คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : :: 5 He name is Easter Vuf 100%::
5
He’s ‘Easter Vuf’
วันต่อมา...
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่แสนน่าเบื่อ... ฉันยังคงนั่งอยู่ในห้องของตัวเองขณะดูโทรทัศน์ที่ฉายรายการเรียลลิตี้โง่ๆ ฉันไม่ค่อยชอบดูเท่าไหร่นัก อยากให้ถึงวันพรุ่งนี้ชะมัด ;(
ฉันกดรีโมทเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีอะไรจะทำ ในหัวคิดแพลนสนุกๆ สำหรับวันพรุ่งนี้เตรียมไว้ อืม...วันพรุ่งนี้จะทำอะไรดีละ ใช่...ฉันต้องแกล้งยัยแอนโบนีให้หล่อนกระอักเลือด J แค่คิดฉันก็สนุกซะแล้วสิ :P ฉันลุกออกจากโซฟาสีครีมสดแล้วปิดโทรทัศน์ที่กำลังฉายวิธีการทำอาหาร...
ฉันสะบัดหัวไล่ความคิดของเมื่อวานออกไปจนหมดสิ้นก่อนจะรีบวิ่งไปเปลี่ยนชุด... หึ! ฉันควรจะคิดแพลนสำหรับวันนี้สิ และแพลนของวันนี้ก็คือ...ช็อปปิ้งละ J
หลังจากที่เลือกชุดที่เหมาะสมแล้วฉันก็ฉวยรองเท้าJimy Choo สีครีมที่เข้ากับชุดแส็กสีขาวบางเบามีลูกไม้ประดับรอบชุด และไม่ลืมที่จะหยิบกระเป๋าใบเล็กของ Hermes ติดตัวออกมาด้วย หน้าตาก็เติมนั่นนู่นนี้นิดหน่อยก็เสร็จแล้ว ฉันเดินออกมาจากห้องแล้วกดลิฟต์ไปชั้นแรกสุด
ไม่นานนักลิฟต์ก็พาร่างฉันลงมายังชั้นล่างของโรงแรมแห่งนี้ เสียงลิฟต์ดังขึ้นพร้อมๆ กับประตูเปิดกว้าง ฉันย่างกว้างออกมาอย่างช้าๆ ก่อนจะสะบัดผมสีบลอนด์ทองอย่าง (จงใจ) ยั่วผู้ชายเพื่อเช็กเร็ตติ้งความ Hot ของตัวเอง พวกผู้ชายที่ทั้งมีเจ้าของแล้วและก็ยังไม่มีต่างเหลียวหลังมองฉันจนคอแทบเคล็ด หึ! ผู้ชายก็คือผู้ชายอยู่วันยังค่ำนั่นแหละนะ :P
รถ BMW ซี่รี่ห์เจ็ด พาร่างฉันมายังแหล่งช็อปปิ้งชื่อดังที่มีไว้สำหรับ ‘เผาผลาญเงิน’ พวกคนรวย เซเลบฯ และดาราดังทั้งหลาย ฉันย่างเท้าออกมาจากรถสุดหรูก่อนจะเดินขึ้นลิฟต์กดไปยังชั้น 9 ที่เป็นโซนสำหรับเสื้อผ้าผู้หญิง ย่ำนะ...ทั้งชั้น :)
ฉันเดินเข้าร้านร้านหนึ่งที่แอบเห็นว่ามีชุดราตรีสีดำที่ถูกใจด้วยละ ฉันเดินไปหยิบมันก่อนจะเดินเข้าไปในห้องลองเสื้อแล้วสวมมันเข้ากับร่างก่อนจะตระหนักได้ว่าชุดราตรีมีซิปหลัง และมือฉันก็เอื้อมไม่ถึงด้วยสิ! L
“ใครอยู่ข้างนอกบ้างคะ!”
