คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เกาะเสม็ดเสร็จทุกราย 3
ณ สถานีขนส่งสายตะวันออก มิวกับหญิงกำลังช่วยกันขนของลงจากรถแท็กซี่ จากนั้น จึงไปที่จุดนัดพบซึ่งเป็นลานสำหรับนั่งรอรถโดยสาร แต่ก็ยังคงไม่มีวี่แววของเพื่อนๆคนไหนเลย มิวกับหญิงจึงช่วยกันโทรหาเพื่อนๆแต่ละคน ซึ่งแต่ละคนก็กำลังเดินทางมากันทุกคน มิวกับหญิงก็ต่อว่าเพื่อนๆยกใหญ่ ที่ไม่มาให้ทันเวลานัด ทั้งที่จริงๆแล้ว มิวกับหญิงก็มาสายเล็กน้อยเช่นกัน
ระหว่างที่นั่งรอเพื่อนๆ หญิงรู้สึกปวดท้อง จึงขอให้มิวเฝ้ากระเป๋าไว้ก่อน แล้วหญิงจึงวิ่งไปเข้าห้องน้ำ ทิ้งให้มิวนั่งรอเพื่อนๆอยู่ตามลำพัง มิวก็นั่งหลับพร้อมกับสัปปะหงกเป็นระยะ เพราะตลอดค่ำคืนที่ผ่านมา มิวแทบจะไม่ได้นอนเลย จนกระทั่ง มิวถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยคำถามของเด็กหนุ่มในวัยเดียวกันคนหนึ่ง “เอ่อ ขอโทษครับน้อง” มิวลืมตาขึ้น พร้อมกับหันไปมองเจ้าของเสียงนี้ มิวก็พบเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งอายุน่าจะพอๆกันกับเค้า ความสูงก็พอๆกัน แต่ท่าทางล่ำสันกว่าเล็กน้อย หน้าตาจัดว่าดีทีเดียว คิ้วคมเค้ม ดวงตาดำกลมโต แต่ท่าทางขี้เล่นอยู่ไม่น้อย มิวถามขึ้นว่า “มีอะไรหรือครับพี่”
เด็กหนุ่ม ซึ่งอยู่ในชุดสบายๆ เสื้อยืดสีขาวสลับน้ำตาล กางเกงยีนสีน้ำเงินเข้ารูป ถามมิวขึ้นว่า “คือว่า ...” เด็กหนุ่มสะบัดกระเป๋าใบใหญ่วางลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านหน้ามิวตัวหนึ่ง พร้อมกับนั่งลงเก้าอี้ใกล้ๆกันนั้น “พี่จะไปเที่ยวเกาะเสม็ดน่ะครับน้อง แต่ เอ่อ ไม่รู้ว่าจะซื้อตั๋วได้ที่ช่องไหนน่ะ” เด็กหนุ่มถามขึ้นพร้อมกับทำคิ้วขมวดเข้าหากันซึ่งแสดงให้เห็นถึงความกังวลอยู่เล็กน้อย
มิวรู้สึกแปลกใจกับคำถามของเด็กหนุ่ม มิวคิดในใจว่า ‘จะไปเที่ยวเกาะเสม็ด จนมาถึงเอกมัยแล้วแท้ๆเนี่ยนะ ดันไม่รู้ว่าจะซื้อตั๋วได้ที่ช่องไหน ... แล้วทำไมไม่ไปถามที่เคาน์เตอร์ขายตั๋วนะ’ แต่มิวก็ตอบไปว่า “พี่ก็ซื้อของเชิดชัยทัวร์ก็ได้นะ รถออกทุกชั่วโมงเลยครับ”
เด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้างๆให้กับมิว แต่ก็เหมือนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจไปในเวลาเดียวกัน ขณะที่เด็กหนุ่มจะลุกขึ้นไปซื้อตั๋วตามที่มิวบอก เด็กหนุ่มก็ต้องนั่งลงพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างๆให้มิวอีกรอบ แต่ครั้งนี้ รอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความเขินอยู่เล็กน้อย เด็กหนุ่มถามมิวขึ้นอีกรอบว่า “เอ่อ คือว่า แล้วพี่จะซื้อตั๋วได้ที่ช่องไหนล่ะครับ ... หมายถึง พี่ไม่รู้ว่าเกาะเสม็ดมันอยู่ที่ไหนน่ะ” เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับยิ้มอายๆ และใช้นิ้วเขี่ยจมูกไปมาเล็กน้อยเพื่อแก้เขิน
