ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Gantz กันสึ ภาคนวนิยาย

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 0001 อุบัติเหตุ..

    • อัปเดตล่าสุด 12 ม.ค. 56


     

    Gantz..

    บทที่ 0001 อุบัติเหตุ

     

    ญี่ปุ่น

    สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน

     

                โห้..สุดยอด สวยปิ้งขนาดนี้หาได้จากที่ไหนนะ  ที่โรงเรียนไม่เห็นมีเด็ดๆ แบบนี้บ้างเลย ผมพลิกหน้าดูนิตยสารภาพถ่ายนางแบบไอดอลในชุดว่ายน้ำเล่มใหม่อย่างตื่นเต้น ในขณะที่ยืนรอรถไฟฟ้าที่สถานีรถไฟใต้ดินเพื่อกลับบ้าน  นางแบบในภาพคือ โมโม อายุคาวะ นางแบบสาวเซ็กซี่ยอดนิยมของญี่ปุ่น..อยากมีแฟนอย่างนี้บ้างจัง..

                ผมชื่อ คุโร โนะเค เรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายปีที่ 1 นี่คือช่วงชีวิตปกติธรรมดาของผม มันเป็นช่วงเวลาเย็นหลังเลิกเรียนเหมือนเด็กๆ ม. ปลายทั่วไป เย็นนี้มีผู้โดยสารมายืนรอรถไฟอยู่ไม่มากนัก และขณะนั้นเอง ยายแก่ท่าทางเงอะงะงุ่มง่ามสะพายกระเป๋าที่ไหล่ข้างหนึ่ง ถือเอาไว้ในมืออีกข้างหนึ่ง เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆตัวผม..

    เอ่อ พ่อหนุ่ม..ขอถามอะไรหน่อยสิ  ยายแก่พูดขึ้น

    จะไป ฮิโนเดะได ขึ้นรถไฟฟ้าตรงนี้ถูกไหมจ้ะ?  ผมคิดว่าไม่ใช่ขึ้นตรงนี้นะ แต่ผมก็ขี้เกียจจะอธิบาย

    เอ่อ..ใช่มั้ง  ผมตอบเสียงเรียบ จากนั้นก็ยืนดูรูปนางแบบในนิตยสารของผมต่อไป ยายแก่มีท่าทีลังเลใจไม่มั่นใจกับคำตอบของผม เธอกำลังจะเดินจากไป แต่แล้วก็หันมาพูดกับผมอีกครั้ง

    เอ่อ..แต่ดูแล้วไม่น่าจะใช่ที่นี่นะ  ผมหยุดดูนิตยสารในมือแล้วหันไปมองยายแก่อย่างรำคราญใจ

    นี่ป้า..หัดพยายามทำอะไรด้วยตัวเองอีกนิดได้ไหม   ผมตวาด   ไม่ใช่เอาแต่จะคอยพึ่งคนอื่น

    ยายแก่ผมหงอกมีท่าทีตกใจ  เอ่อ..ขอโทดนะ  เธอบอกแล้วก็หันเดินหลังงอไปที่บันไดทางขึ้น  ดูเธอทำหน้าทำตาเข้าสิอีเดียดจัง พูดตามตรงแล้วในโลกนี้ยังมีอีกหลายๆอย่างที่น่าสะอิดสะเอียน ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างตาลุงผมสั้นตาตี่ในชุดทำงานนั่นสิ ถึงจะมีชีวิตยืนยาวแต่วันๆก็ไม่ได้คิดอะไรมากนักหรอก ยิ่งพวกวัยรุ่นกลุ่มที่เห็นอยู่ตรงนั้นก็ไม่ต้องพูดถึง สมองมีไว้วางอยู่บนหัวเท่านั้นแหล่ะ ถัดมาหน่อยตาลุงจรจัดผมเพล่ารกรุงรัง หนวดเคลายาวเฟิ้ม เสื้อผ้าสกปรกโสโครก สักวันก็จะตายไป แล้วก็จะเป็นอะไรก็ช่างเถอะ..ไม่มีใครสนใจทั้งนั้น..

