ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : รับน้อง [1]
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จผม วิญช์ แล้วก็นายคนนั้นเดินเล่นในโรงเรียน
เพื่อสร้างความคุ้นเคยให้กับตัวเอง เราเดินเล่นกันอยู่จนเย็น จึงไปรับประทานอาหารเย็นแล้วจึงแยกกับวิญช์กลับขึ้นที่พัก
\"อยากอาบน้ำแล้วนอนเร็วๆจัง พรุ่งนี้ไม่รู้ว่าจะเจออะไร\"
\"ไม่รู้สิ คงไม่มีอะไรแปลกๆนะ\"
\"นั่นสิ เราคิดหวังว่าแบบนั้น\" ผมพูดกับนายคนนั้น
เมื่อถึงห้องผมไขกุญแจ แล้วหันไปมองหน้านายคนนั้นยิ้มๆ นายคนนั้นคงรู้สึกได้วาผมกำลังเยาะเย้ยจึงหน้าแดงอีก
\"เฮ้อ ถึงซะที อาบน้ำๆ\"ผมพูดพลางหยิบผ้าเช็ดตัวไปที่ห้องน้ำแล้วลงมืออาบน้ำ อา... วิเศษที่สุด
เมื่อออกมาจากห้องน้ำนายคนนั้นก็เข้าไปอาบน้ำ ผมก็มาสนใจกับคอมพิวเตอร์ของผม วันนั้นที่ปิดเครื่องแกไม่ได้ชัตดาว์น ขอโทษนะ
หลังจากเล่นได้สักพัก ผมก็ไปนอน เห็นนายคนนั้นนอนอยู่แล้ว อันที่จริงผมรู้ก่อนแล้วว่านายคนนั้นหลับ เพราะเสียงกรนดังไปเข้าหูผมนาน
แล้ว แต่ตอนนี้ต้องรีบนอน ไม่เช่นนั้นพรุ่งนี้รุ่นพี่ให้ทำอะไรอาจทำไม่ไหวก็ได้ ไม่รู้จะเลวร้ายแค่ไหน คงไม่มากอย่างที่คิดนะ
ผมนอนคิดอยู่ครู่หนึ่งก็หลับไป
............
จิ๊บ.....จิ๊บ....
อ๊ะ เสียงนก เช้าแล้วเหรอ
ผมลุกขึ้น วันนี้ไม่หนาวเหมือนเมื่อวาน ผมหันไปมองที่หน้าต่าง เห็นนกเกาะที่ต้นไม้ใกล้หน้าต่าง
ผมรู้สึกขอบใจแล้วก็ทักทายนกตัวนั้น วันหลังจะซื้ออาหารนกมาให้มันดีกว่า
ผมหันไปมองนายคนนั้น ก็ยังนอนไม่รู้เรื่องราวอะไรเหมือนเดิม
ผมถอนหายใจเบาๆแล้วไปเปิดเพลงในคอมพิวเตอร์ผม
                  ...... อยากจะมีใคร คอยห่วงใยดูแลกัน ในวันที่ฉันเหงาใจ อยากจะมีใครที่จับมือกันเดินไป ในคืนที่ฟ้ามืดมน
ผมร้องเพลงโปรด แม้ว่าจะนานมาแล้ว แต่เพลงนี้คือเพลงที่ผมชอบมากที่สุด มันเป็นเหมือนตัวผม ขอใครสักคน ของลีโอพุต
                  แต่มันเหมือนทั้งโลกว่างเปล่า ไม่มีคนเข้าใจ เหมือนไม่เคยเจอใครสักคน...
                      อาจจะเคยมีคนที่เคยมองตากัน  แต่ก็ไม่เคยซึ้งใจ ....
                    อาจจะเคยมีคนที่เดินเคียงกันไป.. แต่ก็ดูเหมือนไม่มี ....
      ก็ชีวิตก็ฉันยังว่างเปล่า ไม่มีคนเข้าใจ ฉันต้องการแค่ใครสักคน....
                    ใครสักคนที่เป็นทุกอย่าง ให้ความหวังและคอยห่วงใยทุกวัน
                  ใครที่คอยจะอยู่เคียงข้างกัน ที่จะพร้อมให้ความผูกพันจริงใจ
                ใครสักคนที่เป็นคนพิเศษ ช่วยให้เหงาที่มีได้จางหายไป
                  ช่วยเป็นแสงสว่างให้หัวใจ อยากจะขอแค่ใครสักคนที่รักจริง
          ชีวิตผม แค่ต้องการใครสักคน คอยดูแล และให้ความหวังกับหัวใจ เหมือนในเพลง
     
  \"ใครสักคนที่เป็นทุกอย่าง ให้ความหวังและคอยห่วงใยทุกวัน\"
เสียงเพลงดังขึ้น ใครร้อง เสียงเพราะด้วยผมหันไปที่ต้นเสียง นายคนนั้นนั่นเอง
\"อ้าวตื่นแล้วเหรอ เรากวนนายหรือ โทษทีละกัน\"
\"เปล่าหรอก เราได้ยินเพลงนี้เลยลุกขึ้นมาดู ไม่ได้ยินนานแล้วนะ\"
\"นายชอบด้วยเหรอ\" ผมถามเสียงตื่นเต้น
\"ใช่ มันเป็นเหมือนตัวเรา เราแค่...\"เขาพูดแล้วก็หยุดลงแค่นั้น
\"แค่อะไร\"
\"เปล่าหรอก\"
ผมก็ไม่คิดจะซักอะไรต่อ เลยร้องเพลงนี้อีก พร้อมกับหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำ
เมื่อผมออกมายังเห็นนายคนนั้นฟังเพลงของผมที่เล่นซ้ำไปซ้ำมา
\"นาย ไปอาบน้ำก่อน ไม่งั้นจะสาย โดนรุ่นพี่ทำโทษไม่รู้ด้วย\"
\"กฤษ นายชอบเพลงนี้เหรอ\" นายคนนั้นเรียกผม ผมสะดุ้งเล็กน้อย
\"ก็ ใช่ ทำไมเหรอ\"
\"นายชอบเพราะอะไร\"
\"ก็เพราะดี ความหมายดี\"
\"แค่นั้นเหรอ\"
จะให้ผมตอบยังไง มันออกจะเป็นการไม่ดีที่ผมจะให้คนอื่นรู้เรื่องหัวใจของผม
\"ก็ใช่ ทำไมเหรอ\"