ฉันตะโกนออกไปขณะที่ตัวเองอยู่ในห้องลองเสื้อ ให้ตายเถอะ! –*– คนพวกนี้ไปไหนกันหมดนะ ทำตัวเหมือนโซนนี้เป็นโซนร้างอย่างงั้นแหละ
“ขอโทษค่ะ! ฉันรูดซิปหลังไม่ได้ ใครอยู่ข้างนอกบ้างค่ะ! ช่วยฉันรูดซิปหลังให้หน่อย” ในที่สุดฉันก็พูดจุดประสงค์ของตัวเองออกไป ฉันยืนนิ่งด้วยความหัวเสีย ให้ตาย!!! วันนี้ฉันคงไม่ได้รูดบัตรซะแล้วละ!
พรึบ~
ขณะนั้นเองผ้าม่านที่กั้นห้องลองชุดก็ถูกเปิดออกมา ใครสักคนที่ฉันไม่รู้จัก กระซิบเบาๆ ที่ข้างหู (อันที่จริงห้องมันแคบนะเลยต้องอยู่ใกล้ในระยะเผาขนเช่นนี้) น้ำเสียงบ่งบอกได้ว่าเขาเป็นผู้ชาย ไอ้ครั่นจะหันไปหาเขาก็หันไม่ได้ซะด้วยเพราะสถานการณ์ (และสถานที่) ไม่เอื่อยอำนวย
“ให้ผมช่วยนะครับ”
“คะ...คะ ขอบคุณ” ฉันเกล่าขอบคุณเขาเบาๆ
มือหนานุ่มของเขาสัมผัสที่หลังของฉันเบาๆ แต่แอบร้อนแรง... เขาเลื่อนซิปขึ้นช้าๆ หัวใจของฉันเต้นไม่เป็นส่ำ อะไรกัน... ฉันเป็นบ้าอะไรอยู่ ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีเขาเลื่อน (ซิป) เสร็จ ฉันค่อยๆ หันไปหาเขาช้าๆ... และทันทีที่เห็นหน้าเขาทำให้ฉันแทบลมจับ
พระเจ้า!!!
“อะ...อีสเตอร์!”
“พระเจ้า...เมเจลล์...” เขาครางชื่อของฉันออกมาเบาๆ เราสองคนต่างตกอยู่ในมนตร์สะกดที่มิอาจลืมเลือน ฉันได้แต่นิ่งงัน เบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ และเขาก็เช่นกัน...คงตกใจไม่ต่างจากฉัน “เป็นไปไม่ได้ ผมต้องฝันไปแน่ๆ ได้โปรดบอกผมเถอะ คุณไม่ใช่ ‘เมเจลล์ คอนเทย์เลอร์’ ใช่ไหม?”
“...”
“ได้โปรด...”
“อะ...อีสเตอร์...” ฉันหลุบตาต่ำเมื่อเขาใช้นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลสบเข้ากับดวงตาของฉัน เขายังคงเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง อีสเตอร์ยังคงเป็นอีสเตอร์ใบหน้าที่หล่อได้รูป ทรงผมถูกเซตเป็นอย่างดีสีดำเหลือบแดงที่ฉันแสนจะคุ้นเคย... นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลที่ตัดกับสีผมและใบหน้าขาวๆ มันทำให้ ‘เมื่อก่อน’ ฉันหลงใหลเขาเสียนี่กะไร
“ฮ่าๆๆ...นี่ผมคงจำคุณผิดสินะ สีตาคุณไม่เหมือนเมเจลล์เลยสักนิด เอ่อ...หมายถึงเพื่อนของผมนะ...และคุณยังดูฮอตกว่าเพื่อนของผมอีก แต่ทำไม...คุณถึงรู้ชื่อของผม”
“...ใครจะไม่รู้จักคุณคะ ‘อีสเตอร์ วูฟ’ :)” ฉันฉีกยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ทำเหมือนกับว่าเราไม่เคยรู้จักกัน ใช่สินะ...เขาจะไปรู้จักฉันได้ยังไงในเมื่อฉันเปลี่ยนตัวเองตั้งขนาดนี้แล้ว
“ฮ่าๆๆ ผมไม่ใช่คนดังสักหน่อย ว่าแต่คุณชื่ออะไรละครับคนสวย :p”
“อะ! ขอโทษที่ลืมแนะนำตัวคะ ฉัน ‘เมลลี้ คอนเทย์เลอร์’ ยินดีที่ได้รู้จัก”
เมลลี้เหรอ หึ! ฉันพึ่ง Make เองสดๆ เมื่อกี้นี่เลย^_^
“ว้าว~ คุณชื่อสวยดีนะ เมลลี้ J แต่นามสกุลทำไมถึงเหมือน...”
