คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ราวกับจะเปลี่ยนโลกทั้งใบ
►2◄
✎ ราวกับจะเปลี่ยนโลกทั้งใบ
โลกหมุนเวียนเปลี่ยนองศา กาลเวลาพัดพาเอาเช้าวันใหม่เข้ามาในร้านซีซั่นคาเฟทีเรีย
คิมฮีชอลนั่งพาดช่วงขาที่ออกจะยาวกว่าคนทั่วไปไขว่ห้างวางมาดเจ้าของร้านอยู่บนโต๊ะ 3 ริมหน้าต่างโปร่งแสง รัศมีแห่งอรุณกาลย้อมเคลือบเรียวหน้านวลเนียนราวกับถ้วยกระเบื้องราคาแพงที่ใช้เสิร์ฟในคอฟฟี่ช็อปแห่งนี้
กาแฟหอมกรุ่นควันขาวคลุ้งลอยคล้อยอ้อยอิ่งอยู่ในอุ้งมือขาวนุ่มซึ่งไม่เคยยกอะไรหนักไปกว่าเครื่องดื่มหนึ่งถ้วย ท่วงท่าแสนสง่าบวกแสงเงาอันงดงามน่ามอง ทำให้เขาดูเหมือนเจ้าชายแถบยุโรปกำลังเสวยน้ำชาภายในพระราชวังส่วนตัว
และเรือนผมสีบลอนด์อ่อนของเขา ดูจะส่งเสริมการเปรียบเปรยที่ว่าเป็นอย่างดี
ความโมโหโทโสใหญ่โตเมื่อวานราวกับเป็นเรื่องโกหก คิมฮีชอลเข้ามาในร้านด้วยสีหน้าไม่แยแสต่อสิ่งใด ซึ่งนั่นนับว่าเป็นเรื่องปกติของเจ้าของร้านหน้าสวย
แต่ที่ผิดปกติน่ะ...มันกำลังจะเริ่มต้นแล้วล่ะ
“ฮีบอมมี่ เอานมสักถ้วยไหม?”
เอ่ยถามวิฬารแสนรักที่นอนขดอยู่บนขอบหน้าต่างเสียงนุ่ม
ลูกแก้วกลมโตเคลื่อนมายังหางตาปรายมองเมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง ดมกลิ่นน่าเวียนหัวของเมล็ดกาแฟบดคั่วชงสดๆในแก้วที่ยื่นมา ก่อนจะย่นคอเพราะไอร้อนของเครื่องดื่ม
...ฉันไม่กินของร้อนหรอกนะคิมฮีชอล
“รู้แล้วๆว่าไม่กินของร้อน ตกลงว่าหิวอยู่บ้างนะ”
นิ้วเรียวยาวดังลำเทียนงอเป็นรูปตะขอแล้วใช้ข้อนิ้วคลึงใต้คางของเจ้าแมวผู้เย่อเหยิ่ง ดูท่าคุณฮีบอมจะชอบให้ทำแบบนี้จึงหลับตาพริ้มและส่งเสียงกรนในลำคอเบาๆ
พนักงานชายเดินโฉบผ่านเข้ามาในคลองสายตาอย่างประจวบเหมาะ
“ลีฮยอกแจ ขอนมให้ฮีบอมมี่หน่อยสิ”
ทั้งที่ระยะทางก็ไม่ได้ไกลห่างเกินไป หากพนักงานร่างผอมกลับเดินต่อโดยไม่รับคำใดๆ สีหน้าก็ไม่เปลี่ยนเลยสักนิด
ตกลงมันได้ยินฉันสั่งไหมเนี่ย!?
เจ้าของร้านผมทองขมวดคิ้วมุ่นไม่เข้าใจความอาร์ตของพนักงานตัวพ่อในสังกัด ยกห่วงหูถ้วยกระเบื้องขึ้นจิบของเหลวหอมหวานสีน้ำตาลหม่นข้น ในขณะที่สายตาเหลือบไปเห็นพนักงานหญิงคนหนึ่ง
“คิมแทยอน ย๊า!~”
เรียกเขาทั้งที่กาแฟเต็มปาก แล้วพอลิ้นรับรสชาติผิดแปลกก็ผลักพ่นเครื่องดื่มออกมาทันที
“นี่มันอะไร!? คิมแทยอน! ไปเรียกปาร์คจองซูมาซิ!!”
