คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [สวนด] คชาเกย์
แพขนตาขยับกระพรือเปิดปิดอยู่สองสามครั้ง เปลือกตาบางจนเห็นเส้นเลือดพลันเบิกเผยลูกแก้วกลมสีคาราเมลซึ่งค่อยๆกลิ้งไปที่หางตาด้านขวา
เหยดดดด
เศรษฐพงษ์ พอเพียงตื่นขึ้นมาในตอนเช้าและพบว่าร่างกายซีกขวาของเขาถูกรูมเมทร่างเล็กก่ายทับลงมาทั้งตัว
เฮ้ย ไอ้หน้าเดียว ถึงมึงจะตัวกะจิ๊ดแค่ไหน กูก็หนักโว้ย
“ชา”
“คชา!”
“ไอ้สัดเป็ดชา!!!!”
ไม่มีประโยชน์ นนทนันต์เพื่อนร่วมห้องของเขาคนนี้ขี้เซาขนาดไหนก็รู้อยู่เต็มอก ทุกวันต้องรอจนเขาอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยโน่นแหละมันถึงจะแหกขี้ตาลุกออกมาจากเตียงได้
เรือนกายขาวสว่างอย่างกับข้างในใส่หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ไว้พยายามดีดดิ้นลอดวงแขนที่โอบล้อม มือใหญ่ก็เพียรแงะแขนขาที่กักขังหน่วงเหนี่ยวเขาเอาไว้ แต่ก็ไร้ผล แหม ถ้ากูรู้ว่ามึงมือกาวเชี่ยๆแบบนี้ กูเอามึงไปเป็นมือโกล์ทีมฟุตบอลกูไปนานแล้ว
สุดท้ายก็ขอหยาบคายกับเพื่อนหน่อย เอาตีนยันแม่ง คิ้วบางๆของคนตัวเล็กขมวดมุ่นเหมือนจะเริ่มรู้สึกตัว ปากแดงๆพึมพำเสียงห้วน “ไอ้เต๋า กูจะนอน!”
“มึงจะนอนก็นอนไปดิ๊ มึงจะมารวมร่างกับกูทำไมเล๊า คนนะเว้ยไม่ใช่เบ็นเท็น”
แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นความดันโลหิตต่ำหงุดหงิดตอนเช้าง่ายๆอย่างกับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน แต่ด้วยความปากไวกับสันดานขี้แกล้ง ทำให้เศรษฐพงษ์หลุดปากโต้ตอบไปอย่างนั้น
พลันคนที่คิดว่าจะต้องโมโหพ่นไฟใส่เขากลับลืมตาโพลงแล้วรีบถดตัวออกห่าง ท่าทางกระต่ายตื่นตูมแบบนั้นราวกับจะมีหูยาวๆกับหางปุยๆโผล่ออกมา
เศรษฐพงษ์เหยียดยิ้มร้าย “ทำไม กอดกูแล้วแข็งรึไง?”
นนทนันต์ตาเบิกโพลง ใบหน้าเล็กๆทาทาบด้วยสีแดงกุหลาบ
ปฏิกิริยานอกเหนือความคาดหมายของรูมเมทสร้างความประหลาดใจให้เศรษฐพงษ์นัก ถึงแม้ร่างเล็กจะนิ่งเงียบจนได้ฉายาจากเพื่อนๆว่าไอ้หน้าเดียว แต่ก็ไม่ได้ถึงกับไม่ตอบโต้ เวลาถูกเขาว่า นนทนันต์ก็ปล่อยหมาในปากมางับให้เจ็บแสบบ่อยๆเหมือนกัน แล้วนี่อะไร? ท่าทีแบบนี้ของเพื่อนตัวเล็กมันหมายความว่ายังไง?
