ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักใสใสหัวใจติดปีก

    ลำดับตอนที่ #1 : 17 ปีที่รอคอย

    • อัปเดตล่าสุด 17 ส.ค. 48


    “ ท่านประธานครับ!!!  พร้อมหรือยังครับ??? คุณหนูคงใกล้จะถึงเมืองไทยแล้วผมว่าเราเดินทางไปที่สนามบินกันเลยดีกว่า”  “ฉันอยากเจอหน้าลูกเต็มแก่แล้วออกรถได้”



    เสียงท่านประธานบอกถึงความคิดถึงลูกชายฝาแฝดที่ส่งไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนาจบมาเพื่อหวังให้มาบริหารธุรกิจโรงแรมที่กระจายสาขา



    อยู่ทั่วเมืองไทยและไม่รวมธุรกิจอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วนเรียกได้ว่าชาตินี้ไม่รู้ว่าจะเอาเงินดอกเบี้ยไปทำอะไรดีส่งผลให้ลูกชายสองคนกลายเป็นทายาทมรดกร้อยล้านไปโดยปริยาย ^ - ^





    “เผลอแป๊บเดี๋ยวนี่  17 ปีที่ฉันส่งลูกทั้งสองคนไปเรียนที่ญี่ปุ่น”ผมอยากถามท่านมานานแล้วครับว่าทำไมท่านต้องส่งลูกชายไปเรียนที่ญี่ปุ่นด้วยในเมื่อที่นั้นท่านเองก็ไม่คิดที่จะกลับไปอีก”





    “ฉันมีเหตุผลที่แกเองก็คงไม่รู้เอาเป็นว่าฉันมีเหตุผลก็แล้วกันอย่าถามให้มากความเลยรีบขับเร็วๆ หน่อยเดี๋ยวไม่ทันเวลา”  ครับท่าน    





    ณ. ท่าอากาศยานดอนเมือง ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ต่างมารอคอยคนที่รักและคิดถึงคราบน้ำตาแห่งความห่วงหาปนด้วยเสียงหัวเราะของการกลับมาของคนที่รักเป็นภาพที่น่าประทับใจอย่างบอกไม่ถูก



    “ธวัชแกเอาป้ายชื่อลูกฉันมาหรือเปล่า???  เอามาให้ฉันเดี๋ยวนี้” “อยู่นี่ครับท่านประธาน” การรอคอยที่ยาวนานมาร่วม 17 ปี เพียงแค่อึดใจเดี๋ยวเท่านั้นที่ทาเคซังคิดว่ามันยาวนานยิ่งกว่า 17 ปีเสียอีก



    เสียงประชาสัมพันธ์ก็ดังขึ้นใจความบ่งบอกให้รู้ว่าสายการบินที่มาจากโตเกียวกำลังลงสู่ท่าอากาศยานดอนเมืองในอีก 5 นาทีข้างหน้าหัวใจ





    ของทาเคซังหวนคิดถึงวันที่ภรรรยาของเค้ากลับมาพร้อมด้วยลูกน้อยวัยเพียง 5 ขวบแต่เค้าเองไม่มีโอกาสแม้จะได้เห็นหน้าภรรยาและมารับ





    ลูกๆแบบนี้เป็นความทรงจำที่ไม่อยากที่จะให้มันเวียนวนอยู่ในใจแบบนี้แต่ก็ทำไม่ได้สักทีน้ำตาของความรักความเป็นห่วงและความโกรธในตัว



    เองที่ไม่เคยให้อภัยเลยเรื่อยมา มีแต่คนสงสัยว่าทำไมท่านประธานของพวกเขาถึงไม่เคยยิ้มและหัวเราะชีวิตมีแต่งานและงานไม่ข้องเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนนอกจากมิซาเอะภรรยาคนเดียวที่รำลึกถึงเสมอมา…





