คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เกาะเสม็ดเสร็จทุกราย 1
ก่อนรุ่งสางของวันหนึ่ง ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะส่องแสง ค่ำคืนที่ผ่านมานี้เป็นค่ำคืนที่เงียบสงัดอย่างยิ่ง และถึงแม้ว่าอากาศจะร้อนเพียงใด แต่สายลมที่พัดมาอย่างต่อเนื่อง ก็ช่วยให้ทุกชีวิตรู้สึกร่มรื่นในกายอยู่ไม่น้อย อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าบรรยากาศจะเงียบสงัดเพียงใด แต่แสงไฟตามท้องถนนที่สาดส่องอยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงแสงไฟจากรถที่วิ่งไปตามท้องถนนนั้น ก็แสดงให้เห็นถึงการดำเนินชีวิตที่ไม่เคยหยุดอยู่นิ่งของผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้
ณ บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นบ้านสองชั้นท่ามกลางบ้านอีกหลายๆหลังที่ตั้งอยู่ในซอยแห่งหนึ่งซึ่งในตอนกลางวันมักจะพลุกพล่านไปด้วยผู้คน แต่ยามค่ำคืนกลับเงียบสงัดไร้สุ้มเสียงใดๆ แสงไฟจากชั้น 2 ของบ้านหลังนี้ได้สว่างขึ้นในทันทีทันใด ซึ่งนับว่าไม่ใช่เหตุการณ์ปกตินัก แต่เนื่องจากวันนี้ เป็นวันสุดพิเศษสำหรับหนุ่มน้อยคนหนึ่ง มิว เป็นหนุ่มน้อยหน้าตาดี รูปร่างบางแต่สมส่วน ผู้ซึ่งอาศัยอยู่เพียงลำพังในบ้านหลังนี้ ผู้ซึ่งกำลังจะกลายเป็นนิสิตนักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยภายในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
มิวได้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงนาฬิกาปลุก แต่ทว่าบางทีอาจจะไม่สามารถกล่าวว่า ตื่น ก็เป็นได้ เนื่องจากมิวไม่สามารถข่มตาให้หลับสนิทในค่ำคืนที่ผ่านมานี้ได้เลย มิวเอาแต่นอนกระสับกระส่ายไปมา โดยอาการกระสับกระส่ายนี้ ไม่ได้เกิดจากความร้อนของอากาศหรือความว้าวุ่นในจิตใจแต่อย่างใด เนื่องจากเครื่องปรับอากาศในห้องนอนของมิวกำลังทำงานอยู่อย่างปกติ ซึ่งทำให้มิวรู้สึกเย็นจนต้องห่มผ้าคลุมร่างกายไว้ตลอดเวลาด้วยซ้ำไป ส่วนสีหน้าของมิวนั้น ก็เต็มไปด้วยความสุข อีกทั้งยังมีรอยยิ้มปรากฏให้เห็นบนใบหน้าอยู่เป็นระยะ เนื่องจากในจิตใจของมิวนั้น เต็มไปด้วยความสุขใจอย่างยิ่งที่จะได้ไปเที่ยวเกาะเสม็ดกับเพื่อนๆของเค้าในช่วงสัปดาห์นี้ โดยมิวกับเพื่อนๆ ได้วางแผนที่จะออกเดินทางกันในช่วงก่อนเที่ยงของวันนี้นั่นเอง