\"เปล่าหรอก ไม่มีอะไร เราไปอาบน้ำแล้ว ยืมยาสีฟันด้วย\"
\"อยู่ในห้องน้ำแล้ว\"
นายคนนั้นหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วไปอาบน้ำ ทิ้งผมให้ใช้ความคิดอยู่คนเดียว
หรือว่า... นายคนนั้นคิดจะบอกอะไรผมหรือเปล่า ไม่หรอก
ผมยิ้มกับตัวเอง คิดมากจริงๆเรา
เมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่งนายคนนั้นก็ออกมาจากห้องน้ำ
“อ้าว นึกว่าไปแล้ว”
“รอนายไง ไม่ใช่ รอจะล็อคกุญแจไง ไม่งั้นไม่รู้นายใช้เวลากี่ชั่วโมงอีก”
นายคนนั้นไม่ตอบ ไปเปลี่ยนชุดแล้วก็ลงไปข้างล่างพร้อมกัน
“กฤษ พัฒน์ ทางนี้”
ผมได้ยินเสียงเรียก วิญช์นั่นเอง เมื่อออกมาจากใต้อาคารเห็นนักเรียนมากมาย คุยกันเสียงดัง
“มานานแล้วเหรอ”ผมถามวิญช์
“ไม่หรอก เพิ่งลงมาเหมือนกัน เราตื่นเต้นมากเลยไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง”
“เหมือนกัน แต่ไม่นานแล้วละ”
ผมจะคุยกับวิญช์ต่อแต่มีเสียงประกาศดังขึ้นมาขัด
“นักเรียน ม.4ทุกคน ๆ ให้ไปรวมกันที่สนามด้านหน้าของโรงเรียน เข้าแถวเป็นห้องแยกหญิงชาย เรียงตามลำดับความสูง”
“รีบไปเถอะ”ผมเตือน
เมื่อไปถึงก็เห็นอาจารย์หลายคน มีอาจารย์ทรงพลด้วย กำลังจัดเก้าอี้ สงสัยมีใครมาอีกเนี่ยะ
เมื่อนักเรียนเข้าแถวเสร็จเรียบร้อย มีคนๆหนึ่งเดินมา สงสัยเป็นอาจารย์ใหญ่ เดินขึ้นไปที่แท่นแล้วขยับแว่นตานิดนึง
“สวัสดีนักเรียนม.4ของ คีตวิทย์ทุกคน”
เสียงนักเรียนขานสวัสดีพร้อมกัน
หลังจากนั้นครูใหญ่ก็กล่าวแนะนำโรงเรียน อาจารย์ รวมไปถึงประวัติของโรงเรียนและอาจารย์ใหญ่คนก่อน
“ครูเองหวังว่านักเรียน ม.4ใหม่ทุกคนคงมีความสุขกับการเรียนและใช้ชีวิตที่นี่ จงคิดว่าที่นี่คือบ้านของเธอ หากมีอะไร บอกครูทุกคนได้ หรือ
จะบอกตัวครูเองก็ได้ งั้นต่อไป ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรุ่นพี่แล้วกัน สวัสดี”
หลังจากที่อาจารย์ใหญ่กล่าวลาไปแล้ว มีรุ่นพี่ผู้หญิงกับผู้ชายไปรับไมค์จากอาจารย์ใหญ่และจากที่ตั้งเอาไว้
“สวัสดีค่ะน้องๆทุกคน พี่ชื่อธารริน นะคะ เรียกพี่รินก็ได้ ส่วนนี่คือพี่ปกรณ์ เรียกพี่เอกก็ได้”
พี่ผู้หญิงชี้ไปทางพี่ผู้ชายที่เดินขึ้นมาด้วย พี่ผ้ชายยิ้มรับแล้วก็พยักหน้า
“สำหรับกิจกรรมรับน้องของ คีตวิทย์ปีนี้ พี่ๆ รวมทั้งอาจารย์ต่างนั่งคิด ยืนคิด กลิ้งคิด ตีลังกาคิด ในที่สุดก็ได้กิจกรรมที่จะมาให้น้องๆร่วมสนุก
กัน กิจกรรมของเราไม่เน้นด้านใดด้านหนึ่ง แต่เน้นทุกด้าน ทั้งความสามัคคี ความเชื่อใจ  ความเป็นหนึ่งเดียว และที่สำคัญ ความรักกันในหมู่
เพื่อน ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เพื่อนก็คือเพื่อนเรา จำไว้นะครับ” พี่เอกพูดยาว
“ใช่แล้วค่ะ กิจกรรมมีทั้งหมด5 ฐานด้วยกัน เงียบก่อนค่ะ ฟังนิด” พี่รินเตือนเมื่อได้ยินเสียงคุยมากขึ้น
“อย่างที่ว่านะคะ คือ เราเน้นความสามัคคี แต่ไม่ได้เน้นสะใจ ดังนั้นไม่ต้องกลัวค่ะ” พี่รินพูดยิ้มๆ เมื่อได้ยินเสียงนักเรียนเงียบลง พี่รินจึงพูด
ต่อ
“กิจกรรมมีทั้งหมด 5 ฐานด้วยกัน ให้นักเรียนทั้ง5 ห้อง เริ่มที่ฐานของตัวเองก่อน คือ ห้อง 1 เริ่มที่ฐาน1 ห้องสองเริ่มที่ฐาน 2 เข้าใจไหมค่ะ”
นักเรียนส่วนใหญ่พยักหน้า
“แต่ละฐานจะมีเวลาให้ 15 นาที หากไม่สามารถปฏิบัติหรือทำกิจกรรมไม่สำเร็จในเวลา ถึงว่าแพ้ จะไม่ได้แต้ม หากทำได้จะได้แต้ม ฐานละ
20 รวม5 ฐานก็เป็น 100 แล้วเราจะมาดูกันว่าห้องไหนได้รางวัลชนะเลิศ ขอบอกว่า รางวัลปีนี้ยิ่งใหญ่ นะคะ” พิ่รินพูดแล้วหัวเราะ
“เอาละคะ ในเมื่อน้องๆพร้อมแล้ว ก็แยกย้ายไปตามฐานของตัวเองเลยค่ะ จะมีเสียงประกาศหมดเวลา หลังจากนั้นก็ให้เปลี่ยนฐาน ตัวแทนถือ
สมุดเก็บแต้มด้วยนะคะ ขอให้โชคดีค่ะ”
แล้วนักเรียนก็เดินแยกกันไปตามฐานห้องผมคือห้อง 1 ก็ไปฐาน 1 ผมเห็น ป้ายเลข1 อยู่ทางริมสระน้ำข้างตึก4 จึงบอกนักเรียนในห้องให้เดิน
