บทความเกี่ยวกับการออกกำลังกายจ้า

ลำดับตอนที่ #11 : โยคะ กุญแจดอกสำคัญของการมีสุขภาพดี

เผย! ฝึกประจำช่วยให้จิตใจสงบ มีสมาธิมากขึ้น

มีหลายคนตั้งคำถามว่า “โยคะ” คืออะไร วันนี้เรามาทำความรู้จักและเข้าใจของการฝึกโยคะกัน

จริงๆแล้ว โยคะ คือ วิถีชีวิต ที่มุ่งพัฒนา กาย และ จิต ให้เกิดศักยภาพสูงสุด พูดง่ายๆก็คือ โดยหลักการ การฝึกโยคะ ทำให้ ร่างกายของเราทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ จิตของเราทำงานได้เต็มกำลังความสามารถและเมื่อกลไกต่างๆ ของทั้งกาย และ จิต ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแล้ว เมื่อนั้น ก็คือ “สุขภาวะ”

ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเข้าใจก่อนว่าโยคะไม่ใช่ยาวิเศษที่จะรักษาโรคได้ โยคะไม่ใช่ปาฏิหารย์ หลักการของโยคะนั้น เป็นเหตุเป็นผลอย่างยิ่ง เมื่อเราคอยดูแลเอาใจใส่ร่างกาย จิตใจ ของเรา ให้ทำงานเป็นปกติ เมื่อดูแลเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง ร่างกายและจิตใจย่อมต้องดีแน่นอน ผู้ที่คอยดูแลเอาใจใส่ตนเอง โอกาสที่จะเจ็บไข้ได้ป่วยก็น้อยลง เราจึงพูดได้อย่างเต็มปากว่า โยคะ สามารถป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้ดีมาก และหากมีโรคภัยไข้เจ็บเกิดขึ้น ผู้ฝึกทำโยคะอย่างเป็นประจำ ย่อมมีโอกาสที่จะหายจากโรคได้เร็วกว่าผู้ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย

เมื่อเข้าใจภาพรวมแล้ว คราวนี้เรามาดูกันว่าผลดีของโยคะมีอะไรบ้าง?

ท่าโยคะเหยียดยืดกล้ามเนื้อ ช่วยให้ระบบกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก กระดูกสันหลัง ข้อต่อ ทำงานได้ดีขึ้น และที่สำคัญท่าโยคะช่วยให้อวัยวะเหล่านี้มีความสมดุล เพราะโยคะมีการผ่อนคลายสลับกับการเหยียดยืดตลอดเวลา

ท่าโยคะเป็นการ กด นวด อวัยวะของระบบต่างๆภายใน อันได้แก่ ระบบต่อมไร้ท่อ, ระบบย่อยอาหาร, ระบบขับถ่าย, ระบบสืบพันธุ์ ฯลฯ การยืดสลับกับการผ่อนคลาย ทำให้ระบบเหล่านี้ทำงานได้ดีขึ้น

ท่าโยคะช่วยกระตุ้น ระบบการไหลเวียนของเลือด การฝึกทำโยคะ เป็นการพัฒนา ระบบประสาท การติดต่อสื่อสารสัมพันธ์กันของกลไกต่างๆ ภายในร่างกายการฝึกโยคะช่วยสร้างเสริม ระบบหายใจให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

โยคะทำให้เรามีสติ รู้ความรู้สึกของร่างกาย รู้จิตและอารมณ์ของตนเอง ได้ดีขึ้นเอื้อต่อการ ควบคุมอารมณ์ ของตนเองได้ดีขึ้น

โยคะสอนให้เรามีจริยธรรม ทำให้เราเป็นสมาชิกที่ดีของชุมชม เป็นสมาชิกที่ดีของสังคม

โปรดสังเกตว่า โยคะมุ่งเน้นที่ กาย และ จิต เป็นสำคัญ ขอย้ำว่า โยคะไม่ใช่เรื่องของกายอย่างเดียว อย่างที่หลายๆคนเข้าใจ การมีทัศนคติที่ถูกต้อง ว่าโยคะ เน้นที่จิต ทำให้เราไม่ละเลยแง่มุมในการฝึกจิต ซึ่งหากกล่าวตามตำรา มีความสำคัญกว่าการฝึกกายด้วยซ้ำ ด้วยการให้ความสำคัญกับการฝึกจิตควบคู่ไปกับการฝึกกายนี้แหละที่ทำให้เราเก็บรับประโยชน์จากโยคะได้เต็มที่

