ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักหมดใจ ยัยทอมบอย

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ : ซัมเมอร์ที่รัก

    • อัปเดตล่าสุด 16 มี.ค. 50


    สิ่งหนึ่งที่ผมคาดหวังในฤดูร้อน คือสมเย็นๆ ที่พัดมาลูบไล้ผิวหนังอันร้อนระอุ ระคนกับ

    ความเปียกชื้นเหนอะหนะไปด้วยเหงื่อไคลที่ไหลย้อยเพราะอากาศที่ร้อนอบ ทำไมน่ะหรือ?

    เหตุผลก็คือผมไม่ได้นั่งพิมพ์ข้อความที่คุณอ่านอยู่ในขณะนี้ในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ  หรือ

    แอร์ที่ปรับความร้อนให้ละลายกลายเป็นความเย็นเฉียบชุ่มฉ่ำ  ใช่ ผมนั่งพิมพ์ข้อความนี้อยู่ใน

    ห้องที่อบอ้าวด้วยความร้อนผสมกับกลิ่นเหงื่อจากไอตัวที่ระเหยขึ้นผสมกับอากาศ
    มันทำให้

    ผมรู้สึกแย่  แน่ละคุณจะไม่รู้สึกอย่างนั้นแน่ถ้าเหงื่อคุณไม่ได้ไหลย้อยจากหน้าผากผ่านมายัง

    ดั้งจมูก เรื่อยลงมาจนกระทั่งมันหยดติ๋งลงบนคีย์บอร์ดที่คุณตั้งใจจะพิมพ์อะไรเรื่อยเปื่อย

    เหมือนกับผม


    แวบแรกในสมองผมนึกถึงห้างสรรพสินค้า แอร์เย็นเฉียบ สาวๆ เดินกันขวักไขว่ แต่ผมก็ได้

    แค่คิดเท่านั้นแหละครับ  ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปไหนกับใครเขาหรอก เพราะช่วงปิดเทอมหน้าร้อน

    อันเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของใครต่อใครนั่นน่ะ


    มันเป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุดของผม


    คุณเคยหรือเปล่าครับ??


    ถามกันตรงๆ อย่างนี้แหละ ใครบ้างที่เคยการลงเรียนซัมเมอร์หฤโหด ในช่วงปิดภาคเรียน

    ปลาย ฤดูร้อน 3 เดือนเต็ม
    !  กับเพื่อนร่วมชั้นที่หน้าตาซีเรียสกันเกือบทุกคน แต่ละคอร์ส แต่

    ละชั่วโมงที่ผ่านไป ผมรู้สึกราวกับตกอยู่กลางวงล้อมของกลุ่มลัทธิพ่อมดหรือหมอผี โดยมี

    เสียงแหบพร่าของอาจารย์แก่ๆ ใบหน้าซูบตอบตาโหลลึก  กำลังพร่ำบ่นถึงสมการเชิงเส้น

    หรืออะไรเทือกๆนั้น แต่ผมฟังว่ามันเป็นเสมือนเสียงสวดมนตร์บูชาซาตานจ้าวลัทธิ พร้อมๆ

    กับเหล่าสาวกที่ก้มหน้าก้มตาจด
    มนตร์ บทที่กำลังถูกสวดพร่ำลงในสมุดโน้ต



    เหลียวมองไปนอกหน้าต่าง
    .เปล่า ไม่มีผู้คนแม้แต่คนเดียว ในอาณาบริเวณอันกว้างขวาง

    ของมหาวิทยาลัย  ทั้งๆที่ช่วงเปิดภาคเรียนจะมองเห็นผู้คนเดินขวักไขว่ นักศึกษาชายในชุด

    กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบมักจะมาดักแซวสาวๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมา  ทว่าบัดนี้ บทบาทชีวิต

    เหล่านั้นกลับจางหายไปพร้อมกับการมาเยือนของหน้าร้อน


    มันสร้างความหดหู่ให้กับผม


    เฮ้อ
    ! ทำไมผมถึงมานั่งอยู่ตรงนี้นะ ผมเฝ้าถามตัวเองหนแล้วหนเล่า คิดวกไปวนมาอยู่ในหัว

    ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ทั้งๆที่ช่วงเวลานี้ผมควรจะนั่นตากอากาศอยู่ที่ไหนสักแห่ง ริมหาดทรายที่

    ถูกซัดด้วยคลื่นจากท้องทะเลสีคราม


    อากาศในคลาสร้อนมาก หลายคนกระสับกระส่ายไปมา เพื่อระบายความอ้าวที่แทรกตัวอยู่

    รอบๆ ให้หายไป พัดลมแบบตั้งพื้นตัวใหญ่ที่มุมห้องส่งเสียงครางดังหึ่งๆ ยามเมื่อมันส่ายหัว

    ระบายลมที่ทำจากไฟฟ้า ให้กระจายไปรอบๆ ห้อง เพื่อช่วยระบายายความร้อนอบให้หายไป

    ทว่าผลลัพธ์มันเป็นตรงกันข้าม เพื่อนบางคนเริ่มอึดอัด เหลียวมองหน้าแล้วซุบซิบกันงึมงำๆ

    ผม เหลือบมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนเอาไว้หน้าห้อง เหนือไวท์บอร์ดกระดานใหญ่เก่า

    คร่ำ ที่ท่านอาจารย์ กำลังก้มหน้าก้มตาเขียนสมการเชิงเส้น อยู่อุตลุด โดยไม่สนใจว่าขณะนี้

    บรรยากาศในห้องนั้นเป็นอย่างไรบ้าง


    เบื่อ


    เซ็ง


    ผมบอกกับตัวเองในใจ  พลางละสายตาจากกระดานไวท์บอร์ดสีขาวโพลน ตัดกับเส้นสมการ

    สีน้ำเงินจากปากกาเมจิก สำหรับเขียนกระดานไวท์บอร์ด ที่ อ. กำลังลากเส้นยึกยือ เลี้ยวลดขด

    กลมไปมาดูเหมือนชิ้นงานอันเป็นศิลปะของศิลปินฝีมือแย่ นั้น  จ้องมองไปยังหน้าจอของ

    คอมพิวเตอร์ที่อยู่เบื้องหน้าอย่างเนือยๆ  



    มันดูโล่งว่างเปล่า
    แลดูน่าเบื่อไม่ต่างอะไรกับกระดานสีขาวนั้น ..


    ทันใดนั้นเอง..



    ผมหัวเราะกับตัวเองเบาๆ เมื่อนึกอะไรสนุกๆขึ้นมาได้  พลางเริ่มขยับนิ้วมือลูบไล้ไปตาม

    คีย์บอร์ด หูเริ่มพร่าเลือนจากสำเนียงใด ลืมทุกสิ่งทุกอย่างลงชั่วขณะ
    ดวงตาจดจ้องอยู่กับจอ

    สี่เหลี่ยมว่างเปล่าที่กำลังจะถูกเติมเต็มด้วยอักษร ชั่วขณะนั้นผมเรียนรู้ที่จะอยู่กับความทรงจำ

    ของตัวเอง และเริ่มที่จะบันทึกมันลงในคอมพิวเตอร์ตรงหน้า เพราะมันไม่บ่อยนักหรอกที่คน

    หัวทึบอย่างผมจะปิ๊งไอเดียอะไรขึ้นมาได้


    เอาล่ะครับ ขอเชิญพบกับกล่องความทรงจำเฉพาะกิจของผม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×