การนั่งดื่มกาแฟเป็นครั้งคราวที่ร้านของฮีชอลไม่ใช่ทำเอามาดเจ้าชายหรอกนะ แต่เป็นการเช็คคุณภาพช็อตลูกค้า เพราะกาแฟเป็นเครื่องดื่มที่เอาใจยากสมกับราคาต่อถ้วยของมัน แสง อุณหภูมิ แรงดัน เครื่องชง เครื่องบด เรียกได้ว่าแทบจะทุกอย่างในชั้นบรรยากาศมีผลต่อรสชาติทั้งนั้น
บาริสต้าลักยิ้มเก๋คนนั้นคิดอะไรอยู่! กล้าดียังไงเทช็อตที่ตายจนเน่ามาให้เขาซด!
พนักงานสาวร่างเล็กยืนจ้องหน้าเจ้าของร้านนิ่ง จะเกิดอยากแปลภาษาเกาหลีเป็นภาษาเกาหลีขึ้นมาในใจก็ช่างเถอะ แต่คิมฮีชอลมั่นใจว่าแทยอนได้ยินคำสั่งเขาเต็มสองรูหูเซอร์ราวนด์ทั้งซ้ายขวา
แล้วทำไมยังไม่ไปอีกล่ะ!!
“คิมแทยอน”
ฮีชอลคำรามลอดไรฟัน ...จะทดสอบความอดทนกันหรือไง!?
ถุงใต้ตายืดออกตามแรงนิ้วดึงจนเห็นหนังตาแดงๆด้านใน ลิ้นเล็กๆแลบยาวออกมาพร้อมกับเสียงแบร่ชัดเจน ก่อนที่เรือนกายของสาวตัวจิ๋วจะสะบัดก้นกลับหลังหัน เดินกระทืบเท้าปึงปังจากไป
ย้ะ!!!!
วงตากลมโตเหมือนสัตว์เลี้ยงหน้าขนเบิกกว้างแทบจะถลนออกมาเมื่อถูกลูบคม อุณหภูมิในซีซั่นคาเฟทีเรียสูงขึ้นพรวดพราดราวกับกำลังถูกเปลวเพลิงเผาผลาญ แล้วสายฟ้าก็ฟาดผ่าลงมากลางร้านทั้งที่ไม่มีเมฆตั้งเค้าแต่อย่างใด
“อีฮยอกแจ! คิมแทยอน! ปาร์คจองซู! เรามีเรื่องต้องคุยกัน!”
ทงเฮเอียงคอมองเพื่อนร่วมงานทั้งสามที่เดินตัวลีบตามเจ้านายซึ่งกำลังทั้งวีนทั้งเหวี่ยงขึ้นไปบนออฟฟิศชั้นสอง นัยน์ตากลมกระพริบปริบๆ ก่อนจะเดินเข้าไปเก็บโต๊ะสามที่เลอะเทอะไม่เป็นท่าราวกับมีระเบิดลง
ไม่ช้าผู้ต้องหาก็เดินลงมาจากห้องสอบสวน บาริสต้าลักยิ้มเก๋ท่าทางจะโดนหนักสุดเขาเดินลูบศรีษะป้อยๆเหมือนถูกของแข็งฟาดเอา พนักงานหนุ่มร่างผอมกุมใบหูของตัวเองไว้ ส่วนพนักงานสาวร่างเล็กดูยังสุขสบายกว่าคนอื่นแต่สีหน้าซีดอย่างกับกระดาษจดออเดอร์
“อีทงเฮ คุณคิมเรียก”
อีฮยอกแจบอก มือยังไม่ยอมปล่อยหูของตัวเองราวกับว่ากลัวมันจะหายไป
“ครับ”
งานเข้าแล้วไง ทงเฮย่นจมูก ...เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภารกิจพลีชีพก่อการร้ายของพวกนี้สักหน่อย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามาสิทงเฮ”
“ขออนุญาตครับ”
ฮีชอลมองร่างบางที่เดินค่อมตัวเข้ามาอย่างนึกเอ็นดู พนักงานใหม่ของเขาคนนี้น่ะมารยาทงามกว่านางงามเกาหลีซะอีกนะ
“เรื่องลูกค้าโต๊ะ 9 เมื่อวานน่ะ”
“...ครับ”
เรื่องไอ้หัวรังนกนั่นยังไม่หมดเวรหมดกรรมกันอีกเหรอ!? ฮึ่ย!!
