ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lie or Evil หลอกหรือร้าย... ยังไงก็รัก

    ลำดับตอนที่ #3 : :: 2 Tiresome day of Janeva 100% ::

    • อัปเดตล่าสุด 5 ธ.ค. 55



    2

    วันที่น่าเบื่อของเจนีวา
    Tiresome day of Janeva

     

    @ Dazzle High School,   History Class

    14.56 P.M.

    วันพรุ่งนี้จะเป็นวันฮัลโลวีนกันแล้ว J   ฉันได้รับบัตรเชิญไปงานแฟนซีของโรงเรียนในระดับ VIP ซึ่งมีกันทั้งหมดสิบใบเท่านั้น!   และวันนี้ฉันต้องเตรียมตัวไปซื้อชุดใหม่ รองเท้าใหม่ กระเป๋าใหม่ บลาๆๆ ใหม่ทุกอย่างเพราะฉันพึ่งได้ทราบข่าวเกี่ยวกับธีมของงานที่จะจัดขึ้นว่าปีนี้ธีมของวันฮีลโลวีนเป็น...แถ่น แถน แถ้นน~ ‘Fairy Tale’ นั่นเอ๊งงง~ *O*   ซึ่งคอนเซ็นป์นี้ฉันชอบมากๆ ฝันมาตั้งนานแล้วว่าอยากจะใส่ชุดฟูฟองเหมือนกับเจ้าหญิงซักที ครั่นจะใส่เดินเข้าออกใน Dazzle High ก็กลัวคนอื่นว่า มันบ้าไปแล้ว =[]=!’ เพราะอากาศที่ไทยนะร้อนสุดๆ ถ้าหากฉันใส่ชุดเจ้าหญิงในนิทานลิ้นปี่ฉันคงพังไม่มีที่ชิ้นดี TOT

    แต่ครั้งนี้ทุกท่านไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง ฉันบอกแล้วว่าเมืองสทริคซ์ ซิตี้แห่งนี้ไฮโซ โอเว่อร์ แอ๊คติ้งมากๆ -O- งานจะเปิดตอนหนึ่งทุ่มตรง แต่เวลานั้นไม่สำคัญเท่ากับการที่ผู้ได้รับบัตร VIP ก้าวเท้าออกมาจากรถลีมูซีนสีขาวที่ทาง Dazzle High จัดหามาให้และจะจอดรอรับทุกๆ คน (ที่ได้รับบัตร VIP ซึ่งมีเพียง 10 คน   ตัดพวก Seven Star 7 คนและฉันอีกหนึ่ง ทีนี้ก็จะเหลือผู้โชคดีอีก 2 ท่านที่จะได้นั่งรถคันเดียวกับ Seven Star เริดซะไม่มี!! (ประชด) )

    มีสเตอร์มัวดาร์สกำลังพล่ามเกี่ยวกับประวัติศาสตร์โรมันที่ฉันเคยดูผ่านๆ จากหนังฟอร์มยักษ์อาทิเช่น Percy Jackson The Lightning Thief ที่เคยเป็นหนังสือมาก่อน นั่นก็เกี่ยวกับเทพโพไซดอน*   และ Wrath of the Titans อันนี้ก็เจ๋งใช้ได้ *O*   มีสเตอร์มัวดาร์สไม่สนใจเลยว่านักเรียนจะสนใจในบทเรียน (มั่วๆ) ที่ตัวเองสอนรึเปล่า เขายังคงพล่ามต่อไป สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่หนังสือเล่มโต ประมาณว่าใหญ่กว่าหนังสือ Harry Porter ทั้ง 7 ภาครวมกันซะอีก =[]=

    ฉันละสายตาที่มองมีสเตอร์มัวดาร์สแบบเพลียๆ กับการกระทำที่ไม่เหมือนอาจารย์ของเขามาให้ความสนใจกับคาโอริที่ทำหน้าตาตื่นวิ่งมาทางฉัน (ดีนะที่ตอนนี้เป็นคลาสของมีสเตอร์มัวดาร์ส -_-;;)

    “เจน...ฉัน...ฉัน”

    “มีอะไรคาโอริ วิ่งหน้าตาตื่นมาทำไมกัน...”

