรยายได้หรอกนะคะ ขอละไว้ในฐานที่ทุกคนคงจะเข้าใจ(ถ้าไม่เข้าใจโทรมาถามได้ค่ะ 555+)

     

                และด้วยความที่เป็นลีโล่ตัวน้อยๆตัวนี้ซึ่ง(อาจจะ)ชินกับความเปิ่นของตัวเองแล้ว จึงทำให้มีสปิริตอันแรงกล้าในการกระเด้งตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วหันไปสำรวจรอบกาย แต่ถึงจะชินขนาดไหนก็ไม่วายที่จะอายอยู่ดี ก็แหม สายตาหลายสิบคู่ ก็ยังคงจับจ้องมาที่.......ลีโล่ ตามคำบอกกล่าวของพี่สาวที่ชี้นิ้วแล้วบอกอย่างดังในเมื่อสักครู่นี่อย่างไม่วางตากันเลยทีเดียว แต่สำหรับบางคนที่ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ก็ทยอยเดินจากไป แต่ก็ยังคงมีคนส่วนใหญ่ยังคงหันมาดูอย่างเดิม พวกเขาคงคิดสินะ ว่าถ้าเป็นฉันจะทำยังไงดี และอะไรต่างๆนานา (แง้~~~~)

     

                และด้วยความทั้งเขิน ทั้งอาย และรู้สึกผิด บวกกับสายตาทั้งแบบว่า ทั้งดุ ทั้งมองแบบ ใครมาทำอะไรพัง และอีกต่างๆนานาที่ถาโถม+ซัดกระหน่ำเข้ามา ทำให้ลีโล่น้อยผู้นี้จึงรีบนั่งยองๆลงไปอีกครั้งแล้วลงมือซ่อมบูธของพี่ชายโดยไว

     

                แต่ โอววว ดูฉากกั้นบูธพี่เขาสิ โอยยย  คือมันยุบไปครึ่งหนึ่งเลยอ่า แบบว่า จะซ่อมยังไงให้ดีที่สุดนะ แต่ก็นะ ความคิดมันช้ากว่าการกระทำไปซะแล้ว เพราะเจ้ามือตัวแสบของฉันเนี่ยไปคว้าบูธที่มันผลุบไปด้านหลังกว่าครึ่งนึงอ่ะ แล้วดึงออกมาด้วยความพยายามอย่างสุดซึ้ง และแล้วก็ซ่อมอยู่นานสองนานโดยมีพี่สาวที่ขยับตัว(หนี)ลีโล่น้อยๆตัวนี้จนพลาดทำให้ล้มลงไปกลายมาเป็นผู้ช่วย และสายตารอบข้างต่างก็ให้กำลังใจ(หรือเปล่าไม่แน่ใจ) จนสุดท้ายแล้ว สองสาวพี่น้องก็ช่วยกันซ่อมจนบูธกลับคืนมา 90%(อีก10%ซ่อมไม่ได้จริงๆ) ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนกับได้กู้เอกราชคืน(เกี่ยวมั้ยเนี่ย)ให้กับบูธของพี่เขาได้ แต่เฮ้อ กว่าจะกู้คืนได้ แทบจะบ้าแน่ะ  อารมณ์ตอนนั้นนะคะ ทั้งอาย(ที่ทำบูธพัง) ทั้งเขิน (ที่คนแถวนั้นหยุดยืนมองโดยมีจุดศูนย์กลางเป็นจุดเดียวกันคือ ...Me) ทั้งตื่นเต้น (ที่กำลังจะได้โมเดลโคนันสูงกว่า 1 ฟุต) ทั้งรู้สึกผิด         (เพราะเราคือต้นเหตุทั้งหมด T.T)   

    และหลังจากที่ซ่อมบูธเสร็จไม่นาน พี่สาวแสนใจดี+โมเดลโคนัน และหลานอีก 2 คน ก็ได้เดินทางมาถึง ณ บูธเรือนปัญญา พี่สาวเดินเข้ามาพร้อมกับถุงใบขนาดปานกลางใบหนึ่งข้างในบรรจุกล่องสีขาวไว้ใบหนึ่ง แล้วมีภาษาญี่ปุ่นเขียนไว้หน้ากล่องอยู่7-8บรรทัด(ซึ่งเกดอ่านไม่ออก) พี่สาวหยุดยืนที่บูธแล้วหยิบกล่องขาวนั่นขึ้นมาก่อนจะเปิดกล่องออกแล้วหยิบ....โคนัน!!! ออกมา ก่อนจะยื่นมาให้เกด(ลีโล่น้อยยย)มาเชยชม  แต่!!! โหหหห แทบจะทุกคนในบูธนั้นต่างก็ชอบโคนันหมดเลย ทำให้โคนันโดนหยิบแย่งไปเชยชมกันก่อน จนสุดท้ายเกดไปยึดคืนมา(คิดอย่างเดียวในตอนนั้น กลัวไม่ได้คืนอ่า หุหุ) พอได้คืนมาปุ๊บก็จัดแจงเก็บเข้ากล่องเหมือนเดิมทันที จากนั้นก็ลืมถุงไปเลย ลีโล่น้อยผู้น่ารัก(หรอ)ยืนกอดกล่องที่บรรจุโคนันไว้ภายใน แน่นราวกับภายในกล่องนั้นเป็นเพชรพลอยที่มีค่ามหาศาล จากนั้นเราก็ไปเดินเล่นงานหนังสือกันนิดหน่อยก่อนจะไปนั่งอยู่ตรงบันไดโดยหลานๆของพี่สาวที่ได้ซื้อการ์ตูนมาอย่างอิ่มหนำสำราญแล้ว ก็นั่งอ่านอยู่ริมสุดติดกำแพงแล้วก็พี่ชายและพี่สาวแสนใจดี ระหว่างที่นั่งคุยโม้แตกกันอยู่นั้น พี่สาวอีกคนที่ไปซื้อเสบียงก็เดินกลับมาพร้อมกับนั่งลง ไอ้เราก็หวังดีนะ เขยิบให้พี่สาวนั่งสบายๆ แต่ ขณะที่เขยิบๆอยู่นั้น