                มีเด็กนักเรียนชาย ม.ปลาย ผมสีดำยาวปะบ่า ใส่น้ำมันแล้วหวีเรียบเสยไปข้างหลัง ตัวสูงโปล่งเดินมายืนอยู่ข้างๆผม อึ๋ย! เจ้าหมอนี่..คาโต้ มาซารุ คิดว่าใช่นะ ตอนเด็กๆ ผมเคยรู้จักกันมาก่อน คงจำผมไม่ได้สินะ เจ้าหมอนี่หลังจากย้ายโรงเรียนไปตอนชั้นประถมก็ได้ยินว่าทำตัวเรื่อยๆ เปื่อยๆ ไปวันๆ และชอบเที่ยวเล่นเป็นที่หนึ่ง เฮ้อ..ช่วยไม่ได้นะ โตมาก็เลยกลายเป็นเด็กเกเรไปซะ..เย็นนี้รถไฟฟ้ามาช้าจังแฮะ

                ผมกำลังเหม่อมองดูผู้คนรอบๆตัว แต่แล้วจู่ๆ! ตาลุงจรจัดคนนั้นก็เป็นลมล้มกลิ้งลงไปอยู่บนรางรถไฟฟ้า คงจะเมาจนเซล้มลงไป หน้าฟาดกับรางรถแบบนั้น..ท่าทางจะหมดสติไปแล้ว  อูย..เจ็บ  ตาลุงเงยหน้าร้องขึ้น แต่ยังคงนอนคว่ำตัวอยู่

                เกิดอะไรขึ้น  ผู้โดยสารคนอื่นๆเริ่มแตกตื่นกันแล้ว  ลุงนั่นลงไปทำอะไร?  ผู้ชายในชุดสูททำงาน สวมเสื้อโคทพูดกับเพื่อนของเขา  ท่าทางเบลอๆแล้วตกลงไปเองหน่ะ.. 

                ซวยแน่! พี่แกเล่นเมาแปร๋สะขนาดนั้น พนักงานประจำสถานีอยู่ไหนนะ ยังไม่มีใครลงไปช่วยเขาเลย  ลุงไม่เป็นไรใช่ไหม?  ผู้หญิงทำงานคนหนึ่งร้องถาม แต่เขาไม่ตอบอะไรกลับมาได้แต่นอนร้องว่า อูย เจ็บจัง จากนั้นก็หันมานอนหงายอยู่บนราง  ผู้คนข้างบนได้แต่พึมพำว่าพนักงานไม่มาสักที คิดว่าคงไม่มีใครใจดีลงไปช่วยอุ้มขึ้นมาหรอกนะ กับแค่เพื่อลุงขี้เมาแบบนั้นคนหนึ่ง ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้คงได้เห็นคนถูกรถไฟขยี้เป็นชิ้นๆแน่ ผมเคยเห็นก็แต่ในหนังกับการ์ตูนเท่านั้น..

                ฮึ..เจ้าคาโต้ตัวสั่นใหญ่เชียว ไม่กล้ามองจนต้องหลับตาปี๋ทำหน้าซะหวาดผวา คงกลัวที่จะเห็นคนตายสิท่า อย่างว่าแหละ ตอนเป็นเด็กหมอนี่ก็ใจปลาซิวอยู่แล้ว..ฉับพลันนั้นเอง คาโต้ก็ลืมตาขึ้นมา ใบหน้ามีเหงือใหลย้อย แล้วก็พูดทำนองว่า เอาล่ะ ตัดสินใจแล้ว  อะไรของเจ้าหมอนี่กันนะ

                เอ๋!? เฮ้! จะทำอะไรน่ะ? สมองเพี้ยนไปหรือเปล่า? เจ้าคาโต้นั่งยองๆที่ขอบชานชาลาและก็กำลังจะกระโดดลงไปบนรางรถไฟ  มีคนตะโกนบอกว่า ลงไปทำอะไรน่ะเดี๋ยวก็ตายหรอก! มันอันตรายนะรีบขึ้นมา!”  แต่คาโต้วิ่งหน้าตื่นเข้าไปหาตาลุงจรจัดนั่นแล้ว..