ไปที่ป้าย เห็นรุ่นพี่3คนยืนอยู่ เป็นผู้หญิง 1 ผู้ชาย2
“เร็วๆค่ะ ไม่งั้นไม่ทันเวลาไม่รู้ด้วย”พี่ผู้หญิงเตือน
“พี่ชื่อ อร คนนั้นชื่ออิฐ อีกคนชื่อ บิว”พี่อรแนะนำอย่างรวดเร็ว
“กติกาคือ ให้ไปหยิบผ้าสีข้าวกับผ้าสีแดงที่แขวนอยู่ ไม่ได้ผูกนะคะ แค่แขวน กระตุกก็หลุดแล้ว แล้วให้มาตัดแล้วเย็บเป็นป้ายของห้อง ห้อง
หนึ่งใช่ไหม ก็ ตัดเป็น 4 0 1 เข็มกับด้ายก็หล่นอยู่แถวๆนี้ หาเอาเองนะคะ เข้าใจกติกาแล้วก็เริ่มค่ะ”
นักเรียนเงยหน้ามองผ้าที่แขวนไว้ แค่แขวนไว้ก็จริง แต่ไม่ใช่เตี้ยๆเลย ราวๆ เกือบ 4เมตร จะเอายังไงเนี่ยะ
“เร็วๆเข้าเถอะเดี๋ยวจะหมดเวลา”เสียงนักเรียนชายคนหนึ่งดังขึ้น
“ ใช่ เราเริ่มกันเถอะ”วิญช์พูด
“เอาตามนี้นะ โจ หมู เคน ริว ประสานมือกันเข้าใจไหม แล้ว นาย ชื่ออะไรแล้วนะ อ๋อ เค นายสูงที่สุด ขึ้นไปยืน แล้วเอาผ้ามา ส่วนผู้หญิง ใคร
เย็บผ้าเป็นบ้าง” มีนักเรียนหญิง 3 4 คนยกมือ
“ดี เมื่อได้ผ้ามาพวกเธอตัดแล้วเย็บนะ ส่วนที่เหลือช่วยหาเข็มกับด้าย”วิญช์ ว่าที่หัวหน้าห้อง (ผมคิดว่าอย่างนั้น) สั่งรัวเร็ว ทุกคนทำตามที่ได้
รับมอบหมาย มีรุ่นพี่นั่งยิ้มอยู่บนบันได้โลหะคอยดูอยู่ห่างๆ
ผ่านไป3 นาที หาเข็มกับด้ายเจอแล้ว แต่ที่ยังไม่ได้คือผ้า มันสูงเกินไป เคเอื้อมไม่ถึง อีกอย่างเขาตัวหนักไป
“ไม่ไหวหว่ะ วิญช์ เราเอื้อมไม่ถึง แล้วพวกที่เป็นฐานก็หนักมากด้วย”
“งั้นจะเอาไง”
ทุกคนช่วยกันคิด
“เอางี้สิ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
“ยังไงเหรอ นุช”วิญช์ถาม ท่าทางเขาจำชื่อเพื่อนในห้องได้หมดแล้ว
“ให้พวกที่เป็นฐานเพิ่มสักนิด แล้วหาคนที่กระโดดสูงๆหน่อยไปยืน แล้วกระโดด น่าจะถึงนะ”
“อืม ใช่ งั้นผู้ชายอีก3คนมาช่วยหน่อย แล้วใครกระโดดสูงๆ ได้บ้าง ขอตัวเบาๆหน่อย”
“เราเอง”ผมอาสา
“กฤษเหรอ อือ ใช่นายตัวเบา งั้นช่วยหน่อย”
ผมขึ้นไปยืนบนแขนเพื่อนๆ แล้วค่อยๆยืดตัวขึ้น  เพื่อนๆก็ค่อยๆยืนขึ้น ห่างอีกสัก60เซนเอง -*-
ผมลองกระโดด พวกเป็นฐานก็ย่อตัวส่ง ผมรีบคว้าผ้าผืนสีขาว เกือบไม่ติดผมเอาปลายนิ้วชี้กับกลางคีบแล้วลากลงมา ผมตกลงบนเพื่อนๆ -*-
ได้ผืนนึงแระ
“ได้ผล ขอบใจมากนุช”วิญช์ขอบคุณเพื่อน นุชยิ้มให้
“อีกผืน กฤษ  อีกทีนะ”
“ได้”
ผืนนี้สูงกว่าผืนแรกนิดหน่อย ทุกคนทำแบบเดิม  ผมกระโดดเอื้อมมือไปคว้า เกือบถึง
พลัก!!!
ผมตกลงบนเพื่อนๆที่คอยรับอีกครั้ง
“โอ้ย” ผมครางเบาๆ
“กฤษ เป็นอะไรไหม”
“อ๋อ เปล่า เกือบถึงนะ”
“ลองอีกที”
เมื่อลองอีก 2 ครั้ง ก็ยังไม่ได้ เวลาผ่านไป 7นาทีแล้ว
“เอายังไงดี” ผมพูดกับวิญช์
เพื่อนๆช่วยกันคิดอีกครั้ง อยู่นายคนนั้นก็เดินเข้ามาแล้วถอดอะไรบางอย่างที่คอให้ผม
“เอานี้”เขาพูดพร้อมยื่นสิ่งๆนั้นให้
เป็นสร้อยเงิน เมื่อแกะตะขอออกก็ยาวพอสมควร ทุกคนเข้าใจในทันที แล้วลองอีกครั้ง
เมื่อผมกระโดดอีกครั้งรีบเหวี่ยงสร้อยเส้นนั้นไปรัดผ้าผืนสีแดงที่ม้วนไว้ แล้วกระชาก ผ้าผืนนั้นก็หล่นลงมา
เสียงนักเรียนโห่ร้องอย่างดีใจ นักเรียนหญิงที่อาสาจะเย็บผ้ารีบเข้ามาเอาไปทำ ไม่นาน ก็เสร็จเรียบร้อย
“นาย เอานี่ ขอบใจมาก”ผมยื่นสร้อยคืนให้กับนายคนนั้น
นายคนนั้นรับไว้แล้วไปคล้องไว้ที่คอต่อไม่พูดอะไร
“พัฒน์ นายคิดได้ยังไงเก่งจริงๆ” วิญช์ชมนายคนนั้นแล้วก็เอาสมุดจดแต้มไปให้รุ่นพี่เขียนคะแนน
นั่นสิ ในเมื่อเขาคิดแผนนี้ได้ ทำไมเขาไขกุญแจที่ห้องไม่ได้ -*- ผมละงงจริงๆ
“เอาละน้องๆ พี่คอยดูอยู่ น้องๆเก่งมากเลย ทำได้ทันเวลาด้วย ไม่รู้คิดได้ไง”พี่อรชม
“แต่ถ้าน้องๆคิดจะยืมบันไดของพี่ละก็ พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ อิอิ” รุ่นพี่หัวเราะกัน
พวกเราโห่ อะไรวะ ทำไมไม่นึกถึง มีงี้ด้วยเรอะ  -*-