ชายหนุ่มกระโดดไปตะครุบเพื่อนอย่างรวดเร็ว มือหยาบกร้านไล้ผ่านหน้าขาของอีกฝ่ายอย่างจงใจ “แข็งจริงๆด้วยว่ะ”
“คชา เกย์” ล้อเลียนทั้งที่ก็เข้าใจในกลไกธรรมชาติของชายหนุ่มวัยรุ่นสุขภาพดีอย่างพวกเขาสองคนดี ว่าน้องชายของตัวเองน่ะมันตื่นเช้ากว่าเจ้าของซะอีก
“เอาไงให้กูช่วยไหม” ยักคิ้วทำหน้าทะเล้นใส่ ก็แกล้งๆเหมือนทุกทีแหละ ทำไงได้ ไอ้สัดเป็ดหน้าเดียวมันน่าแกล้งนี่หว่า
คนหน้าเดียวเหวี่ยงกำปั้นเล็กๆซัดที่เข้าเบ้าตาคนช่างแกล้งดังผลัวะ!~
“ไอ้ชา มึงต่อยกูทำไมวะ!!” ทั้งเจ็บทั้งโมโห แต่ก็ไร้ความคิดที่จะชกกลับ
นนทนันต์ไม่ตอบ ไม่เหลือบมองแม้หางตา เดินเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งเศรษฐพงษ์ไว้กับดวงตาช้ำเขียวเป็นวง
“เคี้ยก~ก~” วัชรกาญจน์หัวเราะเสียงแหลมอย่างกับลูกลิง มือเรียวแบบนักดนตรีชี้หน้าสว่างใสของรุ่นพี่ที่บัดนี้มีผ้าก๊อซปิดดวงตาสีคาราเมลไว้ข้างหนึ่งอย่างไม่เกรงใจ น้ำลายเป็นฟองฟอดพ่นลอดเหล็กดัดฟันออกมาอย่างน่ารังเกียจ
เศรษฐพงษ์อยากจะเอาข้าวของที่หอบมาทุ่มใส่หน้าสิวๆของเจ้ารุ่นน้องตัวแสบนัก แต่ในเมื่อตกลงใจว่าวันนี้จะมาอาศัยพึ่งใบบุญขอนอนค้างสักคืนสองคืนเพราะเหม็นขี้หน้ารูมเมทตัวเองจึงจำใจอดทนไว้
“แกไปทำอีท่าไหนวะ น้องคุมิโกะถึงเหวี่ยงจนตาแตกแบบนี้” ธนษิตที่โตกว่า เก็บอารมณ์ได้ดีกว่า เพียงโปรยยิ้มที่มุมปาก ไต่ถามความเป็นมาเป็นไป หากประกายตาที่พราวพร่างราวกับทะเลดาวเวลาพูดถึงรูมเมทตัวเล็กของเศรษฐพงษ์ ทำให้ใครบางคนที่นั่งข้างๆเริ่มเกิดอาการฮึดฮัดฟึดฟัดอย่างกับหมีขาดน้ำผึ้ง เดินกระทืบเท้าปึงปังกลับห้องของตัวเองไป
“ก็ท่ามิชชันนารีบางทีก็ออนท็อปนี่ล่ะ” เศรษฐพงษ์ตอบกวนๆ ด้วยนึกรู้ว่าถึงเล่าอะไรออกไป คนที่ธนษิตเข้าข้างก็คือไอ้หน้าเดียวที่หมอนี่เอ็นดูอย่างกับลูกสาวคนสุดท้องอยู่ดี
ธนษิตค้อนขวับ ก่อนจะสะบัดตัวเดินตามรูมเมทโตแต่ตัวที่งอนตุ๊บป่องไปแล้ว เรียวหน้าคมคายครุ่นคิดว่าจะทำไงให้อีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองนั่นแหละที่สำคัญกับเขาที่สุด