“นามสกุลแบบนี้มีคนใช้กันเกลื่อนจะตายไป แต่ก็ต้องขอบคุณที่ชมคะคุณวูฟ” ฉันแย้มยิ้มบางๆ แกล้งทำเป็นเรียกแทนเขาว่า ‘คุณวูฟ’ เพื่อเน้นว่าเราไม่ได้รู้จักกันอย่างใกล้ชิด
“อะไรกันที่รัก... อย่าเรียกผมแบบนั้นสิ เรียกผมว่าอีสเตอร์เฉยๆ”
“มันคงไม่ดีถ้าหากมีนักข่าวมาเห็นเข้าและได้ยินฉันเรียกคุณแบบสนิทสนม ก็คุณเป็นถึงนักฟุตบอลอนาคตไกลนี่นา :)”
“โธ่~ ไม่เอาน่า ช่างนักข่าวพวกนั้นเถอะ เรียกผมว่าอีสเตอร์เถอะ” อุ๊ย! ทีงี้ทำมาจริงจัง
“ก็ได้ๆ คะ อีสเตอร์~”
“ดีมาก เพื่อเป็นการฉลองที่เราพึ่งพบกัน ‘ด้วยดี’ ผมอยากเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อ...”
“ที่ไหนคะ” ฉันถามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ให้ตายเถอะปาก! –*– ชอบพูดก่อนสมองสั่งนักนะ!
“หึ~ ร้าน etc. Alexsan Restaurant ผมจะพาคุณไปเองครับ J”
รถแลมเบอร์กินีสีดำคลับพาฉันและอีสเตอร์มายังร้าน etc. Alexsan Restaurant แอบกระซิบก็ได้ว่าร้านนี้ระดับ 6 ดาว แน่นอนอยู่แล้วว่าระดับนี้ร้านต้องหรูและอาหารต้องอร่อยสุดๆ!
บรรยากาศภายในร้านดูเงียบสงบ มีผู้คนไม่ถึงสิบด้วยซ้ำ คนส่วนมากที่มาที่นี่จะกระเป๋าตังค์หนัก เพราะอาหารที่นี่จานละเหยียบพัน อีสเตอร์พาฉันมานั่งที่โต๊ะสุดหรูของชั้น 9 ระดับ VIP รอบด้านของฉันจะเห็นแต่ผู้คนเดินอยู่ข้างล่างตัวนิดเดียว ส่วนข้างๆ ตัวฉันมีต้นไม้เล็กๆ น่ารักๆ ปลูกรอบตัวทำให้ได้บรรยากาศที่สดชื่นสุดๆ!
“แน่ใจนะคะว่ามาที่นี่...” ฉันถามย้ำอีสเตอร์อีกครั้งด้วยใบหน้าจริงจัง
“แน่ใจสิครับ” เขาพูดก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ “คุณเป็นคนพิเศษสำหรับผม ยังไงผมต้องบริการคุณให้ถึงใจสิครับ J”
“แต่ที่นี่มัน...แพงนะคะ” ฉันตอบแบบอ้อมแอ้ม
“ไม่เป็นไรหรอกน่าเมลลี้ คุณก็รู้ว่าผมสามารถจ่ายมันได้...เพื่อคุณ”
“...” ฉันเงียบขึ้น ให้ตายสิ! ฉันทำตัวในที่หรูๆ แบบนี้ไม่ถูกเลย เมื่อก่อนฉันไม่เคยมาหรอกนะที่แบบนี้ ฉันมักจะกินมาม่าหรือไม่ก็ข้าวราดแกงข้างทาง พอคิดถึงเมื่อก่อนแล้วทำให้ฉันเจ็บแค้นใจและแสนจะทุกข์ทรมาน...