มิวแทบจะหายง่วงไปเลยกับคำถามของเด็กหนุ่ม ‘โห อะไรกันเนี่ย จะไปเที่ยวเกาะเสม็ดแท้ๆ ดันไม่รู้อะไรเลยเนี่ยนะ’ มิวพยายามฝืนยิ้ม แล้วตอบไปว่า “ก็ซื้อตั๋วไปบ้านเพน่ะครับพี่ แล้วพอไปถึง ก็ไปต่อเรืออีกทีน่ะครับ”
เด็กหนุ่มพยักหน้าแสดงท่าทีเข้าใจกับคำอธิบายของมิว แต่แล้วเด็กหนุ่มก็ทำท่าทางตกใจขึ้นมาอย่างกระทันหัน จนมิวรู้สึกตกใจไปด้วย มิวรีบถามว่า “มีอะไรหรือพี่”
เด็กหนุ่มทำหน้าเหรอหราพร้อมกับเปรยๆขึ้นว่า “โห นี่พี่จะต้องไปต่อเรืออีกหรือครับเนี่ย ต้องต่อกันกี่วันล่ะเนี่ย ถึงจะได้เรือ 1 ลำน่ะข้ามไปเกาะเสม็ดน่ะ”
มิวรู้สึกอึ้งกับมุกของเด็กหนุ่ม แต่เมื่อมองไปที่เด็กหนุ่มแล้ว เด็กหนุ่มนั้น ทำหน้าเป็น พร้อมกับอมยิ้มแบบกลั้นหัวเราะให้กับมิว แววตาของเด็กหนุ่มคนนี้นั้น ปกติจะกลมโตเป็นประกาย แต่เวลายิ้มนั้น มันยิ่งรับกับขอบตาที่โค้งและฟันขาวๆที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบอย่างยิ่ง มิวก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ เพราะมุกบางมุกนั้น ต่อให้ฝืดเพียงใด แต่ถ้าคนที่เล่นมุกนี้มีท่าทีที่ชวนให้ตลกขบขันและมีความทะเล้นอยู่ในตัว มุกนั้นๆก็สามารถสร้างอารมณ์ขันได้ดี และก็ในทางกลับกัน ต่อให้มุกหนึ่งๆจะตลกเพียงใด แต่ถ้าคนที่นำมุกนั้นมาเล่นไม่มีท่าทีที่ชวนให้ตลกขบขัน มุกนั้นก็อาจฝืดลงไปได้เช่นกัน มิวรีบเปรยขึ้นมาว่า “โห พี่ มุกแบบนี้ ยังอุตส่าห์ขุดมาเล่นได้นะเนี่ย”
เด็กหนุ่มเห็นมิวหัวเราะกับมุกตลกของเค้า เด็กหนุ่มก็หัวเราะตามไปด้วย และก็รู้สึกพอใจอย่างยิ่ง “อ่านะ แต่มันก็ได้ผลใช่ไหมล่ะ เอ่อ ว่าแต่ แล้วนี่น้องมากับใครหรือ เห็นกระเป๋าหลายใบเลยเนี่ย”
มิวรีบตอบว่า “ก็มากับเพื่อนคนนึ่งน่ะครับพี่ แล้วก็นัดเพื่อนคนอื่นๆไว้ด้วย ก็กะว่าจะไปเที่ยวเกาะเสม็ดกันน่ะพี่”
เด็กหนุ่มทำตาโต อ้าปากค้างไปพักหนึ่ง แล้วบอกว่า “ไปเกาะเสม็ดเหมือนกันหรือ บังเอิญจังนะครับ อืม แล้วไปเที่ยวกี่โมงล่ะเนี่ย”
มิวเริ่มรู้สึกแปลกประหลาดใจที่เด็กหนุ่มซักถามเค้าไม่หยุด ถึงแม้มิวจะรู้สึกดีกับเด็กหนุ่มคนนี้ แต่มิวก็เริ่มรู้สึกระแวงเล็กน้อย ซึ่งเด็กหนุ่มก็คงจะสังเกตสีหน้าของมิวได้ เด็กหนุ่มจึงรีบบอกว่า “เอ่อ น้องอย่าเข้าใจผิดนะ พี่ก็ถามไปงั้นล่ะ อืม งั้นแค่นี้ก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวพี่ไปหาเพื่อนๆก่อนล่ะ พวกมันคงรอพี่กันแล้วล่ะ ... อืม ว่าแต่ น้องชื่ออะไรนะ จะได้จำชื่อผู้มีพระคุณไว้น่ะ” เด็กหนุ่มถามคำถามสุดท้าย พร้อมกับยังคงฉีกยิ้มให้กับมิว