“มันงอนกันอย่างกับคู่ผัวตัวเมียเลยวุ้ย” คนตัวขาวไม่ลืมแซวไล่หลัง
วัชรกาญจน์ได้ที แซวเป็นสำเนียงอีสานบ้าง “ว่าแต่ผู้อื่น เจ้าของก็ถูกเมียบ่ให้เข้าบ้านคือกันแหละอ้าย”
“บ่แม่นๆ เฮาบ่อยากกลับซื่อๆ ป่านนี้บักหน้าเดียวต้องนั่งเฮ็ดหน้าหมาเหงา คิดถึงเฮาดอกสู”
“ป๊าดดด สั่นติ๊” รุ่นน้องทำเสียงสูงอย่างไม่เชื่อถือ
เศรษฐพงษ์แลบลิ้นเพราะทนในความขี้โม้ของตัวเองไม่ไหวเหมือนกัน ทั้งคู่หัวเราะฮ่าๆ ก่อนที่รุ่นพี่ตัวขาวจะแยกออกมาเข้าห้องน้ำ เสียงซู่ของฝักบัวถูกคั่นด้วยเสียงก๊อกแก๊กเหมือนรุ่นน้องกำลังเตรียมจานชามในมื้ออาหารเย็นอยู่ ทำให้ชายหนุ่มคิดว่าไม่เลวเท่าไรนักที่มาค้างที่นี่ เพราะปกติมีแต่นนทนันต์ที่เป็นคนจัดโต๊ะอาหารจนเศรษฐพงษ์ง่อยแดก ให้ทำก็ทำอะไรไม่เป็นแม้แต่กดไมโครเวฟแล้วตอนนี้
ชายหนุ่มเลือกเสื้อยืดคอกลมสีเขียวกับกางเกงขาสั้นลายสก๊อตมาสวม ไม่ลืมพันผ้าพันคอกันหนาวเพราะเขาเป็นพวกกระหม่อมบาง ปล่อยเนื้อปล่อยตัวเมื่อไรหวัดลงคอเมื่อนั้น แต่งตัวเสร็จสรรพก็เดินมาหย่อนก้นลงบนโต๊ะอาหารที่.......
ว่างเปล่า!?
“เฮ้ย เฟรม ข้าวเย็นกูล่ะ”
วัชรกาญจน์ตะโกนออกมาจากห้องน้ำ “มีเกี๊ยวกุ้งอยู่ในตู้เย็นอ้ะพี่ เอาออกมาเวฟดิ”
เหี้ย กูทำไม่เป็นเว้ย
“อยู่กันสองคนแต่ทำกินคนเดียว ไอ้เด็กเวร” เศรษฐพงษ์บ่นเสียงดังจงใจให้ได้ยิน
“อ้าว โทษครับพี่ พอดีผมอยู่กับไอ้ไทด์ต่างคนต่างทำกินเอง มีมือมีตีนเหมือนกันไงครับ ไม่ได้พิการแขนขาขาดต้องให้ใครหาข้าวหาน้ำใส่ปากให้”
“ไอ้เฟรม!”
“คร้าบบบ เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จ กะปอมน้อยทำให้คร้าบบบ”
แม่ง เดี๊ยะปั๊ดโบก หน้าที่ไม่รู้จักรึไงหน้าที่ คชามันยังทำให้ทุกสามมื้อไม่เห็นมันเคยจะค่อนแคะว่ากูอัมพาตแดกเลย
วัชรกาญจน์ที่ตัวเปียกม่อล่อกม่อแลกรีบวิ่งมาเวฟอาหารให้รุ่นพี่ และไม่วายจะค่อนขอด “เมียพี่เลี้ยงดีเนาะ”
“อยู่แล้ว ไอ้ชามันรู้หน้าที่เว้ย”
“หน้าที่เมีย?”