ประโยชน์ของโยคะ
     1. เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ปรับระดับความดันเลือดให้เป็นปกติ บำบัดโรคที่เกี่ยวกับเลือดไม่  

         ดี  เช่น  โรคภูมิแพ้ ลมหมักหมม ผิวพรรณที่ไม่ผ่องใส สมองไม่ปลอดโปร่ง มึนศีรษะง่าย
     2. ด้านกายภาพบำบัด 
         • กล้ามเนื้อ ข้อต่อ และเอ็น มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้การเดินคล่องตัว และมีการทรงตัวที่ดีขึ้น
         • กระดูกสันหลังถูกปรับให้เข้าสภาพปกติ ป้องกันอาการปวดหลัง ปวดต้นคอ หรือปวดศีรษะ และ

            ปรับรูปร่างให้สมดุล กระดูกไม่งอ ไหล่ไม่เอียง
         • ท่าบริหารโยคะบางท่าถูกดัดแปลงให้ใช้กับคนชรา และคนพิการ เพื่อสามารถฝึกบนเตียง หรือ

            บนรถเข็นได้
     3.  กระตุ้นสมองให้มีความจำดีขึ้น
         • การผ่อนคลายลึก ๆ หลังการฝึก ทำให้เกิดคลื่นอัลฟา มีผลต่อการผ่อนคลาย และมีผลต่อสมอง

            ด้วย
         • คลายความเครียด แก้โรคนอนไม่หลับ 
     4. นวดอวัยวะภายในให้แข็งแรงขึ้น เช่น หัวใจ มดลูก กระเพาะอาหาร ตับ ไต เป็นต้น ทำให้ระบบย่อย

         อาหารดีขึ้น เลือดไหลเวียนไปที่ไต ล้างไตให้สะอาดขึ้น ระบบการหายใจจะโล่งขึ้น ทำให้การเผา

         ผลาญแคลอรีในร่างกายเพิ่มขึ้น ได้พลังงานเสริมความแข็งแรง 
     5. ใบหน้าดูอ่อนเยาว์  ร่างกายมีสัดส่วนดีขึ้น สวยงามขึ้น และยังช่วยควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี 
     6. ด้านจิตบำบัด
         • จิตสงบและมีสมาธิมากขึ้น
         • ลดความวิตกกังวลและอาการที่ตื่นกลัว
         • นักกีฬา นักเต้นรำ นักแสดง อาจใช้โยคะ เพื่อกำจัดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ และเพิ่มสมาธิ

            ก่อนการแข่งขันหรือก่อนการแสดงได้
         • นายแพทย์ ดีน ออร์นิช ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจจากแคลิฟอร์เนีย ได้ผสมผสานโยคะแบบใหม่ใน

            การรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจ
         • โครงการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง และศูนย์วิจัยในแคลิฟอร์เนีย สอนโยคะให้ผู้ป่วยในระยะ

            สุดท้าย เพื่อให้รู้สึกสงบ
     7. หากเพศสัมพันธ์บกพร่อง สามารถบรรเทาหรือแก้ไขได้ด้วยท่าโยคะหลาย ๆ ท่า

จะเห็นได้ว่าการฝึกโยคะนั้น นอกจากจะทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงแล้ว ยังช่วยให้จิตใจของเราสงบ และมีสมาธิมากขึ้นอีกด้วย แต่การฝึกนั้นควรทำอย่างสม่ำเสมอและพอเหมาะพอควรนะคะ ไม่ควรหักโหมมากจนเกินไป เพราะแทนที่จะเกิดผลดีกับตัวเรา อาจทำให้เกิดผลเสียกับสุขภาพเราแทนก็เป็นได้ค่ะ