คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1 จดหมายต้องห้าม
“ส่งจดหมายใบนั้นถึงมือท่านผู้นั้นแล้วใช่มั๊ย”เสียงทุ้มชองชายหนุ่มผู้ที่มีอำนาจสูงสุดกล่าวขึ้น
“แต่นั่นมันเป็นจดหมายต้องห้ามของอณาจักรแลนสลอตเลยนะท่านพ่อ”
“ฮึๆเจ้าก็รู้นี่ว่าจักรพรรดิองค์นี้ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนได้”ชายหนุ่มกล่าวขึ้นเพื่อคลายความกังวลให้ลูกชายและตนเอง
“แต่พระองค์ก็ทรงมีท่านชายอยู่ทำไมจึงไปเลือกท่านหญิงผู้นั้นขอรับนายท่าน”
“มันไม่ใช่เรื่องของเจ้าและใหนๆที่นั่นก็มีรัชทายาทถึงสองคนแม้คนแรกจะอ่อนแอไปบ้างก็ตาม...”
“นี่มันอะไรกัน!!!!”เสียงชายหนุ่มเจ้าของห้องตะโกนขึ้นมาอย่างตกใจ
“นี่นายช่วยรักษาภาพพจน์บ้างหน่อยจะได้มั๊ยอย่าลืมสิว่าเราไม่ได้อยู่กันแค่สองคน”เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งพูดปรามขึ้นมาอย่างเหนื่อยใจกับนิสัยของเจ้าของห้อง
“จะให้ทำไงได้ล่ะเววล์ก็จดหมายนี่มันไม่เคยมาเยือนอณาจักรเราเลยซักครั้งแล้วนี่ยังจะมาขอตัวรัชทายาทไปอีก”ชายหนุ่มพูดอย่างหัวเสีย
“เอาน่าเซอร์คัสยังไงการตัดสินใจครั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับนายอยู่แล้วฉันคิดว่ายังไงนายก็คงเลือกทางที่ดีที่สุดแล้วล่ะ”หญิงสาวพูดก่อนที่จะเอื้อมมือไปตบใหล่ชายหนุ่มเป็นเชิงปลอบใจ
“งั้นฉันไปก่อนนะพอดีลูเซียเรียกให้ประชุมตอนบ่ายน่ะเดี๋ยวสาย”หญิงสาวบอกลาแล้วรีบเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้เปิดโอกาสให้ชายหนุ่มได้พูดเลย
“ฮะๆไม่ว่าจะอยู่กันมานานซักแค่ใหนท่านแม่ก็ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนจริงไม่ครับท่านพ่อ”ชายหนุ่มซึ่งเป็นลูกชายคนโตพูดขึ้น
“ใช่ว่าแต่...คาร์ดีฟส์ตอนนี้น้องอยู่ไหน?”
“อ่า...ก่อนหน้านี้ไม่นานน้องบอกว่าจะไปเดินเล่นที่ห้างนี่ครับมีอะไรรึปล่าวครับท่านพ่อ”คาร์ดีฟส์ถามอย่างสงสัยกับคำถามของผู้เป็นพ่อเพราะปรกติพ่อของเขาไม่เคยถามถึงน้องเลยเวลาน้องออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก
“ช่างเถอะแต่ลูกออกไปตามน้องกลับมาหน่อยได้มั๊ยเพราะไม่แน่เหมือนกันว่าตอนนี้น้องจะปลอดภัยอยู่รึปล่าว”ชายหนุ่มกล่าวก่อนที่จะก้มหน้าลงไปมองจดหมายสีดำแผ่นนั้นอย่างเคร่งเครียด
“ครับ”คาร์ดีฟส์ตอบก่อนจะรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าที่ถูกสั่งสมด้วยประสบการณ์อันโชกโชนกำลังมองมาทางฉันด้วยแววตาที่แสนเย็นชาก่อนที่จะ
ฟึบ!