เศรษฐพงษ์เริ่มจะฉุน รู้ว่าล้อเล่น แต่ไม่อยากให้รุ่นน้องมาลามปามรูมเมทมากกว่านี้ “พอแล้วเว่ย อย่าเรื้อนใส่เพื่อนกูมาก”
รุ่นน้องจอมกวนแค่นหัวเราะ “เหอะ เพื่อนกันไม่ทำกันแบบนี้หรอกพี่”
เศรษฐพงษ์พูดไม่ออก แม้จะไม่รู้ว่าวัชรกาญจน์หมายความถึงแผลช้ำที่เบ้าตา หรือว่าการกระทำเอาใจใส่ของนนทนันต์ เขาก็รู้สึกว่าความเป็นเพื่อนของเขากับรูมเมทเริ่มมีอะไรไม่ชอบมาพากล
เช้าวันต่อมา เศรษฐพงษ์ตื่นเช้าเช่นเคย เรือนกายขาวสว่างลุกขึ้นมาทำตาปรือ สูดน้ำมูกฟืดฟาด เพราะผ้าห่มที่ควรจะให้ความอบอุ่นยามกลางคืนกลับกองอยู่บนพื้นปลายเตียง
ห่านเอ๊ยยย ทำไมคชาไม่ห่มผ้าให้วะ
หันหน้าตาคมคายหมดจดกะจะว่ารูมเมทสักคำสองคำ แต่วงหน้าเล็กราวกับเด็กผู้หญิงกลับเปลี่ยนไปเป็นผิวหน้าตะปุ่มตะป่ำของรุ่นน้องลูกอีสานแทน
เออเฮ้ย กูอยู่กับบักหอยน้ำเฟรมนี่หว่า
“เฟรม” ปลุกไม่ได้ทะนุถนอมเหมือนปลุกรูมเมท เศรษฐพงษ์คิดว่ารุ่นน้องทนมือทนเท้าได้ดีกว่าร่างเล็กๆของนนทนันต์มาก
“ไทด์ อีกสิบนาที”
“ด๊ายยย” รุ่นพี่ตอบเสียงโหด มือใหญ่ล้วงเข้าไปคว้าน้องชายขนาดพอดีมือของวัชรกาญจน์หมับ
“โอ๊ย!~” เสียงทุ้มครางพร่า ตากลมถลนลืมตื่นเต็มตา ถีบเตะแขนลามกของรุ่พี่พัลวัน “โหยยย พี่เต๋า เล่นเชี่ยอะไรวะเนี่ย!”
“เฟรมเกย์แม่ง”
“พี่เต๋าดิเกย์ คิดไรกะผมป๊ะเนี่ย”
“ก็มึงแข็งใส่กู”
“หูยพี่ ไม่แข็งตอนเช้าก็เสื่อมสิคร้าบบบ บ้าแล่ว”
เศรษฐพงษ์ไม่เล่นอีก วัชรกาญจน์มีท่าทีที่ถือว่าปกติธรรมดาสำหรับเขา เช้าของเมื่อวานเหตุการณ์มันควรจะเป็นเช่นนี้ แล้วทำไมผลสุดท้ายกลายเป็นว่าเขาต้องเป็นไอ้บอดแบบนี้กันล่ะ
“แล้วไอ้ชามันต่อยกูทำไมวะ?”
“หืมม์” รุ่นน้องที่กำลังจะลุกไปทำธุระส่วนตัว รีบเดินปรี่กลับมาฟังสาเหตุที่รุ่นพี่หน้าขาวต้องระเห็จมานอนหนาวอยู่ที่นี่ “ทำไมเหรอพี่ พี่ไปจับหนอนชาเขียวไง๊”
“เออ แล้วรู้อะไรไหม ไอ้หน้าเดียวเสือกหน้าแดงเว้ย สัดเป็ด พอกูว่ามันเป็นเกย์ มันก็ซัดเข้านี่ ตู้มมม วิ่งไปหาหมอหางจุกตูดเลยกู”
“แล่วแล่วแล่วแล่ว~” วัชรกาญจน์ทำหน้าเจ้าเล่ห์ หน้าตาแบบที่เศรษฐพงษ์รู้ดีว่ารุ่นน้องมักจะทำยามที่กำลังเล่าหรือฟังเรื่องลามกในวงเหล้า สายตารู้ดีแบบนั้นทำให้เขาคันตีนแบบไม่มีสาเหตุ
