ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 ชีวิตใหม่ (เนื้อเรื่องเปลี๊ยนไป)
บทที่ 1 ชีวิตใหม่
           
          เเซนตื่นขึ้นในห้องที่ดูเหมือน --- ห้องพยาบาลของที่ไหนสักเเห่ง  ทั้งห้องเป็นสีขาวสะอาด  มีตัวอักษร  M.Y.  บนที่ต่างๆ  ทั้งผ้าปู
เตียง หมอน และที่อื่นๆ
            เเซนรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ที่หลังแล้วเธอก็ต้องตกใจอย่างมาก เพราะผมดำมันขลับยาวประบ่าของเธอ บัดนี้กลายเป็นผมทอง
ยาวถึงกลางหลังไปเสียแล้ว
          “อ้าวตื่นเเล้วหรือหนู” หญิงวัยกลางคนหน้าตาดีเเต่ดูอิดโรยเดินเข้ามาพลางบ่น ”เปิดเทอมทีไรมีเด็กปีหนึ่งสลบหลายคนทุกทีเลย เล่น
เอาชั้นละเหนื่อยเเทบเเย่”
            “เปิดเทอมเหรอคะ  งั้นก็เเสดงว่า”
            “ใช่เเล้ว ถูกต้องเเล้วละ ยินดีต้อนรับสู่โรงเรียนใหม่ของเธอ ครูชื่อโดโรที  ทับบ็อต เป็นครูประจำห้องพยาบาล ”
           
            “เอ่อ- สวัด-ดิ ดี-ค่ะ”   
            “นอนก่อนนะจ๊ะ  พรุ่งนี้จะมีคนมารับเธอไปชมโรงเรียน”  ครูโดโรทีพูดแล้วเดินออกจากห้องไป
              ‘โรงเรียน !’ แซนคิด ‘เฮ้อ ง่วงจัง’ แล้วเธอก็ผล่อยหลับไป
            ..
            ..
    เมื่อแซนตื่นขึ้นมาในตอนเช้า  มีแสงสว่างส่องเข้ามาทางหน้าต่าง  นี่เองที่ปลุกให้เธอตื่น  ในตอนเช้า ก็แสงมันแยงตานี่นา เธอลุก
ขึ้นนั่งทำให้สามารถมองเห็นห้องได้ชัดขึ้น
            มีเสียงหนึ่งดังมาจากทางซ้ายมือของแซน
         
          “สวัสดีฉันชื่อเมย์”
          แซนหันไปมองเจ้าของเสียง เด็กหญิงผมและตาสีรัตติกาลส่งยิ้มมาให้เธอจากประตู
            ’สวยแบบสง่างามน่าเกรงขาม แต่น่ากลัวแฮะ’
            เด็กหญิงอีกคนที่ยืนอยู่ติดกับเมย์ฉีกยิ้มให้เธอแล้วกล่าว
           
            “สวัสดี  ชั้นชื่อ แนน”
            “สวัสดีจ๊ะ  ฉันชื่อแซน”
            ’อืม... ผมน้ำตาลแดง ตาสีแดงสด สวยจัง เราว่าเราไม่เคยเจอใครตาสีนี้มาก่อนนา แต่ทำไมรู้สึกว่าสองคนนี้หน้าตาคุ้นๆจัง’ 
              แซนหันไปพินิจดูหน้าเมย์กับแนนใหม่ พร้อมๆกับที่ทั้งคู่หันมามองแซน
           
            “เฮ้ย!” ทั้งหมดร้องพร้อมกัน   
...............................................................................................................................................
............................................................................................................................................