“ฮู่ว~โชคดีนะเนี่ยที่ยังหลบทัน”ฉันพูดหลังจากที่เพิ่งจะหลบลูกไปอัคคีได้แต่มันก็ยังไม่พ้นเสื้ออันพะรุงพรังตัวนี้ซักเท่าไหร่ดีที่ฉันยังพอที่จะใช้เวทน้ำช่วยดับไฟได้ก่อนที่จะไหม้ไปมากกว่านี้ฉันจึงสร้างดาบน้ำแข็งขึ้นมาก่อนที่ชายคนนั้นจะทันรู้ตัวฉันก็ตวัดดาบไปถูกใบหน้าเขาสร้างบาดแผลเพิ่มขึ้นได้หนึ่งรอยก่อนที่ชายคนนั้นจะพูดขึ้นมาว่า
“ไม่เบานี่”หลังจากที่ชายคนนั้นพูดจบก็ปรากฏดาบสีดำสนิทเล่มหนึ่งแต่ก่อนที่จะได้สู้กันก็มีเสียงหนึ่งตะโกนขึ้นมาขัดไว้ว่า
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!”เมื่อฉันได้ยินเสียงทุ้มๆที่แสนจะคุ้นเคยจึงหันหน้าไปมองทางต้นเสียงก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า
“คาร์ดีฟส์พี่มาทำอะไรที่นี่?”ฉันหันไปพูดกับพี่ชายก่อนที่จะหันกลับมามองคู่ต่อสู้อีกที่แต่ก็ไม่เจอใครเลย...เป็นไปได้ยังไงกัน?
“ท่านพ่อให้พี่มารับน่ะท่านเกรงว่าอาจมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นกับเธอแล้วมันก็เป็นจริงแล้ว...เป็นอะไรมากรึปล่าวบาดเจ็บตรงใหนมั๊ยแล้วชายที่ยืนถือดาบอยู่เมื่อกี้เป็นใครกัน”พี่ชายบอกเหตุผลที่มาที่นี่ก่อนที่จะถามคำถามสารพัดต่างๆนานามาซะยาวเหยียดทำให้ฉันตอบกลับได้เพียงแต่ว่า
“กลับบ้านกันก่อนเถอะเดี๋ยวเพนเทลล์จะเล่าให้ฟังทีหลังแล้วก็จะไปถามบางเรื่องกับท่านพ่อด้วย”
ณ คฤหาสน์สปาร์น่า
“เล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่ฟังได้แล้ว”คาร์ดีฟส์พูดขณะที่ยังอยู่ในห้องนอนของฉัน
“เรื่องมันเป็นแบบนี้นะ...”ฉันเล่าทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบให้คาร์ดีฟส์ฟังรวมทั้งเรื่องหนังสือเล่มนั้นด้วยพอเล่าจบคาร์ดีฟส์ก็บอกว่าอยากเห็นหนังสือเล่มนั้นแต่ฉันไม่ยอมให้ดูหรอกเพราะว่าฉันก็ยังไม่ได้ดูเลยนี่นา
“พี่กลับไปได้แล้วน่า”ฉันพูดพลางดันหลังพี่ชายให้ออกไปจากห้องเขาจึงหันหน้ามาพูดกับฉันว่า
“ถ้าดูหนังสือเล่มนั้นแล้วเจออะไรบอกพี่เลยนะ”คาร์ดีฟส์พูดก่อนที่จะเอื้อมมือมายีหัวฉันเล่นแล้วก็ยอมไปแต่โดยดี
“เฮ้อ~”ฉันถอนหายใจก่อนที่จะหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาดูแต่ก็ต้องตกใจตั้งแต่หน้าปก
“นี่มันอะไรกัน!!!” ฉันร้องขึ้นมาขณะที่มือกำลังขว้างหนังสือเล่มนั้นอยู่หนังสือเล่มนี้มีลักษณะเป็นสีดำทั้งเล่มเล่มหนาส่วนของหน้าปกเขียนไว้ว่า 100ข้อแห่งการเป็นจอมอสูร!แต่...ได้ยังไงกันฉันเป็นถึงรัชทายาทแห่งแลนสลอตเชียวนะ!ฉันจะไปเป็นอสูรได้ยังไงกันฉันรีบวิ่งไปเก็บหนังสือที่อยู่บนพื้นก่อนที่จะรีบวิ่งลงบันไดไปหาท่านพ่ออย่างรีบเร่ง
ปัง!