    “มีนักเรียนเรา...กำลังจะโดดตึกฆ่าตัวตาย”

    “อืม...แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน”   ฉันมองคาโอริด้วยใบหน้านิ่งๆ   ก็มันจริงไม่ใช่เหรอ มีนักเรียนกำลังกระโดดตึกฆ่าตัวตายแล้วมันเกี่ยวกับฉันตรงไหน? ไอ้ฉันก็ไม่ใช่แม่ชีที่จะต้องไปช่วยเหลือ หรือเทศน์ให้กับเขาสักหน่อย -_-;

    มันเกี่ยวกับเธอโดยตรงเลยเจน   คนที่ฆ่าตัวตายคือ อัสบอน   กิลเลียน อัสบอน

    “กิลเลียน...กิลเลียนแฟนเก่าที่ฉันพึ่งเขี่ยทิ้งไปได้ไม่กี่อาทิตย์นะเหรอคาโอริ   ตลกล่ะ ทำไมเขาต้องทำแบบนั้นด้วยมิทราบ เพื่อให้ฉันเห็นใจแล้วให้ฉันกลับไปรักเขานะเหรอ มันงี่เง่าสิ้นดี ถ้าเขาคิดจะทำเขาคิดไปนานแล้ว นี้มันผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วนะ”

    “ไม่รู้ล่ะเจน!   ตอนนี้ครูทุกคนกำลังวิ่งวุ่นไปทั่วตึก ไม่มีอันทำงาน   เธอก็รู้ว่าตระกูลอัสบอนให้การสนับสนุนโรงเรียนนี้มากแค่ไหน ถ้าเกิดเขาตาย และตายเพราะเธอด้วย พ่อเธอจะต้องฆ่าเธอแน่ที่ทำให้ระบบของโรงเรียนสั่นคลอนเพราะขาดทุนทรัพย์   และมันอาจะกระทบถึงงานฮัลโลวีนปีนี้ก็เป็นได้ ปีนี้เราอาจไม่ได้ฉลอง...” แต่ฉันเห็นมีสเตอร์มัวดาร์สไม่วิ่งวุ่นเหมือนกับครูคนอื่นนะ...เอ่อ...ยกเว้นเอาไว้คนหนึ่งละกัน -__-;;

    “หยุดเป่าหูฉันได้แล้วคาโอริ ฉันยอมก็ได้   แต่ไม่ใช่เพราะหมอนั่นหรอกนะ แต่เพราะงานฮัลโลวีนต่างหาก!! -O-

    รีบไปเร็ว!”

     

    วิ่งได้ไม่นานคาโอริก็พาฉันมายังดาดฟ้าของตึก B ที่สูงที่สุดในบรรดาสามตึกเรียนของโรงเรียนแห่งนี้ (ไม่นับรวมตึกเก่าที่อยู่ข้างหลังเพราะตึกนั่นร่างไปแล้ว ทุกคนคงจำได้ ตึกนั้นละที่เป็นทางลัด :P) คุณครูหลายคนอยู่ข้างบนดาดฟ้าแห่งนี้พยายามเกลี้ยกล่อมให้กิลเลียนที่ยืนขาสั่นพะงาบๆ (?) อยู่ตรงส่วนที่ยื่นยาวไปนิดหน่อยของตึกให้ถอยกลับมา   พ่อกับแม่ของกิลเลียนถูกพาตัวขึ้นมาหลังฉันได้ไม่นาน   ฉันมองพ่อของกิลเลียนที่พยายามขอร้องให้เขาถอยหลังกลับมาทั้งน้ำตาด้วยใบหน้าเซ็งๆ   ให้ตายเถอะ!!

    “เจนทำอะไรสักอย่างสิ ลมมันแรงมากนะ!