        เด็กหญิงคนหนึ่งอายุ5-6ขวบ เดินเตาะแตะเข้ามาในบริเวณของบ้านหลังใหญ่ ลอดพุ่มไม้บางๆ  มันเป็นทางไปสู่สวนแห่งหนึ่ง 
    เด็กน้อยเอามือลูบจี้ใบไม้ที่สร้อยคอด้วยความเคยชิน  ทุ่งหญ้ากว้างไกล นักในสายตาเด็กน้อย    เธอเดินไป หมวกปีกกว้าง ผ้าเช็ดหน้าสีชมพู เข็มขัดสีดำ กางเกง สีน้ำตาล เธอแต่งตัวเป็นคาวบอย ผิวสีแทน สีดำยาวถึงประบ่า ถูกมัดสองจุก ดูน่ารัก แต่ดวงตาสีม่วงคู่นั้นดูเศร้าหมอง  เด็กน้อยนั่งบนก้อนหินตรงที่โล่งกลางทุ่ง ไม่นานนัก เธอก็ได้ยินเสียงหนึ่ง “พี่มาส่งแต่นี้นะ “ค่ะพี่ “ น้ำเสียงเศร้า ๆตอบกลับไป
    หญ้าแหวกออก เด็กหญิงคนหนึ่ง เดินออกมา ที่คาดผมสีแดง มีดอกไม้สีชมพู ตุ้มหูรูปดอกไม้ ผมยาวสีน้ำตาล ตาสีดำ ผิวขาว  กระโปรงยาวสีน้ำเงิน สร้อยคอมีรูปจี้หยดน้ำสีฟ้า รอบดวงตาสีน้ำตาลแดงก่ำ แอนกำลังร้องไห้ “ ไฮแซน” น้ำเสียงเศร้า ๆ ดังมาจากด้านหลังของเด็กตาสีน้ำม่วง เด็กผู้หญิงผมแดง ตาสีฟ้า ใส่เสื้อไม่มีแขน สีเหลือง หมวกcap สีชมพู กระโปรงพริ้วสีดำ สร้อยคอมีจี้ สีดำ รูปปริซึมสี่เหลี่ยม เธอคือเมย์ “ ไม่นานพวกเราก็ต้องแยกจากกันแล้วสินะ”
    เวลาผ่านไปโดยไม่มีใครพูดอะไรพักใหญ่ ทุ่งเงียบมาก แอนเริ่มร้องไห้ เมย์และแซนนั่งกันเงียบๆ เด็กคนที่ 4 เดินมา แนนเป็นคนชอบแต่งตัว ดวงตาสีเขียวผมสีน้ำตาลสร้อยคอและจี้รูปลูกไฟสีแดง เมื่อเด็กคนที่สี่นั่งบนหิน “โอะ  โอ “ คาวเกิร์ลกล่าวพลางดูนาฬิกาข้อมือ (แบบบอกตัวเลขดิจิตอล ถ้าแบบเข็มเธอดูไม่เป็นเลย) “ถึงเวลาแล้วเหรอ “ นางแบบผู้สดใสว่า “สัญญานะว่าเราทุกคนจะไม่ลืมกัน “ “เราจะไม่ลืมกันตลอดไป” ทุกคนกล่าวพร้อมกัน “แล้วต้องพบกันอีก” คาวเกิร์ลว่า “ให้ได้” คุณหนูแห่งรัตติกาลต่อ
.