“ผมต้องขอประทานโทษจริงๆครับ ผมจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้นอีก”
เรือนผมสีทองซีดกระดกสะบัดตามแรงผงกศรีษะ เจ้าของร้านหน้าสวยรู้ดีว่าคนที่ต้องเอ่ยขอโทษหาใช่พนักงานหน้าหวานคนนี้
เป็นเขาเองต่างหาก...
เป็นเขาที่ห่วงใยลูกค้าคนพิเศษคนนั้นมากมายจนเกินไป
ความจริงลูกค้าหัวยุ่งไม่ได้ต้องการต่อว่าอะไรเลย แค่วานให้ฮีซอลช่วยสั่งเครื่องดื่มของโปรดที่ไม่มีในเมนูให้เท่านั้น หากเมื่อเจ้าของร้านได้โทรมาไถ่ถามได้ความว่าลูกค้าคนพิเศษมานั่งที่ร้านร่วมครึ่งชั่วโมงได้แล้ว เขาก็ปรี๊ดขึ้นมาทันที
ไม่ใช่ความผิดทงเฮเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เรื่องอะไรฮีชอลจะสาวไส้ตัวเองออกมาประจาน เขาจึงอธิบายเพียงแค่ว่า
“ลูกค้าคนนั้นเป็นลูกค้าประจำกับร้านเราตั้งแต่เปิดร้านใหม่ๆ ส่วนใหญ่เขาจะสั่งให้ไปส่งที่ห้องมากกว่า พนักงานเก่าๆในร้านเลยไม่ค่อยรู้จัก เมนูที่สั่งก็เป็นเมนูพิเศษสำหรับเขาคนเดียว”
“ผมจำหน้าเขาได้แล้วครับ คราวต่อไปจะไม่ให้พลาดเด็ดขาด”
“ดีมาก เพราะปกติพี่แชยอนที่นายมาทำงานแทนจะเป็นคนเอาออเดอร์ไปส่งให้เขา เขาไปต่างประเทศก่อนที่พี่แชยอนจะคลอด ดังนั้นเมื่อเขากลับมาแล้ว นายต้องทำหน้าที่แทนพี่แชยอนนะ”
“ครับ”
นายจ้างที่เคยร่วมงานกับทงเฮรักและเอ็นดูเขาก็ตรงนี้ล่ะ ในพจนานุกรมของชายหนุ่มตัวเล็กๆคนนี้ไม่เคยมีคำว่าไม่ให้กับผู้ว่าจ้าง ขอเพียงไม่ผิดกฎหมายและศีลธรรมอีทงเฮก็พร้อมทำตามคำสั่งทุกอย่าง
ดังนั้น ถึงจะเป็นคนที่ทงเฮรู้สึกเกลียดเข้าไส้ แต่เขาก็จะไปส่งบริการให้ถึงบ้านด้วยรอยยิ้มสดใสเหมือนที่มีให้กับลูกค้าคนอื่นๆอย่างเท่าเทียม
หยดเหงื่อซึมชื้นภายใต้ไรผมสีน้ำตาลอ่อนเส้นละเอียด ผุดพรายบนปลายจมูกรั้นที่เร่งโกยอากาศเข้าปอด เนื้อแก้มนุ่มขึ้นสีโลหิตผุดผาด ทั้งเพราะเหนื่อย ทั้งเพราะโมโหในความบอบบางราวกับหญิงสาวแช่มช้อยของตนเอง
สถานที่ก็ไม่ได้ไกลกันเท่าไร หากอีทงเฮกลับหอบแฮ่กคล้ายข้ามเขาพระสุเมรุมาก็ไม่ปาน ถึงจะขยันสักเพียงใดร่างกายที่มีข้อจำกัดนี้ก็มีร้องประท้วงโอดครวญออกมาบ้าง เรื่องแพ้แดดนี่ล่ะที่เป็นจุดอ่อนสุดๆของชายหนุ่มหน้ามนคนตัวบาง แบบว่าก็ไม่ได้พาลหรอกนะ แค่นึกโมโหเงาะป่าไฮโซที่ไม่ยอมเดินฝ่าแดดมากินที่ร้านดีๆต่างหาก
นายเงาะป่าหัวรังนก! จะฆ่ากันให้ตายหรือไง!