“เมลลี้! เมลลี้!!”
“ฮะ หืม! O_O”
“คุณเป็นอะไรของคุณนะ ผมเรียกตั้งหลายครั้งแล้วนะ”
“ขอโทษคะ อ๊ะ! ฉันมีเรื่องถามคุณนะคะ คือตอนที่คุณไปช่วยฉันรูดซิปคุณ...เข้าโซนนั้นได้ยังไงเหรอคะ มันเป็นโซนเฉพาะผู้หญิง ผู้ชายห้ามเข้าไม่ใช่เหรอ”
“ฮ่าๆ คุณคงไม่รู้สินะที่รัก ว่าผมนะ...เป็นเจ้าของห้างนั้นเอง J” ฉันมองรอยยิ้มของเขาแบบอึ้งๆ เพราะแบบนั้นสินะที่ทำให้เขาเข้าโซนผู้หญิงได้ง่ายๆ
“ฉันว่าเราควรเปลี่ยนนร้าน...”
“ไม่ๆๆ เมลลี้ที่รัก ผมว่าที่นี้เพอร์เฟ็กต์สุดๆ แล้ว”
“แต่...”
“อาหารมาแล้ว เรากินกันเถอะ... :P”
คืนนั้น...
หญิงสาวเจ้าของเดรสรัดรูปสีม่วงเข้มก้าวเท้าออกมาจากเมอร์ซิเดสเบนซ์สีแดงเพลิงด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายแบบปิดไม่มิด เธอเดินเข้าไปในคลับชื่อดังย่านใจกลางเมืองโดยไม่ยื่นบัตรผ่านให้การ์ดที่ยืนคุมอยู่หน้าคลับสองคน ทันทีที่เธอผลักประตูเปิดออก เสียงเพลงที่ดังอึกกระทึกครึกโครมก็ดังผ่านตัวเธอไป เลือดของหญิงสาวสูบฉีดขึ้นทันทีที่เห็นแอลกอฮอล์เสียงเพลง...และความวุ่นวายของผู้คน
ใบหน้าสวยใสผุดยิ้มขึ้นทันทีที่เห็นเจ้าของเรือนผมสีดำเหลือบแดงแสนคุ้นเคย เธอสาวเท้าไปหาเขาทันทีก่อนจะสั่งแอลกอฮอล์มาดับร้อนสักชอต
“Tequila One Shot, Please J”
“Yes, Madam”
“ว่ายังไง เจอกับ ‘เพื่อนเก่า’ มาเป็นยังไงบ้าง” เธอลากนัยน์ตาสีดำสนิทมาสบเข้ากับนัยน์ตาของชายหนุ่มเมื่อสั่งเตกิล่าจากบาร์เท็นเดอร์เสร็จ
“ก็ดี... ว่าแต่ ‘เธอคนนั้น’ เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ แทบจำไม่ได้”
“หึ! ฉันบอกแล้วไง เธอฮอตขึ้นสินะ”
“มันก็เหมือนกับคุณนั่นแหละ คุณรู้ตัวไหม...ตัวคุณนะฮอตเป็นบ้า”
“หึ~ ฉันรู้ดีน่า” เธอเหยียดยิ้มกว้างก่อนจะพูดต่อเพื่อกลับเข้าประเด็นของเธอ “ว่าแต่...เป็นไปตามแผนไหม ‘เธอคนนั้น’ ดูมีท่าที...เขินอาย ใจเต้น หรือมีใจให้กับนายเหมือน ‘เมื่อก่อน’ ไหม”
“ก็คงงั้น...” เขายักไหล่ก่อนจะกระดกมาร์ตินี่ในมือของเขารวดเดียว “คุณคิดจะทำอะไรกันแน่...”
“ชู~ รอดูไปก่อนน่า... พวกที่ทำให้ฉันเจ็บ พวกมันต้องเจ็บปวดกว่าฉันหลายเท่า!” เธอใช้นิ้วเรียวยาวสุดร้อนแรงแตะลงที่ริมฝีปากของชายหนุ่มเบาหวิว
“ผมละสงสัยจริงๆ ว่า ‘เธอคนนั้น’ ไปทำอะไรให้คุณนักหนา เมื่อก่อนผมก็เห็นพวกคุณดีต่อกันไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมคุณถึงเคียดแค้น ‘เธอคนนั้น’ ได้ถึงขนาดนี้ละ”
“หึ! ฉันจะบอกอะไรให้นะ... นังนั่นนะมันสารเลว...ชอบตีสองหน้า ต่อหน้าฉันทำเป็นสงสารฉันอย่างงั้นอย่างงี้ แต่ลับหลังนายรู้ไหม! หล่อนแทบจะแช่งฉันให้ตายๆ ไปจากโลกนี้ซะ! แกล้งฉันต่างๆ นาๆ ทีนี้แหละ ‘เวรกรรม’ มันจะตามทันพวกที่ทำเลวไว้!”
“คุณรู้ได้ยังไง...”
“หึ! ฉันรู้ก็แล้วกันน่า! นายไม่ต้องมายุ่งกับเรื่องอดีตนักเลย! ทำตามที่ฉันบอกซะแล้วนายจะได้ในสิ่งที่นายต้องการ”
เธอบอกก่อนจะกระดกเตกิล่าลงคออย่างรวดเร็ว ความขมของแอลกอฮอล์บาดคอเธออย่างจัง แต่เธอก็ยังดื่ม...ดื่มเพื่อให้ได้รู้สึกตัวว่าตัวเองยังคงมีความรู้สึก...ยังมีชีวิต...และจิตใจ
แต่...ชีวิตและจิตใจของเธอต่างย้อมไปด้วยเลือดสีแดงฉานที่ไม่อาจแปรผันเป็นสีขาวบริสุทธิ์... เพราะพวกสารเลวพวกนั้น!
เช้าวันต่อมา...
วันนี้เป็นวันเดินทาง...
แฮรดริกมารับฉันในเวลาช่วงเช้าก่อนจะช่วยแบกสัมภาระของฉันไปที่รถตู้ของกลุ่ม A ตอนนี้เราอยู่ที่หน้าบ้านของแฮรดริกและฉันควรร่าเริงใช่...ฉันควรจะดีใจและร่าเริงเบิกบานที่ได้ไปเที่ยวแต่ว่า...
“Hi :) ไม่นึกว่าจะเจอเธอที่นี่” น้ำเสียงร่าเริงของอีสเตอร์ดังก้องไปมาในหัว ฉันหันไปสบตาเขาช้าๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนี พระเจ้า! ฉันจะทำยังไงดีเรื่องชื่อปลอมที่ฉันบอกเขาไปเมื่อวาน! แล้วทำไมเขาถึงมาที่นี่ได้!? ฉันงงแล้วนะเนี้ย
“เฮ่~ อย่าหันหน้าหนีสิเมลลี้” อีสเตอร์คว้าแขนฉันไว้ ฉันพยายามสะบัดออกเบาๆ (เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท) แต่ทว่ามือเขายิ่งกว่าปลาหมึกซะอีก –*–!
“ปล่อยฉัน...อีสเตอร์” ฉันบอกเสียงเข้ม
“อะไรกัน เมื่อวานเรายังดีๆ กันเลยนะ ทำไมมาวันนี้คุณถึง...”