    ที่ถนนเด็กสี่คนยืนอยู่หน้ารถเก๋งสีแดง”อ้าวเด็กๆ มาส่งกันเหรอครับ คงคิดถึงกันสินะ น้องย้ายบ้านกันทุกคนในเวลาไล่เลี่ยกันเนี่ย” พ่อของแนนว่าพลางใส่กระเป๋าใบใหญ่ลงในช่องใส่ของท้ายรถ “แต่มาเงียบๆ จังเลยนะไม่ได้ยินเสียงหรือเห็นตอนเดินเลย แต่...เอาละ ออกเดินทางกันได้แล้ว” ว่าแล้วก็ขึ้นรถ แม่ของแนนเดินมาปิดประตูบ้าน ประตูรั้ว แล้วขึ้นรถ แนนขึ้นรถตามไป รถเริ่มเคลื่อนที่ เด็กน้อยหันมาโบกมือกับเพื่อนๆ ทั้งสาม ที่โบกมือตอบ จนรถลับตาจึงแยกย้ายกันกลับบ้านของตนเอง ไปเตรียมตัวย้ายบ้านบ้าง เพราะแซนจะย้ายไปอยู่บ้านป้าพรุ่งนี้ เมย์ก็จะย้ายจากคฤหาสถ์แถวนั้นไปอยู่บ้านหรูในเมืองเช่นกัน คงเหลือแต่แอนเท่านั้นที่ไม่ย้ายบ้าน
                       
               
    เด็กน้อยผมสีดำ ตาสีน้ำตาล ตื่นแต่เช้า อาบน้ำแล้ว ตอนนี้กำลังนั่งบนก่อนหินตรงที่โล่งกลางทุ่ง เธอมาอำลาที่นี่ ที่ๆ เมื่อปีก่อนวันนี้ เพื่อนรักทั้งสี่คนพบกันครั้งแรก นิ้วมือเด็กน้อยลูบจี้ใบไม้เบาๆ เช้านี้สดใสสำหรับบางคนแต่ไม่ใช่สำหรับเธอ
    วันนี้แซน แต่งชุดกระโปรงติดกันสีฟ้า ยาวกรอมเท้า ผมสีดำปล่อยยาว ประบ่า ถึงกลางหลัง ภาพพวกเธอและเพื่อนๆ วิ่งไล่จับกับอย่างมีความสุข ภาพเล่นซ่อนหา กับภาพวันคืนที่มีความสุข ต่างว่ายวนอยู่ในห้วงคิดของ แซน  “มาเร็วจังเลยนะ” น้ำเสียงเย้ยหยันดังมาจากปากของเมย์ “แต่ยังไงเราก็ต้องจากกันอยู่ดีใช่ไหม” เป็นครั้งแรกที่แซน เห็นเธอร้องไห้  นับตั้งแต่รู้จักกันมา “ ถึงเวลาที่ฉันจะต้องไปแล้ว “ แซนว่าแล้วตัดใจเดินจากไป  ตั้งแต่นั้นมาแซนก็ไม่ใด้พบเพื่อนรักของเธออีกเลย  ถึงจะยังได้คุยโทรศัพท์และติดต่อกันบ้างก้เถอะ แต่ถึงแซนจะได้เรียนโรงเรียนเดียวกับลิซ มันก็ยังไม่พร้อมหน้ากันอยุ่ดี
แต่ว่าตอนนี้สองคนนั่นอยู่ตรงหน้าเธอแล้วนี่นา เย้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
    “งั้นเราไปเจอกับท่านประธานชั้นปี เลยดีมั้ย “ เมย์เสนอความเห็ฯ “จริงสิ  แซนเธอยังไม่ได้พ่บแอนกับเอ็มเลย” แนนนึกขึ้นได้ “ใครเหรอ “ แซนถาม “ก็คุณหนูเรียบร้อยไง เธอเป็นรองประธาน พี่ชายฝาแฝดของเธอเป็นประธาน “ แนนตอบ “แอนด้วยเหรอ เอ แต่ฉันไม่ควรจะแปลกใจสิแอนนี่เนอะ แต่พี่ชายของเธอ อืม..........แต่ก็ฝาแฝดนี่เนอะ
..