“เอาน่าๆ ยังไงก็เห็นความสามัคคีของห้องน้องๆแล้วใช่ไหม ขอให้เป็นแบบนี้ไปตลอดนะ อีก2นาที เตรียมตัวไปหาฐานต่อไปเถอะ โชคดีค่ะ”
พวกเราเดินไปทางด้านขวาของฐานแรก เห็นนักเรียนกำลังเริ่มทยอยออกไปบางคนหน้าแดง บางคนก็เอามือกุมที่ปาก ที่ด้านหน้าเขียนไว้ว่า
ฐาน 2
พวกเราเดินไป ผมเห็นวิญช์หน้าเสียเล็กๆ แต่เมื่อเห็นหน้าผม ก็ยิ้มทันที
เมื่อเข้าไปในฐานที่ 2 เห็นพี่ผู้หญิงกับพี่ผู้ชาย 2 คน นั่งอยู่ เมื่อพวกเราเดินเข้าไปรุ่นพี่ก็ก้าวออกมา
“สวัสดีครับน้องๆ พี่ชื่อพี่อิง โน่นพี่เอ๋ แล้วที่ใส่หมวกชื่อพี่อัฐครับ”
“สำหรับฐานนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เห็นน้องๆกระโดดอยู่เมื่อกี้ คงหิวน้ำมาก พี่ก็เลยเตรียมน้ำไว้ให้”
พี่อิงพูด แต่ตอนหลังก็ยิ้มกว้าง
“แต่พอดีตอนเช้าพี่รีบไปหน่อย เลยหยิบขวดผิดมา หยิบไอนี่มาแทน”
พี่อิงพูด แล้วก็หยิบขวดสีน้ำตาลในถังขึ้น ผมเห็นก็พอจะนึกออก
“นั่นมันเหล้าขาวนี่”เสียงคนที่ชื่อหมูพูดขึ้นมา แล้วเสียงนักเรียนหญิงก็ดังตามมา
“ครับ ท่าจะเคยกินนะ ชอบเหรอ”พี่อิงพูดแล้วหัวเราะ
“กติกาคือ ให้ทุกคนกินไอเจ้านี่ ให้หมดขวด ฟังก่อน อย่าเพิ่งตกใจ ไม่ได้ให้กินคนเดียวนะ ให้กินกันทั้งห้องนั่นแหละครับ”
เสียงนักเรียนดังขึ้นอีก
“มีข้อแม้ 2 ข้อ 1 กินแล้วห้ามเอาออกมา ห้ามอ้วกนั่นเอง ข้อ2 กินได้คนละครั้งเดียวหากหลุดจากปากแล้วห้ามยกขึ้นไปกินใหม่ แล้วส่งไป
ข้างหลัง เข้าใจแล้วยัง ถ้าเข้าใจแล้ว ก็เข้าแถวเรียงหนึ่งเป็นวงกลม”
นักเรียนดูไม่ค่อยจะพอใจนัก แต่ก็ทำตาม เมื่อเข้าแถวเสร็จพี่อิงก็ยื่นขวดให้คนแรก ใครนะ อ๋อ นายหมูนั้นเอง
หมูรับขวดมาแล้วยกขวดขึ้น ผมเห็นลูกกระเดือกเขาขยับ3ครั้ง คงกินได้3อึก เสร็จก็ส่งไปข้างหลัง เห็นสีหน้าเขาไม่ค่อยดีเลย
“อื้อ คนแรกไม่เลวแฮะ ส่งๆกันไป” แล้วนักเรียนก็ส่งๆกันไป หลังจากกินไอนี่ไป แต่ละคนสีหน้าแปลกๆกันไปหมด
ผมยืนเป็นคนที่19 มีนายคนนั้นยืนหลังผมเป็นคนที่ 20 แล้วก็เป็นผู้หญิงทั้งหมด เมื่อถึงตาผม ผมรับมา อื้อหือ กลิ่นมันเหลือร้ายจริงๆ ผมเห็นมี
อีกราวๆเกือบครึ่งขวด แล้วผู้หญิงจะกินได้ไหมนี่
ผมยกขึ้นซด -*- มันร้อนผ่าวในปากในคอผม กลืนลงไปได้ 2 อึก ไม่ไหวแล้วได้แค่นี้ไม่งั้นผิดกติกาแน่ ผมถือขวดนั้นไว้ในมือ มันลดไปไม่
เท่าไรเลย รู้สึกแปลกๆอีกต่างหาก
ผมส่งขวดให้นายคนนั้น แล้วหันไปมอง นายคนนั้นรับไป มองอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ยกขึ้นจรดปาก
ผมเห็นลูกกระเดือกเขากระดก
1 .
2 ..
3
4
5
6
7......
ผมตาค้าง ดูเหมือนนักเรียนทั้งห้องรวมถึงรุ่นพี่จะเงียบไปครู่หนึ่ง เมื่อหลังจากอึกที่  7 นายคนนั้นก็ยกขวด ทำเสียงแปลกๆ เหมือนคนกินอะไร
ซ่าๆ แล้วก็ส่งให้นักเรียนหญิงต่อไป
ผมเห็นของเหลวในขวด มันเหลือแค่เลยก้นขวดไปนิดหน่อย
“ยอดเลย พัฒน์” วิญช์ที่หน้าแดงนิดๆมาชม
“นายเป็นอะไรหรือเปล่า” ผมถามนายคนนั้น
“เปล่าหรอก รู้สึก ร้อนในท้องนิดๆ ไม่ได้เป็นไรมาก” นายคนนั้นตอบ
ในที่สุด ก็ถึงนักเรียนหญิงคนสุดท้ายก็หมดจนได้ นักเรียนหญิงคนนั้นดูเหมือนจะโยนขวดลงบนพื้นทันทีที่หมด แล้วก็ยกมือปิดปากไว้
“เยี่ยมมาก เอาไป20เต็ม ห้องที่แล้วไม่ผ่าน บอกให้รู้ไว้ก่อน”พี่อิงพูดยิ้มๆ
“หากน้องๆทุกคนกินเพิ่มอีกคนละนิด พี่ว่าก็น่าจะพอดี โชคดีที่มีคอทองแดงอยู่ในห้อง”พี่อิงพูดแล้วหันไปทางพัฒน์
“น้องๆคงเห็นแล้วนะครับ หากพวกข้างหน้าแค่จิบคนละนิด คนข้างหลังจะลำบากแค่ไหน ดีที่ห้องนี้ไม่เอาเปรียบกัน พี่ขอชมเชย เอาละ จะ
หมดเวลาแล้ว เตรียมตัวไปฐานต่อไปได้ โชคดีครับ”
พวกเราเดินออกมาจากฐาน 2 เสียงพูดคุยเริ่มน้อยลง ผมหันไปที่นายคนนั้น
“นาย เป็นอะไรมากไหม”
“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไรหรอก ตอนนี้นะไม่ แต่หลังจากนี้นะไม่แน่”นายคนนั้นตอบ