ฉันเปิดประตูแต่...ก็ไม่ถือว่าเปิดหรอกนะใช้ว่ากระชากเลยจะดีกว่าเพราะถ้ารอให้ประตูเวทมันเกิดออกเองก็แสนที่จะช้าๆๆๆๆที่สุดเมื่อฉันเดินไปถึงโต๊ะทำงานของท่านพ่อก็วางหนังสือเล่มนั้นลงบนโต๊ะฉันสังเกตเห็นจดหมายซองสีดำวางอยู่บนโต๊ะท่านพ่อที่เห็นท่าทางหงุดหงิดของฉันจึงเงยหน้าขึ้นมาถามว่า
“ว่าไงเพนเทลล์ท่าทางหงุดหงิดเชียว”ท่านพ่อถามพลางมองไปที่หนังสือที่ฉันเพิ่งวางลงเมื่อกี้แล้วถามขึ้นมาอีกว่า
“หนังสือนี่ลูกได้มันมาได้ยังไง”ท่านพ่อถามพลางมองสีหน้าของฉันอย่างขบขัน
“ไม่ต้องมาขำเลยนะค่ะท่านพ่อท่านก็รู้ดีนี่ว่ามันหมายถึงอะไรรวมทั้งจดหมายนั่นด้วยลูกถามจริงๆนะค่ะว่าลูกดูเหมาะที่จะเป็นจอมอสูรขนากนั้นเลยหรอค่ะ”
“ฮ่าๆๆลูกก็รู้ดีนี่นาแต่ว่าลูกอยากจะเป็นรึปล่าวก็อีกเรื่องหนึ่ง”
“ท่านพ่อลูกเป็นถึงรัชทายาทเลยนะค่ะแล้วท่านพ่อยังอยากให้ลูกเป็นอีกหรอ”
“เรื่องนั้นมันก็แล้วแต่ลูกนะแต่ว่าจอมอสูรคนปัจจุบันเคยเป็นถึงทายาทผู้ครองรัฐวารีนนอฟเลยนะแล้วเขาก็มีท่านชายอยู่คนหนึ่งด้วย”
“แล้วทำไมเค้าไม่ให้ทายาทตามสายเลือดของเค้าขึ้นแทนล่ะค่ะทำไมต้องมาเลือกผู้ไม่เกี้ยวข้องอย่างลูกด้วย”
“พ่อก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ถ้าลุกอยากรู้ลูกก็ไปที่นั่นสิเดี๋ยวลูกก็รู้เองแหละ”
“ตกลงค่ะลูกจะไปที่นั่น”
‘คิดจะไปก่อเรื่องอีแล้วล่ะสิลูกเราเฮ้อ~’เซอร์คัสคิดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่วันข้าหน้าได้ไม่นานเพนเทลล์ก็พูขึ้นมาแทรกว่า
“ลูกจะเปลี่ยนที่นั่นในแบบที่ลูกต้องการ”
“อย่าบอกนะว่าลูกคิดที่จะรวมอสูรไว้กับอัศวินน่ะ”
“ฮ่าๆๆท่านพ่อก็รู้นี่ค่ะงั้นลูกไปก่อนนะค่ะแต่เอ๊!...ลูกจะต้องไปที่นั่นวันใหนค่ะ”
“อีกสองวันข้างหน้าประมาณนี้แหละลูกไปเตรียมตัวไว้เถอะ”
“ค่ะงั้นลูกไปแล้วนะค่ะบายค่ะ”ฉันโบกมือลาท่านพ่อโดยที่ไม่ลืมที่จะหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาด้วย
พอเอาหนังสือไปเก็บไว้ที่ห้องแล้วฉันก็เดินลงบันได้มาที่ชั้นสี่ของคฤหาสน์แล้วก็มาหยุดอยู่ที่ห้องของพี่คาร์ดีฟส์
“ว่าไงเพนเทลล์”
“ก็ไม่ว่าไงหรอกค่ะก็แค่เพนเทลล์จะมาบอกว่าอีกสองวันข้างหน้าเพนเทลล์จะต้องไปอยู่ที่อณาจักรอสูรแล้วนะค่ะก็แค่นั้น”ฉันพูดพร้อมกับยิ้มให้คาร์ดีฟส์โดยที่ขณะนี้เจ้าตัวทำหน้าเหวอเหมือนจะเป็นลมสลบไดแล้วตายคาห้องนี้ไปเลยยังไงอย่างนั้น
“พี่จะไปด้วย!”คาร์ดีฟส์พูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนเป็นเชิงว่าเพนเทลล์ไปใหนพี่ก็จะไปด้วยขณะที่คาร์ดีฟส์กำลังจะเดินออกจากห้องไปฉันจึงเรียกไว้
“แต่คาร์ดีฟส์พี่จะไปได้ยังไงกันนี่มันเป็นงานของเพนเทลล์นะ”
