คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ขอบคุณ
►3◄
✎ ขอบคุณ
“เขาวีนอะไรใส่นายอีกหรือเปล่า?”
อีฮยอกแจลากม็อบถูพื้นส่ายไปมาข้างๆโต๊ะที่ทงเฮกำลังเช็ดคล้ายเอามาอ้างว่าก็กำลังทำงานอยู่ไม่ได้อู้มาเม้ากับเพื่อนร่วมงานหน้าหวานนะ
“ไม่นี่ครับ”
พูดยังไม่พูดสักคำ...
“หยิ่งล่ะสิ คงนั่งเชิดหน้าชี้นิ้วสั่งวางท่าเป็นคุณหนู”
ปากแดงยื่นออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ มือออกแรงขัดพื้นระบายความอัดอั้นตันใจ แลดูเอาการเอางานมากๆ
ก็มันกวนนี่หว่า ขนาดตอนเขาเอาออเดอร์ไปเสริฟยังนั่งจุ๊ยไม่รับรู้การมาการไปของเขาเลย
อีฮยอกแจเคือง!
“ฉันกับแทยอนแล้วก็เฮียทึกอุตส่าห์ประท้วงคุณคิม ไม่มีเหตุผลเลยนะที่จะมาอาละวาดกับนายแบบนั้น นายไม่ผิดสักหน่อย”
ขยับเข้าไปใกล้ร่างเล็กอีกนิด ตระหนักดีว่าประโยคที่จะพูดต่อไปเสี่ยงกับการหัวหลุดจากบ่าแค่ไหน
“เด็กคุณคิมแน่ๆ โอ๋กันโอเวอร์ขนาดนี้”
เป็นที่รู้ๆกันว่าคิมฮีชอลมีรสนิยมด้านความรักผิดแผกแตกต่างจากคนทั่วไป ด้วยเจ้าตัวไม่คิดจะปิดบังแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทางเปิดเผยจนน่าเกลียด บ่อยครั้งที่ซีซันคาเฟทีเรียมีโอกาสต้อนรับและไม่ต้อนรับเซเลบริตี้หนุ่มเงินหนาที่ตามมาพะเน้าพะนอเอาใจเจ้าของร้านคนสวย แต่ก็ไม่ปรากฏว่าฮีชอลจะลดตัวไปตามงอนง้อใคร ดังนั้นกรณีที่เม้งใส่พนักงานในร้านเพราะผู้ชายคนหนึ่งนี่จึงน่าคิดไปในทางนั้นได้ไม่น้อย
“ไม่รู้สิ”
อีทงเฮยังเป็นเทวดาน้อยๆที่แสนดีและน่ารักของคนอื่นเสมอ ถึงจะช่างพูดช่างคุยแต่ก็ไม่เคยนินทาว่าร้ายใครให้ได้ยินสักที เว้นแต่แซวเล่นๆชวนหัวเราะเพียงแค่นั้น
“นั่นสินะ ทงเฮจะโกรธเกลียดใครเป็นล่ะ แต่ถ้าเจ้านั่นไม่ดีกับนาย รีบบอกฉันนะ”
“อื้อ ขอบคุณครับ”
บอกนายแล้วนายจะไปประท้วงให้โดนฤทธิ์คุณคิมอีกน่ะเหรอ อีฮยอกแจ
“วันนี้อารมณ์ดีจังนะ แทยอน”
ดวงตากลมดูซื่อๆของฮยอกแจหรี่ลงจนเฉี่ยวคมเมื่อเห็นเพื่อนร่วมงานตัวเล็กเดินผ่าน
แทยอนโปรยยิ้มกว้างตอบกลับ ริมฝีปากจิ้มลิ้มยังไม่หยุดฮัมเพลงเสียงหวาน ท่วงทำนองที่เริงระบำไปกับบรรยากาศร่มรื่นเย็นสบายของร้านคาเฟทีเรียมาตลอดทั้งวัน
“จะมีแกรนด์คอนเสิร์ตของคุณคิมเซบิน นานๆเธอถึงจะกลับมาแสดงบ้านเกิดสักที โชคดีจังที่ฉันมีโอกาสได้ดู”
“เธอเรียนมหาลัยดนตรีนี่นะ น่าสนุกดี ฉันไปด้วยนะจะเลี้ยงบัตรคอนเสิร์ตเธอเลยก็ได้”
คนชวนล้วงกระเป๋าโพสท์ท่าเท่ไม่สนใจม็อบถูพื้นเครื่องมือแอบอ้างว่าทำงานอีก เรียวหน้าขาววอกพยายามเก๊กขรึมแต่หญิงสาวที่เป็นเป้าหมายกลับคิดว่าเขากำลังตั้งใจทำให้ขำมากกว่าจะเห็นว่าเท่
คิมเซบินเป็นใคร อีฮยอกแจไม่รู้จักหรอก แต่ถ้าสามารถทำให้เขาไปเดทกับคนน่ารักอย่างแทยอนได้ล่ะก็...จะยอมลดตัวไปดูคอนเสิร์ตของเธอก็ได้
แทยอนอ้าปากเป็นรูปตัวโอเมื่อได้ยินว่าจะเลี้ยง
“ฉันจองมาแล้วล่ะ ถ้าฮยอกแจจะไปด้วยก็รีบๆไปซื้อตั๋วนะวันนี้วันสุดท้ายแล้ว ขอบอกว่าบัตรแพงจนเดือนนี้ฉันต้องอดข้าวไปหลายอาทิตย์เลยล่ะ”
เท่านั้นล่ะ ชายหนุ่มร่างผอมก็หลุดเก๊ก มองขึ้นไปบนฟ้ากลอกตาไปรอบๆอย่างใช้ความคิด
แพง...