ผมเดินกึ่งพยุงนายคนนั้นไว้ ไปฐานต่อไป
เพื่อสร้างความคุ้นเคยให้กับตัวเอง เราเดินเล่นกันอยู่จนเย็น จึงไปรับประทานอาหารเย็นแล้วจึงแยกกับวิญช์กลับขึ้นที่พัก
\"อยากอาบน้ำแล้วนอนเร็วๆจัง พรุ่งนี้ไม่รู้ว่าจะเจออะไร\"
\"ไม่รู้สิ คงไม่มีอะไรแปลกๆนะ\"
\"นั่นสิ เราคิดหวังว่าแบบนั้น\" ผมพูดกับนายคนนั้น
เมื่อถึงห้องผมไขกุญแจ แล้วหันไปมองหน้านายคนนั้นยิ้มๆ นายคนนั้นคงรู้สึกได้วาผมกำลังเยาะเย้ยจึงหน้าแดงอีก
\"เฮ้อ ถึงซะที อาบน้ำๆ\"ผมพูดพลางหยิบผ้าเช็ดตัวไปที่ห้องน้ำแล้วลงมืออาบน้ำ อา... วิเศษที่สุด
เมื่อออกมาจากห้องน้ำนายคนนั้นก็เข้าไปอาบน้ำ ผมก็มาสนใจกับคอมพิวเตอร์ของผม วันนั้นที่ปิดเครื่องแกไม่ได้ชัตดาว์น ขอโทษนะ
หลังจากเล่นได้สักพัก ผมก็ไปนอน เห็นนายคนนั้นนอนอยู่แล้ว อันที่จริงผมรู้ก่อนแล้วว่านายคนนั้นหลับ เพราะเสียงกรนดังไปเข้าหูผมนาน
แล้ว แต่ตอนนี้ต้องรีบนอน ไม่เช่นนั้นพรุ่งนี้รุ่นพี่ให้ทำอะไรอาจทำไม่ไหวก็ได้ ไม่รู้จะเลวร้ายแค่ไหน คงไม่มากอย่างที่คิดนะ
ผมนอนคิดอยู่ครู่หนึ่งก็หลับไป
............
จิ๊บ.....จิ๊บ....
อ๊ะ เสียงนก เช้าแล้วเหรอ
ผมลุกขึ้น วันนี้ไม่หนาวเหมือนเมื่อวาน ผมหันไปมองที่หน้าต่าง เห็นนกเกาะที่ต้นไม้ใกล้หน้าต่าง
ผมรู้สึกขอบใจแล้วก็ทักทายนกตัวนั้น วันหลังจะซื้ออาหารนกมาให้มันดีกว่า
ผมหันไปมองนายคนนั้น ก็ยังนอนไม่รู้เรื่องราวอะไรเหมือนเดิม
ผมถอนหายใจเบาๆแล้วไปเปิดเพลงในคอมพิวเตอร์ผม
                  ...... อยากจะมีใคร คอยห่วงใยดูแลกัน ในวันที่ฉันเหงาใจ อยากจะมีใครที่จับมือกันเดินไป ในคืนที่ฟ้ามืดมน
ผมร้องเพลงโปรด แม้ว่าจะนานมาแล้ว แต่เพลงนี้คือเพลงที่ผมชอบมากที่สุด มันเป็นเหมือนตัวผม ขอใครสักคน ของลีโอพุต
                  แต่มันเหมือนทั้งโลกว่างเปล่า ไม่มีคนเข้าใจ เหมือนไม่เคยเจอใครสักคน...
                      อาจจะเคยมีคนที่เคยมองตากัน  แต่ก็ไม่เคยซึ้งใจ ....
                    อาจจะเคยมีคนที่เดินเคียงกันไป.. แต่ก็ดูเหมือนไม่มี ....
      ก็ชีวิตก็ฉันยังว่างเปล่า ไม่มีคนเข้าใจ ฉันต้องการแค่ใครสักคน....
                    ใครสักคนที่เป็นทุกอย่าง ให้ความหวังและคอยห่วงใยทุกวัน
                  ใครที่คอยจะอยู่เคียงข้างกัน ที่จะพร้อมให้ความผูกพันจริงใจ
                ใครสักคนที่เป็นคนพิเศษ ช่วยให้เหงาที่มีได้จางหายไป
                  ช่วยเป็นแสงสว่างให้หัวใจ อยากจะขอแค่ใครสักคนที่รักจริง
          ชีวิตผม แค่ต้องการใครสักคน คอยดูแล และให้ความหวังกับหัวใจ เหมือนในเพลง
     
  \"ใครสักคนที่เป็นทุกอย่าง ให้ความหวังและคอยห่วงใยทุกวัน\"
เสียงเพลงดังขึ้น ใครร้อง เสียงเพราะด้วยผมหันไปที่ต้นเสียง นายคนนั้นนั่นเอง
\"อ้าวตื่นแล้วเหรอ เรากวนนายหรือ โทษทีละกัน\"
\"เปล่าหรอก เราได้ยินเพลงนี้เลยลุกขึ้นมาดู ไม่ได้ยินนานแล้วนะ\"
\"นายชอบด้วยเหรอ\" ผมถามเสียงตื่นเต้น
\"ใช่ มันเป็นเหมือนตัวเรา เราแค่...\"เขาพูดแล้วก็หยุดลงแค่นั้น
\"แค่อะไร\"
\"เปล่าหรอก\"
ผมก็ไม่คิดจะซักอะไรต่อ เลยร้องเพลงนี้อีก พร้อมกับหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำ
เมื่อผมออกมายังเห็นนายคนนั้นฟังเพลงของผมที่เล่นซ้ำไปซ้ำมา
\"นาย ไปอาบน้ำก่อน ไม่งั้นจะสาย โดนรุ่นพี่ทำโทษไม่รู้ด้วย\"
\"กฤษ นายชอบเพลงนี้เหรอ\" นายคนนั้นเรียกผม ผมสะดุ้งเล็กน้อย
\"ก็ ใช่ ทำไมเหรอ\"
\"นายชอบเพราะอะไร\"
\"ก็เพราะดี ความหมายดี\"
\"แค่นั้นเหรอ\"
จะให้ผมตอบยังไง มันออกจะเป็นการไม่ดีที่ผมจะให้คนอื่นรู้เรื่องหัวใจของผม
\"ก็ใช่ ทำไมเหรอ\"
\"เปล่าหรอก ไม่มีอะไร เราไปอาบน้ำแล้ว ยืมยาสีฟันด้วย\"
\"อยู่ในห้องน้ำแล้ว\"