ตึกสูงเสียดก้อนเมฆ ใหญ่โตและสวยงามราวกับวิมานสวรรค์แห่งนี้ชายหนุ่มผ่านตาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง หากไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เข้าไปเหยียบย่ำความหรูหราจนต้องตะแคงเท้าเดินด้วยกลัวละอองฝุ่นจะเปื้อนพื้นขัดมันวับสะท้อนภาพเงาราวกับส่องกระจก
ให้ตายเถอะอีทงเฮ ถึงไม่ได้ซักรองเท้าแต่อย่างน้อยเมื่อเช้าก็น่าจะอาบน้ำนะ...
เขากระซิบกับตัวเอง
“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับครับ”
พนักงานต้อนรับร่างอวบมีสีหน้าไม่ยินดีเหมือนคำที่กล่าว เขามองกายภาพทั่วไปของทงเฮหัวจดเท้า ด้วยสายตาแบบที่ทำให้ชายหนุ่มสัญญากับตัวเองว่าต่อไปจะอาบน้ำก่อนมาทำงานทุกวัน
“เอ่อ ผมเอาของมาส่งห้อง
“ขอบัตรประชาชนเพื่อทำการลงทะเบียนและแสกนนิ้วมือครับ”
หวา...งั้นน้ำแข็งก็ง่อยตายละลายหมดสิ!
โชคดีที่ผู้จัดการเดินผ่านมาพอดี เขาเห็นทงเฮยืนอึกอักก็รีบเข้ามาไกล่เกลี่ยให้ เพราะมองขาดว่าเป็นพนักงานของร้านซีซันคาเฟทีเรียซึ่งบริหารงานโดยคิมฮีชอล หรือจะให้พูดอีกทีก็คือร้านกาแฟลูกชายเจ้าของคอนโดมิเนียมสุดหรูแห่งนี้นี่เอง
“นี่กุญแจห้อง 129 ครับ เข้าไปในห้องได้เลยนะครับไม่ต้องกดอินเตอร์โฟน”
คีย์การ์ดถูกยื่นยัดเข้าในมือพนักงานร้านกาแฟตัวบาง ที่ต่อมาโดนดุนดันขึ้นลิฟท์ไปอย่างไม่รู้เหนือใต้ ผู้จัดการกดปุ่มหมายเลขชั้นที่เขาควรจะไปให้ พอประตูเปิดทงเฮก็เดินออกมาจากลิฟท์อย่างงงๆ ผ่านบานประตูหลายชั้นที่หาเครื่องแสกนคีย์การ์ดได้โดยบังเอิญ ก่อนจะเข้าไปในห้องด้วยสภาพที่ห่างไกลจากรอยยิ้มบริการซึ่งเคยมีเสมอเมื่ออยู่ในซีซั่นคาเฟทีเรีย
“อ่า...ขอรบกวนหน่อยนะครับ จากซีซันคาเฟทีเรียครับ”
เงียบสงัด เป็นสิ่งที่บรรยายถึงทุกอย่างในห้องนี้ได้ดีที่สุด
เฟอร์นิเจอร์เรียบๆสีน้ำทะเลวางอย่างเหงาๆดูโดดเดี่ยวภายในอาณาบริเวณกว้างขวาง ไม่มีกลิ่นอายของการพักอาศัย ราวกับลูกค้าหัวยุ่งคนเมื่อวานไม่เคยมีตัวตนอยู่ในบ้านของเขาเอง
ทงเฮเดินเข้าไปด้านในอีก เขาพยายามส่งเสียงเรียกให้เจ้าของห้องรู้ตัว แต่ก็ไร้สรรพเสียงใดตอบกลับ
หากเมื่อเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจล่ะก็คนหน้าหวานจึงแว่วยินเสียงก๊อกแก๊กก๊อกแก๊กที่ประตูระเบียง ลำแสงอุ่นอ่อนเรืองรองสาดส่องล้อเล่นกับสายลมลอดเข้ามาจากช่องทางนั้น บนรอยพลิ้วปลิวของผ้าม่านบางเบาที่สั่นไหวปักตรึงเงาเค้าร่างหนึ่งยืนตระหง่านอยู่
ชายหนุ่มหัวยุ่งแก้มป่อง!