              “ เราไปที่รถกันเร็วเถอะ ป่านนี้แอนคงรอเราแย่แล้ว “  แนนว่า  “รออะไรกันจ๊ะ” รอพวกเรานะสิแซน พวกชั้นนัดเอาไว้ที่ร้านมาดามบลู เพราะจะมีเด็กใหม่มา” “พวกเธอรู้เหรอว่าเป็นชั้น”
“ไม่หรอกจ๊ะเราแค่รู้ว่ามีเด็กใหม่จากอาจารย์ใหญ่นะ” เมย์ตอบแทน “ไปกันได้แล้วน่า” แนนขัดขึ้น “จ๋า จ๊ะ” เมย์กับแซนว่าพร้อมกัน
    “งั้นตามฉันมา “ แล้วแนนก็พาพวกเขาเดินไปตามทางเดินยาวออกไปจากห้องแต่งตัว เลี้ยวขวาไปที่สนามโล่ง ที่นั้นมีรถที่คล้ายรถบัสคันโตๆ แต่ไม่มีล้อหลายคันจอดอยู่ “เราจะไปที่คันไหนนี้กัน” แนนกล่าวพลางชี้ไปที่รถคันสีน้ำตาลหนึ่งในสิบคัน “ สีน้ำตาลจะพาเราไปย่านร้านค้าจ๊ะ” เมย์อธิบาย “เร็วน่า” ไปกันได้แล้ว” แนนเร่ง แล้วก้าวขึ้นรถ เมย์และแซน ก้าวตามไปติดๆ  รถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วแต่นุ่มนวล นั่งสบาย ทันทีที่พวกเขานั่งลงบนเบาะนุ่มๆ สีน้ำตาลในแถวที่ 2 แซนมองไปรอบๆ “รถคันนี้มีที่นั่ง 10 แถว แบ่งเป็น 2 ฝั่ง ฝั้งหนึ่งมี 3 ที่นั่ง จ๊ะแซน “ แนน บรรยาย  “เอาหละถึงแล้ว “ โหเร็วจัง 1 นาทีเอง “ จ๊ะ เรามาจากตรงนั้นกันไง แนนชี้ไปที่สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่รูปตัว Y ที่รอบๆ มีตึกรูปU คว่ำล้อมรอบตึก อยู่ 7ตึก สิ่งก่อสร้างเหล่านั้นดูเก่าแก่มีมนต์ขลังแต่แข็งแรงและทันสมัย “15 กิโลเมตรจากที่นั่นมาถึงนี่ใน 1 นาที “ แนนบอก “ เฮ้ ! ฟังกันบ้างสิ” แนนสะกิด แซน “ เมย์ ...เขาเป็นอย่างนี้บ่อยเหรอ” แซนถามขึ้นมาเบา ๆ พลางหันหน้าจากเมย์ที่ดูเหม่อลอยตั้งแต่ขึ้นรถแล้ว มาทางแนนที่จ้อไม่หยุด “อืม” แนนพยักหน้า”เมย์ยังเป็นแบบนี้ไม่เปลี่ยนเลยนะ” “แซน เมย์ ไปกันได้แล้ว เร็ว ๆ” แนน ดึงทั้งคู่ให้เดินไปข้างหน้า ซึ่งมีตึกรูปตัว T ขนาดใหญ่ อยู่ เมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็พบประตูแก้วสีฟ้า เมื่อเข้าไปใกล้ในระยะอีก 5 ก้าวจะชน ประตูแก้วก็สลายหายไป เมื่อพวกเขาก้าวเข้าไปประตูก็กลับเข้ามา แซนมองพินิจสิงที่อยู่หลังประตูแก้ว ภาพข้างหน้าเธอคือลานรูปวงกลม มีแก้วคล้ายแคปซูล สีน้ำเงินใสเรียงรายตามผนังสีเงิน บนเพดานสูงสีเทาก็มีลวดลายแปลกๆ เป็นภาพคนมีปีกนก ดูงดงามเข็มแข็งอ่อนโยนและสง่างามในชุดสีขาว อยู่ในสงครามเคียงข้างมนุษย์ธรรมดา พวกนั้นกำลังต่อสู้กับสิ่งที่คล้ายมนุษย์ มีปีกแบบค้างคาวดูสง่างาม ทรงพลัง และน่ากลัวน่าเกรงขาม ที่ตรงกลางของเพดาน มีวงกลมสีทองและภาพคนที่เลือนลางอยู่ 6 คน ทั้งหมดหันเท้าเข้าไปที่จุดศูนย์กลางของตึก แซนคิดว่าน่าจะมีผู้หญิงในภาพอยู่ 4 คน อีก 3 คน น่าจะเป็นภาพของผู้ชาย “แซน ๆๆ เฮ้ เหม่อ อะไร” แนนว่า แล้วจับไหล่แซนเขย่าเบาๆ ส่วนเมย์ก็กำลังปัดมือเฉียดๆตาแซน ทำเอา แซนสะดุ้ง “เปล่าเหม่อนะ แค่มองสิ่งรอบตัว เท่านั้นเอง “โอ๊ย “ แซนกับเมย์ ร้องพร้อมกันเพราะ แนนจัดการลากทั้งคู่ ไปหน้าไอ้พวกแคปซูลแก้วที่เรียงรายกันอยู่  แล้วเริ่มบรรยายต่อ “ตึกนี้ถือว่าเป็นศูนย์รวมความบันเทิงของเมืองเรา มี 9789 ชั้น ถือว่าเป็นศูนย์รวมความบันเทิงของเมืองเรา ”
“ ว้าว! แล้วเราจะขึ้นไปได้ยังไงล่ะแนน  บันไดเลื่อนก็ไม่เห็น ถึงมีกว่าจะถึงคงปางตาย  บันไดธรรมดาไม่เอานะ ตั้งเก้าพันกว่าชั้น  ลิฟเท่านั้นแล้วแหละ ” แซนพักหายใจก่อนถาม “  ไอเครื่องนั้นใช่มะ ”
“ ใช่จะ  แต่อย่าขัดชั้นสิ  นั่นน่ะเครื่องวาป เทคโนโลยีแสนจะภูมิใจของโรงเรียนนี้ล่ะ อันที่จริงมันพาเราไปบางส่วนของตึกอื่นได้ด้วยซ้ำ ”
แนนทำหน้าไม่สบอารมณ์แต่ปากก็ยังคงพูดต่อเรื่อยๆ ทำนองว่ามีอะไรในตึกบ้าง  จนแม้แต่เมย์ก็เริ่มทำหน้าเหมือนอยากจะฆ่าใครบางคน  แต่คนที่อยู่ในโหมดจ้อก็ยังคงไม่รู้สึก  ร้อนถึง เอ่อ.. เย็นถึงแซนซึ่งยืนหลับไปนานแล้วแต่สะดุ้งตื่นขึ้นเพราะไอความเย็นที่แผ่มาจากคนที่กำลังจะเดือดต้องสะกิดปลุกอย่างงัวเงีย 
“ เอ่อ... แนน ”
“ อะไร ”  คนตาสีเพลิงหันมามองอย่างเอาเรื่อง หน้าก็หมุ่ยขึ้นไปอีกที่โดนขัดจังหวะตอนพูดเพลินๆเป็นครั้งที่สอง
“ แอน... ”  คนพึ่งตื่นจากนอนกลางวันยังพยายามเรียบเรียงคำพูดได้แค่นั้น  แต่ก็มากพอที่จะทำให้แนนตาลีตาเหลือกได้
สั้นๆแต่ได้ใจความดีแท้--แอน--กับที่ละไว้ในฐานเข้าใจอีกนิดหน่อย--คุณหนูเจ้าระเบียบผู้ตรงเวลาเสมอ--แถมด้วยพรแสวงอีกเล็กน้อย กับพรสวรรค์ในการทำโทษคนมาสายอีกมากโข
แนนคิดคำนวณสมการทางชะตากรรมในอนาคตอย่างรวดเร็วที่สุด
แอน + ความตรงเวลา + เวลาที่พวกเธอสาย = แอนต้องรอนานแล้ว
เมื่อสมการแรกได้คำตอบ แนนก็เริ่มคิดสมการต่อไปทันที
แอนที่รอนานแล้ว และเริ่มอารมณ์ไม่ดี + พรสวรรค์และพรแสวงของแอน
สมองน้อยๆของเธอคิดคำตอบออกมาได้ในเกือบจะทันที  เกือบจะไม่ต้องเสียเวลาคิดอะไรให้เหนื่อยด้วยซ้ำ ก็มันเห็นๆกันอยู่แล้วนี่ว่า
งานนี้ซวยหนัก
ชัดเจนและแน่นอนยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น
จบสิ้นกันชีวิตนี้
...
\\(T-T)/
.......
   
แซนลองอังจมูกของแนนดู  โดยมีเมย์ดูต้นทาง เอ๊ย กำกับดูแลอยู่ไม่ห่าง  จู่ๆแนนก็ตาเหลือกชะงักค้าง  แซนเลยต้องมาดูอาการให้
    “เป็นไงมั่ง”
เสียงหนึ่งดังขึ้นทำลายความเงียบ
“ช็อก”
เสียงที่สองตอบสั้นๆ
“หือ”
เสียงแรกดังขึ้นอีกอย่างต้องการคำอธิบายเพิ่ม
“ตัวยังอุ่นๆ คงจะเสียชีวิตมาไม่เกินครึ่งชั่วโมง ดีนะที่พบศพเร็วไม่งั้น...”