มิวก็ให้รู้สึกประหลาดใจกับตัวเอง ที่เมื่อเค้าเห็นรอยยิ้มของเด็กหนุ่มคนนี้ทีไร เค้ามักจะอดที่จะรู้สึกชอบในรอยยิ้มนั้นไม่ได้ มิวตอบคำถามของเด็กหนุ่มว่า “มิวครับ”
เด็กหนุ่มทวนคำว่า “มิว” อยู่สองสามคำ แล้วจึงฉีกยิ้มกว้างๆให้กับมิวอีกทีหนึ่ง เด็กหนุ่มคาดหวังอยู่ในใจว่ามิวน่าจะถามชื่อเค้ากลับไปบ้าง แต่เด็กหนุ่มก็ต้องผิดหวัง เมื่อมิวไม่ได้พูดอะไรต่อเลย เด็กหนุ่มจึงรีบพูดขึ้นว่า “งั้นพี่ไปก่อนนะ แล้วเจอกันที่เกาะเสม็ดนะครับ” เด็กหนุ่มรีบลุกขึ้นแล้วสะพายกระเป๋าไว้ที่กลางหลัง โดยก่อนไปก็ไม่ลืมที่จะกระพริบตาข้างหนึ่งพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างๆอีกรอบให้กับมิว
มิวเหลือบมองตามเด็กหนุ่มที่เดินจากไป พร้อมกับนึกในใจว่า “แปลกดีแฮะ นัดเพื่อนไว้ แล้วมาถามเราทำไมเนี่ย ... อืม ... อย่างนี้ก็มีด้วย” จากนั้น มิวก็ชะเง้อมองหาหญิง แต่เมื่อไม่เห็นวี่แววของหญิง มิวก็นั่งรอหญิงและเพื่อนๆต่อไป พร้อมกับหลับสัปปะหงกเป็นระยะ
เมื่อหญิงเข้าห้องน้ำเสร็จ หญิงก็เดินไปซื้อขนมที่ร้านขายของร้านหนึ่ง หลังจากที่หญิงจ่ายเงินไปแล้ว และจะเดินกลับไปหามิว หญิงก็เหลือบไปเห็นหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งวางอยู่บนแผงหนังสือในร้านใกล้ๆกัน โดยเป็นหนังสือในลักษณะซุบซิบเกี่ยวกับดารานักร้อง หญิงเหลือบไปเห็นตัวอักษรเล็กๆตรงมุมหนังสือเขียนว่า “บทสัมภาษณ์วงออกัส” หญิงจึงหยิบหนังสือขึ้นมา แต่ขณะจะเปิดดู ก็มีเสียงดังมาจากทางด้านข้าง “เฮ้ย อีหญิง มึงมานานหรือวะ”
หญิงเหลือบไปมองเห็นจอยเดินมาพร้อมกับฉิม หญิงจึงวางหนังสือลงบนแผงหนังสือ แล้วตอบจอยว่า “ก็เพิ่งมาถึงไม่นานเอง เออ แล้วมึงสองคนมาด้วยกันได้ไงล่ะเนี่ย”
ฉิมรีบตอบว่า “กูเจออีจอยมันบน BTS น่ะ ... ว่าแต่มึงเถอะ มาคนเดียวหรือวะเนี่ย แล้วกระเป๋าล่ะ”
หญิงบอกว่า “กูมาพร้อมกับมิวน่ะ เค้านั่งเฝ้ากระเป๋าอยู่ข้างใน” เมื่อหญิงตอบฉิมเสร็จ ก็รีบหันกลับมาจะคว้าหนังสือเล่มนั้นมาอ่านต่อ แต่ก็พบว่า หนังสือเล่มนั้นไม่ได้อยู่บนแผงหนังสือซะแล้ว ซึ่งก็คงจะมีคนมาคว้าไปแล้วแน่ๆ หญิงมองหาไปรอบๆ แต่ก็ไม่เจอ หญิงจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่า หนังสือเล่มนั้นชื่อว่าอะไร แต่หญิงก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก จากนั้น หญิง จอย และฉิมจึงชวนกันเดินไปสมทบกับมิว ซึ่งเมื่อไปถึงก็พบว่า แวนและเจ๋งกำลังนั่งคุยอยู่กับมิวอยู่พอดี ซึ่งแวนและเจ๋งก็เพิ่งมาถึงได้ไม่นานเช่นเดียวกัน