แม้จะมองจากด้านหลัง ทงเฮก็สามารถจำทรงผมที่แสนจะมีเอกลักษณ์สีดำฟูฟ่องนั้นได้ ร่างหนายืนบิขนมปังให้กับฝูงนกพิราบตัวอวบอ้วนที่ดูเชื่องชินกับเขาดี อีกมือถือหนังสือปกภาษาอังกฤษเล่มหนาแทรกนิ้วตรงหน้าที่คงจะอ่านค้างไว้ เสี้ยวหน้าด้านข้างที่แม้จะไม่ยิ้มก็ดูอ่อนโยนสะท้อนหัวใจที่ละมุนละไมออกมาทั้งหมด
พอชายหนุ่มขยับเท้าก้าวเข้าไป ราวกับจะทำลายอาณาเขตของดินแดนต้องห้ามนั้น ฝูงนกพิราบพร้อมใจกระพรือปีกโผบิน คงเหลือทิ้งไว้เพียงกลีบปีกฟองฟูบางเบาลอยละล่องหยอกเย้าเคล้าสายลมเอื่อยคล้ายกับฉากสวยงามในหนังแนวแฟนตาซีอลังการงานสร้าง
วงหน้าเนียนอิ่มตวัดหันมามองผู้มาเยือน ผิวสีน้ำผึ้งอาบแสงจ้าของพระอาทิตย์เปล่งรัศมีเรืองรองดุจไพลินเลอค่า รูปคางคมคายและบริเวณเหนือริมฝีปากเกลี้ยงใสเนียนเกลา ป่าดงดิบที่เคยขึ้นรกครึ้มคงถูกแผ้วถางไปเมื่อเช้า ที่เคยคิดว่าคนๆนี้โกนหนวดเคราแล้วเข้าเค้าโกดมีนัม ตอนนี้ทงเฮรู้แล้วว่าเมื่อหมดงานร้านกาแฟเขาคงพอจะไปสมัครเป็นแมวมองตาแหลมได้สบาย
“toffee nut late decaf double syrup จากซีซั่นคาเฟทีเรียครับ”
รอยยิ้มบริการฉีกกว้าง หากความเกลียดอย่างไรก็ยังคงเกลียดอย่างนั้น
ดวงตาคมเรียวยังจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากบางซึ่งพูดจาแย้มยิ้มเหมือนเมื่อวาน เขาทำสีหน้าเหมือนกับไม่เข้าใจสิ่งที่ทงเฮพูด
เฮ้ๆ ฉันจำหน้าเจ้าคนที่ทำให้ฉันโดนคุณคิมด่าได้หรอกน่า อย่ามาทำไขสือว่าฉันส่งผิดห้องนะ เจ้าเงาะป่า
“ออเดอร์ที่สั่งครับ”
คราวนี้ไม่พูดเปล่า จับมือข้างที่ไม่ได้ถือหนังสือมารับเครื่องดื่มเย็นฉ่ำไปถือไว้
ร่างหนายกขึ้นจรดริมฝีปากละเลียดจิบ นัยน์ตายังสะท้อนกลีบปากฉ่ำราวแอปเปิ้ลสุกของพนักงานร้านกาแฟ จ้องมองคล้ายกับไม่รู้จักอิ่มไม่รู้จักพอ
ลำคอของเขาขยับขณะกลืนกินกาแฟรสเยี่ยม ก่อนจะวางมันไว้บนโต๊ะ แล้วเปิดหนังสือเล่มหนานั้นยื่นมาเบื้องหน้าคนตัวเล็ก ชี้นิ้วไปยังคำศัพท์ที่ต้องการ
‘thank you’
ถึงจะสอบตกวิชาภาษาต่างประเทศแต่ทงเฮก็เข้าใจความหมายของถ้อยคำนี้
“แต๊ง...กิ้ว... ขอบ...คุณ...”
ดวงตาที่ยังหลุบต่ำมองการขยับไหวของริมฝีปากทงเฮเปลี่ยนเป็นหยีโค้ง รอยยิ้มก่อร่างสร้างตัวขึ้นช้าๆจนเห็นแนวฟันเรียงแถวสีขาวสะอาดน่ามอง
เขายิ้มแล้ว...
รอยยิ้มของเขาราวกับจะเปลี่ยนโลกไปทั้งใบ!
ความคิดเห็น