     

    แกร๊ก!!! ไม่ต้องแปลกใจนะคะท่านผู้อ่าน มันไม่มีอะไรมากมายหรอกค่ะ แค่เป็นเสียงก้นน้อยๆของน้องลีโลไปนั่งทับแก้วน้ำพลาสติกของหลานพี่สาว(ที่เขาเอาโคนันมาให้อ่านะ)เท่านั้นเอง แก้วน้ำพลาสติกนั้นถึงกับแตกเลยทีเดียว พอแก้วน้ำแตกแล้ว สิ่งที่ตามมานั่นคือ .... น้ำค่ะ

    โอ้ ไม่นะ น้ำซึมไหลออกจากรอยแตกของแก้วน้ำพลาสติดทีละหยดสองหยดไปเรื่อยๆ แล้วพื้นที่งานหนังสือเขาปูด้วยพรมใช่ไหมคะ นั่นล่ะค่ะ งานเข้ารอบสอง แต่โชคช่วยที่มีแก้วน้ำอีกแก้วที่น้ำเกือบจะหมดแล้ว พี่สาวแสนใจดีเลยจัดแจงเอามาซ้อนกันและจากนั้นน้ำก็หยุดไหล แล้ว

     

    จากนั้นก็นั่งเม้าท์กันต่อไปเรื่อยๆ  จนสักพัก พี่สาวทัก  

     

    เอ้า ถุงพี่เอาใส่มาให้ทำไมไม่เอาใส่ไว้ล่ะ กอดอยู่ได้เดี๋ยวกล่องพังหมดหรอก”

     

     โหหห !!! รู้สึกเหมือนหน้าแตกรอบที่ 3 เลย ค่ะท่านผู้อ่าน โอเคค่ะ เพิ่งนึกออก เลยซอยเท้าวิ่งไปที่บูธ แอบย่องไปหยิบถุงสีเหลืองก่อนจะย่องออกมา ที่ต้องย่องเพราะว่าถ้าเข้าไปจังๆนะ โคนันอาจจะไม่รอดออกมาเป็นแน่แท้ทีเดียวเชียว หลังจากได้ถุงแล้วก็จัดแจงเอากล่องสีขาวใส่ถุงทันทีพร้อมกับย่องออกจากบูธมาอย่างเงียบๆ แต่ก็ไม่วายที่พี่ๆในบูธยังมาเห็นแล้วกระซิบว่า

     

    ระวังจะโดนตีหัวขโมยโคนันนะจ๊ะ” โอยย คำนี้นะ ทำเอาเครียดเลยอ่า(ถึงจะรู้ก็เถอะ ว่าพี่เค้าไม่ทำจริงๆ แต่ก็อดไม่ได้นี่เนอะ)

     

     อ่า ไปๆมาๆ เล่าซะยาวเลย ขอบคุณทุกท่านนะคะที่ทนอ่านกันมาถึงตอนนี้ มีพบก็มีพรากค่ะ ตอนนี้ ลีโล่น้อยคงจะต้องขอตัวลาไปก่อน  สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ(เชยไปมั้ย ประโยคนี้เนี้ยยยยย)

     

     

    การไปงานหนังสือคราวนี้ บอกได้เลยว่า สนุก เหนื่อย เมื่อย และที่สำคัญคือ อาย+ฮาค่ะ จบข่าว!!!

     

    ปล.1 พี่ชายเจ้าของบูธเรือนปัญญาคะ ขอบคุณนะคะ ที่ให้ยืมบูธเป็นที่นัดพบ และขอโทษอย่างแรงมากๆเลยนะคะที่ยืมบูธไม่พอยังไปป่วน+เปิ่นทำบูธของพี่พังอีก

     

    ปล.2 ขอบคุณพี่สาวนะคะ ที่ให้เกาะ ถึงจะผิดพลาดทางเทคนิคบางประการ

     

    ปล.3 ขอบคุณพี่สาวแสนใจดีนะคะ ที่อู้งานเอาโมเดลโคนันมาให้น้องลีโล่ได้เชยชม(ถึงจะมาเพราะหลานๆรบเร้าก็เถอะนะ 555+)

               

     

    สุดท้ายนี้ ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านนะคะ

     

     

    วันที่  5 พฤศจิกายน พ.. 2553


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×