    ฉันทำตามที่คาโอริต้องการอย่างช่วยไม่ได้ ก็ฉันไม่อยากพลาดงานฮัลโลวีนปีนี้นี่นา -*-   สายลมที่พัดอย่างรุนแรงพัดกระโปรงผ้าชิฟฟอนสีฟ้ามีลูกไม้ระบายอ่อนๆ (นี้มันเป็นเวลาบรรยายเสื้อผ้าหน้าผมของเธอรึไง -*-) ฉันพยายามจับกระโปรงไว้เพื่อไม่ให้มันกระพือขึ้นเห็นกางเกงในสีขาวลายลูกไม้น่ารัก >_< ฉันค่อยๆ เดินไปตรงหน้าหากิลเลียนแล้วตะโกนเรียกหาเขา

    “กิลเลียน!   กิลเลียน อัสบอน!” ให้ตายเถอะ เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย! -*-

    เมื่อเห็นว่าพูดไปแล้วเขาไม่ได้ยิน ฉันเลยตัดสินใจเดินไปใกล้เขาอีกนิดเผื่อเขาจะได้ยิน แต่ทว่า...

    วูบ~

    สายลมที่พัดวูบมาอย่างรุนแรงทำให้ร่างของฉันเซทลาไปตรงหน้าบวกกับพื้นที่ลื่นอยู่แล้วยิ่งขับให้ร่างของฉันพุ่งเร็วยิ่งขึ้น O_O!!!

    กรี๊ดดดด

    เสียงกรีดร้องของฉันส่งผลให้กิลเลียนที่ยืนหน้าโง่หันมา เขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจที่เห็นร่างของฉันพุ่งตรงไปหาเขา   เพียงเสี้ยววินาทีฉันได้แต่หลับตาปี๋และภาวนาว่าฉันจะรอดปลอดภัย หน้าตาไม่เสียโฉมแม้แต่นิด! กรี๊ด T^T

    หมับ!

    ภายในเสี้ยววินาทีโดยที่ฉันไม่รู้ตัว ร่างฉันก็ถูกคว้าโดยชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ (ใช้การเดาเอาล้วนๆ +_+) มือหนาของเขากอดกระชับตัวฉันแน่นขึ้น   ราวกับโลกหยุดหมุน หูของฉันอื้ออึงไปหมด ฉันได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ แบบผู้ชายลอยมาแตะจมูก   เมื่อตั้งสติได้ฉันก็หันหน้าไปมองร่างสูงที่สวมกอดฉันจากด้านหลัง...

    “คุณ!

    คราวหน้าคราวหลังคุณควรคิดก่อนที่จะช่วยคนอีกนะคุณคาร์แล็ค Jรอยยิ้มที่หยิ่งยโสถูกหยิบยื่นมาให้ฉันอีกครั้งโดยบุรุษคนเดิม... อเล็กซานเดอร์ จาคอฟชายหนุ่มผู้ไม่แลเห็นความสวยงามบนตัวฉัน! ชายหนุ่มผู้ไม่เคยสนใจฉันและปฏิบัติตัวกับฉันราวอากาศธาตุ!! :(   มันน่าเจ็บใจนักที่คนที่ช่วยของฉันคือเขา น่าจะเป็นเจสันซะมากกว่า

    “คุณก็ควรปล่อยมือที่หยาบกระด่างของคุณออกจากเอวของฉันได้แล้ว คุณจาคอฟ!   ฉันเหยียดยิ้มใส่ชายร่างสูงตรงหน้า

    “โอ้~ ผมขอโทษด้วยแล้วกันคุณคาร์แล็ค   แต่ดูเหมือนว่าคุณจะติดใจนะ J

    กร็อดดด~!!! L

    ให้ตายสิ! ฉันไม่เคยเป็นผู้ชายคนไหนหลงตัวเองได้อย่าหน้าด้านๆ เหมือนเขามาก่อนเลย -*-!!!

    หยุดเรียกฉันว่าคุณคาร์แล็คสักที!! ฉันจะอ้วก

    ฉันหมดความอดทนกับนายแล้วนะ!! เรียกอยู่ได้ คาร์แล็คๆนะ!!!