นายคนนั้นหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วไปอาบน้ำ ทิ้งผมให้ใช้ความคิดอยู่คนเดียว
หรือว่า... นายคนนั้นคิดจะบอกอะไรผมหรือเปล่า ไม่หรอก
ผมยิ้มกับตัวเอง คิดมากจริงๆเรา
เมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่งนายคนนั้นก็ออกมาจากห้องน้ำ
“อ้าว นึกว่าไปแล้ว”
“รอนายไง ไม่ใช่ รอจะล็อคกุญแจไง ไม่งั้นไม่รู้นายใช้เวลากี่ชั่วโมงอีก”
นายคนนั้นไม่ตอบ ไปเปลี่ยนชุดแล้วก็ลงไปข้างล่างพร้อมกัน
“กฤษ พัฒน์ ทางนี้”
ผมได้ยินเสียงเรียก วิญช์นั่นเอง เมื่อออกมาจากใต้อาคารเห็นนักเรียนมากมาย คุยกันเสียงดัง
“มานานแล้วเหรอ”ผมถามวิญช์
“ไม่หรอก เพิ่งลงมาเหมือนกัน เราตื่นเต้นมากเลยไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง”
“เหมือนกัน แต่ไม่นานแล้วละ”
ผมจะคุยกับวิญช์ต่อแต่มีเสียงประกาศดังขึ้นมาขัด
“นักเรียน ม.4ทุกคน ๆ ให้ไปรวมกันที่สนามด้านหน้าของโรงเรียน เข้าแถวเป็นห้องแยกหญิงชาย เรียงตามลำดับความสูง”
“รีบไปเถอะ”ผมเตือน
เมื่อไปถึงก็เห็นอาจารย์หลายคน มีอาจารย์ทรงพลด้วย กำลังจัดเก้าอี้ สงสัยมีใครมาอีกเนี่ยะ
เมื่อนักเรียนเข้าแถวเสร็จเรียบร้อย มีคนๆหนึ่งเดินมา สงสัยเป็นอาจารย์ใหญ่ เดินขึ้นไปที่แท่นแล้วขยับแว่นตานิดนึง
“สวัสดีนักเรียนม.4ของ คีตวิทย์ทุกคน”
เสียงนักเรียนขานสวัสดีพร้อมกัน
หลังจากนั้นครูใหญ่ก็กล่าวแนะนำโรงเรียน อาจารย์ รวมไปถึงประวัติของโรงเรียนและอาจารย์ใหญ่คนก่อน
“ครูเองหวังว่านักเรียน ม.4ใหม่ทุกคนคงมีความสุขกับการเรียนและใช้ชีวิตที่นี่ จงคิดว่าที่นี่คือบ้านของเธอ หากมีอะไร บอกครูทุกคนได้ หรือ
จะบอกตัวครูเองก็ได้ งั้นต่อไป ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรุ่นพี่แล้วกัน สวัสดี”
หลังจากที่อาจารย์ใหญ่กล่าวลาไปแล้ว มีรุ่นพี่ผู้หญิงกับผู้ชายไปรับไมค์จากอาจารย์ใหญ่และจากที่ตั้งเอาไว้
“สวัสดีค่ะน้องๆทุกคน พี่ชื่อธารริน นะคะ เรียกพี่รินก็ได้ ส่วนนี่คือพี่ปกรณ์ เรียกพี่เอกก็ได้”
พี่ผู้หญิงชี้ไปทางพี่ผู้ชายที่เดินขึ้นมาด้วย พี่ผ้ชายยิ้มรับแล้วก็พยักหน้า
“สำหรับกิจกรรมรับน้องของ คีตวิทย์ปีนี้ พี่ๆ รวมทั้งอาจารย์ต่างนั่งคิด ยืนคิด กลิ้งคิด ตีลังกาคิด ในที่สุดก็ได้กิจกรรมที่จะมาให้น้องๆร่วมสนุก
กัน กิจกรรมของเราไม่เน้นด้านใดด้านหนึ่ง แต่เน้นทุกด้าน ทั้งความสามัคคี ความเชื่อใจ  ความเป็นหนึ่งเดียว และที่สำคัญ ความรักกันในหมู่
เพื่อน ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เพื่อนก็คือเพื่อนเรา จำไว้นะครับ” พี่เอกพูดยาว
“ใช่แล้วค่ะ กิจกรรมมีทั้งหมด5 ฐานด้วยกัน เงียบก่อนค่ะ ฟังนิด” พี่รินเตือนเมื่อได้ยินเสียงคุยมากขึ้น
“อย่างที่ว่านะคะ คือ เราเน้นความสามัคคี แต่ไม่ได้เน้นสะใจ ดังนั้นไม่ต้องกลัวค่ะ” พี่รินพูดยิ้มๆ เมื่อได้ยินเสียงนักเรียนเงียบลง พี่รินจึงพูด
ต่อ
“กิจกรรมมีทั้งหมด 5 ฐานด้วยกัน ให้นักเรียนทั้ง5 ห้อง เริ่มที่ฐานของตัวเองก่อน คือ ห้อง 1 เริ่มที่ฐาน1 ห้องสองเริ่มที่ฐาน 2 เข้าใจไหมค่ะ”
นักเรียนส่วนใหญ่พยักหน้า
“แต่ละฐานจะมีเวลาให้ 15 นาที หากไม่สามารถปฏิบัติหรือทำกิจกรรมไม่สำเร็จในเวลา ถึงว่าแพ้ จะไม่ได้แต้ม หากทำได้จะได้แต้ม ฐานละ
20 รวม5 ฐานก็เป็น 100 แล้วเราจะมาดูกันว่าห้องไหนได้รางวัลชนะเลิศ ขอบอกว่า รางวัลปีนี้ยิ่งใหญ่ นะคะ” พิ่รินพูดแล้วหัวเราะ
“เอาละคะ ในเมื่อน้องๆพร้อมแล้ว ก็แยกย้ายไปตามฐานของตัวเองเลยค่ะ จะมีเสียงประกาศหมดเวลา หลังจากนั้นก็ให้เปลี่ยนฐาน ตัวแทนถือ
สมุดเก็บแต้มด้วยนะคะ ขอให้โชคดีค่ะ”
แล้วนักเรียนก็เดินแยกกันไปตามฐานห้องผมคือห้อง 1 ก็ไปฐาน 1 ผมเห็น ป้ายเลข1 อยู่ทางริมสระน้ำข้างตึก4 จึงบอกนักเรียนในห้องให้เดิน
ไปที่ป้าย เห็นรุ่นพี่3คนยืนอยู่ เป็นผู้หญิง 1 ผู้ชาย2