“อย่าพูดเรื่องเมื่อวาน!” ฉันเผลอตะวาดเขาเสียงเข้ม ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าพูดเสียงดังเกินไปหน่อย (ไม่หน่อยมั้ง) จึงหันซ้ายหันขวาว่าทุกคนได้ยินกันรึไม่...ผลปรากฏว่า
แฮรดริกยังคงขะมักเขม้นในการขนสัมภาระของฉันขึ้นรถ ฉันว่าฉันเอากระเป๋ามาไม่กี่ใบนะ...แค่ สองใบเท่านั้น (_ _)... โอเค! ฉันเอามาสี่ใบ –_–;
มาทางอีกฝั่ง...แอนโบนีกำลังโทรจิกใครสักคน (ฉันว่าคงเป็นเพื่อนหล่อนนั่นแหละ!) ให้รีบมาด้วยความหัวเสีย ช่างหล่อนเถอะ!
ใครสักคนที่ฉันไม่รู้จัก (ก็เพื่อนของแอนนั่นแหละ!) สองคนกำลังขะมักเขม้นในการถกเถียง (?) กันเรื่องเหล้า...ฮะ!? เหล้าเนี่ยนะ เชื่อเขาเลย
เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครได้ยินที่ฉันพูดฉันจึงรีบลากอีสเตอร์ไปยังสวนข้างบ้านห่างจากจุดที่ทุกคนอยู่พอประมาณ (พวกนั้นอยู่หน้าบ้านนะ) ก่อนจะเริ่มเปิดประเด็นพูด
“คุณมาที่นี่ได้ยังไงกันคะ...อีสเตอร์”
“อะไรกันเมลลี้ ผมเป็นเพื่อนของแอนนะ”
“คุณ...เป็นเพื่อนกับแอนโบนี” ฉันทวนคำเขาเบาๆ
“ใช่...ผมควรจะถามคุณมากกว่า ทำไมคุณถึงมาทริปนี้ได้”
“ฉันเป็น...ก็เป็นเพื่อนแอนโบนีนะ”
“เพื่อนเหรอ~”
“อื้ม!...” ฉันยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ แต่พอฉันสบายใจได้นิดหน่อยความทุกข์ก็เข้ามาทับตัวฉันทันที!
“เมเจลล์! คุณอยู่ที่ไหนนะ!!” เสียงของแฮรดริกเรียกฉันดังจนฉันตกใจ
“นั่น...เขาเรียกคุณรึเปล่า” อีสเตอร์ชี้ไปที่แฮรดริกช้าๆ ก่อนจะหันมาสบตาของฉัน เขาจะต้องรู้แน่ว่าฉันไม่ได้ชื่อเมลลี้!
“อะ...อื้ม!”
“คุณชื่อเมเจลล์อย่างงั้นเหรอ แล้วชื่อเมลลี้ละ”
คิดสิ! คิดสิๆๆ ฉันจะทำยังไงดีเพื่อให้รอดพ้นสถานการณ์เฮงซวยแบบนี้!!
“เมเจลล์!!” เสียงของแฮรดริกยังคงร้องเรียงฉันไม่ขาดสาย
“ฉัน...” คิดสิ! อะ นึกออกแล้ว “ชื่อเมลลี้นะ...ฉันให้เรียกเฉพาะคนที่ถูกใจเท่านั้น” ฉันขยิบตาให้เขาก่อนจะเดินจากไป แต่ก็มิวายหันหลังมาพูดกับเขาต่อ “แต่อย่าเรียกชื่อนี้ให้ใครได้ยินละ...เรียกฉันว่า ‘เมเจลล์’ ก็แล้วกันเวลาที่อยู่กับคนอื่น~”
“...”
“ฉันต้องไปแล้ว แล้วเจอกันบนรถนะคะอีสเตอร์~”
(To be Continued)
ความคิดเห็น