คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : travel through time 1
“ซื้ออะไรมาอ่ะคุน” เสียงอูยองเพื่อนสนิทผมถามขึ้นเมื่อเห็นผมแบกแบกอะไรบางอย่างเข้าห้องมา
“กระจกไงด้งสวยมากเลยอ่ะใครไม่รู้เอามาทิ้งไว้หน้าบ้านเลยแบกเอามาใช้ของฟรีหุๆ”
“เห้ย..ถ้ามันเป็นกระจกต้องคำสาปอ่ะจะว่าไง”
“บ้าแระด้งแกอ่านนิยายมากไปแระนะเรื่องบ้าๆอย่างงั้นไม่มีจริงหรอก” นิชคุณไม่ฟังเสียงทัดทานของเพื่อนแบกกระจกบานใหญ่เข้าไปตั้งไว้ในห้องนอนตนทันที
กระจกบานใหญ่ที่พอดีส่องได้เท่าตัวคนกรอบไม้แกะสลักวาดเป็นรูปเถาวัลย์โบราณแต่งแต้มสีสรรไว่สวยงามด้านบนสุดราวกับเขียนตัวอักษรอะไรสักอย่างไว้หากแต่ด้วยกาลเวลาที่ผ่านพ้นทำให้เห็นรางๆเพียงตัวTเท่านั้น
ร่างบางยืนยิ้มภาคภูมิใจกะของฟรีสวยๆอย่างอดไม่ได้แหมต้องเข้าใจเด็กที่ชิงทุนมาเรียนถึงเกาหลีอย่างผมหน่อยสิอะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัดและของฟรีมีที่ไหนผมก็จะไปเอาถึงที่นั่นหุๆ
“แหมเรานี่ก็หล่อเหมือนกันนะเนี่ย” ร่างบางยืนส่องใบหน้าตัวเองก่อนจะเอ่ยชมออกมาไม่ได้
“เฮ้ย!....ใครนะ” จู่ๆร่างบางก็ต้องอุทานออกมาไม่ได้เมื่อเหลือบไปเห็นเงาใครบางคนในกระจกหากแต่เมื่อหันไปมองข้างหลังตัวเองแล้วก็ไม่พบใคร.......งานเข้า
คงไม่มีไรหรอกน่าวันนี้เราพิมพ์งานเยอะไปหน่อยตาคงล้า
“ฉันไปแล้วนะคุนอย่าลืมล๊อคประตูบ้านละ” อูยองเอ่ยลานิชคุนก่อนจะเดินออกไปขณะนี้จึงเหลือแต่ร่างบางกับภาพสะท้อนห้องที่ว่างเปล่า..........
“นายไม่เหงาบ้างหรอคุนหน้าตาอย่างนายหาแฟนง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปากซะอีกนะ” คำถามที่ครั้งนึงอูยองเคยเฝ้าถามร่างบาง
หากแต่นิชคุนก็ได้แต่ยิ้มบางๆ
ไม่ใช่ว่าไม่มีคนมาจีบหากแต่มีมากจนเขาระอา
ไม่ใช่ว่าไม่อยากมีแฟน.....
หากแต่ลางเลือนอยู่เสมอราวกับมีคนคอยเขาอยู่นะที่ใดที่นึง
“นิชคุน......คุน.....ผมคอยคุณอยู่นะ...”
เสียงทุ้มนุ่มแว่วเบาๆหากแต่ร่างบางกลับตกเข้าสู่ภวังค์ไปซะแล้ว
ที่ไหนเนี่ย.........
ยังกะตำหนักวังเกาหลีโบราณ......สวยจังแหะวังสีสดที่ตั้งอยู่ท่านมกลางหุบเขาต้นไม้น้อยใหญ่ที่กำลังผลัดใบยิ่งทำให้ที่นี่ดูสวยเข้าไปใหญ่......แล้วตกลงนี่ผมอยู่ที่ไหนเนี่ย
“เจ้าใช่ผู้ที่จะมาสมัครเป็นช่างเขียนส่วนพระองค์ขององค์ชายรองใช่รึไม่” จู่ๆชายวัยกลางคนในชุดน่าจะเป็นเกาหลีโบราณเอ่ยถามผมขึ้น.........ใครวะเนี่ยแล้วทำไมใช่ภาษาเกาหลีซะโบราณเลยอะไม่สงสารเด็กไทยภาษาไม่แข็งแรงอย่างผมบ้างเลยอะ.....ตกลงเขาพูดว่าไรบ้างอะเนี่ย....พยักหน้าไปก่อนดีมะ....