มิวค่อยๆสลัดผ้าห่มออกจากร่างกาย แล้วพับอย่างลวกๆวางไว้ใกล้ๆหมอนหนุนศีรษะ แล้วจึงลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียง จากนั้น จึงอ้าปากน้อยๆ พร้อมกับหาวด้วยความง่วง มิวค่อยๆยืดแขนบิดขี้เกียจอย่างช้าๆเพื่อไล่ความง่วง แล้วจึงลุกขึ้นเดินไปกดสวิทซ์ไฟเพื่อเปิดไฟภายในห้อง มิวจ้องมองไปที่กระเป๋าสัมภาระซึ่งวางอยู่บนพื้นปลายเตียงนอนด้วยรอยยิ้ม กระเป๋าสัมภาระของมิวนั้น มีทั้งหมด 3 ใบด้วยกัน โดยสองใบนั้นเป็นกระเป๋าขนาดเล็กสำหรับใส่ของใช้ทั่วๆไป ส่วนอีกใบหนึ่งนั้น เป็นใบใหญ่ที่สุด ขนาดของมันนั้น ใหญ่พอๆกับกระเป๋าเดินทางแบบที่ถือด้วยมือทั่วๆไป โดยในค่ำคืนที่ผ่านมา มิวใช้เวลาอยู่เป็นชั่วโมงในการจัดเสื้อผ้าหลายชุดใส่ลงไป เพราะมิวมัวแต่เลือกชุดที่เค้าคิดว่า เค้าใส่แล้วจะดูดีที่สุดในสายตาของโต้ง
โต้ง เป็นเด็กหนุ่มวัยเดียวกันกับมิว ซึ่งมีชีวิตในวัยเด็กที่ผูกพันธ์กัน เนื่องจากบ้านของทั้งคู่อยู่ใกล้กันนั่นเอง รูปร่างของโต้งนั้น ล่ำสันกว่ามิวอยู่พอสมควร ในขณะที่ความสูงนั้นพอๆกัน โต้งเป็นเด็กวัยรุ่นที่มีปัญหาทางบ้านอยู่พอสมควรเลยทีเดียว ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการหายสาบสูญของ แตง ผู้ซึ่งเป็นพี่สาวของโต้ง ซึ่งทำให้ กร ผู้ซึ่งเป็นพ่อ มัวแต่จมปลักอยู่กับความเศร้าเสียใจในการสูญเสียนี้ ในขณะที่ สุนีย์ ผู้ซึ่งเป็นแม่ จำเป็นที่จะต้องทำหน้าที่ผู้นำของครอบครัวแทนที่กร การที่มิวได้พบกับโต้งอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ทั้งคู่ต้องแยกจากกันในวัยเด็ก เนื่องจากครอบครัวของโต้งได้ย้ายออกจากบ้านหลังเดิมที่อยู่ใกล้ๆกับบ้านของมิว เพื่อหลีกหนีภาพแห่งความทรงจำอันเจ็บปวดภายในบ้านหลังนั้น ทำให้ทั้งคู่ได้แลกเปลี่ยนเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมาระหว่างกันและกัน โดยโต้งได้รับรู้ถึงความรู้สึกในการสูญเสียอาม่าของมิว ได้รับรู้ถึงความเหงาของมิวที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว เนื่องจากพ่อของมิวได้พาสมาชิกในครอบครัวทั้งหมดยกเว้นมิว ย้ายไปอยู่ที่จังหวัดระยอง ส่วนมิวก็ได้รับรู้ถึงความเศร้าเสียใจของโต้งและครอบครัวที่ต้องสูญเสียสมาชิกคนสำคัญในครอบครัวคนหนึ่ง ความใกล้ชิดและผูกพันธ์กันนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้พัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง มิวและโต้งต่างมีความเข้าใจในกันและกัน เนื่องจากทั้งคู่ได้เผชิญชีวิตมาในลักษณะที่ใกล้เคียงกัน ถ้าโต้งคือส่วนเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตของมิว มิวก็คือส่วนเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตของโต้งเช่นกัน