แต่ไม่งั้นอะไรไม่มีใครได้รู้ เพราะเสียงที่สามดังตวาดขึ้นมาเสียก่อน
“นี่ จะพูดถึงคนคนอื่นให้มันดีกว่านี้ไม่ได้รึไง พบส่ง พบศพอะไรกันเล่า”แนนขึ้นเสียง แหม แค่ช็อกไปแป็ปเดียวเอง มันเอาไปเล่นเป็นตุเป็นตะทำเป็นชันสูตรพลิกศพไปได้ เชื่อเล้ย 
“แค่ชั้นตกใจทำยังกะชั้นนอนม่องเท่งอยู่ข้างถนน  เผื่อจะไม่รู้นี่คนเป็นๆนะ ไม่ใช่ศพ”แนนตวาดแล้วพึมพำ “คนยังไม่ซีเบ๊งนะเฟ้ย”
“อ้าว งั้นเหรอจ๊ะ หลงนึกว่าใช่ซะอีก^^”เสียงตอบอย่างไม่สำนึกผิดดังมาจากแซน--คนที่เพิ่งประกาศไปว่าแนน ‘คงจะเสียชีวิตมาไม่เกินครึ่งชั่วโมง’
.............................................................................................................................................................
(-^o^-)
.............................................................................................................................................................
    “เอาล่ะนะ”
    ลิซแนะนำโรงเรียนต่อด้วยซุ่มเสียงที่ไม่ค่อยสบายใจนัก
    “เราคงต้องรีบกันหน่อยแล้ว”
    “ที่ชั้นสงสัยนะ...” แซนเกริ่น “ก็คือเราจะใช้มันยังไงล่ะลิซ”
    ลิซ่ายังคงมีท่าทีกังวลอยู่ “อ๋อ เอ่อ เอ้อ คือ... อ๋อใช่แล้ว ใช่ๆ” เธอสะดุ้งเมื่อได้ยินแซนเรียก แล้วในที่สุดก็กลับมาบรรยายต่อได้ “มันจะพาเราไปสู่จุดหมายด้วยความเร็วแสง เธอแค่เข้าไปในนั้น...” เธอชี้ไปที่แคปซูลสีน้ำเงินอ่อน “แล้วสั่งการด้วยเสียง ที่ผนังจะมีรายชื่อสถานที่ให้เลือกอยู่แล้ว” ลิซ่าพูดเร็วปรื๋อจนแซนกังวลว่าเธอจะขาดอากาศหายใจ
    “แต่ว่าลิซ มันไม่มีประตูนะ” แซนเอ่ยด้วยความสงสัย
    “โถ่!!! ยัยโง่เอ๊ย ก็เดินทะลุมันซะเลยสิ” ลิซ่าตอบพลางเขกหัวแซน “บื่อจริงๆ”
    “โถ...ไอ้ฉลาด คิดว่าฉันจะเชื่อว่าแกรู้ได้เองว่าต้องทำไงเหรอ”แซนตอบกลับอย่างมีอารมณ์เพราะสมองกระทบกระเทือน
    “เออ”ลิซว่า ก่อนจะนิ่งไป จะว่าไปถ้าแซนฉลาดจริงก็ควรจะคิดแบบที่คิดอยู่นั่นแหละ เพราะความจริงเธอก็เคยโดนแอนว่าคล้ายๆอย่างนี้แหละตอนถามคุณหนูนั่นเรื่องประตูแบบนี้
    “ถ้าสายกว่านี้โนสวดยับแน่ ไปเร็ว”
    “เธอก็เลิกพล่ามซักทีซิ”
    “แล้วไม่งั้นเธอจะรู้วิธีไปได้ไงกันเล่า”
    แล้วสิบนาทีต่อมา ทั้งคู่ก็ยังอยู่ที่เดิมน่ะแหละ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น