“เร็วๆค่ะ ไม่งั้นไม่ทันเวลาไม่รู้ด้วย”พี่ผู้หญิงเตือน
“พี่ชื่อ อร คนนั้นชื่ออิฐ อีกคนชื่อ บิว”พี่อรแนะนำอย่างรวดเร็ว
“กติกาคือ ให้ไปหยิบผ้าสีข้าวกับผ้าสีแดงที่แขวนอยู่ ไม่ได้ผูกนะคะ แค่แขวน กระตุกก็หลุดแล้ว แล้วให้มาตัดแล้วเย็บเป็นป้ายของห้อง ห้อง
หนึ่งใช่ไหม ก็ ตัดเป็น 4 0 1 เข็มกับด้ายก็หล่นอยู่แถวๆนี้ หาเอาเองนะคะ เข้าใจกติกาแล้วก็เริ่มค่ะ”
นักเรียนเงยหน้ามองผ้าที่แขวนไว้ แค่แขวนไว้ก็จริง แต่ไม่ใช่เตี้ยๆเลย ราวๆ เกือบ 4เมตร จะเอายังไงเนี่ยะ
“เร็วๆเข้าเถอะเดี๋ยวจะหมดเวลา”เสียงนักเรียนชายคนหนึ่งดังขึ้น
“ ใช่ เราเริ่มกันเถอะ”วิญช์พูด
“เอาตามนี้นะ โจ หมู เคน ริว ประสานมือกันเข้าใจไหม แล้ว นาย ชื่ออะไรแล้วนะ อ๋อ เค นายสูงที่สุด ขึ้นไปยืน แล้วเอาผ้ามา ส่วนผู้หญิง ใคร
เย็บผ้าเป็นบ้าง” มีนักเรียนหญิง 3 4 คนยกมือ
“ดี เมื่อได้ผ้ามาพวกเธอตัดแล้วเย็บนะ ส่วนที่เหลือช่วยหาเข็มกับด้าย”วิญช์ ว่าที่หัวหน้าห้อง (ผมคิดว่าอย่างนั้น) สั่งรัวเร็ว ทุกคนทำตามที่ได้
รับมอบหมาย มีรุ่นพี่นั่งยิ้มอยู่บนบันได้โลหะคอยดูอยู่ห่างๆ
ผ่านไป3 นาที หาเข็มกับด้ายเจอแล้ว แต่ที่ยังไม่ได้คือผ้า มันสูงเกินไป เคเอื้อมไม่ถึง อีกอย่างเขาตัวหนักไป
“ไม่ไหวหว่ะ วิญช์ เราเอื้อมไม่ถึง แล้วพวกที่เป็นฐานก็หนักมากด้วย”
“งั้นจะเอาไง”
ทุกคนช่วยกันคิด
“เอางี้สิ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
“ยังไงเหรอ นุช”วิญช์ถาม ท่าทางเขาจำชื่อเพื่อนในห้องได้หมดแล้ว
“ให้พวกที่เป็นฐานเพิ่มสักนิด แล้วหาคนที่กระโดดสูงๆหน่อยไปยืน แล้วกระโดด น่าจะถึงนะ”
“อืม ใช่ งั้นผู้ชายอีก3คนมาช่วยหน่อย แล้วใครกระโดดสูงๆ ได้บ้าง ขอตัวเบาๆหน่อย”
“เราเอง”ผมอาสา
“กฤษเหรอ อือ ใช่นายตัวเบา งั้นช่วยหน่อย”
ผมขึ้นไปยืนบนแขนเพื่อนๆ แล้วค่อยๆยืดตัวขึ้น  เพื่อนๆก็ค่อยๆยืนขึ้น ห่างอีกสัก60เซนเอง -*-
ผมลองกระโดด พวกเป็นฐานก็ย่อตัวส่ง ผมรีบคว้าผ้าผืนสีขาว เกือบไม่ติดผมเอาปลายนิ้วชี้กับกลางคีบแล้วลากลงมา ผมตกลงบนเพื่อนๆ -*-
ได้ผืนนึงแระ
“ได้ผล ขอบใจมากนุช”วิญช์ขอบคุณเพื่อน นุชยิ้มให้
“อีกผืน กฤษ  อีกทีนะ”
“ได้”
ผืนนี้สูงกว่าผืนแรกนิดหน่อย ทุกคนทำแบบเดิม  ผมกระโดดเอื้อมมือไปคว้า เกือบถึง
พลัก!!!
ผมตกลงบนเพื่อนๆที่คอยรับอีกครั้ง
“โอ้ย” ผมครางเบาๆ
“กฤษ เป็นอะไรไหม”
“อ๋อ เปล่า เกือบถึงนะ”
“ลองอีกที”
เมื่อลองอีก 2 ครั้ง ก็ยังไม่ได้ เวลาผ่านไป 7นาทีแล้ว
“เอายังไงดี” ผมพูดกับวิญช์
เพื่อนๆช่วยกันคิดอีกครั้ง อยู่นายคนนั้นก็เดินเข้ามาแล้วถอดอะไรบางอย่างที่คอให้ผม
“เอานี้”เขาพูดพร้อมยื่นสิ่งๆนั้นให้
เป็นสร้อยเงิน เมื่อแกะตะขอออกก็ยาวพอสมควร ทุกคนเข้าใจในทันที แล้วลองอีกครั้ง
เมื่อผมกระโดดอีกครั้งรีบเหวี่ยงสร้อยเส้นนั้นไปรัดผ้าผืนสีแดงที่ม้วนไว้ แล้วกระชาก ผ้าผืนนั้นก็หล่นลงมา
เสียงนักเรียนโห่ร้องอย่างดีใจ นักเรียนหญิงที่อาสาจะเย็บผ้ารีบเข้ามาเอาไปทำ ไม่นาน ก็เสร็จเรียบร้อย
“นาย เอานี่ ขอบใจมาก”ผมยื่นสร้อยคืนให้กับนายคนนั้น
นายคนนั้นรับไว้แล้วไปคล้องไว้ที่คอต่อไม่พูดอะไร
“พัฒน์ นายคิดได้ยังไงเก่งจริงๆ” วิญช์ชมนายคนนั้นแล้วก็เอาสมุดจดแต้มไปให้รุ่นพี่เขียนคะแนน
นั่นสิ ในเมื่อเขาคิดแผนนี้ได้ ทำไมเขาไขกุญแจที่ห้องไม่ได้ -*- ผมละงงจริงๆ
“เอาละน้องๆ พี่คอยดูอยู่ น้องๆเก่งมากเลย ทำได้ทันเวลาด้วย ไม่รู้คิดได้ไง”พี่อรชม
“แต่ถ้าน้องๆคิดจะยืมบันไดของพี่ละก็ พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ อิอิ” รุ่นพี่หัวเราะกัน
พวกเราโห่ อะไรวะ ทำไมไม่นึกถึง มีงี้ด้วยเรอะ  -*-
“เอาน่าๆ ยังไงก็เห็นความสามัคคีของห้องน้องๆแล้วใช่ไหม ขอให้เป็นแบบนี้ไปตลอดนะ อีก2นาที เตรียมตัวไปหาฐานต่อไปเถอะ โชคดีค่ะ”
