คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : วิ่ง ช่วยผู้ป่วยหายจากโรคหัวใจ
การออกกำลังกาย เป็นอีกทางเลือกของผู้ป่วย
เหตุการณ์นี้ เกิดเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ผมไปประชุมสมัชชาใหญ่ ขององค์กรบริหารนิสิตนักศึกษาแห่งโลก ที่เมืองอีบาดาน ในประเทศไนจีเรีย ในการประชุมครั้งนั้นมีผู้แทนจากทั่วโลกกว่า 100 คน
บรรยากาศการประชุมเครียดมาก ผมต้องทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมตลอดบ่ายวันแรก จึงต้องทำงานอย่างหนักเพื่อควบคุมการประชุมให้เรียบร้อย
พอเลิกประชุมเย็นจึงรู้สึกเหนื่อยและอ่อนเพลียผิดปกติ กินอาหารได้น้อย จึงได้ดื่มเบียร์กับเพื่อนและเข้านอน ประมาณเที่ยงคืน จำได้ว่าตื่อนกลางดึก เดินเข้าห้องน้ำเสร็จแล้ว ก็รู้สึกแน่นหน้าอก ใจสั่นรัว มือเท้าอ่อนแรง แล้วก็หน้ามืดดับวูบหายไป มารู้สึกตัวอีกครั้งเที่ยงวันรุ่งขึ้น ผมนอนอยู่บนพื้นห้องน้ำ หัวคิ้วแตก เข้าใจว่าคงโขกกับอ่างล้างหน้าตอนล้มลง ตอนนั้นคิดว่าคงเป็นเพราะการดื่มเบียร์เข้าไปมากจึงไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร
หนึ่งปีผ่านไปงานเลี้ยงบ้านเพื่อนสนิท ผมไปถึงงานค่อนข้างสาย พอไปถึงจึงรีบกินด้วยความหิว เพราะคนอื่นเขาอิ่มเรียบร้อยแล้ว ขณะเกือบอิ่มก็รู้สึกแน่นขึ้นตรงกลางยอดอก แน่นเหมือนมีใครเอาลูกเทนนิสไปอัดไว้ อึดอัด หายใจไม่ค่อยออก น้ำตาซึม หน้าอกแน่น ใจสั่นรัวเหมือนจะหยุดเต้น มือเท้าเย็น เหงื่อวึมออกมา แขนขาอ่อนแรงเปลี้ยไปหมด ผมพยายามลุกขึ้นเพื่อหลบไปห้องน้ำ แต่พอลุกขึ้นยืนหน้าก็วูบลงไป มือคว้าขอบเก้าอี้ไว้ทัน ค่อย ๆ เดินเกาะลัดเลาะเข้าห้องน้ำ และไปหมดสติในห้องน้ำ พอฟื้นออกจากห้องน้ำได้แค่ 3 ก้าว ก็หน้ามืดล้มลงอีกครั้งหนึ่ง
และหลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน ก็เกิดเหตุการณ์ทำนองเดียวกันขึ้นอีก แต่ครั้งนี้ผมเจ็บหน้าอก นานถึง 10 นาที และเพลียหลับไปนานเกือบชั่วโมง คราวนี้ผมหลอกตัวเองอีกไม่ได้แล้ว เพราะอาการนี้มันชัดเจนว่า ผมป่วยเป็น “โรคหัวใจ”
ชีวิตผมต้องเปลี่ยนไปจากคนปกติ เป็นผู้ป่วยโรคหัวใจ แม้จะไม่ยอมรับสภาพเจ็บป่วยเรื่องหัวใจของตนเอง แม้ว่าตัดสินใจจะต้องต่อสู้เอาชนะโรคร้ายนี้ให้ได้ (ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร) แล้ววันหนึ่งเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ขณะที่ผมเดินทางผ่านประเทศฮ่องกง ผมบังเอิยไปพบนิตยสารฉบับหนึ่งชื่อแปลกตาว่า “Asian Runner” ฉบับปี 2524 และในนิตยสารฉบับนั้นมีบทความเรื่อง “Run for your life” ซึ่งเป็นบทความที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่สุดที่สามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตของผม โดยเฉพาะได้ช่วยตอบคำถามถึง วิธีที่จะต่อสู้ เอาชนะหัวใจพิการของผม
