ตอนที่ 8 : track 07 ; earphone
เป็นอะไรไปอีกล่ะ?
คุณชวนทะเลาะอีกแล้วนะ
ถ้าให้นับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดน่ะ
ผมนับมันไม่ไหวหรอก
“แท.. นี่ใคร?”
ผมได้ยินคำถามแบบนี้มาประมาณรอบที่สิบของวัน
กี่รูปต่อกี่รูปแล้วล่ะที่คุณยื่นมันมาให้ผมดูน่ะ
มันเป็นรูปซ้ำๆของผมกับสาวน้อยสาวใหญ่ที่ไหนก็ไม่รู้หลายต่อหลายคน
และผมเลือกที่จะเงียบ
ผมเมินเฉยต่อคำถามของคุณมาได้สักพักแล้วล่ะ
ถ้าถามว่าทำไม? นั่นเพราะผมเองก็ไม่มีคำตอบให้กับคุณ
นั่นเพราะผมเองก็ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกันคนพวกนั้นเลย
“แทยังเห็นหัวเราอยู่ป้ะ? แทรู้หรือเปล่าว่าเราเป็นแฟนกัน?”
“เราบอกจองกุกไปแล้วไงว่าเราไม่รู้จัก เขาแค่มาขอถ่ายรูปเราก็ให้ถ่าย”
ผมพยายามบอกกับคุณอย่างใจเย็น
“หรอ? แต่เราไม่ได้ถามแบบนั้น”
“…”
“คำถามข้อนั้นแทเลือกที่จะเงียบใส่เราเองแล้ว เราถามว่าแทรู้หรือเปล่าว่าเราเป็นแฟนกัน?”
“รู้ครับว่าเราเป็นแฟนกัน”
“…”
“…”
เรามองหน้ากันนิ่งๆ ต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไร
จนกระทั่งคุณพ่นลมหายใจออกมาแรงๆแล้วละสายตาจากผมไปก่อน
“นี่เรายังมีตัวตนอยู่ในสายตาของแทอยู่จริงๆใช่ไหม?”
คุณถามเสียงนิ่ง
ดวงตาของคุณมีหยดน้ำตาคลออยู่เบาๆ
ผมรู้ว่าปกติแล้วคุณน่ะเข้มแข็งเกินกว่าที่จะมาร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นแบบนี้
แต่เชื่อเถอะว่าผมรู้จักคุณดี
คุณไม่ได้กำลังเสียใจหรอก
คุณแค่โกรธผมจนร้องไห้ก็เท่านั้น
“…”
“จะไม่พูดอะไรหน่อยหรอ?”
“…”
ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไปเพื่อให้ความสัมพันธ์ของเรามันดีขึ้น
ได้แต่หวังให้ช่วงเวลาแบบนี้มันผ่านไปเร็วๆสักที
“เราไม่รู้ว่าเราจะต้องพูดอะไร..”
“…”
คุณร้องไห้
บางทีอาจจะเป็นผมเองที่มองคุณผิดไป
คุณที่เคยเข้มแข็งกับเรื่องของเรากำลังร้องไห้อย่างอ่อนแอ
“เบื่อเราหรอ? เรางี่เง่าไปใช่ไหม?”
“เราไม่เคยบอกว่าเราเบื่อจองกุกเลย จองกุกอย่าเป็นแบบนี้ดิ”
“แล้วแบบไหนล่ะที่แทอยากให้เราเป็น?”
“…”
ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไปให้สถานการณ์ตอนนี้มันไม่แย่ลงไปกว่าเก่าจริงๆ
“จะเงียบอยู่แบบนี้หรอ?”
คุณเองก็ยังคงถามผมซ้ำๆอยู่แบบนั้น
คุณมีแต่คำถามที่ผมหาคำตอบให้มันไม่ได้
และมันก็น่าเบื่ออยู่นิดหน่อยที่คุณจะโกรธผมนานๆแบบนี้
“แทก็พูดดิวะ..”
อยากให้เรามีวันที่ดีด้วยกันมากกว่าจะมาทะเลาะกันเอง
ถ้าเกิดวันหนึ่งมันเกิดอะไรขึ้นและหากเราต้องแยกทางกันไป
มันจะได้พอมีช่วงเวลาดีๆให้เราคิดถึงมันได้บ้าง
มันยาวเหยียดเกินไปที่คนแบบแทฮยองจะพูดว่ะ
“เราไม่รู้..”
เราไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้เรื่องของเราก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนี้ไปได้สักที
“ไม่รู้?”
“…”
“แทไม่รู้เราก็ไม่รู้ บางครั้งเราก็อยากให้แทบอกหรือว่าอะไรเราบาง บางครั้งที่เรางี่เง่าเกินไปหรือบางครั้งที่เราโมโหใส่แทแบบไม่มีเหตุผล ”
“…”
“แต่แทเงียบแบบนี้แล้วใครจะไปรู้วะว่าแทคิดอะไรอยู่?”
ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย
ว่าการไม่โต้ตอบของผมมันจะทำให้คุณอึดอัดใจได้ถึงเพียงนี้
“ขอบคุณแล้วกันที่พยายามใจเย็นกับเรา แต่บางครั้งเราก็อยากโดนแทดุบ้าง”
ไม่ที่รัก ผมไม่ทำแบบนั้นกับคุณ
“ส่วนเรื่องรูปที่เราถามน่ะ เราไม่ได้อะไรกับมันมากหรอก”
ผมรู้คุณคิด คุณปิดบังมันไม่เก่งหรอก
“รู้ว่าแทเป็นเดือนคณะ ใครๆก็อยากจะทำความรู้จัก”
คุณเข้าใจผมเสมอเลยล่ะ
“แต่เราอยากได้ความชัดเจน แทให้เราได้ไหม?”
คงจะมีแต่ผมสินะที่ไม่เคยเข้าใจคุณจริงๆสักที
“แทกำลังทำให้เราสับสนว่ะ”
“…”
“เราสับสนอยู่ว่าจะไปต่อกับแทหรือเราจะเลิกกันไปเลยดี?”
ความสัมพันธ์ของเรามันยุ่งเหยิงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
เรื่องระหว่างเราน่ะ เหมือนหูฟังที่พันกันอยู่ในกระเป๋าเลย
“เราอยากรักกับคนนะแท เราไม่ได้อยากรักกับหิน”
แต่เดี๋ยวมันคงแก้ได้ของมันเอง
เดี๋ยวคุณก็คงหายโกรธผมไปเองนั่นแหละ
“ไว้จะเลิกเมื่อไหร่แทก็มาบอกเราแล้วกันนะ”
มันเกือบสายไปแล้ว
ผมคว้ามือคุณมาจับในตอนที่คุณเอ่ยประโยคนั้นออกมา
ผมเกือบทำมันพังไปเสียแล้ว
บางครั้งการเก็บมันไว้ในใจก็ไม่ได้ดีเสมอไปนั่นแหละ
“บางเรื่องเราก็โกรธจองกุกเหมือนกัน”
“…”
“แต่เราไม่อยากโมโหใส่จองกุก”
“…”
“บางเรื่องเราก็อยากให้จองกุกช่างมันไปบ้าง”
“เราจะช่างมันไปได้ไงอ่ะในเมื่อเรื่องของแทสำคัญกับเราทุกเรื่อง”
ผมพูดอะไรไม่ออกเหมือนเดิม
คุณเก่งจริงๆ
คุณเข้มแข็งและกล้าหาญกว่าผมมากจริงๆ
“ถามจริงเหอะ แทรักเราบ้างไหม?”
“รักสิ”
“รู้ใช่ไหมว่าพูดคำว่าอะไรออกมาจากปาก?”
“เราไม่รู้นะว่ารักสำหรับจองกุกคืออะไร แต่สำหรับเรา เราแค่อยากให้จองกุกกับเรามีวันดีๆด้วยกันมากกว่านี้และมากกว่าเดิม เราไม่อยากให้เราเอาเวลาของเรามาทะเลาะกันเองหรืออะไรก็ตามที่ทำให้เราต้องผิดใจกัน เราก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าเราจะรู้สึกแบบนี้กับจองกุกได้อีกนานแค่ไหน”
“…”
“แต่ตอนนี้เรามีจองกุก มีแค่จองกุกคนเดียว และเราก็อยากมีจองกุกไปเรื่อยๆ”
“…”
“ถ้าจองกุกถามว่าเรารักจองกุกไหม เราก็ตอบได้เต็มปากว่าวันนี้เรารักจองกุก”
“…”
“ถ้าจองกุกถามเราว่าจะให้จองกุกอยู่หรือไป วันนี้เราตอบได้เต็มปากว่าเราอยากให้จองกุกอยู่กับเรา”
“…”
“ถ้าเราตอบแบบนี้แล้วจองกุกยังจะรัก ยังจะอยากอยู่ต่อกับเราไหม?”