พวกเราเดินไปทางด้านขวาของฐานแรก เห็นนักเรียนกำลังเริ่มทยอยออกไปบางคนหน้าแดง บางคนก็เอามือกุมที่ปาก ที่ด้านหน้าเขียนไว้ว่า
ฐาน 2
พวกเราเดินไป ผมเห็นวิญช์หน้าเสียเล็กๆ แต่เมื่อเห็นหน้าผม ก็ยิ้มทันที
เมื่อเข้าไปในฐานที่ 2 เห็นพี่ผู้หญิงกับพี่ผู้ชาย 2 คน นั่งอยู่ เมื่อพวกเราเดินเข้าไปรุ่นพี่ก็ก้าวออกมา
“สวัสดีครับน้องๆ พี่ชื่อพี่อิง โน่นพี่เอ๋ แล้วที่ใส่หมวกชื่อพี่อัฐครับ”
“สำหรับฐานนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เห็นน้องๆกระโดดอยู่เมื่อกี้ คงหิวน้ำมาก พี่ก็เลยเตรียมน้ำไว้ให้”
พี่อิงพูด แต่ตอนหลังก็ยิ้มกว้าง
“แต่พอดีตอนเช้าพี่รีบไปหน่อย เลยหยิบขวดผิดมา หยิบไอนี่มาแทน”
พี่อิงพูด แล้วก็หยิบขวดสีน้ำตาลในถังขึ้น ผมเห็นก็พอจะนึกออก
“นั่นมันเหล้าขาวนี่”เสียงคนที่ชื่อหมูพูดขึ้นมา แล้วเสียงนักเรียนหญิงก็ดังตามมา
“ครับ ท่าจะเคยกินนะ ชอบเหรอ”พี่อิงพูดแล้วหัวเราะ
“กติกาคือ ให้ทุกคนกินไอเจ้านี่ ให้หมดขวด ฟังก่อน อย่าเพิ่งตกใจ ไม่ได้ให้กินคนเดียวนะ ให้กินกันทั้งห้องนั่นแหละครับ”
เสียงนักเรียนดังขึ้นอีก
“มีข้อแม้ 2 ข้อ 1 กินแล้วห้ามเอาออกมา ห้ามอ้วกนั่นเอง ข้อ2 กินได้คนละครั้งเดียวหากหลุดจากปากแล้วห้ามยกขึ้นไปกินใหม่ แล้วส่งไป
ข้างหลัง เข้าใจแล้วยัง ถ้าเข้าใจแล้ว ก็เข้าแถวเรียงหนึ่งเป็นวงกลม”
นักเรียนดูไม่ค่อยจะพอใจนัก แต่ก็ทำตาม เมื่อเข้าแถวเสร็จพี่อิงก็ยื่นขวดให้คนแรก ใครนะ อ๋อ นายหมูนั้นเอง
หมูรับขวดมาแล้วยกขวดขึ้น ผมเห็นลูกกระเดือกเขาขยับ3ครั้ง คงกินได้3อึก เสร็จก็ส่งไปข้างหลัง เห็นสีหน้าเขาไม่ค่อยดีเลย
“อื้อ คนแรกไม่เลวแฮะ ส่งๆกันไป” แล้วนักเรียนก็ส่งๆกันไป หลังจากกินไอนี่ไป แต่ละคนสีหน้าแปลกๆกันไปหมด
ผมยืนเป็นคนที่19 มีนายคนนั้นยืนหลังผมเป็นคนที่ 20 แล้วก็เป็นผู้หญิงทั้งหมด เมื่อถึงตาผม ผมรับมา อื้อหือ กลิ่นมันเหลือร้ายจริงๆ ผมเห็นมี
อีกราวๆเกือบครึ่งขวด แล้วผู้หญิงจะกินได้ไหมนี่
ผมยกขึ้นซด -*- มันร้อนผ่าวในปากในคอผม กลืนลงไปได้ 2 อึก ไม่ไหวแล้วได้แค่นี้ไม่งั้นผิดกติกาแน่ ผมถือขวดนั้นไว้ในมือ มันลดไปไม่
เท่าไรเลย รู้สึกแปลกๆอีกต่างหาก
ผมส่งขวดให้นายคนนั้น แล้วหันไปมอง นายคนนั้นรับไป มองอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ยกขึ้นจรดปาก
ผมเห็นลูกกระเดือกเขากระดก
1 .
2 ..
3
4
5
6
7......
ผมตาค้าง ดูเหมือนนักเรียนทั้งห้องรวมถึงรุ่นพี่จะเงียบไปครู่หนึ่ง เมื่อหลังจากอึกที่  7 นายคนนั้นก็ยกขวด ทำเสียงแปลกๆ เหมือนคนกินอะไร
ซ่าๆ แล้วก็ส่งให้นักเรียนหญิงต่อไป
ผมเห็นของเหลวในขวด มันเหลือแค่เลยก้นขวดไปนิดหน่อย
“ยอดเลย พัฒน์” วิญช์ที่หน้าแดงนิดๆมาชม
“นายเป็นอะไรหรือเปล่า” ผมถามนายคนนั้น
“เปล่าหรอก รู้สึก ร้อนในท้องนิดๆ ไม่ได้เป็นไรมาก” นายคนนั้นตอบ
ในที่สุด ก็ถึงนักเรียนหญิงคนสุดท้ายก็หมดจนได้ นักเรียนหญิงคนนั้นดูเหมือนจะโยนขวดลงบนพื้นทันทีที่หมด แล้วก็ยกมือปิดปากไว้
“เยี่ยมมาก เอาไป20เต็ม ห้องที่แล้วไม่ผ่าน บอกให้รู้ไว้ก่อน”พี่อิงพูดยิ้มๆ
“หากน้องๆทุกคนกินเพิ่มอีกคนละนิด พี่ว่าก็น่าจะพอดี โชคดีที่มีคอทองแดงอยู่ในห้อง”พี่อิงพูดแล้วหันไปทางพัฒน์
“น้องๆคงเห็นแล้วนะครับ หากพวกข้างหน้าแค่จิบคนละนิด คนข้างหลังจะลำบากแค่ไหน ดีที่ห้องนี้ไม่เอาเปรียบกัน พี่ขอชมเชย เอาละ จะ
หมดเวลาแล้ว เตรียมตัวไปฐานต่อไปได้ โชคดีครับ”
พวกเราเดินออกมาจากฐาน 2 เสียงพูดคุยเริ่มน้อยลง ผมหันไปที่นายคนนั้น
“นาย เป็นอะไรมากไหม”
“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไรหรอก ตอนนี้นะไม่ แต่หลังจากนี้นะไม่แน่”นายคนนั้นตอบ
ผมเดินกึ่งพยุงนายคนนั้นไว้ ไปฐานต่อไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น