        “ท่านครับ ท่านครับ!!!  คุณหนูครับ  คุณหนู  เดินมาแล้วครับท่าน” ใช่! ใช่! นั้นลูกชายฉันเค้าจะจำฉันได้หรือเปล่า ??? เพราะเค้า



    เองก็อยู่แต่กับแม่ของเค้าฉันแทบจะไม่เคยอุ้มเค้าด้วยซ้ำ” “จำได้สิครับนั่นคุณหนูเดินมาทางนี้แล้วครับ  คุณหนู! คุณหนู! จำลุงธวัชได้หรือ



    เปล่าที่เคยไปส่งคุณหนูไปโรงเรียนตอนเด็กๆไงครับ”



    “จำได้สิลุงธวัช” “ทาเคดะจำพ่อได้หรือเปล่าลูก” “คุณมาที่นี่ทำไมคุณทาเคซังมันอาจทำให้คุณเสียชื่อเสียงถ้านักข่าวเอาไปลงหนังสือพิมพ์



    หน้าหนึ่ง นักธุรกิจร้อยล้านมาต้อนรับใครก็ไม่รู้จักไม่รู้หัวนอนปลายเท้ายังผม” “เลิกประชดพ่อได้แล้วลูก แล้วน้องไม่กลับมาด้วยหรือไง???”



    “คุณเห็นหรือเปล่าว่ามีใครกลับมากับผมถ้าไม่มีก็แสดงว่าไม่มี” “คุณหนูครับท่านประธานถามเพราะความเป็นห่วงนะครับ!!!  ผมเองก็สงสัย



    เหมือนกันว่าคุณหนูทาเคชิไม่กลับมาด้วยหรือครับ”ลุงธวัชไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับทาเคชิจะตามกลับมาในไม่ช้านี้ครับ”



    “ทาเคดะกลับบ้านเราดีกว่าลูกพ่อเตรียมทุกอย่างไว้ต้อนรับการกลับมาของลูก”



    “ไม่ต้องมีอะไรมากมายขอแค่ที่พักที่โรงแรมและมหาวิทยาลัยในเมืองไทยผมจะกลับมาเรียนที่เมืองไทยสักพักเท่านี้ก็พอแล้วลุงธวัช”



    “แต่ลูกพ่อว่า…” “ตามนี้นะครับลุงธวัช” ทาเคดะยังคงสะสมความโกรธไว้ในใจที่พ่อของเค้าเคยทำไว้ในตอนที่เค้ายังเด็กการจากไปของแม่



    ทาเคดะคิดอยู่เสมอว่าพ่อมีส่วนอย่างมากที่ทำให้แม่ต้องตาย ตั้งแต่นั้นมาเค้าไม่เคยพูดกับพ่ออีกเลยและสัญญากับตัวเองว่าพ่อต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำกับแม่ไว้





        “คุณหนูครับเชิญขึ้นรถครับ คุณพ่อรอยู่ครับ”“ลุงพาท่านประธานของลุงกลับไปก่อนเดี๋ยวผมจะไปที่โรงแรมเลย  อย่าลืมนะครับ



    ลุงช่วยติดต่อมหาวิทยาลัยให้ผมด้วยอีกสองสามวันผมจะไปเรียนหนังสือขอทำธุระอะไรบางอย่างก่อน”  รถค่อย  ๆวิ่งจากไปอย่างช้า ๆ แต่คนในรถใจร้อนรนยิ่งกว่าภูเขาไฟกำลังจะระเบิดซะอีก



    ลูกของเค้ากำลังจะทำอะไรการกลับมาครั้งนี้มีเป้าหมายในชีวิตอย่างไรหรือจะกลับมาแก้แค้นใคร???เพราะแววตาของทาเคดะเปลี่ยนไปมันทำให้เค้ารู้สึกว่าลูกไม่กลับมาเพื่อเรียนต่อที่ประเทศไทยอย่างเดียวแน่นอน…

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×