    ขอโทษอีกครั้งแล้วกันเจน

    “เรียกฉันว่าเจนีวาเหมือนคนที่ ไม่สนิทอย่างคนอื่นดีกว่า   เพราะเราไม่ได้สนิทกันถึงขั้นเรียกฉันด้วยคำพยางค์เดียว!

    คุณนี้ท่าจะบ้านะ -*-”

    นายหมายความว่ายังไงนะ!!”

    เจน...เธอทำกับฉันได้ยังไง   เสียงตะโกนปนสะอื้นของกิลเลียนทำให้ฉันละออกมาจากสงครามเย็น (?) ระหว่างฉันกับอเล็กซานเดอร์!! (รู้สึกเมื่อยปากชะมัดเวลาเรียกหมอนี้ -*-;)

    กิล...ฉันกำลังอ่าปากเรียกชื่อของกิลเลียนถูกหยุดเอาไว้โดยเจ้าตัว

    “คุณมาหาผมเพราะต้องการพาผู้ชายมาเยาะเย้ยผมอย่างงั้นเหรอ!! คุณอยากให้ผมตายมากนักใช่ไหม!!!

    กิลเลียนเดินเข้าใกล้ประตูนรก (ที่เปิดประตูรอเขาไว้เรียบร้อยแล้ว T^T) หลังจากตะโกนด่าฉัน...รึเปล่า?   ฉันยังคงไม่เข้าใจกับสิ่งที่เขากำลังพูด #_#

    กรี๊ดดด อย่านะกิล! ฮือๆ   รีบๆ ทำอะไรสักอย่างสิคุณคาร์แล็ค!!”

    คุณแม่ของกิลเลียนตะโกนเร่งฉันทันทีที่เห็นกิลเลียนขยับไปข้างหน้า (ที่เป็นเพียงอากาศ T_T) ด้วยอาการใจจะขาดรอมร่อ... ให้ตาย!!! เขาเป็นผู้ชายที่น่ารำคาญเป็นบ้า สร้างภาระให้ฉันก่อนเลิกอีกนะ!!

    หยุดนะกิลเลียน นายกำลังเข้าใจผิด   ฉันกับจาคอฟไม่ได้เป็นอะไรกัน!!”   อเล็กหรี่ตามองฉันแบบไม่ชอบใจ คงเป็นเรื่องที่ฉันเรียกเขาด้วยนามสกุลละมั้ง -O-;;   ก็ชื่อของเขายาวนี่นา และฉันก็ไม่อยากเรียกชื่อเขาแบบสนิทสนมด้วย

    “โกหก! เมื่อกี่ฉันยังเห็นพวกเธอหัวร่อต่อกระซิกกันอยู่เลย!

    เอาตาที่ไหนมาดู =_=^   เห็นฉันเล่นสงครามเย็นกับอเล็กเป็นหัวร่อต่อกระซิก   เจริญ! -__-

    มันไม่เป็นความจริงเลยกิลเลียน! พวกเราพึ่งรู้จักกันจะไปหัวร่อต่อกระซิกกันได้ยังไง   พวกเราแค่...เอ่อ...แค่ปรึกษาเรื่องที่จะให้นายกลับขึ้นมาก็แค่นั้นเองนะกิลเลียน   นายคงไม่อยากทิ้งอนาคตของนายใช่ไหม

    ฉันพยายามใช้ไม้อ่อนเข้าสู้...

    “ถ้าชีวิตฉันไม่มีเธอ ฉันก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่!!!