หงึกๆ
“ดีงั้นตามข้ามาจะเริ่มคัดเลือกในอีกไม่กี่เวลาข้างหน้านี้แล้ว” ผมก็เดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย.....จนมาถึงลานกว้างที่มีคนในชุดเกาหลีโบราณนั่งสลอนกันเต็มไปหมด
ตกลงผมอยู่ไหนอะเนี่ยโรงถ่ายหนังย้อนยุคอะเปล่า....อยากเจอแดจังกึมจังเลยอ่ะ....จามองละจะอยู่มั้ยเนี่ย..........
“เอ้ามั่วแต่ชะเง้ออยู่นั่นแหละประจำที่ของเจ้าสิประเดี๋ยวองค์ชายจะเสด็จมาทอดพระเนตรแล้วกำหนดโจทย์แล้ว” คนๆนั้นพูดปะมานว่าให้ผมนั่งแล้วอะไรสักอย่างผมเลยต้องนั่งลงตรงหน้ากระดาษขาวแผ่นใหญ่ที่มีถาดสีมากมายอยู่ข้างๆ
สักพักสุดสายตาของผมเห็นเหมือนขบวนอะไรสักอย่างเดินมาก่อนจะนั่งอยู่ตรงบัลลังค์ลิบๆนั่น........ว่าแต่นี่งานอะไรเนี่ยสงสัยจะงานแข่งวาดรูป....ทำไมคนเยอะอย่างงี้เนี่ย
“องค์ชายได้ประกาศโจทย์ในการวาดออกมาแล้วคือ ความรัก ให้พวกเจ้าถ่ายถอดมันออกมาบนผืนกระดาษอย่างสุดความสามารถเริ่มได้” เสียงประกาศที่ผมจับความได้ว่าให้วาดอะไรเกี่ยวกับความรักละมั้ง......โชคดีนะเนี่ยที่ผมลงเอกวาดรูปไว้หุๆงานนี้หมูๆว่าแต่ความรักงั้นหรอวาดอะไรดีละเรา........
มือเรียวจับพู่กันอย่างเบามือก่อนจะแตะปลายลงตามถาดสีสดต่างๆแล้วค่อยๆจรดลงบนผืนกระดาษอย่างเบามือรอยยิ้มระบายบนใบหน้าหวานบ่งบอกถึงความสุขจากจินตนาการที่ร่างบางค่อยๆถ่ายถอดลงไปบนกระดาษขาว
“หมดเวลาวางพู่กันได้” สิ้นเสียงประกาศมือเรียวก็จรดปลายพู่กันเสร็จเรียบร้อยพอดีก่อนจะระบายยิ้มออกมาอย่างพอใจกับภาพวาดตรงหน้า
สักพักดูเหมือนว่าองค์ชายอะไรนั่นจะเริ่มเดินตรวจภาพของแต่ละคนอีกนานมั้ยเนี่ยเขาอยู่เกือบคนสุดท้ายเลยนะเนี่ยมาเร็วๆหน่อยสิ
เออใช่....ลืมไปเลยเราดันเผลอเคลิ้มไปกับการวาดรูปจนลืมงงเลยว่าตกลงเรามาอยู่นี่ได้ไง...