“ไปหาไรมาให้กูแดกเลย ก่อนที่มึงจะได้แดกตีนกู”
“คร้าบบบ” รับคำแบบไม่ถือโกรธ สมเพชรุ่นพี่ที่ดีแต่ปาก หากขาดความละเอียดลออในเรื่องของหัวใจ
“อย่าเอาจืดๆเหมือนเมื่อวานนะเว่ย เกลือน่ะมีมั๊ย น้ำปลาพริกอ่ะใส่มาเยอะๆ”
สักครู่หนึ่ง วัชรกาญจน์ก็เอาอาหารมาเสิร์ฟให้ เขาเติมเครื่องปรุงอย่างที่รุ่นพี่บอก แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ถูกใจคนตัวขาวจึงได้เหยาะใส่เพิ่มอีก
“เค็มชิบหาย” สบถดังลั่นเมื่อตักมาชิม แม่ง กินเข้าไปคำเดียว รู้สึกว่าไตป่วยเลยล่ะ
“ใครจะไปทำให้ได้วะ ใครจะกินข้าวด้วยได้วะ”
“คชาไง”
“ยอมมม” วัชรกาญจน์แบมือยอมแพ้ เขาลงไปหาซื้ออะไรอย่างอื่นมากินดีกว่าตกถังโซเดียมคลอไรต์ร่วมกับรุ่นพี่กินเค็มจัดคนนี้ “ยอมพี่คชาเลยว่ะ ทนพี่เต๋าได้ไงเนี่ยะ”
“จะไปไหนน่ะ”
“ไปตลาดครับ กินกับพี่เต๋าไม่ไหวจริงๆ”
“ก่อนไปก็หายาแก้แพ้ให้หน่อย จะกินหลังอาหาร” เศรษฐพงษ์บอกพร้อมกับสั่งน้ำมูกลงบนกระดาษชำระ
“ไม่มีอะครับ มีแต่ยาพารา” ใครเขาจะพกยาแก้แพ้วะ
“เซ็งว่ะ บ้านไหนเขาก็มีติดบ้านเว้ย ยาสามัญประจำบ้านน่ะ”
“ไม่มีพี่ ไม่เชื่อลองไปดูห้องพี่ต้นเลย อย่างมากนอกจากพาราก็แอนตาซิล ถ้าไม่ใช่คนที่เป็นภูมิแพ้หรือน้ำมูกไหลบ่อยๆจะไปพกติดตัวได้ไง”
“คชายังมีเลย” พูดเองแล้วก็อ้าปากหวอเหมือนนึกอะไรขึ้นได้
เท่าที่เคยเห็นคชาไม่ได้เป็นภูมิแพ้
เท่าที่เคยเป็นคชาไม่เคยไอจามคัดจมูกน้ำมูกไหลเลยสักครั้ง
วัชรกาญจน์วาดยิ้ม ตอนแรกคิดว่าจะซื้อยาลดน้ำมูกมาฝาก แต่คงไม่ต้องแล้วมั้ง ร่างโปร่งหยิบกุญแจห้องใส่กระเป๋า “พี่เต๋า ถ้าจะไปไหนก็ล็อคประตูเลยนะ ผมเอากุญแจไปแล้ว”
โครงหน้าขาวสว่างมีรอยริ้วแดงพาดไปถึงหู รุ่นน้องหัวเราะคิกคัก เมื่อรุ่นพี่นั่งเขินอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้าอย่างนั้น นึกอะไรออกแล้วสิพี่ต๋าววว
ร่างสูงโปร่งไขกุญแจเข้าไปในห้องของตัวเอง นนทนันต์นั่งอยู่หน้าอิเล็กโทน เสียงเพลงเหงาๆเศร้าๆแสดงความรู้สึกได้ดีกว่าใบหน้าที่มีแบบเดียวของเขา
เมื่อรูมเมทเข้ามาก็ไม่ได้มีทีท่าว่าดีใจ หากเมื่อเศรษฐพงษ์สังเกตดีๆแล้วเขาก็มั่นใจว่าหัวคิ้วที่ขมวดเกร็งนั้นผ่อนคลายลงมากทีเดียว