    มาจุดนี้ฉันจุกเลย...=_=   อะไรจะหลงฉันขนาดนั้น (ชูคอเล็กน้อย) นี้ฉันเผลอแอบเอายาเสน่ห์ไปป้ายเขาหรือเปล่าเนี้ย -_-^

    ฉันเชื่อว่านายจะหาคนที่ดีกว่าฉันได้กิลเลียน   ใช่แล้ว! งานฮัลโลวีนปีนี้ไง ฉันได้ยินจากพ่อของฉันว่าจะมีพวกดาราหรือแม้กระทั่งเซเลบมากหน้าหลายตามาที่งานเราด้วยละ!! O_O   นายจะต้องหาผู้หญิงที่สวยที่สุดและเหมาะสมกับนายที่สุดได้แน่ๆ เลย   อย่าทำแบบนี้เลยนะกิลเลียน...มันไม่คุ้ม

    “แต่ฉันรักเธอ...ถ้าชีวิตฉัน”

    “หยุดพูดเรื่องรักงี่เง่าที่นายกำลังพล่ามอยู่เถอะกิลเลียน!! ฉันชักหมดความอดทนกับนายเต็มที   นายพูดว่าไงนะ เหอะ! รักฉันอย่างนั้นเหรอ นายแค่เห็นว่าฉันกำลังฮอตในช่วงนี้เลยอยากเป็นเจ้าของฉันมากกว่า อ๊ะ! หรือว่าจะเป็นเพราะนายไปพนันกับเกรนเดลด้วยรถแลมเบอร์กินีที่พึ่งถอยใหม่ว่าถ้านายได้ฟันฉันนายก็ได้รถไป แต่ถ้าไม่ได้ฟันนายก็เสียรถของนาย นายแค่ไม่อยากเสียของมากกว่า   นึกว่าฉันไม่รู้เรื่องของนายนะ!

    จะ...เจน! O_O;”

    ทีนี้ก็ถอยมาได้แล้วกิลเลียน อย่าให้ฉันต้องหมดความอดทน   เผลอๆ ถ้านายยังคงยืนขาสั่นอยู่แบบนั่นฉันอาจจะให้พ่อของฉันไล่นายออก หึ! ทีนี้นายก็จะได้เสียรถกับเสียสถาบันที่ดีที่สุดรู้ไว้ซะด้วย!!”

    “O_O!!! เจน

    “อย่าให้ความอดทนฉันหมดลงนะกิลเลียน...”   ฉันบอกเสียงเย็นเยียบ ก่อนจะใช้นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลเรียวคมมองคนตรงหน้าที่ทำหน้าตาหวาดกลัวในสิ่งที่ฉันกำลังเป็นอยู่ตอนนี้...นางมารร้ายยังไงล่ะ!!   ฉันจะนับหนึ่งถึงสิบ...

    “เจน ได้โปรด”

    “หนึ่ง...สอง...สาม...” ฉันนับอย่างใจเย็น... ในขณะที่ฉันกำลังนับถึงห้า เสียงกรีดร้องจาก iPhone รุ่นใหม่ล่าสุดของฉันก็ดังขึ้น   ฉันหรี่ตามองกิลเลียนด้วยความหงุดหงิด เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก   ฉันรับโทรศัพท์จากบุคคลที่ไม่รู้จักก่อนจะกระแทกเสียงใส่ด้วยความหงุดหงิด

    “ฮัลโหล!!

    [เอ่อ...นั่นคุณคาร์แล็ค   เจนีวา คาร์แล็ค   ใช่รึเปล่าคะ -_-;;]

    ใช่ฉันตอบแบบเรียบๆ พยายามคุมน้ำเสียงไม่ให้ตะคอกออกไป

    [ชุดคอลแล็คชั่นใหม่หลายแบรนด์พึ่งเดินทางมาถึงร้าน Adam Shopping Canter ไม่ทราบว่าคุณคาร์แล็คสนใจรึเปล่าคะ?]

    อ่า...คุณคงเป็นมาเรียสินะคะ   โอเคคะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้

    ติ๊ด!

    หลังจากที่รับรู้เรื่องราวที่ทำให้ฉันดีใจ (นิดหน่อย) ฉันก็หรี่ตามองกิลเลียนแบบคาดโทษ

    “เอาละ ฉันไม่มีเวลาแล้วกิลเลียน   นายมีสองทางให้เลือก” ฉันหยุดพูดเพื่อนดูปฏิกิริยาของเขาแล้วเริ่มพูดต่อ “ข้อแรกถอยกลับมาดีๆ แล้วชีวิตนายจะมีความสุข   หรือข้อสอง...กระโดดลงไปตายซะ!!