มิวค่อยๆเดินไปถอดเสื้อผ้าทิ้งลงในตะกร้า แล้วจึงนุ่งผ้าเช็ดตัว ฮัมเพลงเบาๆพร้อมกับเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างมีความสุข ในขณะที่อยู่ในห้องน้ำนั้น มิวมองไปที่กระจก พร้อมกับนึกในใจว่า ‘โต้งจะชอบผมทรงนี้ของเราไหมนะ เพิ่งไปตัดมาเมื่อวานนี้เอง อืม โกนหนวดสักหน่อยก็คงจะดี’ ว่าแล้วมิวก็ค่อยๆบีบโฟมสำหรับทาเพื่อโกนหนวดใส่มือแล้วป้ายไปที่ใต้คาง แก้ม และริมฝีปาก จากนั้นจึงค่อยๆใช้ที่โกนหนวดปาดไปตามโฟมที่ติดอยู่ตามใบหน้า เมื่อเสร็จแล้ว มิวจึงคว้าโฟมล้างหน้าที่อยู่ตรงชั้นวางของหน้ากระจก แล้วค่อยๆล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้านั้นอย่างช้าๆ หลังจากที่ล้างหน้าเสร็จแล้ว มิวก็จ้องไปที่กระจกอีกพักใหญ่ พร้อมกับนึกในใจว่า ‘หล่อแล้วน่าเรา’ พร้อมกับอมยิ้มให้กับตัวเอง จากนั้น มิวจึงดึงผ้าเช็ดตัวที่ผูกไว้กับเอวออก แล้วนำไปพาดไว้กับราวแขวนที่ติดอยู่กับข้างฝาในห้องน้ำ มิวเดินไปที่ฝักบัว แล้วค่อยๆอาบน้ำอย่างช้าๆ มิวสระผมด้วยชมพูที่มีกลิ่นหอมยี่ห้อหนึ่ง โดยไม่ลืมที่จะตามด้วยครีมนวดผม จากนั้น มิวค่อยๆถูและทำความสะอาดทุกส่วนในร่างกายด้วยครีมอาบน้ำที่มีกลิ่นหอมไม่แพ้กัน กว่ามิวจะอาบน้ำเสร็จ ก็ใช้เวลาไปประมาณครึ่งชั่วโมง
แต่การอาบน้ำที่ว่านานแล้วนั้น ก็ยังนานไม่เท่ากับการแต่งตัวของมิว โดยเมื่อมิวเช็ดตัวและเดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว มิวก็คว้าไดรย์เป่าผมเพื่อที่จะเป่าผมให้แห้งและจัดทรงผมให้เข้าที่เข้าทางด้วยแว็กซ์และสเปรย์ จากนั้น มิวก็ใช้ครีมบำรุงและกันแดดสำหรับทาหน้าค่อยทาไปที่ใบหน้าอย่างช้าๆ แล้วจึงตามด้วยแป้งทาหน้าชนิดพิเศษซึ่งทำให้หน้าดูขาวขึ้นอีกเล็กน้อย มิวกลับไปส่องกระจกอีกครั้งหนึ่ง ‘อืม ใช้ได้แล้วมั๊ง หล่อไม่เบาเลยเรา’ มิวยิ้มอย่างเขินอายกับความคิดของตัวเองเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะมิวยังใช้ครีมกันแดดอีกชนิดหนึ่งทาไปตามแขนขา จากนั้น ก็ฉีดน้ำยอมที่มียี่ห้อดังไปตามลำตัว ทำให้ตัวของมิวตอนนี้หอมฟุ้งไปเลยทีเดียว เสร็จแล้ว มิวจึงใส่เสื้อผ้าที่เค้าใช้เวลาเลือกกว่า 15 นาทีในค่ำคืนที่ผ่านมา เสื้อของมิวเป็นเสื้อยืดสีเขียวอ่อนแขนสั้น โดยด้านหน้านั้นจะมีหน้าของตัวการ์ตูนมิกกี้เมาส์ที่กำลังยิ้มอยู่ ส่วนกางเกงนั้น เป็นกางเกงยีนส์สีน้ำตาลอ่อนเนื้อผ้าไม่หนามากนัก มิวไม่ลืมที่จะคล้องหยกที่โต้งมอบให้ไว้ที่คอของเค้า หยกชิ้นนี้ เป็นหยกที่โต้งมอบให้เป็นของขวัญกับมิวในงานวันเกิดของโต้งที่ผ่านมา มิวมีรู้สึกว่า หยกชิ้นนี้ เป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดในทีชีวิตของเค้าเลยทีเดียว