ดูถูกกันนี่หว่า
อีฮยอกแจน่ะหน้าตาก็ดีมากถึงมากที่สุด รสนิยมสุดจะมีไสตล์เป็นตัวของตัวเอง แต่อีฮยอกแจเป็นโรคไม่ถูกกับของแพงๆอะ ได้ยินแล้วผื่นจะขึ้น ยี้~
อีฮยอกแจไม่ได้จนนะ...อีฮยอกแจแค่เป็นหนี้เยอะไปหน่อย สิ้นเดือนทีไรต้องจ่ายค่านู่นค่านี่ไม่เหลือมาซื้อบัตรแพงๆเลี้ยงแทยอนหรอก
“ขอโทษที่เลี้ยงไม่ได้นะแทยอน ขอโทษที่หล่อแต่ไม่รวย”
คนหล่อแต่ไม่รวยจีบปากจีบคอพูด หลบหน้าหลบตาสำนึกผิดอย่างน่ารักที่ไม่ว่าใครก็คงโกรธไม่ลง
“ไม่เห็นเป็นไรเลยฮยอกแจ เงยหน้าขึ้นสิจ๊ะ ไม่โทษตัวเองนะ”
ทงเฮที่ฟังเงียบๆตั้งใจทำงานเช็ดถูโต๊ะมาตลอดการสนทนาพลันบอกกับแทยอน
“ถ้าไม่พอยังไงมายืมผมก่อนก็ได้นะครับแทยอน”
“ทงเฮใจดีที่สุดในโลก!” อีฮยอกแจตะโกน ใบหน้าสลดกลับมายิ้มร่าท่าทางดีใจเสียยิ่งกว่าหญิงสาวที่ส่งสายตาชื่นชมให้ทงเฮเสียอีก
“ขอบคุณนะทงเฮ”
รอยยิ้มอ่อนโยนกดลึกบนแก้มสีงาช้าง ก่อนเจ้าของสีผิวขาวผุดผาดจะก้มลงทำความสะอาดโต๊ะเก้าอี้ต่อ พร้อมกับคำนวณดอกเบี้ยที่จะได้รับอย่างกระหยิ่มกระหย่องใจ
เสียงประกาศของนายสถานีดังก้องชานชาลา ถึงอย่างนั้นทงเฮก็จับใจความไม่ได้เลย และไม่คิดจะหยุดตัวเองเพื่อตั้งใจฟังเนื้อหาของมันด้วย
ร่างเล็กบางกว่ามาตรฐานชายเกาหลีเดินลงบันไดด้วยระยะก้าวไม่สั้นไม่ยาว เขาไม่เหมือนอีทงเฮพนักงานหน้าหวานของร้านซีซันคาเฟทีเรียเลย ดูกระสับกระส่ายเหมือนหวาดกลัวอะไรบางอย่าง และที่สำคัญบนรูปหน้าเรียวยังปราศจากรอยยิ้มพิมพ์ใจเครื่องหมายการค้าประจำตัวของเขาอีกด้วย
ดวงตากลมใสลุกลี้ลุกลนกวาดมองไปรอบๆสถานีรถไฟ ไม่ได้เพ่งมองจุดใดเป็นพิเศษ กลุ่มคนที่กลับจากการทำงานเหมือนๆกับเขาเดินสวนกันไปมาขวักไขว่ มากมายเสียจนชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างเล็กจ้อยเป็นเพียงสิ่งไร้ค่าบนโลกนี้เพียงเท่านั้น
เขาขึ้นรถไฟสายที่ต้องการ ท่อนแขนกลมกลึงคว้าห่วงจับกำไว้หลวมๆ แววตาสับสนทอดมองไปข้างนอกหน้าต่างลดความอึดอัดในสถานที่แคบๆ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ในเมื่อสิ่งที่ผ่านสายตาก็มีแต่ตึกสูงตระหง่านตั้งเรียงรายตีล้อมกรอบให้ยิ่งรู้สึกเบียดเสียด
ไม่ช้าไม่เร็วขบวนเครื่องจักรก็เดินทางมาถึงสถานีถัดมา มีผู้คนบางส่วนลงจากรถ และมีบางส่วนที่ขึ้นมาใหม่ การเคลื่อนไหวของฝูงชนลาดเอียงสาดซัดทงเฮซวนเซ ชายหนุ่มถูกแรงดันเหวี่ยงไปชนกับร่างหนึ่ง
“ขอโทษ...”