หมดสิ้นแล้วความในใจของผม
ผมเอ่ยออกไปจนหมดสิ้นแล้ว
ตาคุณตอบคำถามของผมบ้างแล้วนะ
“มันก็แค่นี้…”
“…”
“วันนี้รักแล้วก็อยากอยู่ต่อเหมือนกัน”
ความสัมพันธ์ของเราสองคนนั้นก็เหมือนกับสายหูฟัง
ในยามที่มันพันกันยุ่งเหยิงน่ารำคาญ
คุณจะกระชากมันออกทีเดียวแล้วไปหาชิ้นใหม่มาทดแทนมันก็ยังได้
แต่การที่คุณพยายามแกะมันออกมาใช้งานอย่างทะนุถนอมและประณีตอยู่เสมอในยามที่มันพันกัน
นั่นแหละเป็นสิ่งที่พิสูจน์แล้วว่าคุณเห็นคุณค่าในตัวมันและอยากจะเก็บรักษามันไว้กับคุณต่อไป
แม้วันข้างหน้ามันอาจจะขาดหรือพังไปบ้างจนต้องเปลี่ยนเป็นอันใหม่
แต่ในวันนี้คุณก็ได้ใช้เวลากับหูฟังเส้นนั้นของคุณไปอย่างคุ้มค่าแล้วเช่นกัน
และอย่าไปเสียดายมันหากวันข้างหน้ามันจะไม่ได้อยู่กับคุณแล้ว
เพราะคุณยังมีโอกาสที่จะหาหูฟังอันใหม่มาทดแทนอันเก่าได้เสมอยังไงล่ะ
end.
talk.
ใครงงตอนนี้มากองรวมกันตรงนี้ค่ะ5555 เราแต่งเองเรายังงงตัวเองเลยฮือออ
คือเราพยายามจะสื่อว่าบางทีความรักมันไม่ได้สวยงามเสมอไป บางคู่บางคนที่เขาดูเหมือนรักกันดีแต่เขาอาจจะมีปัญหาบางอย่างที่เรื้อรังอยู่ก็ได้ เช่นเรื่องนี้ จองกุกก็คนปกติทั่วไปที่รักแทและต้องการความรักความชัดเจนจากแท ส่วนแทเป็นคนเงียบ รักจองกุกนะแต่ก็ไม่ใช่คนแสดงออกอะไรมาก และเวลามีปัญหากันแทก็ยอมจองกุกตลอดจนกลายเป็นว่ามันหนักกว่าเดิม วิธีนั้นไม่ใช่การแก้ปัญหา ตอนแรกกะแต่งดราม่าเน้นๆไปเลย แต่พอฟังเพลงนี้แล้วอารมณ์เพลงมันก็ไม่ใช่ว่าจะดราม่าเท่าไหร่นัก เลยออกมาเป็นแบบนี้แทน และในเนื้อเพลงมันมีอะไรเกี่ยวกับสายหูฟังก็เลยเอาประเด็นสายหูฟังมาใส่ในเรื่องซักหน่อย5555 อีกอย่างที่จบแบบนี้เพราะเพลงด้วยแหละ เพลงเพราะมากจริงๆ ตอนอ่านอย่าลืมใช้หูฟังฟังเพลงนี้ประกอบไปด้วยนะคะ
หวังว่าจะถูกใจกันนะคะ
ฝากตอนนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยน้าาาา
รักคนอ่านทุกคน จุ้บบบบ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

และเรามีเรื่องจะถามนิดนึงว่า ตัวเองแต่งมาจากเพลงอะไรหรอคะ ใช่ตามชื่อเรื่องเลยรึเปล่า เราจะไปหาฟัง
ขอบคุณค่ะ ><
ขอบคุณที่อ่านฟิคเราเหมือนกันค่ะ จะตั้งใจแต่งตอนใหม่ๆให้ได้อ่านน้า