เมื่อมิวแต่งตัวเสร็จ ก็เกือบจะ 7.00 น. แล้ว มิวค่อยๆสะพายกระเป๋าใบเล็กทั้งสองใบ พร้อมกับหิ้วกระเป๋าใบใหญ่อีกหนึ่งใบออกจากห้อง แล้วจึงล็อคห้องและสำรวจของต่างๆที่อยู่ในบ้านชั้นบนให้เรียบร้อย จากนั้น มิวก็เดินลงไปชั้นล่าง วางสัมภาระลง แล้วค่อยๆใส่ถุงเท้าและรองเท้าผ้าใบสีน้ำตาลคู่หนึ่ง เมื่อมิวตรวจตราสิ่งต่างๆในบ้านเรียบร้อยแล้ว จึงหอบหิ้วสัมภาระทั้งหมดเดินออกจากบ้าน ซึ่งมิวก็ได้พบว่า หญิง กำลังนั่งรอมิวอยู่ที่หน้าบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หญิง เป็นเด็กสาววัยรุ่นที่หน้าตาดีคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในบ้านใกล้ๆกับมิว หญิง หลงรักมิวมาตั้งแต่วัยเยาว์ หญิง หลงรักในความสามารถทางด้านดนตรี และความน่ารักของมิว โดยที่เค้าไม่เคยรู้และคาดคิดมาก่อนเลยว่า มิวนั้น ไม่สามารถให้ความรักตอบสนองในแบบที่เค้าต้องการได้ แต่หญิงก็ยังคงรักมิว เพราะไม่ว่ามิวจะเป็นอย่างไร มิวก็เคยช่วยเหลือเค้าไว้หลายๆอย่างในวัยเยาว์ ดังนั้น ความผูกพันธ์ที่หญิงมีต่อมิวจึงไม่ใช่แต่เพียงความรักใคร่ในรูปร่าง หน้าตา และความสามารถแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่ยังมีความสัมพันธ์ในอดีตมาเกี่ยวข้องอีกด้วย ซึ่งถ้ามิวเติบโตมาเป็นผู้ชายอย่างเต็มตัว มิวกับหญิงก็คงจะกลายเป็นแฟน และคู่รักกันในที่สุด
หญิงมานั่งรอมิวที่ม้านั่งหน้าบ้านของมิวอยู่เกือบ 15 นาทีแล้ว ข้างๆหญิงนั้น มีกระเป๋าใบใหญ่พอๆกับมิว 1 ใบ และกระเป๋าอีกใบหนึ่งซึ่งมีขนาดย่อมๆ ซึ่งถึงแม้จะไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็ไม่เล็กทีเดียวล่ะ นอกจากนี้ ก็มีกระเป๋าสะพายอีกใบหนึ่งซึ่งใช้สำหรับใส่ของใช้ทั่วๆไป หญิงใส่ชุดเรียบๆ เป็นเสื้อยืดสีน้ำตาลสลับขาว ส่วนกางเกงเป็นกางเกงยีนแบบปกติทั่วๆไป รองเท้าเป็นรองเท้าผ้าใบสีน้ำตาลเรียบๆ หญิงแต่งหน้าบางๆ พร้อมกับรวบผมไว้ที่กลางหลัง เมื่อหญิงได้ยินเสียงประตูบ้านของมิวที่กำลังเปิดออก หญิงก็หันไปมองตามเสียงนั่นทันที ซึ่งก็พบว่า มิวกำลังหอบหิ้วสัมภาระเดินออกมา