                เจ้าหมอนั่นทำอะไรของเขานะ..ทำแบบนั้นแล้วคิดว่าเท่ส์หรือไง แต่สถานียังไม่ประกาศว่ารถไฟกำลังจะมา ถ้ารีบช่วยแล้วปีนขึ้นมาเร็วๆ ก็โอเค..

                ลุง! ตื่นได้แล้ว  คาโต้ร้องเรียก แต่ดูเหมือนว่าตาลุงยังคงไม่ค่อยได้สติ น่าแปลกใจที่หน้าผากของเขาไม่มีแผลแตกเลยสักนิด ทั้งที่ล้มหน้าคะมำไปซะขนาดนั้น

                แฮก แฮก..ใครก็ได้! ช่วยลงมาช่วยแบกที!”  คาโต้ร้องตะโกนขึ้นมาข้างบน แต่ผู้โดยสารทุกคนกลับหลบหน้าหลบตาแล้วก็บ่นว่า ทำไมพนักงานยังไม่มาสักทีนะ โดยที่ไม่มีใครยอมลงไปช่วยสักคนเดียว เจ้าคาโต้พยายามหิ้วปีกลุงขี้เมาอย่างทุลักทุเล แต่ตาลุงก็อ้วนเกินไปที่จะแบกได้เพียงลำพัง ต้องมีอีกคนไปช่วย คาโต้เหงนหน้าขึ้นมามองผู้โดยสารที่ยืนอยู่ข้างบนด้วยสีหน้าผิดหวัง

                พวกคุณช่างไม่มีน้ำใจกันเลย..จะปล่อยให้ผมตายไปด้วยอีกคนงั้นเหรอ?   ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่นายมันก็เว่อร์เกินไปนะ ตัดใจแล้วปีนขึ้นมาดีกว่า คาโต้ไล่กวาดสายตาเหมือนจะมองหาคนที่คิดว่าน่าจะลงมาช่วย จนสังเกตุเห็นผมเข้า..คาโต้หยุดกึ๊ก จ้องมองหน้าผมเหมือนกำลังพยายามนึกชื่อ เฮ้! ไม่ต้องเลยนะ ฉันไม่เอากะนายด้วยหรอก!!

              “เคจัง!! เคจัง..ใช่มั้ย?  คาโต้ร้องอย่างดีใจ แล้วทุกคนข้างบนนี้ก็หันมามองหน้าผม บ้าเอ้ย!! อย่ามามองเหมือนกลับว่าฉันต้องลงไปช่วย..แบบนี้นะ มองมาทางฉันทำไม พวกแกก็ลงไปกันเองสิ!

                บ้าชะมัด!..ทำไมผมต้องปีนลงมาด้วยนะ  เร็วเข้า!”  คาโต้ร้องบอก ทำไมฉันต้องเชื่อแกด้วยฮ่ะ น่าแปลกที่ผมดีใจ ว่าเจ้าหมอนี่ยังจำผมได้

    คาโต้พยุงตาลุงขี้เมาลุกขึ้นยืน แล้วอุ้มมาใส่ไว้บนหลังของผม ตาลุงนี่น้ำหนักมหาศาลจริงๆ ผมก้าวเดินอย่างยากลำบาก ก็พอดีที่เสียงประกาศของทางสถานีรถไฟดังขึ้น  อีกสักครู่รถไฟ..จะเข้าจอดเทียบสถานีที่ชานชาลาที่สอง  ขอให้ผู้โดยสารทุกคนอยู่ภายในเส้นขาวด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ  ผมกับคาโต้ เริ่มกังวลกับสิ่งที่ได้ยิน รถไฟกำลังใกล้เข้ามาแล้ว เราสองคนช่วยกันดันส่งตาลุงขึ้นไปอยู่บนชานชาลาโดยมีผู้โดยสารข้างบนช่วยกันดึง

     

    ทันใดนั้น! เสียงขบวนรถไฟก็แว่วเข้ามาให้เราได้ยิน เราสองคนช่วยตาลุงขี้เมาขึ้นไปได้แล้ว แต่เรากับติดอยู่บนรางนี่ซะเอง ผมกับคาโต้กำลังพยายามปีนขึ้นบนชานชาลา ก็ได้ยินเสียงขบวนรถไฟชัดมากขึ้นแล้ว เราทั้งคู่หันไปเห็นแสงไฟของขบวนรถอยู่ที่ตรงสุดปลายอุโมงค์!..