ในขณะที่สุนีย์กำลังขับรถเพื่อพาโต้งไปส่งที่สถานีขนส่งสายตะวันออกนั้น โต้งซึ่งนั่งอยู่ข้างๆสุนีย์ก็กำลังเอนหัวพิงกับที่ขอบประตูรถ พร้อมกับหลับสัปปะหงกและขยับตัวไปมาเป็นระยะ จนกระทั่งหยกที่อยู่ในกระเป๋าของโต้งค่อยๆหลุดออกจากผ้าเช็ดหน้าและเลื่อนหลุดออกจากกระเป๋าและตกลงบนเบาะนั่ง เมื่อสุนีย์เหลือบมาเห็น จึงหยิบหยกชิ้นนี้ไปวางไว้ที่ช่องวางของหน้ารถ ซึ่งสุนีย์ก็ไม่ได้รู้สึกว่าหยกชิ้นนี้ร้อนเหมือนโต้งแต่อย่างใด
ในระหว่างทางทางนั้น สุนีย์เหมือนจะนึกอะไรได้ จึงจอดรถแวะที่ข้างทาง ปล่อยให้โต้งนอนหลับอยู่บนรถเพียงลำพัง โดยโต้งที่อยู่บนรถนั้น ก็กำลังกระสับกระส่ายและรู้สึกร้อนอย่างยิ่ง จนกระทั่งโต้งสะดุ้งตื่นขึ้นมา พร้อมกับรู้สึกงุนงงเล็กน้อย โต้งมองไปรอบๆ พร้อมกับคิดในใจ ‘ฝันไปอีกแล้วสิเรา ... แต่ฝันอะไรนะ จำไม่ได้อีกแล้ว’ โต้งมองไปรอบๆ ‘แล้วแม่หยุดรถทำไมเนี่ย เดี๋ยวก็ไปไม่ทันกันพอดี’ โต้งชะเง้อมองหาแม่ของเค้า แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา โต้งมองไปมาจนกระทั่งเหลือบไปเห็นหยกที่วางอยู่ที่ช่องวางของหน้ารถ โต้งตกใจ รีบเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าทันที ‘สงสัยมันหลุดออกมาตอนเราหลับแน่ๆ ... แม่คงหยิบวางไว้ให้แน่ๆ’ แล้วโต้งก็รีบเอื้อมมือไปหยิบหยกชิ้นนี้ทันที แต่เมื่อมือของโต้งสัมผัสไปที่หยก โต้งก็ต้องรู้สึกร้อนที่มือขึ้นมาเหมือนเดิม พร้อมกันนั้น โต้งก็รู้สึกตกใจอย่างยิ่ง ‘เฮ้ย ทำไมรถมันเคลื่อนที่ล่ะเนี่ย’ นั่นก็เพราะรถที่โต้งนั่งอยู่เริ่มเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างช้าๆนั่นเอง โต้งรีบตั้งสติ แล้วรีบเข้าเกียร์ไปที่ตำแหน่งล็อคเกียร์เพื่อจอดทันที รถจึงหยุดเคลื่อนที่ โต้งรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย พร้อมกับนึกในใจ ‘มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย ทำไมมันรู้สึกแปลกๆจังนะ’ จากนั้นโต้งรีบเอาผ้าเช็ดหน้าห่อหุ้มหยกแล้วเก็บใส่เข้าไปไว้ในกระเป๋ากางเกง
เมื่อสุนีย์กลับขึ้นมาบนรถ ก็เห็นโต้งซึ่งตื่นขึ้นมาแล้วกำลังนั่งรออยู่ โต้งรีบถามสุนีย์ทันทีว่า “ไปไหนมาน่ะแม่ เดี๋ยวโต้งไปไม่ทันกันพอดีหรอก”
สุนีย์ยิ้มให้ลูกชาย พร้อมกับยื่นซองยาให้ซองหนึ่ง แล้วบอกโต้งว่า “ก็ไปซื้อยาแก้เมารถเมาเรือให้เรานั่นแหละ แล้วก็ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้ไข้ และก็ยาที่จำเป็นอื่นๆน่ะ แม่ให้เค้าเขียนไว้ที่ซองแล้ว เผื่อฉุกเฉินต้องใช้น่ะ”
โต้งอมยิ้มให้กับแม่ของเค้า พร้อมกับหันหลังเอาถุงยาเก็บไว้ในกระเป๋าเดินทาง จากนั้น โต้งจึงบอกพูดกับแม่ของเค้าสั้นๆว่า “ขอบคุณครับแม่” พร้อมกับที่สุนีย์ได้สตาร์ทรถและขับรถต่อไป โดยโต้งไม่กล้าที่จะบอกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้กับแม่ของเค้า เพราะกลัวว่า แม่ของเค้าจะกังวลเป็นห่วงเค้าจนมากเกินไป
ความคิดเห็น