    เจน!!! O_O”

    เร็ว...

    ฉันสั่งกิลเลียนด้วยน้ำเสียงเชียบขาด   แปลกแฮะ...ฉันไม่ได้ยินเสียงของอเล็กตั้งแต่ที่ฉันเปลี่ยนโหมดแล้ว หมอนี้คงไปช็อกอยู่แน่ๆ เหอะๆ

    “...”

    “งั้นพอกันที! กระโดดลงไปเลยสิกิลเลียน   ฉันรู้ว่านายไม่กล้า หึ!

    หนูคาร์แล็ค!! O_O   ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยแม่ของกิลเลียนกรีดร้อง   ฉันเบื่อคนประเภทนี้จริงๆ

    “โอเคเจน!! เธอชนะ   ฉันยอมขึ้นก็ได้...แต่ว่า”

    “ไม่มีแต่!

    โธ่~ ฉันขอข้อเดียว...ถ้าฉันขึ้นไป เธอยังจะเป็นแฟนกับฉันได้ไหม

    “เรื่องของเรามันจบลงแล้วกิลเลียน   ฉันให้นายได้แค่...” ฉันเงียบลงก่อนจะค่อยๆ กรีดยิ้มชั่วร้ายในแบบที่ฉันไม่เคยเป็น “คนไม่เคยรู้จักกัน!

    ใช่แล้ว...ฉันคงให้คำว่า เพื่อนกับนายไม่ได้หรอกกิลเลียน นายโง่และไม่เหมาะสมกับฉัน   จงยอมรับตัวตนของนายซะเถอะ!!

     

    เจนีวา คาร์แล็คคนนี้พร้อมแล้วกับงานโรงเรียนที่เริดหรูและอีกสักครู่ฉันจะได้เดินเข้าไปในงานอย่างสง่าผ่าเผยสักที!   ฉันกำลังง่วนอยู่กับการเลือกรองเท้าให้เข้ากับชุดเดรสยาวเลยเข่ามาพอสมควรแต่ผ่าข้างเผยให้เห็นขาขาวๆ ของฉัน   มันเป็นชุดปักเลื่อมสีแดงเด่นสะดุดตาของ Comme des Garcons ส่งตรงมาจากโตเกียวเมื่อคืนก่อน มันดูเข้ากันได้ดีกับกระเป๋า Hermes ใบเล็กสีแดงเลือดหมู และเครื่องประดับเป็นของ BVLGARI   หากแต่ตอนนี้ฉันยังขาดรองเท้าที่เข้ากับชุดและที่สำคัญ...คู่นั้นต้องเป็นคู่ที่ฉันไม่เคยใส่!

    อ๋อ! ถ้าจะถามถึงเรื่องของไอ้ผู้ชายเฮงซวยกิลเลียนนะเหรอ...เหอะ! หมอนั่นขี้คลาดจะตายไป แค่ฉันบอกว่า ฉันให้นายได้แค่คนไม่เคยรู้จักกัน!’ หมอนั่นก็กลัวจนหัวหด รีบคลานมากราบเท้าของฉันงามๆ (เว่อร์ละ) แต่ยังไงฉันก็ไม่สนใจหมอนั่นหรอก นั่นทำให้ฉันหงุดหงิดใจมากๆ แต่ก็ไม่เท่ากับหมอนั่น...อเล็กนะ -*-   พอฉันจะกลับหมอนั่นก็รั้งฉันไว้แล้วก็บอกว่า...