สิ่งยืนยันที่บอกว่าชายหนุ่มไม่ได้คิดไปเอง เพื่อนร่วมห้องคนนี้ใส่ใจเขา ห่วงใยเขามากจริงๆ
แต่คนปากหนักนิสัยเสียก็ไม่คิดจะพูดอะไรออกไป เขาวางกระเป๋าลงและเดินไปค้นชั้นวางของหายาแก้แพ้ ทว่า จะหาเท่าใดก็หาไม่เจอ แน่ล่ะ เคยหยิบเองซะที่ไหน จะรู้ได้ไงว่ายามันอยู่ที่ใด จนกระทั่ง คนหน้าเดียวหยุดเล่นอิเล็กโทนและเดินไปเอามาให้พร้อมน้ำหนึ่งแก้วนั่นแหละ ถึงมีบุญได้กินซักที
นนทนันต์มองเพื่อนร่วมห้องที่ล้มตัวลงนอนบนโซฟาด้านหน้าด้วยแววตาไร้ความรู้สึก ทว่า เสียงเพลงใสกังวานดังกับกล่องดนตรีที่บรรเลงนั้นบ่งบอกออกมาว่า เขาอยากจะกล่อมเพื่อนตัวขาวให้หลับสบาย
“ชา” เสียงเรียกชื่อสั้นๆ แต่มีความหมายเรื่อยมาของอีกฝ่าย ทำให้นิ้วเล็กๆสั่นไหวแทบจะกดผิดคีย์
แต่คนหน้าเดียวก็ยังตอบห้วนๆ “อะไร”
“ถ้าพี่จะไปขอไปขอพ่อเจ้าว่ายังไง?”
“ห๊ะ” นนทนันต์แทบตกจากเก้าอี้ อะไรของเมิ๊งงง “เชี่ยไร”
“บ้านกูขาดคนล้างจานว่ะ เลยอยากให้มึงไปล้าง”
“ตลกแดก เพื่อนเล่น?”
“ไม่ใช่” เศรษฐพงษ์บอกเสียงแข็ง
“ไม่ใช่เพื่อน” ร่างสูงขาวลุกขึ้นยืนและเดินมาหยุดตรงหน้าอิเล็กโทน
“แต่เป็น.......” ใบหน้าสว่างโน้มลงมาใกล้ จนปลายจมูกติดกับใบหูแดงๆของคนหน้าเดียว
“at love” นิ้วเรียวถูกยกจากคีย์บอร์ด เพื่อบรรจงสวมแหวนคู่ที่เขาตั้งใจซื้อมาให้ เศรษฐพงษ์ที่เคยเป็นเหมือนหูดส้นเท้าที่ไร้ความรู้สึก วันนี้เขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว หวังแต่นนทนันต์จะให้อภัยในความผิดพลาดและยังคงมีความรู้สึกดีๆกับเขาเช่นเคย
ใบหน้าเล็กที่ขึ้นสีเงยหน้าขึ้นสบดวงตาหวานฉ่ำของอดีตเพื่อนร่วมห้องควบตำแหน่งว่าที่เจ้าของหัวใจ
“ตุ๊ดต๋าววว”
“ตุ๊ดแล้วรักป๊ะล่ะ”
“เรื่อง” ยื่นปากแง่งอน พูดจาน้ำเสียงห้วนๆ ปราศจากซึ่งความหวานใดๆ แต่เศรษฐพงษ์ก็พอใจสิ่งที่คนหน้าเดียวคนนี้เป็น แค่มองให้ชัดเจนจะพบว่านนทนันต์ให้ความสำคัญกับเขามากเพียงใด
จมูกโด่งขโมยฉกความหอมจากพวงแก้มนวล มือซุกซนตบลงตรงที่เดิมอย่างเคยมือ
“แข็งยั๊ง”
“ไอ้ต๋าววว!!!!”
ผลัวะ!~ ตาที่เพิ่งจะเปิดผ้าออกโดนซัดซ้ำตรงรอยเดิม และเศรษฐพงษ์ก็กลายเป็นไอ้ตาเดียวเข้าคู่กับคนหน้าเดียวต่อไป
จบเห๊อะ = [ ] =
FARRY' 25
ความคิดเห็น