หญิงรีบทักทายมิวทันที “แหม มิว กลิ่นน้ำหอมฟุ้งมาแต่ไกลเลยนะ แล้วนี่ตื่นตั้งแต่กี่โมงล่ะ หญิงตื่นมาตี 5 ก็เห็นไฟในห้องมิวสว่างอยู่แล้วน่ะ”
มิวหอบกระเป๋าไปวางไว้บนพื้นข้างม้านั่งที่หญิงนั่งอยู่ แต่ไม่ยอมสบตาหญิง มิวรู้สึกเขินอยู่เล็กน้อยที่หญิงเหมือนจะรู้ทันเค้าซะทุกเรื่อง มิวเดินกลับไปล็อคประตูบ้านพร้อมกับตอบหญิงว่า “ก็ประมาณตี 5 นั่นล่ะหญิง พอเราเปิดไฟ ขยับจะไปเข้าห้องน้ำ ก็เห็นไฟในห้องหญิงสว่างพอดีเหมือนกันแหละ”
หญิงเห็นมิวรู้สึกเขิน ยิ่งรู้สึกสนุก หญิงจู่โจมมิวอีกรอบหนึ่ง “เออนี่มิว มิวไปเกาะเสม็ดกับโต้งน่ะ เค้าว่าอะไรนะ อืม ... เกาะเสม็ดเสร็จทุกราย แล้วมิวเนี่ยจะเสร็จโต้งไหมนะ”
มิวได้ยินหญิงแซวเค้าไม่หยุด จึงรีบล็อคกุญแจบ้านอย่างรวดเร็ว แล้วหันมาตำหนิหญิงเล็กน้อยว่า “บ้าหรือหญิง ทะลึ่งใหญ่แล้วเนี่ย ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะสาย” แล้วมิวก็รีบคว้ากระเป๋าใบใหญ่ของเค้าขึ้นมาสะพายไว้ข้างๆลำตัวด้านขวา แล้วจึงใช้มือซ้ายคล้องกระเป๋าใบเล็กทั้งสองใบขึ้นมาพาดไว้ที่ไหล่ มิวนึกอะไรขึ้นมาได้ในทันทีทันใด จึงหันไปทางหญิงพร้อมกับยิ้มแล้วเปรยขึ้นมาว่า “ว่าแต่หญิงเหอะ ทำเป็นมาแซวเรานะ ระวังเจ๋งไว้ให้ดีล่ะ”
แต่หญิงเหมือนจะไม่สะทกสะท้านอะไรมากมายนัก ในทางกลับกัน หญิงกลับทำแววตาประหลาดใจ แล้วถามมิวขึ้นมาด้วยคำถามที่มิวไม่คาดคิดว่า “มิวเป็นห่วงเราหรือเนี่ย”
มิวได้ยินคำถามที่หญิงเค้าถาม มิวเลี่ยงที่จะตอบตรงๆ แต่พยายามอธิบายไปว่า “ก็เพื่อนกันน่ะ ก็ต้องห่วงกันสิ” แล้วมิวก็คว้ากระเป๋าใบใหญ่ของหญิงมาถือไว้ แล้วบอกกับหญิงว่า “ไปกันเถอะหญิง เดี๋ยวจะสาย”
หญิงรีบลุกขึ้น พร้อมกับบอกมิวว่า “ไม่เป็นไรหรอกมิว เราถือเองได้” หญิงขยับจะคว้ากระเป๋าใบใหญ่ของเค้ากลับคืนมา
แต่มิวไม่ยอมให้กลับคืนไป มิวบอกว่า “งั้นหญิงถือกระเป๋าสองใบนี้ให้เราดีกว่า”
หญิงจึงได้แต่รับกระเป๋าใบเล็กทั้งสองใบของมิวมาถือไว้ จากนั้น มิวและหญิงก็เดินออกไปที่หน้าปากซอย ทั้งคู่คุยกันด้วยความเบิกบานใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะมิวนั้น ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ มิวเฝ้าแต่นับวันรอคอยให้วันนี้มาถึงเร็วๆ เพราะเป็นครั้งแรกของมิวที่จะได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับโต้ง ถึงแม้จะไม่ได้ไปตามลำพังสองคนก็เถอะ แต่มิวก็ยังตื่นเต้นและดีใจอยู่ดีนั่นล่ะ
ความคิดเห็น