    คุณนี้ร้ายไม่หยอกเลยนะ

    แต่แค่นั่นไม่ทำให้ฉันโกรธหรอก ฉันโกรธที่หมอนั่นทำหน้าตาให้ฉันไม่สบอารมณ์เอง ช่วยไม่ได้~   แต่ก็ช่างเหอะ

    ฉันเหลือบตามองไปยังนาฬิกาแคว้นบนผนังสีครีมดีไซน์เก๋ไก๋ บ่งบอกว่าตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาที่รถมารับแล้ว...มันเป็นเพราะฉันได้บัตร VIP ที่มีบริการรถมารับตามที่ฉันเคยบอกเอาไว้

    “ให้ตายสิ! ฉันไม่มีเวลาแล้ว” ฉันพึมพำไม่เป็นภาษาอยู่คนเดียว สายตาก็กวาดหารองเท้าไปเรื่อยๆ

    “เจน!! รถกำลังจะมาแล้วนะ”

    เสียงตะโกนของไอริสทำให้ฉันกลอกตาด้วยความเซ็งสุดขีด   ถึงแม้ว่าเราจะอยู่บ้านหลังเดียวกัน (ที่ใหญ่มากๆ ประมาณว่าเดินภายในบริเวณบ้านทั้งวันยังเดินไม่ครบเลย...บอกแล้วไงว่ามันใหญ่ =_=;) แต่ใช่ว่าฉันกับไอริสจะคุยกันนะ นอกเสียจากว่ามีความจำเป็นดังเช่นเวลานี้

    “แปบนะ! ฉันกำลังเลือกรองเท้าอยู่   ให้ตายสิ...มันอยู่ไหนนะ”

    ฉันตะโกนกลับใส่ไอริส แต่ดูท่าว่าประโยคหลังฉันจะพูดคนเดียวเสียมากกว่า   ด้วยความหงุดหงิดทำให้ฉันรื้อและกวาดรองเท้าที่เกะกะสายตากองลงกับพื้น บ้างก็ขว้างทิ้งไปเฉยๆ! -_-++   รองเท้า Jimmy Choo คู่ที่ฉันต้องการอยู่ไหนนะ! ถ้าผ่านคืนนี้ไปฉันจะรื้อตู้เล็กๆ (เล็กของเธอคือเท่ากับตู้เสื้อผ้าใหญ่ๆ ดีๆ นี้เอง =_=) ออกให้หมดแล้วเพิ่มห้องวางรองเท้าไว้คู่กับห้องเสื้อส่วนตัวของฉัน!!

    เจน!!! รถมาถึงหน้าบ้านเราแล้วนะ

    “ให้ตายสิไอริส!! ตอนนี้ฉันไม่มีรองเท้าใส่เลย!!!  ฉันตะโกนลงไปด้วยความโมโห

    ไม่นานนักประตูห้องของฉันก็เปิดออกเผยให้เห็น ไอริส คาร์แล็คยืนทำหน้านิ่งมองฉันด้วยสายตาเอือมระอา (อะไรย่ะ!!)   หล่อนอยู่ในชุดเดรสยาวถึงพื้นรัดรูปสีเงินระยิบขับให้ทรวดทรงที่นูนๆ ของเธอแน่นขึ้นไปอีก -O- และไอ้สิ่งที่คนอื่นพุ่งตระหง่าน (หมายถึงพุงนะ -*-) ของยัยนี้กลับแบนราบ   ทรงผมสีแพลตินั่มบลอนด์เหมือนฉันถูกปล่อยให้สยายคลอเคลียกับแผ่นหลัง   ให้ตายสิ!! -*- ทำไมวันนี้หล่อนยิ่ง HOT กว่าเดิมเนี้ยยยย กรี๊ดดดดดดดดด TOT

    เจนีวารับไม่ด้ายยย!!!

    “คนรถบอกว่ามีเวลาให้เธอเลือกรองเท้าห้านาที” ไอริสบอกฉันเรียบๆ และนั่นทำให้ฉันปรี๊ด

    “อะไรนะ!! ห้านาที!   ฉันไม่ใช่แฮร์รี่ พ็อตเตอร์นะยะที่จะหารองเท้าได้ง่ายๆ เพียงแค่ท่องคาถานะ!!!