ยังไม่ทันจะกล่าวจบ กระแสคลื่นแห่งฝูงชนก็สาดโหมกระหน่ำเข้ามาอีกครั้ง แผ่นอกบางไร้กล้ามเนื้อของทงเฮเบียดเข้ากับแผ่นอกของอีกฝ่ายอย่างไม่ได้ตั้งใจ โชคดีที่สัมผัสนั้นทำให้คนหน้าหวานรู้ว่าคนที่แทบจะหลอมรวมเป็นร่างเดียวกันนี้เป็นเพศชาย
ก็เห็น...ผมดำขลับตรงยาวเงางามระยับ เลยนึกว่าเป็นผู้หญิงเสียอีก
และคงเป็นเพราะอยู่แค่ปลายจมูก ทงเฮจึงได้กลิ่นอ่อนจางที่ไม่หอมหวานลึกซึ้งเหมือนเด็กผู้หญิงแต่ให้ความรู้สึกสดชื่นและคลายกังวลแก่เขามากกว่า
ทงเฮเป็นโรคตื่นคนง่าย ตั้งแต่เด็กๆแล้วเขาจึงหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีผู้คนเยอะๆ หากแต่ด้วยความจำเป็นเขาจึงต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ตัวเองไร้ภูมิต้านทานทุกวันทุกวัน
อย่างน้อยก็ยังรู้สึกดี...ที่ทนมาได้จนถึงบัดนี้
เขาเบี่ยงจมูกรั้นให้ชิดใกล้เพื่อรับรสกลิ่นที่ก่อให้เกิดความรู้สึกดีๆนั้นมากขึ้นอีก พลันเห็นว่าใบหูกลมขาวน่ารักที่แทรกออกมาจากกลุ่มเส้นไหมสีดำสนิทกลับแดงระเรื่อ
ไม่ได้แล้วอีทงเฮ เขาต้องคิดว่านายเป็นโรคจิตแน่ๆ เล่นไปหายใจรดต้นคอเขาแบบนั้น
คิดได้ก็รีบสะบัดหน้าหนี ด้านนั้นมีชายหนุ่มร่างยืนโหนราวอยู่ ร่างกายของเขาใหญ่โตราวกับขุนเขาที่ไม่ขยับเขยื้อนบดบังวิวทิวทัศน์ด้านนอกเสียหมด เห็นแต่ขนจั๊กกะแร้ที่โผล่แพลมมาจากแขนเสื้อชวนหดหู่ยิ่ง คนหน้าหวานเลยก้มหน้ามองรองเท้าของผู้คนแทนเสีย
ไม่คิดเลยว่าจะเห็นมือลึกลับกำลังล้วงกระเป๋าเงินออกมาจากร่างที่เขาเบียดจนคางเกยไหล่ของอีกฝ่ายแบบนี้
“ขโมย! คุณครับ! คุณโดนล้วงกระเป๋า!”
เพราะเสียงตะโกนของชายหนุ่มทำให้หัวขโมยร้อนตัวเตรียมวิ่งหนีจึงเป็นพิรุธให้คนอื่นจับสังเกตได้ พนักงานออฟฟิศชายวัยกลางคนที่น่าจะเป็นเพื่อนกันเพราะสวมชุดฟอร์มเดียวกันช่วยจับล็อคเอาไว้
ผู้คนกระจายตัวเว้นช่องว่างให้ ทงเฮจึงผละออกมาจากการเบียดเสียด คว้ามือที่เย็นจัดของเจ้าของกระเป๋าไว้
“ไม่เป็นไรนะครับ จับคนร้ายได้แล้ว”
คิ้วบางของคนหน้าหวานขมวดน้อยๆเมื่อสัมผัสได้ถึงความคุ้นเคยในร่างที่สูงกว่าเขานิดหน่อยคนนี้ ภายใต้กรอบผมยาวสยายที่ปิดคิ้วเข้มดกหนาและดวงตารูปสระอิไว้ด้านหนึ่ง คั่นกลางด้วยจมูกโด่งที่มีปลายมนดูน่ารัก และริมฝีปากอิ่มที่กำลังเผยยิ้มละมุนละไม
เจ้าเงาะป่า!!