    เรื่องใหญ่แล้ว เร็วเข้า รีบไป!”  ผู้โดยสารคนหนึ่งร้องตะโกนบอก ในขณะที่ผมกับคาโต้ออกตัววิ่งไปอีกทางอย่างตื่นตะหนก ทำยังไงดี..เราหาทางขึ้นไปข้างบนไม่ได้ รถไฟใกล้เข้ามามากแล้ว ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ ผมอาจจะต้องตาย แย่แล้ว! ผมอยากจะอ้วก

    ถ้าเราวิ่งไปจนเลยจุดที่รถไฟตู้แรกจะหยุดเราก็จะรอด!”  คาโต้บอก  ตอนเทียบชานชาลารถไฟจะลดความเร็วจริงไหม?  แฮก แฮก! จริงแฮะ ลืมคิดถึงจุดนี้ไป โอกาสรอดของเรายังมีอยู่..

    ครืนนนน..เสียงล้อรถสัมผัสกับรางดังอยู่ข้างหลังของเราแล้ว!!

    รถไฟขบวนนี้ไม่ได้จอดสถานีนี้นะ!!”  มีเสียงหนึ่งตะโกนขึ้นมา  กรี๊ดดด!!  แล้วก็เสียงกรีดร้องของเด็กผู้หญิง เราสองคนวิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างสิ้นหวัง เสียงของขบวนรถอยู่ข้างหลังเราไม่กี่เมตร ผมกับคาโต้หยุดชะงัก หันไปมอง..แสงไฟหน้ารถสองดวงส่องสว่างราวกับดวงตามัจจุราช      

                 เมื่อกี้ยังยืนดูภาพสาวสวยอยู่ดีๆ..และก็กะว่าจะกลับบ้านไปดูหนังเรื่องวันพีชอยู่แท้ๆ ผมจะต้องตายแล้วรึเนี่ย? กลัว!!..ผมกลัวตาย!! เอี้ยดดด!! เสียงล้อรถเบรกดังสนั่นหวั่นไหว แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ความเร็วลดน้อยลงไปแม้แต่น้อยเลย  หาช่องว่าง หลบเร็ว!!”  คาโต้ร้องตะโกนบอก แต่ไม่มีพื้นที่ว่างตรงไหนให้เราหลบเลย

     

                พล็อกกก!! กรี้ดดด!!  อ่ะ?..คาโต้อะไรน่ะ เหวอ!! น่าขยะแขยงชะมัด..หัวของคาโต้กำลังลอยคว้างอยู่กลางอากาศ เพราะอยากหาเรื่องเองนี่นะ แต่สักวันก็ต้องตายอยู่ดี

                กรี้ดดดด!! หวา หวา  หนวกหูเป็นบ้า เอะอะโวยวายอะไรกันนะ..  

     

                .....

     

                ...

     

                ตึก ตึก ตึก ตุบ แฮกๆ  เอ๋ !?

              “มีมาอีกแล้ว!”  เสียงผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้น ผู้ชายคนนี้ส่วมแว่นตา หน้าตาสุภาพอยู่ในชุดสูทผูกเน็กไท ท่าทางเหมือนอาจารย์ หรือไม่ก็พนักงานบริษัท แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ ตอนนี้ผมกับคาโต้มาโพล่อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมโล่งๆ ที่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลยสักชิ้น พื้นถูกปูด้วยไม้ปาเก้ขัดเงาทั้งห้อง ส่วนกำแพงเป็นปูนสีขาวอีกด้านเป็นประตูกระจกระเบียงมองเห็นวิวภายนอก ห้องนี้อยู่บนตึกสูงที่ไหนสักแห่ง ซึ่งมีลูกบอลสีดำขนาดใหญ่อยู่ที่กลางห้อง กับผู้คนอีกจำนวนหนึ่ง..ที่นี่คือที่ไหน? แล้วรถไฟล่ะ? เอ๋!?! หรือว่าผมตายไปแล้ว? ที่นี่คือสวรรค์อย่างงั้นเหรอ!?!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×