ร่างบางก้มหน้าคิดไปคิดมาสักพักก็เห็นรองเท้าใหญ่เดินมาหยุดกึกลงตรงหน้าเขา...สงสัยอีตาองค์ชายนั่นแน่ๆ
“ภาพนี้..........” เสียงทุ้มน่าฟังดังขึ้นเหนือหัวของร่างบางหากแต่เขาก็ยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้ไปมอง
“องค์ชายทรงพอพระทัยหรือพระเจ้าค่ะ” ชายวัยกลางคนถามขึ้นเมือ่ได้รับคำตอบเป็การพยักหน้าเบาจากอีฝ่ายจึงหันมาสั่งร่างบางที่ยังนั่งก้มหน้าอยู่กับพื้น
“เจ้าเงยหน้าขึ้นมาแล้วจงอธิบายถึงภาพที่เจ้าวาด”
ใบหน้าหวานค่อยๆเหลือบขึ้นไปมองอย่างหวาดๆแล้วก็พบกับดวงหน้าเข้มที่มองมาที่ตนอยู่ก่อนแล้วสองสายตาสบกันอยู่นาน.......คุ้นเคย.....ความรู้สึกที่เขาโหยหามาตลอด.....ดวงตาเข้มที่ดูกร้าวหากแต่กลับฉายแววอ่อนโยนจมูกเป็นสันรับกับริมฝีปากที่ยกยิ้มอย่างพอใจ....
“เจ้าอธิบายเร็วเข้า”
“อะ...เอ่อภาพที่ผมวาดคือภาพทุ่งดอกหญ้าที่กำลังพลิ้วไหวตาสายสายลมครับ” ร่างบางเอ่ยออกไปหากแต่สายตาก็ยังไม่ละออกจากคนตรงหน้า
“มันเกี่ยวกับความรักอย่างไร” เสียงนุ่มถามขึ้นก่อนจะยกยิ้มเมือ่เห็นร่างบางตรงหน้าดูลนลาน
“ก็...สายลมที่พัดผ่านก็คล้ายอุปสรรคที่เราต้องเจอหากไม่พลิ้วไหวโอนอ่อนผ่อนตามก็จะหักลงเหมือนกับความรักที่จบสิ้นและดอกหญ้าสีขาวบริสุทธิ์หากจับแรงไปก็จะหลุดลอยหากจับเบาไปก็ไม่ได้ติดมือเปรียบกับความรักที่ต้องมีความพอดีไม่มากไปไม่น้อยไป...ครับ” อูยเราพล่ามอะไรไปเนี่ย....แล้วทำไมองค์ชายอะไรเนี่ยจ้องเราซะเขม็งเชียวอ่ะ.....กลัวนะเนี่ย...ที่ไหนก็ไม่รู้....คนพวกนี้ใครก็ไม่รู้...แง
“คนนี้แหละราชครู” องค์ชายหันไปสั่งชายข้างก่อนจะก้มลงมายิ้มให้ผม
“เจ้าชื่ออะไร”
“อะ....นิชคุณครับ” อย่าเข้ามาใกล้สิ....แกรู้ตัวบ้างมั้ยว่าแกหล่อนะห๊า....คนหน้าตาดีก็เขินเป็นนะ
“เราแทคยอนนะคุน” ว่าจบองค์ชายก็ส่งยิ้มละลายใจมาอีกรอบก่อนจะเดินนำขบวนจากไปทิ้งให้ผมเมากับรอยยิ้มนั่นอยู่คนเดียว
สักพักผมก็ถูกพามาที่ห้องๆนึงที่เต็มไปด้วยภาพเขียนโบราณต่างๆ
“เจ้าถูกส่งย้อนอดีตมาเพื่อหาอะไรบางอย่างที่เจ้าคอยมาทั้งชีวิตไม่ต้องกลัวไปจงทำตามที่ความรู้สึกเจ้าบอก”
เสียงใครบางคนที่ฟังดูอบอุ่นดังขึ้นกังวาล.......ย้อมอดีตหรอว๊ะ....เป็นไปได้จิงดิ.......แต่เชื่อก็ได้นะ...ผมว่านอนสอนง่ายอยู่แล้วละ
เรื่องนี่พร่ำพ้ออีกเเล้วกรุ-*-
ชวนให้คนอ่านงงตลอด
ปริศนาจะคล่อยๆคลายเมื่อคุณติดตามเรื่องีน้ต่อไปเรื่อยๆ55+
PS.ร้ากกกกรีดเดอร์
ความคิดเห็น