เพราะเห็นเป็นคนพิเศษของเจ้านายคนสวย อีทงเฮจึงตัดสินใจติดตามมาช่วยเป็นพยานยืนยันกับตำรวจด้วย
ก็เจ้าเงาะป่าที่ถอดรูปทองผ่องแผ้วออกมาไม่ยอมให้ปากคำอะไรกับตำรวจเลยน่ะสิ
เปิดปากทีดอกพิกุลจะร่วงหรือไรก็ไม่รู้!!
และโดยไม่คาดคิด คิมฮีชอลวิ่งตาโตเข้ามาร่วมวงด้วย ทงเฮมองเจ้านายอย่างไม่เชื่อสายตา เขาชักเชื่อในคำพูดไร้สาระของอีฮยอกแจขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ
“คุณตำรวจครับ คือว่า...”
แววลังเลฉายชัดบนใบหน้าสวยของผู้มาใหม่ ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจเดินอ้อมโต๊ะสอบสวนเข้าไปป้องปากกระซิบข้างหูของเจ้าหน้าที่
“อ๋อ เข้าใจแล้วครับ ความจริงคุณอีทงเฮก็ยินยอมเป็นพยานเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังแล้วล่ะครับ ถ้าอย่างนั้นกรุณาเซนต์เอกสารตรงนี้แล้วกลับได้เลยครับคุณคิมคีบอม”
เจ้าหน้าที่หนุ่มใหญ่ยื่นเอกสารและติ๊กเครื่องหมายไว้ตรงจุดที่คิบอมต้องเซ็นต์ เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว คิมฮีชอลก็เดินนำทั้งคู่ออกมา
“เดือดร้อนนายไปด้วยเลย วันนี้ต้องยอมให้ฉันเลี้ยงข้าวแล้วพาไปส่งที่บ้านนะ”
พูดดักคอเพราะรู้ทันว่า ลูกจ้างหน้าหวานจะต้องตอบปฎิเสธ
“ผมกลับรถไฟก็ได้ครับคุณคิม”
นั่นไง! ซื้อหวยทำไมไม่แม่นแบบนี้วะ!
“เถอะน่า ไม่ต้องเกรงใจหรอก แป๊ปเดียวนะคีบอมอา”
หลังประโยคหันไปกางมือบอกให้คนผมยาวข้างๆที่เอาแต่ดึงชายเสื้อยิกๆช่วยรอให้เขาเจรจาสำเร็จก่อน
“ไม่เป็นไรจริงๆครับ คนของคุณคิมก็ท่าทางรีบด้วย”
ทงเฮบอกเจ้านายหน้าสวยด้วยท่าทางเซ็งๆ อีฮยอกแจบอกว่าเขาโกรธเกลียดใครไม่เป็น นั่นมันก็จริง แต่ทำไมไม่รู้ คิมคีบอมคนนี้ถึงกระตุ้นอารมณ์หมั่นไส้ของอีทงเฮจัง
แค่ให้ปากคำตำรวจมันจะถึงตายไหม!!
ส่งสายตาค้อนปะหลับปะเหลือกปานจะแล่เนื้อเถือหนังไปให้ แต่คนเคยผมฟูดูเหมือนรังนกที่วันนี้จัดระเบียบสังคมเผ้าผมจนเรียบตรงเงางามปานจะไปพรีเซนเตอร์แชมพูก็ไม่ได้หันมาเหลือบมองแต่อย่างใด เพิ่มแรงดึงจนร่างโปร่งของคนสวยส่ายไปมา ราวกับแม่ลูกที่มาเดินช้อปปิ้งด้วยกัน หากแม่เจอคนรู้จักจนต้องหยุดเมาท์เรื่องชาวบ้าน ในขณะที่ลูกชายพยายามสะกิดเร่งเร้าให้ผู้เป็นมารดาพาไปร้านของเล่นเสียทียังไงยังงั้น
“มาด้วยกันเถอะน่า ย้า~ คิมคีบอม!!” คิมฮีชอลคงจะตื๊อจนทงเฮใจอ่อน ถ้าไม่ถูกดึงแรงๆจนร่างโปร่งบางปลิวลมตรงไปที่รถเสียก่อน
คิ้วของคนถูกทิ้งขมวดมุ่น สายตายังมองไล่หลังพาหนะราคาแพงซึ่งแทบจะเหาะออกไปจากที่จอด
เรียวขาวาดผ่านอากาศเตะลมเตะแล้ง
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องหงุดหงิดขนาดนี้
เรียวปากบางพึมพัม
“ที...เอช...เอ...เอ็น...เค ...วาย...โอ...ยู”
“แต๊งกิ้ว”
“แปลว่า...”
“ขอบคุณ”
ความคิดเห็น