ในบทความนั้น ได้เล่าเรื่องของวิศวกรเครื่องบินชาวออสเตรเลียชื่อ จอห์น วัย 33 ปี เขามีหลอดเลือดหัวใจอุดตีบตัน และกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากไวรัส จนถูกพักงานเป็นเวลา 12 เดือน จอห์นได้รับแรงบันดาลใจจากเพื่อนและสนับสนุนให้เขาวิ่ง ซึ่งจอห์นก็ได้เริ่มวิ่งอย่างสม่ำเสมอทุกวันจนเวลาผ่านไป 12 เดือน เขาก็ได้ไปให้แพทย์ตรวจอีกครั้ง ปรากฏว่าแพทย์ไม่พบร่องรอยของไวรัส และได้กลับเข้าทำงานอีกครั้ง แต่ต่อมาเขาก็ถูกพักงานอีก เนื่องจากแพทย์พบว่าหลอดเลือดหัวใจของเขาตีบตันไปถึงร้อยละ 70 และสั่งห้ามเขาวิ่งอย่างเด็ดขาด
แต่จอห์นไม่ยอมแพ้ และเขาได้เริ่มวางแผนการออกกำลังกายเพื่อบริหารหัวใจของตนเองอย่างจริงจัง โดยค่อย ๆ เริ่มจากน้อย ๆ ไปมากจนเขามีน้ำหนักลดลงจาก 105 กิโลกรัม เหลือเพียง 64 กิโลกรัม และในที่สุดปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เมื่อเขาไปพบแพทย์เพื่อตรวจอีกครั้งหนึ่ง แพทย์พบว่า เส้นเลือดที่มาเลี้ยงหัวใจอีกส้นได้ขยายตัวจนหลอดเลือดใหญ่ขึ้น และสามารถมาทดแทนเส้นเลือดเก่าที่อุดตันได้
จากแรงบันดาลใจในบทความนั้น ผมได้เริ่มต้นฝึกซ้อมวิ่งอย่างจริงจัง ในวันแรกที่เริ่มนั้นผมแทบจะถอดใจ เพราะมันยากกว่าที่คิดมาก คนป่วยด้วยโรคหัวใจ แค่เดินเร็ว ๆ ก็ลำบากมากแล้ว ผมได้ใช้ความพยายามและแรงใจที่มีอยู่ทั้งหมด โดยเริ่มต้นจากเดินช้า ๆ และค่อย ๆ เพิ่มความเร็วขึ้นทีละน้อย ๆ ผมเริ่มจากการเดินให้เร็วขึ้น จนสามารถวิ่งได้ในที่สุด ร่างกายของผมพัฒนาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง น้ำหนักตัวลดลงจนรู้สึกว่าตัวเองคล่องแคล่วขึ้นอย่างที่ไม่เคยมาก่อน จนในที่สุดผมสามารถวิ่งมาราธอนระยะ 42.195 กิโลเมตรได้สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้
ถึงวันนี้แม้ผมจะไม่ได้วิ่งอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผมมีความตั้งใจที่จะทำงานสำคัญอีกหลายชิ้นให้สำเร็จ และหนึ่งในงานนั้นคือ การสอนให้คนไทยรู้จักการดูแลจิตใจของตนเอง โดยปัจจุบันผมจะทำหน้าที่เป็นวิทยากรในการบรรยายเรื่อง การทำสมาธิแทบทุกสัปดาห์ และอีกหนึ่งความฝันที่อยากทำให้สำเร็จคือ การรณรงค์ให้คนไทยลดละการบริโภคสุรา และห่างไกลจากอบายมุขทุกชนิด
ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ยากลำบากและมีอุปสรรคมาก แต่ผมเชื่อมั่นเสมอว่าด้วยความพยายามและความดีที่คนเรามีอยู่ย่อมไม่มีอุปสรรคใดที่สามารถขวางเราไว้ได้
ความคิดเห็น