คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ : ซัมเมอร์ที่รัก
สิ่งหนึ่งที่ผมคาดหวังในฤดูร้อน คือสมเย็นๆ ที่พัดมาลูบไล้ผิวหนังอันร้อนระอุ ระคนกับ
ความเปียกชื้นเหนอะหนะไปด้วยเหงื่อไคลที่ไหลย้อยเพราะอากาศที่ร้อนอบ ทำไมน่ะหรือ?
เหตุผลก็คือผมไม่ได้นั่งพิมพ์ข้อความที่คุณอ่านอยู่ในขณะนี้ในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ หรือ
แอร์ที่ปรับความร้อนให้ละลายกลายเป็นความเย็นเฉียบชุ่มฉ่ำ ใช่ ผมนั่งพิมพ์ข้อความนี้อยู่ใน
ห้องที่อบอ้าวด้วยความร้อนผสมกับกลิ่นเหงื่อจากไอตัวที่ระเหยขึ้นผสมกับอากาศ มันทำให้
ผมรู้สึกแย่ แน่ละคุณจะไม่รู้สึกอย่างนั้นแน่ถ้าเหงื่อคุณไม่ได้ไหลย้อยจากหน้าผากผ่านมายัง
ดั้งจมูก เรื่อยลงมาจนกระทั่งมันหยดติ๋งลงบนคีย์บอร์ดที่คุณตั้งใจจะพิมพ์อะไรเรื่อยเปื่อย
เหมือนกับผม
แวบแรกในสมองผมนึกถึงห้างสรรพสินค้า แอร์เย็นเฉียบ สาวๆ เดินกันขวักไขว่ แต่ผมก็ได้
แค่คิดเท่านั้นแหละครับ ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปไหนกับใครเขาหรอก เพราะช่วงปิดเทอมหน้าร้อน
อันเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของใครต่อใครนั่นน่ะ
มันเป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุดของผม
คุณเคยหรือเปล่าครับ??
ถามกันตรงๆ อย่างนี้แหละ ใครบ้างที่เคยการลงเรียนซัมเมอร์หฤโหด ในช่วงปิดภาคเรียน
ปลาย ฤดูร้อน 3 เดือนเต็ม ! กับเพื่อนร่วมชั้นที่หน้าตาซีเรียสกันเกือบทุกคน แต่ละคอร์ส แต่
ละชั่วโมงที่ผ่านไป ผมรู้สึกราวกับตกอยู่กลางวงล้อมของกลุ่มลัทธิพ่อมดหรือหมอผี โดยมี
เสียงแหบพร่าของอาจารย์แก่ๆ ใบหน้าซูบตอบตาโหลลึก กำลังพร่ำบ่นถึงสมการเชิงเส้น
หรืออะไรเทือกๆนั้น แต่ผมฟังว่ามันเป็นเสมือนเสียงสวดมนตร์บูชาซาตานจ้าวลัทธิ พร้อมๆ
กับเหล่าสาวกที่ก้มหน้าก้มตาจด “มนตร์” บทที่กำลังถูกสวดพร่ำลงในสมุดโน้ต
เหลียวมองไปนอกหน้าต่าง
.เปล่า ไม่มีผู้คนแม้แต่คนเดียว ในอาณาบริเวณอันกว้างขวาง
ของมหาวิทยาลัย ทั้งๆที่ช่วงเปิดภาคเรียนจะมองเห็นผู้คนเดินขวักไขว่ นักศึกษาชายในชุด
กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบมักจะมาดักแซวสาวๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมา ทว่าบัดนี้ บทบาทชีวิต
เหล่านั้นกลับจางหายไปพร้อมกับการมาเยือนของหน้าร้อน
มันสร้างความหดหู่ให้กับผม
เฮ้อ ! ทำไมผมถึงมานั่งอยู่ตรงนี้นะ ผมเฝ้าถามตัวเองหนแล้วหนเล่า คิดวกไปวนมาอยู่ในหัว
ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ทั้งๆที่ช่วงเวลานี้ผมควรจะนั่นตากอากาศอยู่ที่ไหนสักแห่ง ริมหาดทรายที่
ถูกซัดด้วยคลื่นจากท้องทะเลสีคราม
อากาศในคลาสร้อนมาก หลายคนกระสับกระส่ายไปมา เพื่อระบายความอ้าวที่แทรกตัวอยู่
รอบๆ ให้หายไป พัดลมแบบตั้งพื้นตัวใหญ่ที่มุมห้องส่งเสียงครางดังหึ่งๆ ยามเมื่อมันส่ายหัว
ระบายลมที่ทำจากไฟฟ้า ให้กระจายไปรอบๆ ห้อง เพื่อช่วยระบายายความร้อนอบให้หายไป
ทว่าผลลัพธ์มันเป็นตรงกันข้าม เพื่อนบางคนเริ่มอึดอัด เหลียวมองหน้าแล้วซุบซิบกันงึมงำๆ
ผม เหลือบมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนเอาไว้หน้าห้อง เหนือไวท์บอร์ดกระดานใหญ่เก่า
คร่ำ ที่ท่านอาจารย์ กำลังก้มหน้าก้มตาเขียนสมการเชิงเส้น อยู่อุตลุด โดยไม่สนใจว่าขณะนี้
บรรยากาศในห้องนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
เบื่อ
เซ็ง
ผมบอกกับตัวเองในใจ พลางละสายตาจากกระดานไวท์บอร์ดสีขาวโพลน ตัดกับเส้นสมการ
สีน้ำเงินจากปากกาเมจิก สำหรับเขียนกระดานไวท์บอร์ด ที่ อ. กำลังลากเส้นยึกยือ เลี้ยวลดขด
กลมไปมาดูเหมือนชิ้นงานอันเป็นศิลปะของศิลปินฝีมือแย่ นั้น จ้องมองไปยังหน้าจอของ
คอมพิวเตอร์ที่อยู่เบื้องหน้าอย่างเนือยๆ
มันดูโล่งว่างเปล่า
แลดูน่าเบื่อไม่ต่างอะไรกับกระดานสีขาวนั้น ..
ทันใดนั้นเอง..
ผมหัวเราะกับตัวเองเบาๆ เมื่อนึกอะไรสนุกๆขึ้นมาได้ พลางเริ่มขยับนิ้วมือลูบไล้ไปตาม
คีย์บอร์ด หูเริ่มพร่าเลือนจากสำเนียงใด ลืมทุกสิ่งทุกอย่างลงชั่วขณะ
ดวงตาจดจ้องอยู่กับจอ
สี่เหลี่ยมว่างเปล่าที่กำลังจะถูกเติมเต็มด้วยอักษร ชั่วขณะนั้นผมเรียนรู้ที่จะอยู่กับความทรงจำ
ของตัวเอง และเริ่มที่จะบันทึกมันลงในคอมพิวเตอร์ตรงหน้า เพราะมันไม่บ่อยนักหรอกที่คน
หัวทึบอย่างผมจะปิ๊งไอเดียอะไรขึ้นมาได้
เอาล่ะครับ ขอเชิญพบกับกล่องความทรงจำเฉพาะกิจของผม
ความคิดเห็น