    แล้วเธอจะเลือกอะไรตั้งนานสองนาน แค่รองเท้าคู่เดียว

    เอาอีกแล้ว...สายตานิ่งๆ แต่แอบเอือมระอาที่ยัยพี่สาวชอบส่งมาให้ฉัน (ประจำ) ทำให้ควันฉันออกหูอีกแล้ว!

    มันก็ต้องเลือกสิ!! ฉันไม่ได้ใส่ๆ ไปแบบเธอหรอกนะ

    ฉันพูดจบก็สะบัดผมสีเดียวกับหล่อนแล้วหารองเท้าต่อ   ให้ตายสิ...มันอยู่ไหนนะ เมื่อวันก่อนฉันยังเห็นผ่านๆ อยู่เลย!!! -_-^^

    ขวับ!

    ไม่ทันที่ฉันจะได้เลือกดีนัก พี่สาวตัวดีกลับจับข้อมือของฉันแล้วลากฉันไปที่ห้องของเธอ   นะ...นี้หล่อนคิดจะทำอะไรฉันเนี้ยยย T^T

    ปล่อยนะยัยบ้า!! ฉันรีบ!”

    ไอริสปล่อยมือฉันแล้วเดินไปเปิดห้องลองเสื้อของหล่อน เธอก้มๆ ดูชั้นข้างล่างก่อนจะดึงชั้นวางรองเท้าที่อยู่ข้างล่างสุดออกมา รองเท้าแสนแพงหลายสิบคู่ทอประกายสะท้อนตาฉันวิบวับ *O*   กรี๊ดดดด ทำไมไอริสถึงได้มีไอเดียในการยัดรองเท้าแสนแพงไว้ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ (เล็กของเธอเท่ากับห้องๆ หนึ่งเลยนะ -O-;) ไว้ได้เนี้ย!!! ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย   เหอะ! คอยดู...ฉันจะทำบ้าง >O< (ผ่าง!)

    นั่นเธอจะทำอะไรนะ

    ฉันบอกไอริสด้วยความงงสุดขีด ให้ตาย...ฉันมีเวลาแค่ห้านาทีเท่านั้นนะ!!

    “…ได้ละ

    เธอหยิบรองเท้าของ XXX ที่ส่องประกายวูบวาบ (*O*) นะ...นี้มันคอลแล็คชั่นใหม่ที่ฉันเห็นผ่านเว็บเมื่อวานนี้น่า!! O_O ยะ...ยัยพี่สาวคนนี้หามาได้ยังไงเนี้ย

    “อะ...ไอริส...รองเท้าคู่นี้

    “ใช่ -_-   ฉันพึ่งได้มาเมื่อเช้า”

    “เธอไปได้มันมาจากไหน...แหล่งช็อปปิ้งของเมืองสทริคท์ ซิตี้แห่งนี้ไม่น่ามาเร็วขนาดนี้   ขนาดห้างที่คุณพ่อเป็นหุ้นส่วนและฉันคิดว่าที่นั่นเป็นที่ๆ มีของมาใหม่แบบเร็วแรงแล้วยัง...พระเจ้า! เธอไปได้มาจากที่ไหนกัน

    ฉันเอามือทาบอกประหนึ่งเป็นผู้ดีตีนแดง (ก็ฉันเป็นผู้ดีจริงๆ นี้น่า -*-) แล้วร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ

    “เธอคงลืมไปว่าฉันเป็นนางแบบพรีเซนเตอร์กับแบรนด์นี้...”

    “อะ...อะไรนะ!! O_o เมื่อกี้เธอว่า...เธอเป็นนางแบบอย่างงั้นเหรอ”

    “ก็ใช่นะสิ...นี้เธอไม่รู้เลยเหรอ -_-^

    ทำไมฉันต้องสนใจเรื่องของเธอด้วยย่ะ...แล้วเอามาทำไม

    “ก็ให้เธอนะสิถามได้   รีบใส่แล้วลงไปข้างล่างให้เร็วที่สุด!



    * เทพโพไซดอนคือเทพผู้ปกปักผืนผิวน้ำตามตำนานกรีก-โรมัน



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×