“ท่านพ่อคงจะไม่ได้ให้งานแบบนี้กับเพนเทลล์หรอนอกจากน้องจะอยากไปเอง”คาร์ดีฟพูก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องไปฉันจึงวิ่งตามจนมาหยุดอยู่หน้าห้องทำงานของท่านพ่อฉันจึงถามขึ้นมาว่า
“พี่จะทำอะไร”ไม่ทันที่คาร์ดีฟส์จะตอบประตูกลก็เป็ดออกพร้อมกับใบหน้าเจ้าของห้องที่นั่งยิ้มประดับโต๊ะทำงานอยู่ฉันกับพี่ชายจึงไปนั่งที่โซฟาตรงข้ามกับโต๊ะทำงาน
“พ่อให้ลูกไปกับน้องไม่ได้แต่สามมารถให้ลูกไปเยี่ยมน้องได้”
“แต่จะให้น้องไปที่ๆมีแต่อสูรพวกนั้นหรอครับมันอันตรายมากเลยนะท่านพ่อ”
“แต่ทางนั้นเค้ารับรองไว้แล้วว่าจะไม่ทำให้ทางเรามีอันตรายเด็ดขาดไม่งั้นพ่อคงไม่ส่งน้องไปหรอก”
“แล้วทำไมพ่อต้องเจาะจงส่งไปเฉพาะน้องล่ะครับ”
“คาร์ดีฟส์พ่อคิดว่าพ่อคงจะบอกเรื่องนี้กับลูกไม่ได้หรอกนะ”
“งั้นก็ได้ครับผมขอตัว”คาร์ดีฟส์พูดจบก็เดินออกมาจากห้องโดยไม่ลืมที่จะลากฉันออกมาด้วย
“พี่คาร์ดีฟส์เพนเทลล์หิวอ่ะ”ฉันพูดพลางกระตุกแขนเสื้อของพี่ชายจนทำให้พี่คาร์ดีฟส์บานออกมาว่า
“ยังไงกันเนี่ยเรากระเพาะทำด้วยอะไรวันๆเอาแต่กินไม่กลัวอ้วนรึไง”
“ไม่กลัวหรอกค่ะก็ที่เพนเทลล์หิวก็เพราะเมื่อเช้าที่ไปสู้กับใครก็ไม่รู้ตอนนั้นนั่นแหละค่ะ”
“พี่รู้สึกว่าเราจะบ่นว่าหิวแบบนี้ทุกวันเลยไม่ใช่รึไง”
“แต่ยังไงพี่ก็ยังพามาอยู่ดีไม่ใช่หรอค่ะ”
“จริงๆแล้ย”คุยกันมาได้ไม่นานก็มาถึงห้องอาหารทำให้ฉันถึงกับต้องรีบวิ่งเข้าไปในห้องครัวเพราะหวังว่าจะเจอใครคนหนึ่ง
“ท่านแม่!!!”
“อ้าวเพนเทลล์กลับมาแล้วหรอดูซิวันนี้แม่ทำอะไรให้กิน”
“ว้าวพุดดิ้งกับสตูแต่หนูไม่ได้ชอบสตูนี่ค่ะ”
“ก็พ่อเรากับพี่ชายเราน่ะบอกให้แม่ทำให้นี่สิ”
“อ๋อค่ะแต่..ตอนนี้หนูขอพุดดิ้งออกไปกินบ้าได้มั๊ยค่ะ”
“เอาไปสิ”
“ขอบคุณค่ะ”ฉันพูดก่อนจะหยิบพุดดิ้งออกไปที่โต๊ะอาหารทำให้ที่ชายที่กำลังนั่งรออยู่ถึงกับถามขึ้นมาว่า
“ใครทำพุดดิ้งหรอเพนเทลล์ปรกติน้องจะกินแต่พุดดิ้งที่ท่านแม่ทำนิ”
“อ๋อท่านแม่ทำค่ะ”ก่อนที่คาร์ดีฟส์จะได้ถามอะไรไปมากกว่านี้ท่านแม่ก็เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกันสตูอีกสี่ชาม
“ไหนท่านแม่บอกว่าไปประชุมไงครับ”คาร์ดีฟส์ถามแต่ท่านแม่ก็ไม่ได้ตอบอะไรท่านพ่อก็เดินเข้ามาพอดีและพูดว่า
“พ่อว่าเรากินสตูกันก่อนดีกว่ามั๊ยเดี๋ยวเย็นหมดแม่เค้าอุตสาห์ทำ”
“เมื่อได้ยินพ่อพูดขึ้นมาฉันก็รีบตักพุดดิ้งกินให้หมดแล้วกินสตูต่อไปอีกหลายชามจนทำให้พ่อกันพี่ชายถามขึ้นมาว่า
“รีบกินไปใหนเพนเทลล์”
“แหะๆกินเผื่อไว้อีกสองวันค่ะ”ฉันรีบตอบก่อนจะก้มหน้าก้มตากินต่อ
“อีกแค่สองวันสินะ”
ความคิดเห็น